ปกติแล้วพิมเป็นคนที่ไม่ชอบกินข้าวโพดเลยค่ะ   แต่วันก่อนไปซื้อวัตถุดิบทำกับข้าวที่ตลาดนัดแถวบ้าน เจอแม่ค้าเค้เาอาข้าวโพดสด ๆ มาปอกขายกันใหม่ๆ ก็อดที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับมาบ้านไม่ได้ค่ะ

แล้วพอกลับถึงบ้าน .. ตอนแรกก็ยังไม่ได้เอาข้าวโพดไปทำอะไรนะคะ   ทิ้งไว้ในตู้เย็นซะคืนนึง - -"  พอวันรุ่งขึ้นก็หยิบออกมาดูแบบผ่านๆ >_<  แบบยังไม่คิดว่าจะเอามาทำอะไรกิน   แต่แล้วด้วยเสียดายความสดใหม่ปิ๊งๆ เลยคิดว่าไม่ได้การล่ะ เช้านี้จะต้องจัดการเอาข้าวโพดนี่มาแปรรูปทำเป็นอะไรสักอย่างซะแล้ว

ก็เลยลองไปเปิดตู้เย็นและตู้เก็บของแห้งดูค่ะว่าพอจะมีวัตถุดิบอะไรเอามาทำขนมที่เกี่ยวกับข้าวโพดได้บ้าง  ก็ไปเจอวุ้นผงกะเจลาตินเข้าค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าลองจะทำ panna cotta นมข้าวโพดน่าจะอร่อยดี  แต่คิดอีกทีไม่เอาดีกว่า.....วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์สร้างสรรค์  กลัวทำออกมาแล้วล้มเหลว T____T  ก็เลยคิดว่าขอทำอะไรที่คุ้นเคยอย่างวุ้นนมข้าวโพดดีกว่าค่ะ อย่างน้อยก็ชัวร์ว่าได้กินแน่นอน  ^__^

ว่าแล้วพิมก็เลยจัดการหยิบข้าวโพด นมข้นหวานออกมาจากตู้เย็น  หยิบผงวุ้น น้ำตาลทรายออกมาจากตู้เก็บของแห้ง ...... แล้วหลังจากเข้าไปอยู่ในครัวประมาณ 3 ชม.   พิมก็ได้ขนม  "วุ้นนมข้าวโพด" ออกมาหน้าตาอย่างในภาพนี่แหละค่า

ป.ล. ที่อยู่ในครัวนานตั้งเกือบ 3 ชม. ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ  แม่เข้าไปนั่งคุยธุระกับพิมในครัว >_<  เวลาทำจริง ๆ แค่ไม่ถึงชั่วโมงค่ะ ^^

หมายเหตุ  สูตรที่พิมให้ไว้สำหรับเมนูนี้และทุกเมนู  ขอให้คิดซะว่าเป็นแนวทางนะคะ  เพราะเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้ชอบรสชาติเดียวกันพิม  ดังนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ ชอบรสแบบไหนก็ปรับเพิมลดส่วนผสมและเครื่องปรุงเอาได้ตามใจชอบเลยนะคะ  

 

แต่............ก่อนจะไปลงมือทำกัน พิมขอเกริ่นนิดนึงนะคะว่า ตัววุ้นนมข้าวโพดที่พิมทำเนี่ย มันจะมีส่วนประกอบ 2 ส่วนด้วยกัน  ส่วนแรกคือตัววุ้น และส่วนที่สองคือนมข้าวโพดที่ใช้ราด-ทานคู่กับวุ้นอีกทีอ่ะค่ะ   ..... เริ่มต้นเราก็ไปทำตัววุ้นกันก่อนนะคะ 

:: ส่วนผสม "วุ้นข้าวโพด"  ::

- ข้าวโพดหวาน (ดิบ)  ฝานเอาแต่เนื้อ    450  กรัม  หรือประมาณ 2 ฝักใหญ่
- ผงวุ้น  1 + 1/3  ชช. 
- น้ำเปล่า (ส่วนที่ 1)   1.5 ถ้วย
- น้ำเปล่า (ส่วนที่ 2) 1 ถ้วย
- น้ำตาลทรายขาว 1/4  ถ้วย + 3 ชต.
- นมข้นหวาน 1/4 ถ้วย

เพิ่มเติม  รายละเอียดเกี่ยวกับการตวง  ถ้วยคืออะไร ถ้วยตวง  ชต. ชช.  ช้อนตวงคืออะไร  วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง >> คลิ๊กที่นี่ <<

:: วิธีทำ "วุ้นข้าวโพด"  ::

 อันดับแรกมาดูข้าวโพดที่พิมใช้กันก่อนนะคะ ...... หน้าตาเป็นแบบนี้   ซึ่งป้าคนขายเค้าเรียกว่าข้าวโพดหวาน ....    ก็นำมาแกะเปลือกออกให้หมดค่ะ

พอแกะเปลือกเสร็จ ก็ดึงเส้นไหมข้าวโพดออกให้หมด นำไปล้างน้ำ  พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาฝานเอาแต่เนื้อข้าวโพดไว้ค่ะ

จากนั้นนำไปปั่นรวมกับน้ำเปล่าส่วนที่ 1  จนข้าวโพดละเอียด ไม่เป็นเม็ด   (เพื่อน ๆ จะปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ หรือจะ food processor ก็ได้นะคะ ตามสะดวกเลย) 

ก็นำมากรองเอาไว้แต่น้ำค่ะ   ส่วนกากก็สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหาร/ขนมอย่างอื่นเช่น ทำโจ๊กข้าวโพด  ข้าวโพดกวน ได้นะคะ ^_^  

 พอกรองเสร็จ ลำดับต่อไปเราจะต้มนมข้าวโพดของเราให้สุกค่ะ  แต่การต้มแบบเอาหม้อตั้งไฟโดยตรงเลย จะทำให้นมข้าวโพดเป็นลิ่มได้ง่าย    เพราะนั้นพิมก็เลยจะต้มแบบไม่ให้หม้อโดนไฟโดยตรงนะคะ  โดยพิมใช้หม้อในของหม้อสุกี้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว   (ซึ่งแน่นอนว่าใบใหญ่กว่าหม้อที่พิมใส่น้ำข้าวโพด)   ใส่น้ำสูงสัก  3 นิ้ว  แล้วนำหม้อใบนั้นไปตั้งไฟ 

รอจนน้ำในหม้อเดือด  ก็เอาผ้าขนหนู (สะอาด) ผืนเล็กพับแล้ววางลงไปที่ก้นหม้อ  แล้วค่อยเอาหม้อนมข้าวโพดของเราวางบนผ้าขนหนูอีกทีอ่ะค่ะ 

จากนั้นก็คนไปเรื่อย ๆ เป็นระยะ (บ่อยๆ)  จนกระทั่งนมข้าวโพดของเราสุก  (ข้น สีเข้ม มีความวาวมากขึ้น)  ก็ยกลงจากเตา แล้วพักไว้ก่อนค่ะ   (ปิดไฟเตาได้เลย) 

ต่อมาก็ให้เราหาหม้อหรือกาละมังใบย่อม ๆ มาสักใบ  เอาน้ำเปล่าส่วนที่ 2 ใส่ลงไป  ตามด้วยผงวุ้น  .. คนเบาๆ พอให้ผงวุ้นเข้ากับน้ำ พักไว้ประมาณ 15 นาทีค่ะ  

เพิ่มเติม  ... ถ้าชอบวุ้นข้าวโพดที่แข็งนิดนึง อาจจะเพิ่มผงวุ้นอีกสัก 1/4 - 1/2 ชช. นะคะ เพราะที่พิมทำจะนิ่ม ๆ หน่อย  ไม่ค่อยกรอบเด้งอ่ะค่ะ

พอครบเวลาก็นำหม้อน้ำที่เราผสมผงวุ้นไว้เมื่อกี้นี้ขึ้นตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลางค่อนมาทางอ่อน คนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผงวุ้นละลายหมด  และน้ำในหม้อมีความใส  ก็ใส่น้ำตาลทรายกับนมข้นหวานลงไป    คนให้น้ำตาลละลาย

ก็เทนมข้าวโพดที่เราทำไว้ในตอนแรก ผสมลงไป  คนพอเข้ากัน ปิดไฟเตา  ยกลง

เพิ่มเติม ... หลังจากยกลงจากเตาแล้ว  ตักขึ้นมชิมได้นะคะว่ารสชาติเป็นยังไง หวานมากพอไหม ถ้าไม่พอ เติมน้ำตาลเพิ่มแล้วคนให้ละลายได้นะคะ  แต่แนะนำว่าอย่าให้หวานมาก เพราะเดี๋ยวเจอน้ำนมข้าวโพดที่หวานอีก จะกลายเป็นหวานไปค่ะ

แล้วนำไปเทใส่พิมพ์ตามชอบ ....... พักไว้ให้เย็นลงสักหน่อย ก็นำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวค่ะ   

และระหว่างที่พักให้วุ้นเซตตัว เราจะมาทำนมข้าวโพดสำหรับราดวุ้นกันต่อนะคะ 

:: ส่วนผสม  "นมข้าวโพดสำหรับราดวุ้น"

- ข้าวโพดหวาน (ดิบ) ฝานเอาแต่เนื้อ 160 กรัม  หรือประมาณ 1 ฝักขนาดกลาง
- น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย + 2 ชต.
- น้ำตาลทรายขาว  3 + 1/2 ชต.
- เกลือป่น 1/8 ชช.

เพิ่มเติม  รายละเอียดเกี่ยวกับการตวง  ถ้วยคืออะไร ถ้วยตวง  ชต. ชช.  ช้อนตวงคืออะไร  วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง >> คลิ๊กที่นี่ <<

:: วิธีทำ  "นมข้าวโพดสำหรับราดวุ้น"

อันดับแรกก็ให้เรานำข้าวโพดดิบที่ฝานเนื้อไว้เรียบร้อยแล้ว ไปปั่นรวมกับน้ำสะอาดแล้วกรองเอาแต่น้ำไว้เหมือนตอนทำนมข้าวโพดด้านบนนะคะ ^_^   (หากเพื่อน ๆ สงสัย ย้อนขึ้นไปดูรูปภาพด้านบนได้เลยจ้า) 

จากนั้นก็นำมาตุ๋นให้สุก พอสุกก็ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่นลงไป  คนจนกระทั่งน้ำตาลและเกลือละลายหมดก็เป็นอันใช้ได้ ปิดไฟเตา ยกลง ตั้งพักไว้ให้เย็นอ่ะค่ะ  (วิธีการต้มแบบเดียวกับด้านบนเช่นกัน)

เพิ่มเติม  ความหวานของนมข้าวโพดในส่วนนี้และส่วนตัววุ้น เพื่อน ๆ สามารถปรับลดได้ตามความชอบเลยนะคะ  แต่ต้องคำนึงนิดว่าถ้าส่วนนึงหวานมาก อีกส่วนต้องหวานน้อยหน่อย  เพราะไม่งั้นถ้าหวานมากมาเจอหวานมาก มันอาจจะกลายเป็นหวานเกินได้อ่ะค่ะ

พอถึงเวลาเสริฟ ....... ก็นำวุ้นข้าวโพดที่เซตตัวเรียบร้อยแล้วออกมาจากตู้เย็น  (เย็นเจี๊ยบบบ น่าทานมากๆ)   

แล้วก็ราดนมข้าวโพดที่เราทำไว้ลงไปพอประมาณ  (ตามสูตรด้านบนพิมกะให้ราดได้ประมาณ 6-7 แก้ว ๆ ละไม่เยอะมาก หากเพื่อน ๆต้องการราดแบบท่วมๆ  ก็เพิ่มปริมาณตามสัดส่วนจากสูตรได้ค่ะ) แล้ว ตกแต่งด้วยเมล็ดข้าวโพดต้มสุก  หรือถ้าต้องการให้แลดูเลอค่าน่าทานกว่านี้ ก็อาจจะใส่พวกมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นเส้นยาวสัก 1 นิ้วก็ได้นะคะ  ^_^  ......... เท่านี้เราก็จะได้ขนมหวานสไตล์ไทย ๆ แสนอร่อย แต่มีคุณค่ามากมายแล้วอ่ะค่ะ 

ซึ่งพิมเชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะมือใหม่มือเก่าทำขนมชนิดนี้ได้อย่างแน่นอนค่ะ  เพราะว่าทำง่ายมากก.ก..ก.ก.ก ขั้นตอนการทำแม้จะแลดูเหมือนจะเยอะ แต่เอาจริงก็เป็นขั้นตอนง่าย ๆ ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนหรือต้องใช้ความสามารถพิเศษอะไรเลย

ยังไงก็ไปลองทำกันดูนะคะ .......... แล้วพบกันใหม่ในเมนูถัดไป  สวัสดีค่ะ ^__^  

:: ประโยชน์จากข้าวโพด ::

- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอการเหี่ยวย่นของผิวพรรณ และมีโฟเลตช่วยชะลอการเสื่อมสมรรถภาพของร่างกาย
- มีเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยลดอัตราการเสื่อมของลูกต้าและช่วยป้องกันโรคต้อกระจก
- มีเส้นใยอาหารทั้งที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำในปริมาณสูง ทำให้ช่วยดูดซับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้  อีกทั้งช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น