header



http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-01.JPG

ช่วงนี้แม่พิมไม่ค่อยสบาย  กินอะไรไม่ค่อยได้  แต่เมื่อวานแม่บ่นอยากกินบัวลอย  พิมก็เลยรีบจัดให้ล่ะค่ะ 

พูดถึงบัวลอย .. ตอนสมัยเด็กๆ (ประถม)  บ้านยายที่อยู่ข้างๆ บ้านพิม  (มิใช่ยายแท้ๆ ของพิม)  เค้าทำขนมไทยส่งตามสวนอาหาร ภัตตาคารค่ะ  ขนมไทยที่ยายเค้าทำส่งก็มีมากมายเช่น ตะโก้ (อันนี้ขึ้นชื่อมาก)  ลอดช่อง  ขนมถ้วย ถั่วแปบ  ปลากริมไขเต่า ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมไทยอื่น ๆ อีกหลายอย่างรวมไปถึงบัวลอยด้วยอ่ะค่ะ 

ตอนพิมยังเด็กๆ หลังจากเลิกเรียน พอกลับถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย  ก็จะถูกแม่บังคับให้มานั่งปั้นบัวลอย (แม่ไปเป็นลูกมือยาย)  ซึ่งตอนนั้นให้พิมปั้น พิมก็ปั้นนะคะ  แต่ไม่ได้ปั้นเพราะชอบ  แต่ปั้นเพราะแม่บังคับ >_<  ไม่ทำจะถูกบ่น  แต่นอกจากเรื่องปั้นแล้ว พิมก็ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยค่ะ ปั้นเสร็จก็ไปเล่นในน้ำในบ่อ ไม่ก็ดูโทรทัศน์ไปตามเรื่อง  ฮ่าๆ

แต่ถึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนอกจากเรื่องปั้น  พิมก็พอจะทราบอยู่ว่าบัวลอยไข่หวานที่เค้าทำกันสมัยพิมยังเด็กๆ  เค้าจะใช้น้ำตาลปี๊บในการทำน้ำกะทิของบัวลอยแต่เพียงอย่างเดียว  ทำให้น้ำกะทิที่ได้มาออกเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ   ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะอะไรเหมือนกันนะคะ  อาจจะเพราะรสชาติของน้ำตาลปี๊บที่มีความหวานแบบนุ่มนวล  มันเหมาะกับขนมไทยประเภทนี้ก็เป็นได้  แต่บัวลอยแบบนี้เป็นบัวลอยในความทรงจำของพิมเลยอ่ะค่ะ  

พอพิมโตขึ้นมา สักเรียน ป.ตรี  ก็จะมีบัวลอยอีกประเภทนึงโผล่ขึ้นมา คือ บัวลอยกะทิสด ที่ใช้น้ำตาลทรายเพียงอย่างเดียว  ทำให้น้ำกะทิบัวลอยมีสีขาวสวย น่าทานมาก   แต่โดยส่วนตัวพิมไม่ค่อยชอบทานสักเท่าไหร่  พิมว่ารสชาติมันหวานแหลม ขาดความนุ่มนวล และก็ไม่หอมอ่ะค่ะ 

วันนี้พิมก็เลยจะทำบัวลอยอีกหนึ่งสูตรมานำเสนอเพื่อนๆ  เป็นบัวลอยที่มีวิธีการทำแบบสมัยก่อน แต่ว่าในขั้นตอนการทำน้ำกะทิจะเป็นแบบเมื่อก่อนผสมแบบใหม่ ทำให้ได้น้ำกะทิที่มีสีขาวสวย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความหอม หวาน นุ่มนวล ไม่แพ้สูตรเก่าเลยอ่ะค่ะ ........ ลองไปดูกันเลยนะ ^_^

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-13.JPGhttp://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-14.JPG

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-15.JPG

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "แป้งบัวลอย - ฟักทอง" ::

- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- แป้งมัน 10 กรัม 
- ฟักทองนึ่งสุก 125 กรัม   (ใช้ฟักทองดิบที่ปอกเปลือก หั่นชิ้นแล้ว 150 กรัม)
- น้ำลอยดอกมะลิ  1/4 ถ้วยตวง

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "แป้งบัวลอย - เผือก" ::

- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- แป้งมัน 10 กรัม 
- เผือกนึ่งสุก 140 กรัม  (ใช้เผือกดิบที่ปอกเปลือก หั่นชิ้นแล้ว 150 กรัม)
- น้ำ   1/3 ถ้วยตวง กับอีกประมาณ 1 ชต.

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "แป้งบัวลอย - ใบเตย" ::

- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- แป้งมัน 10 กรัม 
- น้ำใบเตยคั้นแบบเข้มข้น  4  ชต.
- น้ำเปล่า 3 ชต.

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "แป้งบัวลอย - สีชมพู" (แบบใช้สีผสมอาหาร) ::

- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม
- แป้งมัน 10 กรัม 
- สีผสมอาหารสีชมพู 3-4 หยด (แล้วแต่ความเข้มที่ชอบ) 
- น้ำเปล่า 7 ชต.

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-02.JPG 

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "น้ำกะทิ" ::

- กะทิ 8 ถ้วย   หรือ  หางกะทิ 6 ถ้วย + หัวกะทิ 2 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 320 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ชต.
- มะพร้าวอ่อนหั่นชิ้นพอคำ  400 กรัม
- ไข่ไก่ 10 ฟอง  (หรือแล้วแต่จะทาน)
- ใบเตยหอมล้างสะอาด มัดให้เรียบร้อย 4-5 ใบใหญ่

เพิ่มเติม ::  บัวลอยตามสูตรด้านบน เมื่อปั้นเสร็จแล้วจะได้เม็ดบัวลอยน้ำหนักประมาณ 900 กว่ากรัม  แต่พิมจะแบ่งนำมาลวกใส่น้ำกะทิแค่ครึ่งนึง  (อีกครึ่งนึงเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อทำกินในวันอื่นได้ประมาณ 2-3 วัน)  เพราะงั้นตามวิธีทำด้านล่าง ก็จะเห็นว่าพิมทำน้ำกะทิแค่เพียงครึ่งสูตรจากสูตรด้านบนนะคะ ^_^

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-07.JPG

:: วิธีทำ ::  

ก่อนอื่นพิมบอกก่อนนะคะว่า  ถ้านวดแป้งตามด้านบนทั้ง 4 แบบ เมื่อปั้นเป็นเม็ดบัวลอยแล้วเนี่ย จะได้น้ำหนักประมาณ 900 กว่ากรัม  ซึ่งค่อนข้างเยอะพอควร  ถ้าดูจากที่พิมเคยไปซื้อเค้าทาน ถ้วยละ 15 บาท (ไม่ใส่ไข่)  อันนี้น่าจะได้สักประมาณ 20 กว่าถ้วยได้อ่ะค่ะ  ยังไงหากไม่ได้จะทานเยอะกันขนาดนั้น ก็ลดปริมาณลงตามสัดส่วนด้านบนนะคะ

เริ่มแรกเราก็มานวดแป้งกันก่อนเลยค่ะ  สำหรับวันนี้เนี่ย พิมจะทำแป้งทั้งหมด 4 สี คือ สีเขียว ขาว เหลือง และก็ชมพู  โดยสีเหลืองมีส่วนผสมของฟักทอง สีเขียวก็น้ำใบเตย  สีขาวก็เผือก ส่วนสีชมพูพิมใช้สีผสมอาหารหยดลงไปนิดหน่อยนะคะ  จริง ๆ อยากได้สีม่วงกะสีฟ้าด้วย แต่ไม่ได้เดินไปเก็บดอกอัญชัน ก็เลยไม่ได้ทำอ่ะค่ะ  ^__^  

แป้งสีแรกที่พิมจะทำก็คือแป้งสีเหลืองนะคะ  ก็ให้เราผสมแป้งทั้งสองอย่าง ฟักทองนึ่งสุก (จะบดก่อนหรือไม่ก็ได้)  น้ำเปล่า (ใส่ลงไปสัก 2 ชต. ก่อน)  แล้วค่อยๆ ขยำๆๆ จนฟักทองเละ และนวดแป้งให้เข้ากับฟักทอง  หากแป้งแห้งไป ก็เติมน้ำเปล่าได้นะคะ  ค่อย ๆ เติมทีละ 1 ชต.  (เพราะเราใช้แป้งข้าวเหนียวไม่เยอะ)   แล้วก็สลับกับการนวด  จนแป้งหมด น้ำหมด  เราก็จะได้แป้งที่เป็นก้อนๆ  ประมาณในภาพด้านล่างนะคะ    

แต่ ........ ถ้าน้ำหมดแล้ว แต่ยังไม่สามารถนวดแป้งให้เข้ากับฟักทองได้  ยังมีความรู้สึกว่าแป้งแห้ง ไม่นุ่ม   ให้เติมน้ำไปได้ทีละ 1 ชช.  แล้วก็นวด จนแป้งนิ่ม สามารถปั้นเป็นเม็ดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อยได้ก็ใช้ได้ ระวังอย่าเติมเยอะไป แป้งอาจจะแฉะมาก  ถ้าแป้งแฉะเกิน ปั้นแล้วติดมือให้ใส่แป้งข้าวเหนียวลงไปทีละสัก 1/2 ชต. นะคะ ^_^

เพิ่มเติม ::  วีธีนึ่งฟักทองของพิมคือ  ปอกเปลือกฟักทอง เอาไส้เอาเม็ดออก หั่นชิ้นประมาณ  1/2 * 1/2  นิ้ว  แล้วนำไปนึ่งบนน้ำเดือดจัด ประมาณ 15 นาทีค่ะ

เพิ่มเติม ::  หลังจากนวดเสร็จ พักแป้งไว้ในกาละมัง  (รอนวดแป้งสีอื่น) ให้เราหาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด คลุมแป้งไว้นะคะ หรือไม่ก็ปิดปากกาละมังด้วยฟิล์มใสเลยอ่ะค่ะ

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-03.jpg

ต่อมาเราก็มานวดแป้งสีขาวที่มีส่วนผสมของเผือกกันต่อนะคะ   ซึ่งวิธีการนวดก็แบบเดียวกับการนวดแป้งที่ผสมฟักทองเลยอ่ะค่ะ  มิแตกต่างกันแต่ประการใด ^_^  แต่แป้งที่ผสมเผือกนี่ จะใช้น้ำมากกว่าแป้งที่ผสมฟักทองนิดหน่อยนะคะ

เพิ่มเติม ::  ถ้าอยากให้สีสวยเป็นสีม่วงอ่อน ๆ ก็เหยาะสีผสมอาหารสีม่วงลงไปนิดหน่อย

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-04.jpg

ต่อมาก็มานวดแป้งสีเขียว หรือแป้งที่ผสมน้ำใบเตยกันค่ะ  วิธีทำก็ไม่ยากเลย  แค่เราผสมแป้งสองอย่าง น้ำใบเตย และน้ำเปล่ารวมกัน (ค่อยๆ ทยอยใส่น้ำเปล่าเหมือนเดิมนะ)  แล้วนวดให้เข้ากันจนแป้งนุ่ม ไม่ติดมือ ไม่เละเกิน ปั้นเป็นเม็ดบัวลอยได้ .. ก็ใช้ได้ล่ะค่ะ

ส่วนแป้งสีชมพูก็ทำเหมือนแป้งสีเขียวนะคะ เพียงแต่ให้เราใช้สีผสมอาหาร (สีแดง) ลงไปบนแป้งแทนน้ำใบเตยสัก 2-3 หยด หรือตามความเข้มของสีแป้งที่ชอบเท่านั้นเองค่ะ

อย่าลืม .... ย้ำๆ ...... นวดแป้งทุกอย่างเสร็จแล้ว อย่าลืมคลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด หรือไม่ก็ปิดปากกาละมังด้วยฟิล์มใสนะคะ ไม่งั้นแป้งที่เรานวดไว้จะแห้ง ปั้นแล้วแตก ต้องมานวดใหม่อ่ะค่ะ

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-05.jpg

จากนั้นเราก็จะมาทำการปั้นเม็ดบัวลอยล่ะค่ะ  วิธีปั้นก็ง่ายมาก บางคนถนัดหยิบแป้งมาทีละนิด แล้วปั้นด้วยนิ้วชี้กะนิ้วโป้ง (ข้างที่ถนัด)  ให้เป็นเม็ดกลมๆ  ขนาดปลายนิ้วก้อย  .....  หรือบางคนอาจจะถนัดปั้นแป้งเป็นเส้นยาว+ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบๆ 1 ซม. ก่อน  แล้วค่อยเด็ดแป้งจากเส้นยาวออกมาทีละนิด  เพื่อปั้นเป็นก้อนกลม   ........ หรือบางคนอาจจะใช้วิธีปั้นเป็นเส้นยาว  วางกับโต๊ะ  แล้วใช้ที่ตัดแป้ง ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ  ประมาณ๖ปลายนิ้วก้อย จากนั้นก็เอาฝ่ามือ (คว่ำ) คลึงเม็ดแป้งทีละ  10-20 ชิ้น ให้กลายเป็นเม็ดกลม  ........ ก็ตามแต่สะดวกของแต่ละคนเลยนะคะ ใครถนัดวิธีไหนก็ใช้วิธีนั้น ส่วนพิมจะถนัดวิธีที่สองอ่ะค่ะ 

แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะปั้นแป้งด้วยวิธีไหน  เมื่อเอาแป้งบัวลอยที่ปั้นกลมๆ  แล้วใส่ถาด  อย่าลืมโรยด้วยแป้งนวล  (แป้งนวลคือแป้งชนิดเดียวกับที่เราใช้ทำขนม หรือชนิดที่ใช้เยอะสุด ซึ่งวันนี้คือแป้งข้าวเหนียว)  ให้ทั่ว ๆ เม็ดแป้ง เพื่อไม่ให้เม็ดแป้งติดกันนะคะ

พอปั้นเสร็จ ก็คลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดไว้อย่างเดิมค่ะ  หรือถ้าจะปั้นไว้ใช้วันอื่น  ก็ไม่ต้องคลุมนะคะ  พักตากลมให้พอหมาด ๆ  ก็เอาใส่ถุงมัดปาก ใส่ตู้เย็นไว้เลยค่ะ 

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-06.JPG

ต่อมาเราก็จะมาทำน้ำกะทิกันนะคะ  (พิมทำน้ำกะทิแค่ครึ่งสูตรด้านบน)  ก็เทกะทิใส่หม้อใบย่อมๆ  ไปสัก 6 ถ้วย ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น  ตามด้วยใบเตย (แต่วันนี้พิมหาใบเตยไม่ได้ค่ะ - -") คนด้วยทัพพีให้พอเข้ากันก่อน  แล้วก็นำไปตั้งบนเตาไฟ ใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อน รอจนเดือดและน้ำตาลละลายหมด  ก็ลองตักขึ้นมาชิมรสตามชอบค่ะ  หากอยากเพิ่มหวานก็เติมน้ำตาลเพิ่มได้  ถ้าเติมน้ำตาลปี๊บจะหวานนุ่มนวล-สีกะทิจะตุ่น ๆ  แต่ถ้าเติมน้ำตาลทรายจะรสหวานแหลม-สีขาวสวย  ก็เลือกเติมเพิ่มเอาได้ตามใจชอบนะคะ 

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-08.jpg

จากนั้นก็ให้เราตอกไข่ใส่ถ้วย  (เราจะทำไข่หวานกันก่อน แต่ถ้าใครไม่กินไข่ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย)  แล้วค่อยๆ เทใส่ลงไปในหม้อน้ำกะทินะคะ  ทิ้งระยะเวลาสักแป๊บนึง ไข่ก็จะเริ่มสุก แต่จะให้สุกมากน้อยแค่ไหนก็ตามชอบเลย แล้วพอสุกก็ตักขึ้นใส่ถ้วยไว้ก่อนนะคะ   

ในส่วนของไข่เนี่ย เพื่อนๆ จะทานกี่ฟองก็ทำตามที่ชอบเลยนะคะ จะทานฟองเดียวก็ทำฟองเดียว จะทานสัก 5 ฟองก็ทำ 5 ฟองได้อ่ะค่ะ  ^_^

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-10.jpg

ส่วนพิมทำแค่ 4 ฟอง  เพราะมีคนกินไข่แค่ 4 คน  ก็จะได้ไข่หวานออกมาหน้าตาประมาณนี้ค่ะ .. (พักไว้ก่อน) 

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-11.JPG

หันมาตั้งหม้อที่ใส่น้ำเปล่าประมาณ 1/2 หม้อบนเตาไฟ ใช้ไฟกลางนะคะ  พอน้ำเดือดจัด เราก็เทเม็ดบัวลอยที่เราปั้นไว้ลงไปเลยค่ะ  (แนะนำว่าให้เขย่าเอาแป้งนวลส่วนเกินออกไปบ้างก่อนจะเทลงหม้อ  ไม่งั้นน้ำจะขุ่นแบบในภาพล่าง เพราะพิมลืมอ่ะ >_<)    แล้วก็ทิ้งระยะเวลาสัก 1 นาที เอาทัพพีคนก้นหม้อเบาๆ เพื่อไม่ให้เม็ดแป้งติดก้นหม้อ จากนั้นก็รอให้เม็ดแป้งสุก  คือเมื่อเม็ดแป้งเริ่มสุก ก็จะค่อย ๆ ลอยจากก้นหม้อขึ้นมาด้านบน  เราก็ปล่อยให้ลอยสัก 30 วินาที แล้วก็เอาทัพพีโปร่ง หรือกระชอนตาถี่  (ที่มีรู)  ช้อนเฉพาะเม็ดบัวลอยขึ้นมา แล้วนำไปล้างในน้ำเย็น 1 ครั้ง 

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-09.jpg

ใส่ลงในหม้อน้ำกะทิ  ราดด้วยหัวกะทิที่เหลืออีก 2 ถ้วย  แล้วตั้งหม้อบนเตาไฟอีกครั้ง ใช้ไฟกลาง คนเป็นระยะจนกะทิร้อน + เดือดเบาๆ  ก็ใส่มะพร้าวอ่อนลงไป คนพอเข้ากัน  ใส่ไข่หวานที่ทำไว้ตามลงไป (แต่ในภาพ พิมลืมใส่)  .......  เป็นอันเสร็จเรียบร้อย  ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ

เพิ่มเติม ::  แนะนำว่าควรหั่นมะพร้าวให้มีขนาดชิ้นใหญ่กว่าในภาพด้านล่างของพิม  อย่างน้อยก็กว้างสัก 1 ซม.  เพราะเวลาเคี้ยวจะได้รู้สึกถึงความเป็นมะพร้าวอ่อนเยอะๆ  แต่เผอิญว่าพิมมีมะพร้าวอ่อนที่หั่นแล้วเหลืออยู่จากการทำหน้าเค้ก  ก็เลยนำมาใช้ ไม่ได้แคะมาจากลูกใหม่ๆ อ่ะค่ะ

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-12.JPG

ถึงเวลาเสริฟ ... ก็ตักใส่ถ้วยเล็กๆ  น่ารักๆ  ใส่เม็ดบัวลอยไปสัก 1 ทัพพี หรือมากน้อยกว่านี้ตามชอบ  ใส่ไข่หวาน 1 ฟอง ตามด้วยน้ำกะทิพอประมาณ  ..... เท่านี้เราก็จะได้บัวลอยไข่หวานสูตรที่ทั้งหอม ทั้งหวาน (ไม่มาก)  แป้งบัวลอยนุ่ม และมีมะพร้าวอ่อนให้เคี้ยวเพลินๆ แล้วอ่ะค่ะ ^_^

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-13.JPG

แต่ต้องบอกย้ำกันนิดว่า สูตรนี้ไมใช่สูตรโบราณ-สมัยพิมยังเด็กๆ นะคะ  เป็นสูตรที่พิมผสมระหว่างบัวลอยสูตรโบราณ (สูตรน้ำตาลปี๊บล้วน) กับบัวลอยสูตรสมัยใหม่ (สูตรกะทิสด) รสชาติจะนุ่มนวล แต่รสไม่หนามาก ทานได้เรื่อยๆ  (อันนี้อันตรายสุดๆ - -")   ที่สำคัญเป็นสูตรที่พิมภูมิใจนำเสนอมาก เพราะเป็นสูตรที่ทำให้แม่กินเป็นคนแรก แล้วแม่ก็ถามถึงรายละเอียดการทำมากมาย พร้อมจบลงด้วยคำพูดที่ว่า  "แม่ว่าอร่อยอ่ะ น่าทำขายเน๊อะ"  ........ ^_^

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-14.JPG

ยังไงไปลองทำกันดูนะคะ ติดขัดตรงไหนก็มาถามกันได้ค่ะ  แล้วพบกับเมนูอร่อยๆ จากพิมใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ 

http://www.pim.in.th/images/all-thai-sweet/bualoy/bualoy-15.JPG



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก