header



จังหวัดอะไรเอ่ย...ที่มีน้ำตกสวย ๆ หลายแห่ง  มีโรงพยาบาลที่รักษาโรคด้วยสมุนไพร ขนาดใหญ่มาก  มีพิพิธภัณฑ์ที่มีของเก่าโดยเฉพาะตะเกียงเจ้าพายุนับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น  

แถมยังมีมีแกลอรี่ดอกไม้ที่สวยงามสุด  มีตลาดข้างทางที่มีผักพื้นบ้านสดๆ ให้เราช๊อปปิ้งมากมาย  ที่สำคัญมีผักกระเฉดแบบที่ไม่มีนมและไม่มีใบด้วยอ่ะค่า .....  เฉลยดีกว่า จังหวัดที่ว่าก็คือ  ปราจีนบุรี นั่นเองนะคะ ^_^ 

ปราจีนบุรี  แต่เดิมเรียกกันว่า จังหวัดปราจิณบุรีนะคะ  (พิมก็เพิ่งรู้เลย)  ......  ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก มีการค้นพบซากโบราณสถานต่าง ๆ มากมาย แล้วก็ยังมีแหล่งท่องเที่ียวทางธรรมชาติอีกหลายแห่ง  มีอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในเขตมรดกโลกอีก 3 อุทยาน  แถมยังมีผักกระเฉดที่ไม่มีนม และไม่มีใบ เรียกกันว่า ผักกระเฉดชะลูดน้ำ .. อีกด้วยค่ะ ^_^

วันนี้พิมก็เลยจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวปราจีนบุรีกันนะคะ รับรองว่าทั้งสนุก อิ่ม และอร่อย ไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ ที่พิมเคยพาไปเลยอ่ะค่ะ ...... ยังไงถ้าพร้อมแล้ว เก็บกระเป๋าขึ้นรถตามพิมมาเลยนะคะ 

pracheenburi 1 001

ทริปปราจีนบุรีทริปนี้ ตอนแรกพิมแพลนเอาไว้ว่าจะไป 3 วันค่ะ คือวันแรกกะว่าจะไปเที่ยวแถวอำเภอศรีมโหสถ กับอำเภอศรีมหาโพธิ์ก่อน  แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยไปที่อำเภอเมืองและอำเภอประจันตคาม    ส่วนวันสุดท้ายก็ไปที่อำเภอนาดีและกบินทร์บุรีนะคะ .... แต่ปรากฎว่าพอใกล้ถึงวันที่พิมจะไปจริง ๆ โฮมสเตย์ที่พิมติดต่อไว้เพื่อจะไปพักและไปเที่ยวชมในวันที่ 1 กับวันที่ 2  เค้าติดรับทัวร์อื่นซะแล้ว  แถมยังติดยาวเกือบสองเดือน   พิมก็เลยต้องยกเลิกโปรแกรมโฮมสเตย์ไป  และปรับวันไปเที่ยวเป็น 2 วันแทนอ่ะค่ะ   

ซึ่ง 2 วันนี้เนี่ย พิมก็แพลนเอาไว้ว่าวันแรกพิมจะไปเที่ยวแบบชิวๆ  ก่อนนะคะ  ประมาณว่าออกจากบ้านไปชมต้นโพธิ์ใหญ่ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ก่อน  แล้วก็ไปหาอะไรอร่อย ๆ แนวสมุนไพรกิน (เพราะปราจีนบุรีได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งสมุนไพรอ่ะค่ะ)   จากนั้นก็จะไปช๊อปปิ้งแบบสวย ๆ  ที่ตลาดผลไม้หนองชะอมนะคะ   ตามด้วยไปนวดคลายปวยเมื่อยพร้อมช๊อปปิ้งพวกผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างแชมพู สบู่ ครีมำรุงผิวที่ รพ. อภัยภูเบศร  จากนั้นก้็ไปต่อที่พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ  พิพิธภัณฑ์ของเก่าที่มีของเก่านับเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเลยอ่ะค่ะ  สุดท้ายก็จะไปกินมื้อเย็นที่ร้านชมชล ร้านอาหารริมน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ รพ. อภัยภูเบศร ก่อนจะไปอาบน้ำอาบท่าและพักผ่อนที่โรงแรมสันติสุข เพลสนะคะ 

ส่วนวันที่สอง พิมก็กะว่าจะตื่นให้เช้านิ๊ดดดนึง แล้วไปหาต้มเลือดหมูกับข้าวมันไก่อร่อย ๆ กินที่ร้าน ก. ก้าวหน้าอ่ะค่ะ (จริง ๆ อยากกินอาหารพื้นถิ่นมากกว่า แต่เช้า ๆ ไม่มีใครค่อยทำขายนะคะ)  จากนั้นก็จะไปดูดอกไม้สวย ๆ ที่ดาษดาแกลอรี่อ่ะค่ะ  และพอดูดอกไม้จบก็จะไปเล่นน้ำตกกันแบบชิว ๆ กะคุณสามีสองคนที่น้ำตกตะคร้อนะคะ  (ได้ข่าวว่าน้ำตกที่นี่สวยมากกก)   แล้วก็จะไปหาอาหารกลางวันอร่อย ๆ กินที่ร้านครัวบ้านเนินน้ำ ซึ่งมีเมนูเด็ดคือผัดผักกระเฉดชะลูดน้ำอ่ะค่ะ    สุดท้ายก็จะไปแถว ๆ บ้านโง้ง  ไปดูผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ที่ชาวบ้านเค้าทำขาย เผื่อได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปฝากแม่บ้าง  .....  ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ อ่ะค่า  ^__^ 

pracheenburi 1 002

ทริปนี้ของพิมเกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณวันที่ 20 กว่า ๆ ของเดือนสิงหาที่ผ่านมานะคะ  หลังจากอาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พิมกับคุณสามีก็ออกเดินทางจากบ้าน แล้วตรงดิ่งไปปราจีนบุรีเลยอ่ะค่ะ

จุดหมายแรกของพิม อยู่ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ซึ่งอยู่ในเส้นทางที่จะพิมจะเดินทางเข้าไปยังปราจีนบุรีพอดีเลยนะคะ  ^__^ 

09

pracheenburi 1 000

พูดถึงจังหวัดปราจีนบุรีแล้ว  หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าสัญลักษณ์ของจัุงหวัดปราจีนบุรีก็คือ ต้นโพธิ์ ที่อยู่ในบริเวณวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์อ่ะค่ะ 

โดยต้นโพธิ์ที่อยู่ในวัดศรีมหาโพธิแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นต้นโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยเลยนะคะ  เพราะมีอายุกว่า 2000 ปีแล้วอ่ะค่ะ โดยต้นโพธิ์ต้นนี้เนี่ย สมัยที่ขอมยังเรืองอำนาจ เจ้าเมืองศรีมโหสถในสมัยนี้ ท่านได้ส่งคณะฑุตไปขอกิ่งต้นโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ พระพุทธเจ้าตรงตัสรู้นะคะ   แล้วก็นำกิ่งโพธิ์กิ่งนั้นเนี่ยมาปลูกที่วัดแห่งนี้ และให้ชื่อวัดว่าวัดต้นโพธฺ์ศรีมหาโพธิ์อ่ะค่ะ  ^_^

pracheenburi 1 006

pracheenburi 1 007

pracheenburi 1 008

pracheenburi 1 0000

pracheenburi 1 009

จากวัดต้นโพธิ์ จุดหมายถัดไปของพิมก็คือ ชมรอยพระพุทธบาทที่โบราณสถานสระมรกตนะคะ    ซึ่งอยู่ห่างจากวัดต้นโพธิ์ไปแค่ประมาณ 10 นาทีกว่า ๆ เท่านั้นเองค่ะ

โบราณสถานสระมรกต เป็นโบราณสถานสมัยยุคทวาราวดีและยุคขอมที่คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นประมาณปี  พ.ศ. 1400-1800 นะคะ     โดยจุดที่น่าสนใจมากๆ  และพิมว่าไม่ควรพลาดที่จะไปชมเลยก็คือ "รอยพระพุทธบาทคู่”  ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอ่ะค่ะ

pracheenburi 1 011

pracheenburi 1 012

รอยพระพุทธบาทคู่แห่งนี้เป็นรอยรูปสลักในพื้นหินศิลาแลงธรรมชาตินะคะ   โดยรูปสลักจะมีรูปร่างคล้ายรอยเท้ามนุษย์ แต่มีขนาดใหญ่มาก  ก็เลยมีความเชื่อกันว่านี่คือรอยพระพุทธบาตรอ่ะค่ะ   ซึ่งชาวบ้านในบริเวณนี้รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่น ต่างให้ความเคารพศรัทธารอยพระพุทธบาตรคู่แห่งนี้มาก จึงทำให้แต่ละวันมีผู้คนเข้ามากราบได้รอยพระพุทธบาตรแห่งนี้เป็นจำนวนมากนะคะ  ^_^ 

 

pracheenburi 1 013

pracheenburi 1 014

จากรอยพระพุทธบาตรคู่ ตอนแรกพิมกะว่าจะขับรถไปยังตลาดหนองชะอมก่อน กะว่าจะไปหาซื้อผักผลไม้แบบชิวๆ เพราะได้ข่าวมาว่าที่นั่นมีผักสดผลไม้สดขายเยอะแยะอ่ะค่ะ    แต่เผอิญระหว่างทางคุณสามีเกิดรู้สึกหิวขึ้นมา  (สงสัยเมื่อเช้า ข้าวมันไก่ที่ร้านหน้าบ้านจะไม่ค่อยถูกปาก  -*-)   ก็เลยชวนกันไปหาอะไรทานก่อนเน๊าะคะ 

จากรอยพระพุทธบาตรคู่  พิมก็เลยแวะไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสมุนไพรครูต้อ   เพราะเห็นใคร ๆ เค้าก็พากันบอกว่าก๋วยเตี๋ยวของครูต้อ หอมสมุนไพรเอามากๆ สมเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวในเมืองแห่งสมุนไพรเลยอ่ะค่ะ ^^

ร้านก๋วยเตี๋ยวครูต้อเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ตั้งอยุ่ในบริเวณบ้านของครูต้อเองเลยนะคะ  แต่ก็หาไม่ยาก  แค่ขับรถผ่านหน้าบ้านครูก็จะเห็นช้ายชื่อร้านตัวโต ๆ แขวนไว้อยู่หน้าทางเข้าร้านแล้วอ่ะค่ะ

pracheenburi 1 015

pracheenburi 1 016

ก๋วยเตี๋ยวของครูต้อ  เป็นก๋วยเตี๋ยวสูตรสมุนไพรที่ครูต้อจะใช้เครื่องเทศและสมุนไพรหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระวาน กานพลู อบเชย ดอกจันทน์  ขิง ข่า ใบเตย  มาผสมลงในน้ำซุปนะคะ  ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้เนี่ยนอกจากจะให้สรรพคุณทางยาแล้ว  ก็ยังทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอม และทำให้รสของน้ำซุปนั้นนุ่มนวลขึ้นอีกด้วยอ่ะค่ะ 

ก๋วยเตี๋ยวของครูต้อ มีทั้งก๋วยเตี๋ยวหมู และก๋วยเตี๋ยวเนื้อนะคะ  ซึ่งแน่นอนว่ามาถึงร้านที่มีก๋วยเตี๋ยวเนื้อทั้งที คนชอบเนื้ออย่างพิม ก็ต้องสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาลองอ่ะค่ะ (ส่วนคุณสามี ก็กินก๋วยเตี๋ยวหมูไปตามระเบียบจ้า) 

pracheenburi 1 017

pracheenburi 1 018

ซึ่งเท่าที่พิมได้ชิม ทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูและก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ครูต้อทำออกมาได้รสชาติกำลังดีเลยนะคะ   ไม่หนักเกิน ไม่เบาเกิน และก็ไม่เข้มข้นเกินอ่ะค่ะ อีกทั้งยังหอมกลิ่นสมุนไพรมากๆ แต่จะหอมแบบอ่อน ๆ นะคะ   ส่วนพวกเนื้อตุ๋น หมูตุ๋น  หมูหมัก เนื้อสด ครูต้อก็ตุ๋นและลวกมาแบบสุกนุ่มกำลังดีเลยอ่ะค่ะ  สรุปแล้วมาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้ บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังนะคะ ^^ 

pracheenburi 1 019

pracheenburi 1 021

pracheenburi 1 022

pracheenburi 1 020

หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวร้านครูต้อกันจนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว  ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดหมายถัดไปแล้วอ่ะค่ะ  ^_^ 

จากร้านก๋วยเตี๋ยวครูต้อ  พิมก็ชวนคุณสามีขับรถตรงดิ่งไปที่ตลาดผลไม้หนองชะอมเลยนะคะ   ซึ่งตลาดผลไม้หนองชะอมเนี่ยก็เป็นตลาดผักผลไม้ที่มีชื่อมาก ๆ ของจังหวัดปราจีนบุรีเลยอ่ะค่ะ     ตัวตลาดจะตั้งอยู่ตรงสี่แยกหนองชะอม  บนทางหลวงหมายเลข 33 ที่จะมุ่งหน้าจากปราจีนไปยังอำเภอปากพลีของจังหวัดนครนายกนะคะ   เรียกว่าถ้ามาจากปราจีนแล้วจะไปนครนายก จะต้องผ่านตลาดนี้แน่นอนอ่ะค่ะ       

pracheenburi 1 023

ตลาดหนองชะอม เป็นตลาดที่สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นผักกับผลไม้ตามฤดูกาลนะคะ   อย่างถ้าสมมติว่าเพื่อนๆ  มาตลาดนี้ในช่วงเดือนพฤษภา-มิถุนา เพื่อน ๆ ก็จะเจอกับกองทัพเงาะ มังคุด ลองกอง ลางสาด  กระท้อน ทุเรียนมากมายเลยอ่ะค่ะ  เรียกว่าถ้าสมมติมีแผงขายสัก 50 แผง  ก็จะเจอกับแผงผลไม้พวกนี้ไป 30 กว่าแผงแล้วนะคะ   ^^    แต่ถ้าสมมติว่าเพื่อนๆ มาตลาดในช่วงนี้ (ฤดูฝน)   เพื่อน ๆ ก็เจอกับกองทัพหน่อไม้ ทั้งหน่อไม้ไผ่ตง ไผ่หวาน ไผ่กิมจู  และพืชผักสด ๆ ต่าง ๆ อีกมากมายเช่นกันอ่ะค่ะ 

pracheenburi 1 029

pracheenburi 1 032

pracheenburi 1 034

pracheenburi 1 035

แถมที่นี่นอกจากจะมีสินค้าประเภทผักผลไม้ที่หลากหลายแล้ว  หลายอย่างก็ยังราคาถูกมากๆ ด้วยเช่นกันนะคะ   อย่างชะอมตำลึง ถ้าสวย ๆ แบบในภาพด้านล่างนี้ แุถวบ้านพิมขายกันอยู่ที่กำละประมาณ 15-20 บาท แต่ที่หนองชะอมนี่กำละแค่ 10 บาทเท่านั้นเองอ่ะค่ะ 

pracheenburi 1 026

pracheenburi 1 0270

ที่สำคัญผักหลายๆ อย่างของที่นี่เช่น ผักแพว ผักหนาม  น้ำเต้า เป็นผักพื้นบ้าน ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องของสารพิษตกค้างเลยนะคะ  เพราะผักพวกนี้เนี่ยเป็นผักที่ทนต่อโรค ทนต่อสภาพแวดล้อม ทนต่อแมลง ก็เลยทำให้คนปลูกไม่ค่อยได้ใส่ปุ๋ยฉีดยา ผักพวกนี้ก็เลยกลายเป็นผักปลอดสารพิษไปโดยอัตโนมัติอ่ะะค่ะ ^^

pracheenburi 1 028

pracheenburi 1 033

pracheenburi 1 030

pracheenburi 1 031

และนอกจากผักผลไม้แล้ว ที่ตลาดหนองชะอมก็ยังมีสินค้าอย่างอื่นขายอีกด้วยนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นปลาร้า ปลาส้ม   แหนม กระเทียมโทนดอง ขิงดอง น้ำปลา รวมไปถึึงน้ำผึ้งอ่ะค่ะ   และแม้ว่าสินค้าพวกนี้เนี่ยจะไม่ได้ผลิตขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเอง  แต่เท่าที่พิมซื้อมาลองทานดู  (ปลาส้มไร้ก้าง กับปลาร้า)   ก็รสชาติใช้ได้ดีทีเดียว  และสามารถซื้อเป็นของขวัญของฝากได้เลยนะคะ ^^

pracheenburi 1 024

pracheenburi 1 025

จากตลาดหนองชะอม  เดินช๊อปปิ้งกันจนเมื่อยขาเมื่อยตัวแล้ว  เราก็ไปหาเรื่องนวดขานวดตัว และช๊อปปิ้งพวกสินค้าสมุนไพรกันต่อที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรดีกว่าอ่ะค่ะ

พูดถึง รพ. เจ้าพระยาอภัยบูเบศรแล้ว พิมเชื่อว่าน่าจะมีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ คือโรงพยาบาลสมุนไพรแห่งแรกของประเทศไทยนะคะ  โดยเมื่อสัก 30 ปีก่อน สมัยที่ รพ. ยังมีการรักษาแบบแพทย์แผนใหม่แต่เพียงอย่างเดียว  มีเจ้าหน้าที่ รพ. คนนึง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องการนำสมุนไพรมาทำเป็นยา   ได้ใช้ความรู้ของตัวเองร่วมกับกุมารแพทย์ประจำ รพ. พัฒนายาสมุนไพรขึ้นมาตัวนึง ก็คือ  "กลีเซอรีนเสลดพังพอนตัวเมีย"  เพื่อไว้ใช้รักษาโรคเริมในปากให้กับเด็กอ่ะค่ะ   ซึ่งถือได้ว่านั่นคือ ครั้งแรกของการผลิตยาสมัยใหม่ที่ใช้สมุนไพรไทยเลยนะคะ   และหลังจากนั้นทาง รพ. ก็ได้มีการผลิตทำการผลิตยา รวมถึงเครื่องสำอาง อาหารประเภทเครื่องดื่มจากสมุนไพรไทยตัวอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ 

โดยการผลิตยาจากสมุนไพรไทย ของ รพ. เจ้าพระยาอภัยบูเบศรทุกตัว   จะผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ GMP  นะคะ  ดังนั้นแล้วผลิตภัณฑ์ของที่นี่จึงปลอดภัยหายห่วง  เพราะทั้งเครื่องจักรสำหรับผิด เครื่องมือตรวจวิเคราะห์คุณภาพ  รวมไปถึงห้องปฏิบัติการต่าง ๆ  ได้รับรองมาตรฐานมาอย่างต่อเนื่องอ่ะค่ะ ^_^ 

pracheenburi 1 037

แต่ก่อนที่เราจะไปเดินช๊อปปิ้งสินค้าที่ทำจากสมุนไพรของ รพ. อภัยภูเบศรกัน  พิมก็อยากจะชวนเพื่อน ๆ ไปเดินชม #ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  ตึกเก่าที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2542 เพื่อเป็นที่ประทับแรมของรัชการที่ 5  กันก่อนนะคะ  โดยตึกนี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ของ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรค่ะ   เป็นตึกสีเหลืองสไตล์ย้อยนยุค ที่มีรูปแบบการก่อสร้างในลักษณะของสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาโร้คนะคะ  (เป็นยังไง ย้อนดูภาพด้านบนหรือเลื่อนลงไปดูภาพด้านล่างได้เลยอ่ะค่ะ ^_^)  

pracheenburi 1 038

pracheenburi 1 039

pracheenburi 1 040

pracheenburi 1 041

โดยในปัจจุบัน ตัวตึกส่วนนึงถูกนำมาใช้เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  รวมถึงจัดแสดงของใช้ประจำตัวของพระองค์ท่านนะคะ   และอีกส่วนก็ถูกนำมาจัดเป็น "พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร"  ซึ่งในนั้นก็จะมีการจัดแสดงตู้เก็บสมุนไพร ครกบดยา รางบดยา หินฝนยา ตำรายาไทย ฯลฯ  และอื่นๆ  อีกมากมายอ่ะค่ะ ^_^

pracheenburi 1 042

pracheenburi 1 043

pracheenburi 1 044

pracheenburi 1 045

pracheenburi 1 047 

pracheenburi 1 048

pracheenburi 1 049

นอกจากการให้บริการในเรื่องของยาสมุนไพรแล้ว  ที่นี่ก็ยังมีบริการนวดไทยอีกด้วยนะคะ  โดยเอกลักษณ์การนวดของที่นี่ คือ การนวดแบบผสมผสานศาสตร์ระหว่างการนวดแบบราชสำนัก (สุภาพ ปลอดภัย) กับการนวดเชลยศักดิ์ (ดัด ยืด คลึง คลาย)  อ่ะค่ะ   และการนวดของที่นี่ไม่ใช่ว่าแค่นวดให้จบ ๆ หมดชั่วโมงไป  แต่จะนวดเพื่อรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ผิดแปลกไปของคนไข้แต่ละคน เช่น ท้องผูก กะบังลมหย่อน ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมนะคะ  ^_^ 

pracheenburi 1 054

pracheenburi 1 055

ซึ่งจากที่พิมเคยมานวดตัวที่นี่เมื่อครั้งก่อน  บอกตามตรงว่าติดใจมากค่ะ  เพราะจากอาการที่เคยเจ็บหลังเพราะนั่งผิดท่า ปวดขาเพราะเดินเยอะ  หลังจากนวดเสร็จไม่นาน อาการปวดก็เบาลงอย่างรู้สึกได้เลยนะคะ    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนี้สุขภาพร่างกายพิมไม่เอื้ออำนวยกับการนวดสักเท่าไหร่อ่ะค่ะ   คือความดันสูงเกินมาตรฐานไปนิ๊ดดดด  ทาง รพ. เค้าก็เลยไม่รับนวด  เนื่องจากเกรงจะเป็นอันตรายต่อร่างกายนะคะ   T___T  ซึ่งแม้พิมจะเสียใจ ที่อุตส่าห์ขับรถมาถึงที่นี่แล้ว  กลับไม่ได้นวด  >_<  แต่อีกมุมนึง พิมก็รู้สึกสบายใจที่ทาง รพ. เค้าไม่ได้มุ่งไปแต่เรื่องเงิน  แต่กลับคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้มากกว่าอ่ะค่ะ ^^ 

pracheenburi 1 056

(ภาพบรรยากาศในห้องนวดตัว ที่พิมถ่ายไว้เมื่อครั้งที่แล้ว)

pracheenburi 1 057

เอาล่ะ ในเมื่อนวดตัวไม่ได้  เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว  เราก็ไปช๊อปปิ้งสินค้าสมุนไพรของทาง รพ. กันดีกว่าเน๊าะคะ  ^_^   ซึ่งจุดช๊อปปิ้งสินค้าของทาง รพ.  เท่าที่พิมเห็นมาก็มีอยู่  2 จุดอ่ะค่ะ   นั่นก็คือจุดที่อยู่ในตึกอภัยภูเบศร  (ตึกสีเหลือง ๆ หลังเมื่อกี้)   กับจุดที่อยู่ใต้ตึกอาคารโรงพยาบาลนะคะ (เข้าประตู รพ. มา จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ)     ซึ่งถ้าเพื่อนๆ สนใจเป็นยาสมุนไพรแบบแผนโบราณ  พิมแนะนำให้ไปที่ตึกอภัยภูเบศรเลยอ่ะค่ะ  (เพราะพิมเห็นมีลิ้นชักยาโบราณอยู่เยอะ)    แต่ถ้าสนใจเป็นยาแผนปัจจุบันที่ใช้สมุนไพรไทย  หรือเป็นสินค้าอื่น ๆ เช่น แชมพู สบู่ ยาสระผม ครีมทาผิว ทาตัว ยาสีฟัน  ชาสมุนไพรชงดื่ม เครื่องดื่ม ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร   ก็ไปเลือกซื้อได้ที่ศูนย์สมุนไพรเพื่อสุขภาพอภัยภูเบศร ที่ตั้งอยู่ใต้ตึกอาคารโรงพยาบาลเลยนะคะ  มีให้ช๊อปปิ้งเพียบเลยค่ะ

pracheenburi 1 063

โดยสินค้าที่เวลาพิมมาที่นี่แล้วมักจะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากเพื่อน ฝากคนรู้จัก ฝากที่บ้าน รวมถึงใช้เองอยู่เสมอ ๆ ก็จะเป็นพวกยาสีฟัน  แชมพู  ครีมอาบน้ำสมุนไพร  ยาดม และก็ชาสมุนไพรชงดื่มนะคะ   โดยเฉพาะครีมทาตัวเนี่ย พิมจะชอบซื้อไปหลาย ๆ กลิ่นเลยอ่ะค่ะ   ประมาณว่าวันนี้อารมณ์นึงก็ทาด้วยโลชั่นกลิ่นนึง  พอพรุ่งนี้เปลี่ยนเป็นอีกอารมณ์นึง ก็ทาโลชั่นอีกกลิ่นนะคะ ^^"   โดยกลิ่นที่พิมชอบมากสุด ก็คือกลิ่นตะไคร้ต้น  (คนละอย่างกับตะไคร้ที่เราเอามาทำเป็นเครื่องแกง)  กับกลิ่นขมิ้นอ่ะค่ะ ^_^ 

pracheenburi 1 064

pracheenburi 1 065

pracheenburi 1 066

จาก รพ. เจ้าพระยาอภัยภูเบศร หลังจากช๊อปปิ้งเสียสะตุ้งสะตังค์กันเป็นที่สบายใจแล้ว  ^^  จุดหมายถัดไปของพิมก็อยู่ที่ #พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ซึ่งอยู่ห่างจาก รพ. อภัยภูเบศร  เพียงแค่ 10 กว่านาทีเท่านั้นเองนะคะ

pracheenburi 1 067

pracheenburi 1 068

pracheenburi 1 069

พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์   หรือที่หลาย ๆ คน รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า  "พิพิธภัณฑ์ตะเกียง"  เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในสมัยโบราณไว้มากมาย โดยเฉพาะตะเกียงเจ้าพายุ ที่มีมากกว่า 10,000 ดวงเลยนะคะ

ซึ่งตอนแรกที่พิมหาข้อมูลของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เนี่ย บอกตามตรงว่าพิมนึกภาพไม่ออกนะคะ ว่าตะเกียง 10,000 ดวง มันจะมากน้อยสักแค่ไหน  จนกระทั่งได้มาเห็นกับตาตัวเองจริง ๆ ถึงได้รู้ว่ามันเยอะมากเลยอ่ะค่ะ   เยอะจนทำให้พิมแอบสงสัยว่าเจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เค้าทำอาชีพอะไร หรือมีความเกี่ยวข้องกับตะเกียงพวกนี้ยังไง  ถึงได้มีการสะสมตะเกียงไว้มากถึงขนาดนี้นะคะ  ^^

และเท่าที่พิมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่พาพิมเดินชมพิพิธภัณฑ์  เค้าก็เล่าให้พิมว่า เจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ชื่อคุณณรงค์อ่ะค่ะ  แต่เดิมเมื่อสัก 30 กว่าปีก่อน คุณณรงค์ก็เป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่าทั่วไปนะคะ  พวกกาละมัง หม้อ ไห ตู้เตียงอะไรทำนองนี้อ่ะค่ะ   จนเมื่อประมาณสัก 30 กว่าปีก่อน ในช่วงที่ปราจีนบุรีมีไฟฟ้าใช้ทั้งตามในบ้านและถนนหนทาง  ก็เลยทำให้ชาวบ้านพากันเอาตะเกียงเจ้าพายุที่เคยใช้อยู่ในชีวิตประจำวันมาขายเป็นของเก่าให้กับคุณณรงค์นะคะ  ตอนแรก ๆ คุณณรงค์ก็ไม่ค่อยได้สนใจค่ะ  พอได้มาก็เอาไปขายเป็นเศษเหล็กทั่วไปนะคะ    แต่พอมาในระยะหลังๆ มีคนติดต่อมาขอซื้อเป็นดวง ๆ เพื่อเอาไปทำเป็นของตกแตงบ้าน  คุณณรงค์จึงนำตะเกียงออกมาแยกขายต่างหาก  และด้วยความที่ขายดีมาก จากเดิมที่เคยมีเยอะ ก็เลยกลายเป็นเหลือน้อยลง ทำให้คุณณรงค์คิดได้ว่าควรจะเก็บสะสมเอาไว้ให้เด็กรุ่นหลังได้ดูบ้าง  ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อ่ะค่ะ 

pracheenburi 1 070

โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เนี่ย  นอกจากตะเกียงแล้ว ก็ยังมีข้าวของโบราณที่ถูกสะสมไว้และนำมาจัดแสดงอีกมากมายนะคะ   ไม่ว่าจะเป็นตู้เก่า เตียงโบราณ นาฬิกา จักรยาน ของเล่น เครื่องใช้ในครัวในบ้านในสำนักงานอีกมากมายหลายชนิดอ่ะค่ะ

โดยข้าวของทั้งหมด เพื่อความเข้าใจง่าย  คุณณรงค์ก็ได้แบ่งจัดแสดงไว้ในอาคาร 5 หลังนะคะ  เริ่มจากหลังแรกคืออาคารราชาวดี ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น  ก็จะเป็นโซนที่จัดแสดงของเก่าโบราณ อย่างเช่น เครื่องเงิน  เครื่องทองเหลือง  ถ้วยชาม  นาฬิกาโบราณ ทั้งแบบแขวนและแบบตั้ง ของใช้ต่างๆ รวมทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณอีกมากมาย ที่เชื่อว่าเพื่อนๆ  หลายคนน่าจะไม่เคยเห็นมาก่อนอ่ะค่ะ 

pracheenburi 1 071

pracheenburi 1 072

pracheenburi 1 073

pracheenburi 1 074

pracheenburi 1 078

pracheenburi 1 079

pracheenburi 1 083

pracheenburi 1 082

ส่วนอาคารหลังที่ 2 ก็คือ อาคารลีลาวดี  อาคารนี้จะเป็นที่จัดแสดงพวกถ้วยชามโบราณ เตา หม้อไหแบบโบราณ  ถาดกระเบื้อง  เครื่องทองเหลือง รถจักรยานและรถจักยานยนต์แบบเก่าๆ  ของเล่นสีกะสีเก่า ๆ สามล้อถีบ  เครื่องคำนวณ ตราชั่ง รวมไปถึงพระเครื่อง พระผง และพระดัง ๆ ของจังหวัดปราจีนบุรีนะคะ

pracheenburi 1 075

pracheenburi 1 076

pracheenburi 1 077

pracheenburi 1 090

pracheenburi 1 085

pracheenburi 1 092

ส่วนอาคารหลังที่ 3 คืออาคารชวนชม   อาคารหลังนี้จะจัดแสดงในเรื่องของรูปเก่าของเมืองปราจีนบุรีในสมัยก่อนอ่ะค่ะ  และนอกจากรูปเก่า ก็ยังมีหนังสือเก่า เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร หนังสือการ์ตูน ล๊อตเตอรี่เก่า แสตมป์เก่า รวมไปถึงแบบเรียนตั้งแต่สมัยปี 2515 อีกด้วยนะคะ 

pracheenburi 1 088

pracheenburi 1 081

ส่วนอาคารหลังที่ 4 คือ อาคารเจ้าพายุ เป็นอาคารที่สร้างให้มีลักษณะรูปทรงเหมือนตะเกียงเจ้าพายุอ่ะค่ะ ตัวอาคารจะมีความสูงประมาณ 13 เมตร  ซึ่งนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะขึ้นไปชมวิวเมืองปราจีนบุรีในมุมสูง ก็สามารถเดินขึ้นไปชมวิวโดยรอบได้เลยนะคะ

และอาคารหลังสุดท้าย  คือ อาคารฟ้าประดิษฐ์ค่ะ    เป็นอาคารที่ไว้ใช้จัดแสดงเรือเก่าหลากหลายชนิดเลย  ทั้งเรือขุดที่ทำจากต้นตะเคียน และเรือขุดที่ทำจากต้นสักทั้งต้นนะคะ   รวมไปถึงใครที่ไม่เคยเห็นเตารีดแบบที่ใส่ถ่านก้อนดำๆ ที่เราเอาไว้หุงข้าวต้มแกง  (ไม่ใช่ถ่านไฟฉายนะ) ก็สามารถมาดูได้ที่นี่เลยค่ะ ^_^ 

pracheenburi 1 091

pracheenburi 1 084

pracheenburi 1 093

พูดถึงพิพิธภัณฑ์ที่ของใช้เก่าๆ ในเมืองไทยเนี่ย จะว่าไปก็มีอยู่หลายที่นะคะ แต่หลังจากที่พิมได้เดินดูที่นี่จนครบทุกส่วน   พิมประทับใจกับที่นี่มากสุดเลยอ่ะค่ะ   เหตุผลเพราะที่นี่เค้าจัดวางของต่าง ๆ ไว้ในระดับที่เราสามารถเห็นได้ใกล้ ๆ  ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับของสิ่งนั้นนะคะ    แถมชิ้นไหนที่แลดูแล้วน่าสนใจมาก  ทางพิพิธภัณฑ์เค้าก็มีป้ายแสดงรายละเอียดเอาไว้ให้เราอ่านอีกด้วยอ่ะค่ะ   ซึ่งพิมว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากๆ ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ก็อย่าลืมเข้ามาชมกันนะคะ  ค่าเข้าผู้ใหญ่เพียงแค่ 80 บาทและเด็ก 30 บาทเท่านั้นเองอ่ะค่ะ  หรือถ้าเพื่อน ๆ อยากดูรายละเอียดในส่วนอื่นๆ  เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/yusuksuwan  หรือไม่ก็โทรไปที่เบอร์   037-217551  037-217552 081-2958218  ก็ได้เช่นกันนะคะ 

เวลาทำการ : เปิดทำการทุกวัน 09.00 น. - 17.00 น.

จากพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ เหลือบมองดูนาฬิกา ปาเข้าไป 5 โมงเย็นกว่า ๆ ก็ได้เวลาท้องหิวอีกแล้ววววววอ่ะค่ะ   สำหรับมื้อเย็นวันนี้ พิมก็ขอฝากท้องไว้ที่ร้านชมชล  ร้านอาหารริมน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ กับ รพ. เจ้าพระยาอภัยภูเบศรนะคะ   ^_^

pracheenburi 1 094

ร้านอาหารชมชลเป็นร้านอาหารไทย สไตล์แบบนั่งทานสบาย ๆ ที่ริมน้ำอ่ะค่ะ .....  จริงๆ ในโซนริมน้ำหน้า รพ. อภัยภูเบศร มีร้านอาหารน่าสนใจมากมายหลายร้านเลยนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นร้านร่มไม้ ร้านริมน้น้ำ ร้าเจ๊แม๊ว   แต่เหตุผลที่พิมเลือกมานั่งทานที่ร้านชมชล ก็เพราะมีคนบอกพิมว่าที่นี่มีเค้ามีต้มยำปลาตะโกก ซึ่งเป็นปลาแม่น้ำแถวนี้ และรสชาติดีมากๆ อ่ะค่ะ 

pracheenburi 1 095

pracheenburi 1 096

pracheenburi 1 097

แต่น่าเสียดายว่าวันที่พิมไป ปลาตะโกกหมด T__T  คนหาปลาเค้ายังไม่เอาปลาตะโกกมาส่ง  พิมก็เลยจำเป็นต้องสั่งเมนูอื่นมาทานแทนนะคะ  >_<

เริ่มกันที่จานแรกเป็นถั่วฝักยาวผักกะปิใส่กุ้งอ่ะค่ะ  จานนี้หน้าตาธรรมดาเหมือนไม่มีอะไร  แต่พิมว่ารสชาติดีเลยนะคะ   ที่สำคัญถั่วฝักยาวเค้าผัดมาได้ดีงามมาก คือ สุก แต่ยังกรอบอยู่ และไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวของถั่วฝักยาวเลยสักนิดค่ะ 

 pracheenburi 1 098

ส่วนจานที่ 2 เป็นปลาทับทิมลุยสวนนะคะ   ตอนแรกพิมไม่คิดว่าจะสั่งเมนูนี้มาทานเลยอ่ะค่ะ  เพราะว่าทำกินที่บ้านบ่อยมาก ^^"    แต่น้องพนักงานเค้าก็บอกว่า ปลาทับทิมของที่นี่สดมาก เพราะเลี้ยงกันอยู่หน้าร้านเลย แถมยังเป็นปลากระชังอีกต่างหาก ไม่เหม็นคาว ไม่มีกลิ่นดิน .. พิมก็เลยลองสั่งมาทานดู ปรากฎว่าอร่อยดีนะคะ  ตัวปลาทอดมาแบบกรอบนุ่ม ส่วนน้ำลุยสวนรสชาติก็เข้มข้น  หอมเครื่องและเปรี้ยวมะม่วงดีอ่ะค่ะ 

pracheenburi 1 099

ต่อมาจานที่ 3 เป็นคอหมูย่างรมควันนะคะ ตามความเข้าใจของพิม  น่าจะเป็นการเอาคอหมูไปหมักย่าง แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ ก่อนจะนำไปย่างอีกทีอ่ะค่ะ  รสชาติโดยรวมก็จะหวานเค็ม แต่รสไม่จัดมาก ทานเล่น ๆ ก็อร่อย ทานจริงจังก็ดีนะคะ ^^

pracheenburi 1 101

ส่วนจานที่ 4 จานสุดท้าย .... อันนี้เป็นเมนูที่พิมสั่งมาแทนต้มยำปลาตะโกก นั่นก็คือ ต้มยำปลาคังนะคะ   ซึ่งต้มยำปลาคังของที่นี่ก็รสชาติใช้ได้   ปลาไม่คาว เนื้อไม่เละ  รสของต้มยำก็จัดจ้านตามประสาต้มยำแบบไทย ๆ  โดยรวมแล้วสั่งมาทานได้ ไม่ผิดหวังอ่ะค่ะ

pracheenburi 1 100

และนี่ก็คือหน้าตาของอาหารมื้อนี้ ของพิมกับคุณสามีนะคะ  สนนราคารวมน้ำแข็งถังใหญ่  น้ำเปล่าและข้าวสวย  อยู่ที่ประมาณ 800 บาท .... ดูเหมือนจะสูงไปนิดสำหรับการทาน 2 คน แต่ก็เป็นมื้อที่อิ่มอร่อยมากเลยอ่ะค่า ^_^ 

pracheenburi 1 102

จากร้านชมชล พิมก็ไม่มีแผนไปไหนต่อนะคะ  เพราะว่าวันนี้เที่ยวกันมาทั้งวันเลย ตั้งแต่เช้ายันค่ำ  พอถึงตอนนี้ก็หมดแรงแล้วอ่ะค่า  เพราะงั้นแล้วหลังจากกินข้าวเสร็จ พิมก็ตรงดิ่งไปยังที่พักในคืนนี้เลยยะคะ    ซึ่งที่พักที่พิมจองเอาไว้ก็คือ สันติสุข เพลส  ที่อยู่ห่างจากร้านชมชลไปประมาณ 20 กว่านาทีอ่ะค่ะ 

** ราคาห้องพักคืนละ 600 บาท

pracheenburi 1 103

pracheenburi 1 104

แต่เนื่องจากว่าสันติสุขเพลส เป็นที่พักเล็ก ๆ มีขนาดห้องพักแค่ประมาณสิบห้อง  แถมถนนหน้าที่พัก ก็ยังมึดแบบไม่มีไฟนะคะ  (แต่ในที่พัก ไฟสว่าง และปลอดภัยมาก)  เพราะงั้นถ้าเพื่อน ๆ จะมาพักที่นี่เหมือนกับพิม แนะนำว่าให้ตั้งพิกัดใน googles map มา รับรองไม่หลงแน่นอนค่ะ

ส่วนคืนนี้ พิมก็ขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าและนอนหลับพักผ่อนก่อนนะคะ  แล้วเดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ พิมจะไปเที่ยวที่ไหน ไปกินอะไร ...... พิมจะมาเล่าให้ฟังอีกที สวัสดีค่า ^_^ 

pracheenburi 1 105

pracheenburi 1 106



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก