วันนี้พิมขอเอาวิธีการทำห่อหมกแบบง่าย ๆ ก็คือ ห่อหมกเนื้อปลาอินทรีขูดมารีวิวให้เพื่อน ๆ ดูนะคะ เผื่อว่าใครอยากลองทำ แต่ไม่เคยทำ ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น จะได้ทำกันได้อ่ะค่ะ

.... ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะค่ะ ลุยกันเลยดีกว่า

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::

- ปลาอินทรีสดขูดเอาแต่เนื้อ โขลกจนเหนียว 200 กรัม  ............. (โขลกให้เหนียว แต่ไม่ต้องเหนียวขนาดทำลูกชิ้นนะคะ)
- พริกแกงแดง 80 กรัม
- หัวกะทิคั้นสดๆ สำหรับผสมห่อหมก 2 ถ้วย
- หัวกะทิคั้นสด ๆ สำหรับทำกะทิราดหน้า 1/3 ถ้วย
- ไข่ไก่ฟองเล็ก 1 ฟอง
- ข้าวสาร 1 ชช.
- กระชาย 3 ราก
- รากผักชี 3 ราก ........ (พิมตำรวมไปกับพริกแกงแล้วนะคะ เลยไม่มีให้เห็นในภาพ)
- น้ำปลาดี 1 -2 ชต.
- น้ำตาลทรายนิดหน่อย ....... (ถ้าใช้กะทิสดอย่างพิม แทบไม่ต้องใช้  แต่ถ้าใช้กะทิกล่อง กะทิถุง อาจจะต้องใช้ เพื่อให้รสกลมกล่อมมากขึ้น)
- ใบมะกรูดที่ไม่แก่มากซอยละเอียด 2 ชต.
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง (เมล็ดไม่เอา) 1 เม็ด

ป.ล. ปริมาณน้ำปลาที่ใช้ อาจจะต้องน้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นกับความเค็มของพริกแกงด้วยค่ะ และก็ถ้าเพื่อน ๆ ใช้กะทิกล่อง กะทิถุง (ซึ่งพิมไม่แนะนำ) อาจจะต้องใส่น้ำตาลเพิ่มด้วยเพื่อให้รสกลมกล่อมมากขึ้นนะคะ

:: วิธีทำ ::

ในการทำห่อหมกตามสูตรของบ้านพิม  ไม่ว่าจะทำกินหรือทำขาย จะมีวิธีทำประมาณนี้นะคะ

1. แช่ข้าวเบือ
2. เย็บกระทง .......................................... (วันนี้ทำไว้แล้ว)
3. โขลกพริกแกง  .......................................... (วันนี้ทำไว้แล้ว)
4. โขลกข้าวเบือรวมกับกระชาย พริกแกง
5. คั้นกะทิ  .......................................... (วันนี้ทำไว้แล้ว)
6. ทำการผสมห่อหมก
7. ลวกผัก
8. ทำกะทิราดหน้า
9. ตักห่อหมกใส่กระทง + นึ่ง
10 กิน/ขาย

ดังนั้นหากทำตามสูตรของที่บ้านพิม ..... อันดับแรกเลย  เราจะต้องมาเตรียมทำข้าวเบือกันไว้ก่อนนะคะ  โดยให้เราเอาข้าวสารที่เราเตรียมไว้ปริมาณเล็กน้อยตามที่พิมบอกเนี่ย ล้างน้ำสักนิด แล้วแช่น้ำสะอาดไว้สักประมาณ 1-2 ชม. จนกระทั่งเมล็ดข้าวนิ่ม ๆ นะคะ

ป.ล. ข้าวเบือจะช่วยให้ส่วนผสมห่อหมกข้นขึ้นค่ะ

พอเมล็ดข้าวนิ่มดี ก็ให้เราสรงเอาแต่เมล็ดข้าวขึ้นมา   โขลกให้แหลก ก็จะมีลักษณะเป็นเหมือนแป้งข้าว ๆ แบบในภาพด้านล่าง ... ซึ่งพอโขลกข้าวเบือแหลกแล้ว ก็ให้ใส่กระชายหั่นชิ้นเล็ก ๆ ลงไป โขลกให้เข้ากันและกระชายแหลกดีค่ะ   (บางสูตรอาจจะใช้แต่น้ำกระชาย แต่บ้านพิมใช้ทั้งน้ำทั้งเนื้อ)

จากนั้นก็ใส่พริกแกงแดงที่เราโขลกเอาไว้ก่อนแล้วลงไป  โขลกเบา ๆ ให้เข้ากันอีกทีนึง ก็จะได้พริกแกง+กระชาย+ข้าวเบือ แบบในภาพด้านล่างอ่ะนะคะ  ถึงตรงนี้ก็เป็นอันว่าเราได้พริกแกงสำหรับทำห่อหมกแล้วล่ะค่ะ

ต่อมาให้เราเตรียมภาชนะสำหรับคนห่อหมกไว้นะคะ  ปกติพิมใช้หม้อดินใบใหญ่กับไม้พายที่หน้าพายใหญ่กว่านี้  แต่วันนี้ทำนิดเดียวแค่ไม่กี่กระทง ขอให้เป็นกาละมังใบย่อมกับพายไม้อันเล้กแทนอ่ะค่ะ

จากนั้นก็เริ่มต้นผสมส่วนผสมห่อหมกด้วยการใส่หัวกะทิลงไปในกาละมังนะคะ  ใส่ยังไม่ต้องหมด สัก 2/3 ถ้วยก็พอ  (ค่อยใส่เพิ่มทีหลัง)  ตามด้วยพริกแกง แล้วก็ใช้ไม้พายคนให้พริกแกงละลายไปกับน้ำกะทิค่ะ  (ถ้าใช้ไม้พายคนไม่ละลาย ก็ใช้ทัพพี หรือจะใช้มือลงไปบี้เลยก็ได้ค่ะ)

แล้วก็ใส่เนื้อปลาอินทรีขูดที่โขลกให้เหนียวแล้วลงไป  ใช้ไม้พายอันเดิมคนให้เนื้อปลาแหลก  (อาจจะมีการเติมหัวกะทิบ้างเป็นระยะ ๆ เพื่อให้คนได้สะดวกขึ้น)

พอเนื้อปลาแหลกเนียนไปกับกะทิแล้ว ก็ปรุงรสและกลิ่นด้วยน้ำปลาดี ๆ  ไข่ไก่ 1 ฟอง  กับใบมะกรูด 1 ชต. ค่ะ

ป.ล. ถ้าใช้พวกกะทิกล่อง  อาจจะต้องใช้น้ำตาลช่วยในการปรุงรสให้กลมกล่อมมากขึ้น  แต่ว่าพิมใช้กะทิสด เลยไม่ได้ใส่น้ำตาลนะคะ

คนให้เข้ากันอีกที  และก็คนไปเรื่อย ๆ ๆ ประมาณ 30 นาที จนกระทั่งส่วนผสมห่อหมกมีเนื้อที่เนียนพอประมาณ และมีความข้นมากขึ้น (จากตอนแรก) ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ

ป.ล. ห่อหมกที่ใช้เนื้อปลาขูดผสม จะใช้เวลาในการกวนห่อหมกไม่นาน แต่ถ้าเป็นห่อหมกเนื้อปลาช่อน ก็กวนกันประมาณ 1 ชม. ครึ่ง - 2 ชม.   เลยค่ะกว่าจะข้นได้ที่

จากนั้นก็ตักใส่ถ้วยเล้ก ๆ เอาไปนึ่งชิมซะหน่อย  โดยจะนึ่งแบบพิม หรือจะแรพด้วยฟิล์มใสแล้วเอาใส่ไมโครเวฟก็ได้ค่ะ

ถ้านึ่งแบบพิมอย่างนี้ ใช้เวลาสัก 2 นาทีก็สุกล่ะค่ะ ... พอสุกออกมาก็หน้าตาประมาณนี้นะคะ  เราก็ตักชิมดูว่ารสชาติประมาณไหน ขาดอะไรไป ก็เติมเอาตามใจชอบค่ะ  หากขาดเค็มก็เติมน้ำปลา  หากขาดเผ็ด ก็ละลายพริกแกงด้วยกะทิแล้วใส่ลงไปคนให้เข้ากนอีกทีในหม้อ หรือหากรู้สึกว่าเค็มแล้วเผ็ดแล้ว แต่ไม่กลมกล่อม อาจจะเหยาะน้ำตาลเพิ่มไปสักครึ่ง ชต. ก็ได้ค่ะ

เมื่อชิมห่อหมกได้รสชาติที่ต้องการแล้ว  ก่อนที่เราจะไปเอาห่อหมกขึ้นนึ่ง  เราก็จะต้องมาทำกะทิสำหรับราดหน้าห่อหมกกันก่อนนะคะ  ด้วยการเอาหัวกะทิใส่หม้อใบเล็ก ๆ สักใบค่ะ ใส่แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งสาลีลงไปนิดหน่อย   คนด้วยตะกร้อมมือหรือทัพพีก็ได้ให้แป้งละลายหมด แล้วเราก็ค่อยยกหม้อกะทิไปตั้งไปค่ะ  ... ระหว่างตั้งไฟ ก็ใช้ทัพพีหรือตะกร้อมือคนไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ  จนกระทั่งกะทิเดือด แป้งสุกดี  ก็ปิดไฟเตา แล้วเราก็จะได้กะทิสำหรับหยอดหน้าห่อหมกแล้วล่ะค่ะ  .. (ตรงนี้ ทำเสร็จแล้วพักเอาไว้ก่อน)

ต่อมาก็มาจัดการผักที่เราจะใช้รองก้นกระทงห่อหมกกันต่อค่ะ  ซึ่งปกติผักที่ใช้รองก้นกระทงเนี่ยเค้ามักจะใช้ใบยอ กะหล่ำ ผักกาขาว หัวปลี  โหระพา...กัน  แต่วันนี้คุณสามี request มาว่าขอเป็นกะหล่ำอย่างเดียว พิมก็จัดให้ค่ะ ... กะหล่ำอย่างเดียว

ก็เอากะหล่ำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แบบในภาพนะคะ  แล้วเอาไปลวกในน้ำเดือดจัด  ลวกพอให้สะดุ้งน้ำร้อนก็พอ ไม่ต้องรอจนนิ่มมาก  ... แล้วก็ตักขึ้นด้วยกระชอนโปร่ง ๆ  แช่น้ำเย็นให้คลายความร้อน แล้วก็ค่อยช้อนด้วยตะแกรงโปร่งๆ พักขึ้นไว้ให้สะเด็ดน้ำอีกทีค่ะ  (ถ้าเป็นไปได้  บีบกะห่ล่ำที่ลวกแล้วด้วยมือของเรานี่แหละ ให้น้ำออกซะให้หมดก็จะดีมากๆ  เพื่อที่ว่าเวลานึ่งเสร็จแล้ว น้ำจะได้ไม่เจิ่งนองในกระทงห่อหมกอ่ะค่ะ)

และเมื่อลวกผักกะหล่ำเสร็จ  ก็จัดการเอามารองก้นกระทงแบบนี้นะคะ ... ซึ่งจริง ๆ ตรงนี้เนี่ย ถ้าเป็นสมัยก่อน เวลาทำห่อหมกปลาช่อน เค้าจะเอาผักรองก้นกระทงไปขยำกับน้ำห่อหมกสักหน่อย เพื่อให้ผักมีรสชาติก่อนจะเอามารองก้นกระทงะนะคะ  แต่วันนี้พิมเอาสะดวกค่ะ ฮ่ะๆ เลยไม่ได้ทำแบบนั้นนะคะ (แค่รองเฉย ๆ)

แล้วก็ตักส่วนผสมห่อหมกหยอดลงไปให้เต็มกระทงค่ะ

นึ่งประมาณ 20-25-30 นาที  (ขึ้นกับขนาดกระทง ขนาดซึ้ง และความหนาแน่นของกระทงในซึ้ง)

แล้วเราก็จะได้ห่อหมกที่สุกแล้ว ออกมาหน้าตาประมาณนี้นะคะ   (ถ้าเป็นห่อหมกปลาช่อน หน้าห่อหมกจะปูด ๆ หน่อยด้วยเนื้อปลาช่อน แต่ถ้าเป็นห่อหมกเนื้อปลาขูด หน้ากระทงก็จะเรียบ ๆ แบบนี้อ่ะค่ะ)

จัดการตกแต่งหน้าตาเล็กน้อยด้วยหัวกะทิ  ใบมะกรูด และพริกชี้ฟ้าแดง ........... แล้วเราก็จะได้ห่อหมกเนื้อปลาอินทรีขูด ออกมาหน้าตาแบบนี้ล่ะค่ะ  น่ากินไหม ^^

สำหรับพิมเนี่ย พิมว่าถ้าเป็นห่อหมกปลาช่อนทำยากค่ะ วุ่นวายด้วยอ่ะ มากขึ้นตอน ไม่ค่อยอยากแนะนำให้ใครทำ  เพราะกว่าจะทำ กว่าจะได้กิน บางทีหมดอารมณ์อยากกินไปแล้ว  แต่ถ้าหากเป็นห่อหมกเนื้อปลาอินทรีขูดแบบนี้ ทำง่ายค่ะ ง่ายกว่าปลาช่อนหลายเท่าเลย ... ยังไงก็ถ้าเพื่อน ๆ สนใจลองทำดูกันนะคะ

อ้อ ๆ เกือบลืม พิมอยากจะย้ำนิดค่ะว่า ห่อหมกเนี่ยทำไม่ยาก แต่ทำให้อร่อยยากนะคะ .......... ซึ่งความอร่อยของห่อมหมกอยู่ที่

1. กะทิต้องเป็นหัวกะทิที่คั้นสด ๆ จริง ๆ จะมีความข้น หอม หวาน มัน อยู่ในตัว
2. พริกแกงจะต้องเป็นพริกแกงที่หอมเครื่อง  เพิ่งตำไม่นาน  อย่างน้อยไม่ควรตำเกินสี่ห้าวัน เพราะว่าไม่งั้นความหอมของสมุนไพรในพริกแกงมันจะลดน้อยลงค่ะ
3. รสชาติของห่อหมกจะออกเผ็ดนิด ๆ เค็มหน่อย ๆ หวานจากกะทิ  และจะต้องมีรสชาติโดยรวมที่กลมกล่อม ไม่เผ็ดไป ไม่เค็มไป  และจะต้องได้ความหวานจากกะทิเป็นหลักอ่ะค่ะ