สมัยเด็กๆ นอกจากแม่พิมจะทำพวกต้มส้ม ปลาเค็ม ต้มกะทิสายบัว ผัดพริกขิงกากหมู ไปใส่บาตรอยู่บ่อยๆ แล้ว ก็ยังเมนูผัดเปรี้ยวหวานอีกเมนูนึงค่ะที่แม่ทำบ่อยมาก ทำทุกอาทิตย์ จนพออาทิตย์ไหนไม่ทำ หลวงตาที่วัดก็จะแซวว่า "อาทิตย์นี้ไม่มีผัดเปรี้ยวหวานเหรอโยม"....^^
.... สำหรับผัดเปรี้ยวหวานจานนี้เนี่ย น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารแห่งความทรงจำของพิมจานนึงเลยก็ว่าได้นะคะ เพราะนอกจากแม่พิมจะทำไปถวายหลวงตาที่วัดบ่อยแล้ว แม่พิมก็ยังทำให้คนในบ้านกินอยู่บ่อยๆ อีกด้วยค่ะ บ่อยขนาดที่ว่ามีในสำรับกับข้าวอย่างน้อย 2 วันใน 1 อาทิตย์ >_<" ซึ่งถามพิมตอนนั้นว่าอร่อยไหม ก็อร่อยค่ะ ฝีมือแม่พิมเค้าทำอร่อยอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าถามว่าทำไมแม่ทำบ่อยขนาดนั้น พิมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ แต่อาจจะอารมณ์เดียวกับพิมในตอนนี้ว่าเวลาที่คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรให้คนในบ้านกินดี ก็ผัดเปรี้ยวหวานล่ะกัน ... ทำนองนั้นมั้งค่ะ >_<" (สำหรับพิมเป็นผัดกะเพราค่ะ อิอิ)
แต่พอโตมาหน่อย พอพิมต้องแยกอยู่กับแม่ตั้งแต่อายุ 14-15 ขวบ พิมก็ไม่ค่อยได้กินผัดเปรี้ยวหวานฝีมือแม่แล้วค่ะ เพราะว่านานๆ เจอกันที จนทำให้พิมห่างเหินจากเมนูผัดเปรี้ยวหวานไปโดยปริยาย อีกทั้งพอแต่งงานมา คุณสามีก็ไม่กินอาหารที่มีรสหวาน โดยเฉพาะอาหารที่มีสับปะรดนี่ คุณสามีจะไม่แตะเลย (นอกจากพิซซ่า) เพราะงั้นพิมก็เลยแทบจะไม่ได้ทำผัดเปรี้ยวหวานอีกเลยค่ะ (แต่ก็ยังน๊านนนาน ประมาณครึ่งปีทำทีนะ)
มาวันนี้ไม่รู้นึกยังไง คิดถึงผัดเปรี้ยวหวานฝีมือแม่ค่ะ ... เลยไปค้น ๆ ตู้เย็นดูซะหน่อยว่าจะมีวัตถุดิบอะไรพอให้เราทำผัดเปรี้ยวหวานได้ไหม ก็พอดีว่าโป๊ะเช๊ะ... มีครบเลยค่ะ เพราะงั้นก็ไม่รีรอแล้วล่ะ จัดแจงค้นเสบียงออกมาจากตู้ และก็ทำผัดเปรี้ยวหวานเลยค่า ... และเมื่อใฃ้เวลาไปประมาณ 20 นาที พิมก็ได้ผัดเปรี้ยวหวานแบบสมัยโบราณ (ชนิดบ้านๆ) ออกมาแบบนี้นะคะ ..... ^^
ซึ่งผัดเปรี้ยวหวานแบบไทยๆ เราในสมัยก่อนเนี่ย .. ส่วนใหญ่ก็จะหน้าตาคล้ายๆ กับที่พิมทำนี่แหละค่ะ ประมาณว่าบ้านไหนทำออกมาก็จะหน้าตาเหมือนๆ กัน .... แต่มาสมัยนี้นอกจากผัดเปรี้ยวหวานแบบไทยโบราณอย่างที่พิมทำให้ดูนี่แล้ว ก็ยังมีผัดเปรี้ยวหวานแบบไทยสมัยใหม่ที่ออกจะคล้ายสไตล์จีน ๆ ที่จะเอาเนื้อสัตว์เช่น กุ้ง หมู เนื้อ หมึก ไปคลุกแป้ง+ทอดให้กรอบก่อน แล้วค่อยเอามาผัดกับผักจำพวกสับปะรด พริกยักษ์สีแดงเหลืองเขียว หอมใหญ่ และมีแบบซอสเปรี้ยวหวานแห้ง ๆ แค่พอเคลือบผักกับเนื้อสัตว์เท่านั้น จะไม่มีน้ำๆ เปรี้ยวหวานแบบในภาพด้านบนอ่ะค่ะ .... ซึ่งพิมก็เคยทำอยู่ แต่...ไม่ค่อยถูกโฉลก (แปลว่าไม่ชอบ) สักเท่าไหร่ แต่หากเพื่อนๆ คนไหนอยากดู req. มาได้นะคะ วันหลังพิมจะได้ทำมาฝากกัน ..... แต่วันนี้ดูแบบไทยๆ บ้านๆ ไปก่อนล่ะกันค่ะ ^^
ซึ่งเมื่อดูหน้าตาไปแล้ว ก็มาดูส่วนผสมกับวิธีทำกันนะคะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- เนื้อหมู 150 กรัม
- สับปะรด (เปรี้ยว) 100 กรัม
- แตงกวาลูกเล็ก 3 ลูก
- มะเขือเทศท้อลูกใหญ่ 1 ลูก
- มะเขือเทศราชินี 6 ลูก
- หอมใหญ่หัวใหญ่ 1/2 หัว
- พริกหยวกสีเขียวอ่อน 3 เม็ด
- พริกยักษ์สีแดง 1/4 ผล
- กระเทียมสับ 1 ชต.
- น้ำส้มสายชูแท้ 1 1/2 ชต.
- น้ำตาลทราย 1 2/3 ชต.
- น้ำปลาดีๆ 1 - 1 1/2 ชต. ........ (อันนี้พิมไม่แน่ใจว่าพิมใช้ไปเท่าไหร่แน่นะคะ พอดีลืมจด แต่ประมาณนี้แหละ)
- น้ำซุป 1/3 ถ้วย
- น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ชต.
ป.ล. น้ำซุป - กระเทียมสับ - น้ำมันพืช ไม่มีในภาพนะคะ ลืมหยิบมาถ่ายรูปด้วย ^^"
:: รายละเอียดส่วนผสมและวิธีทำ ::
เริ่มต้นเลย...เราก็มาดูที่เนื้อหมูกันก่อนนะคะ ซึ่งวันนี้พิมขอเลือกใช้เนื้อส่วนสันคอค่ะ เพราะว่ามันมีอยู่ในตู้เย็นแล้ว ไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม ^^" (แถมนุ่มอร่อยด้วยน๊า)..... แต่หากเพื่อน ๆ จะใช้เนื้อส่วนอื่นเป็นสันใน เนื้อแดง เนื้อส่วนสะโพกก็ได้นะคะตามชอบเลย แต่หากเป็นเนื้อส่วนสันนอก พิมว่ามันจะแข็งไปหน่อย หากมี..เก็บเอาไว้อบน่าจะดีกว่าอ่ะค่ะ ^^
ก็เอาเนื้อหมูมาทำความสะอาดนะคะ จะล้างน้ำหรือจะเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาดๆ ... ก็ตามถนัดเลยค่ะ เสร็จแล้วก็เอามาหั่นให้เป็นชิ้นพอคำนะคะ ไม่ต้องให้หใญ่นัก และให้ความหนากำลังดี อย่าบางไป หนาไป จะไม่อร่อยค่ะ ... หั่นเสร็จก็พักเอาไว้ก่อน
ต่อมาก็มาจัดการกับผักต่างๆ ที่เราต้องใช้กันค่ะ .....
อย่างแรกก็คือ แตงกวา .... ให้เลือกใช้แตงกวาที่สดใหม่นะคะ เพราะว่าแตงกวาที่สดใหม่ จะมีความหวานอยู่ในตัวของเค้าเอง อีกทั้งมีความกรอบ เนื้อแน่น กินแล้วจะไม่แหยะอ่ะค่ะ .... พอเราได้แตงกวามา ก็ให้เราล้างน้ำให้สะอาด ตัดหัวตัดท้ายที่เป็นจุกทิ้งไป ผ่าครึ่งลูกตามยาว แล้วก็เอามาหั่นเฉียงๆ ไว้อ่ะค่ะ
ป.ล. ไม่แนะนำให้ใช้แตงล้านค่ะ แม้จะคล้ายกับแตงกวาก็ตาม
ต่อมาเป็นมะเขือเทศนะคะ วันนี้พิมขอใช้ทั้งสองแบบเลยเพราะว่ามีอยู่ในตู้เย็น แต่หากใครมีแบบไหนแบบเดียว จะใช้อย่างเดียวก็ได้ค่ะ ^^ (ปกติพิมก็ใช้แต่มะเขือเทศท้อลูกใหญ่อย่างเดียวเหมือนกันค่ะ)
ก็เอามะเขือเทศท้อล้างให้สะอาด ตัดจุก (ขั้ว) ออก ผ่าครึ่งลูกตามยาว แล้วก็หั่นเป็นเสี้ยวๆ นะคะ .... ส่วนมะเขือเทศราชินี เนื่องจากว่าลูกเค้าเล็กอยู่แล้ว หลังจากล้างน้ำเสร็จ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เอามาผ่าครึ่งก็พอค่ะ
ส่วนพริกหยวก หลังจากตัดขั้วล้างน้ำแล้ว ก็เอามาผ่าครึ่ง เอาไส้+เมล็ดพริกทั้งหมดออก แล้วก็หั่นเป็นชิ้นๆ แบบในภาพนี่นะคะ
พริกยักษ์สีแดงก็เช่นกัน ... หลังจากผ่าออกมาเป็นชิ้นใหญ่แล้ว ก็ให้เอาไส้ขาว ๆ ออก แล้วก็หั่นเป็นเส้นสั้น ๆ แบบในภาพอ่ะค่ะ (หรือใครจะชอบหั่นแบบสี่เหลี่ยมก็ได้นะคะ แต่พิมว่าแบบเส้นๆ อย่างนี้กินง่ายกว่าจ้า)
ส่วนหอมใหญ่ .... หลังจากปอกเปลือก ก็ให้เอามาหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ หน่อยนะคะ (เพราะพอผัดแล้ว มันก็จะเหี่ยวลงอีก) ..... หั่นเสร็จแล้ว ก็อย่าลืมจับแยกออกจากกันให้เป็นชิ้นเดี่ยว ๆ อ่ะค่ะ
และสุดท้าย ... สับปะรด พิมเลือกใช้สับปะรดพันธุ์ศรีราชาซึ่งมีรสเปรี้ยว (รสหวาน เอามาผัดแบบนี้ จะไม่ค่อยอร่อย) ..... เอามาหั่นเป็นชิ้นพอคำแบบในภาพค่ะ
ป.ล. สับปะรดอันนี้มีที่มาแบบว่าชวนเซ็งมากเลยค่ะ คือพิมน่ะไปห้างชื่อดังกับคุณสามีวันก่อน แล้วก็ไปเดินในซุปเปอร์ของเค้าค่ะ ปรากฎว่าเจอสับปะรดน่ากินมากๆๆๆๆ แต่แอบราคาแพงอยู่ 3 ชิ้นเล็กๆ 58 บาท ก็เลยถามคุณสามีว่าซื้อดีไหม อยากกินอ่ะ แต่กลัวจะไม่หวาน คุณสามีก็ว่า หวานอยู่แล้วแหละ ของในห้าง แถมราคาสูงกว่าข้างนอกเยอะเลยอ่ะ เค้าต้องคัดมาแล้วแหละ ... พิมก็เลยซื้อค่ะ แต่ปรากฎว่า พอมาถึงบ้าน แกะกิน ... มันเปรี้ยวปรี๊ดดดดดด เลยค่ะ เปรี้ยวจนกินไม่ได้อ่ะ ก็เลยต้องเก็บใส่ถุงใส่ตู้เย็นเอาไปแปรรูปทำอย่างอื่นแทน >_<" .... เซ็งมากมายขอบอก เง้ออออ
และนี่ก็คือผักต่างๆ ที่เราหั่น และจัดเตรียมไว้ ... นะคะ
เมื่อเราเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ ... เริ่มต้นก็เอากระทะที่เราจะใช้ผัด ตั้งเตานะคะ เปิดไฟเตากลาง ๆ ใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปประมาณ 2 ชต. ..... และพอน้ำมันเริ่มร้อน (ไม่ต้องรอให้ร้อนจัด) ก็ใส่กระเทียมที่เราสับเอาไว้ (ไม่มีในภาพข้างบน) ลงไปเจียวให้เหลืองหอมค่ะ
พอกระเทียมเริ่มเหลืองหอมดี ก็ใส่หมูที่เราหั่นไว้แล้วลงไป ... ผัดจนกระทั่งหมูสุกดีนะคะ
พอหมูสุก ก็ใส่ผักทั้งหมดลงไป
แล้วก็เติมเครื่องปรุงรสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู น้ำปลา รวมไปถึงน้ำซุปด้วยค่ะ
เติมเครื่องปรุงเสร็จ ก็เร่งไฟให้แรง (แต่ไม่ต้องให้แรงจนเป็นผัดเปรี้ยวหวานไฟแดง) .... ผัดให้เครื่องปรุงรสต่างๆ เข้ากันดี ก็แอบชิมรสนิดนึงค่ะ ว่าเป็นรสชาติเปรี้ยวหวานแบบที่เราชอบไหม หากขาดอะไรไปก็เติมเพิ่มเลยนะคะ... จากนั้นก็รอจนเดือดปุดๆ ในกระทะอีกที และผักสุกแบบที่ต้องการ (บางคนชอบสุกแบบกรอบๆ บางคนชอบสุกแบบผักนิ่มๆ) ... ก็ปิดไฟเตา ตักขึ้นใส่จานได้เลยค่ะ
ป.ล. แม้จะทำสูตรเดียวกัน แต่รสชาติเปรี้ยว-หวาน ของพิมกับเพื่อน ๆ อาจจะต่างกัน เพราะสับปะรดและน้ำส้มสายชู ที่มีความหวานเปรี้ยวไม่เท่ากันอ่ะค่ะ เพราะนั้นเพื่อนๆ ทำแล้วอย่าลืมชิมด้วยนะคะ ^^
และแล้ว...เราก็จะได้ผัดเปรี้ยวหวานแบบไทยๆ เราออกมาหน้าตาประมาณนี้ล่ะค่ะ .... ขอบอกว่าอร่อยมากค่ะ (ชมตัวเอง หุหุ) พิมกินคนเดียวหมดชามเลย (แต่ไม่ได้กินข้าวน๊า) ^^
หากเพื่อนๆ อยากลองไปทำดู แต่ไม่กินหมู หรือไม่มีเนื้อหมู จะใช้ตับหมู (ต้องหั่นแล้วเอาไปลวกให้สุกก่อน) ใช้เนื้อไก่ หรือแม้กระทั่งเนื้อวัวแทนก็ได้นะคะ
ส่วนผัก ... บางคนอาจจะอยากกินข้าวโพดอ่อน เห็ดหูหนู ก็ใส่เพิ่มลงไปได้ค่ะ ขอให้เป็นผักที่กลิ่นไม่แรงมากก็พอ ... (แต่บางคนเค้าก็ว่าข้าวโพดอ่อนกลิ่นแรงนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่จ้า)
ยังไงหากเพื่อน ๆ สนใจลองไปทำดูกันนะคะ ..... อ้อๆ แถมอีกนิด หากใครอยากให้สีของน้ำเปรี้ยวหวานออกสีแดงชมพูสวย ๆ และชอบรส+กลิ่นของซอสมะเขือเทศ จะใส่ซอสมะเขือเทศเพิ่มลงไปสัก 2 ชต. ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดนะคะ (แต่พิมไม่ชอบจ้า)