header

ยินดีต้อนรับ, บุคคลทั่วไป
ชื่อผู้ใช้: รหัสผ่าน:
พูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป

กระทู้: สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณสุข

สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณ​สุข 12 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #1734

  • ดา
  • รูปประจำตัวของ ดา
  • ออฟไลน์
  • Expert Boarder
  • ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
  • จำนวนโพสต์: 789
  • ขอบคุณที่รับ: 143
  • พลังน้ำใจ: 1
กระทรวงสาธารณสุขได้มีนโยบายในการสนับสนุน ส่งเสริมให้นำเอาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
หรือการกินอยู่อย่างวิถีไทยขึ้นมาใช้ เพื่อส่งเสริมรักษาบำรุงสุขภาพ ในยุคปัจจุบัน โดยให้คัดและเลือกสรรภูมิปัญญาที่เป็นผลและสามารถอธิบายได้

ซึ่ง ณ วันนี้และขณะนี้ สิ่งที่นำมารับใช้สังคมได้อย่างดีก็คือ การส่งเสริมให้ประชาชนใช้ผักพื้นบ้านซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน เอ อี ซี และผลไม้ไทย ซึ่งทั้งผักก็ดี ผลไม้ก็ดี สมุนไพรก็ดีนั้น สามารถนำเอามาใช้ทั้งในรูปแบบยา อาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาสมุนไพร และผลไม้มาใช้ในรูปแบบของเครื่องดื่มสมุนไพรนั้น เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำด้วยตนเองได้ และเข้าไปอยู่ในระบบของวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายกว่าอื่นๆ ใดๆ
อย่างเช่นการใช้สมุนไพรบางชนิดมาทำเครื่องดื่มเมื่อรับประทานแล้ว สามารถทำให้ได้รับวิตามินซี
มากขึ้น และสามารถลดคลอเลสเตอรอลได้ สามารถทำให้การรักษาอื่นๆ ใดนั้น ประสบความสำเร็จดียิ่งขึ้นอันนั้นเป็นจุดประสงค์ที่สำคัญจึงได้รวบรวมข้อมูลความรู้ทั้งหมดในการทำน้ำและเครื่องดื่มสมุนไพร

กระเจี๊ยบแดง
ใช้เป็นอาหาร ใบอ่อน ยอดอ่อน แกงส้ม ต้มส้ม
คุณค่าทางโภชนาการ กลีบเลี้ยงและใบประดับมีวิตามินซี มีกรดซิตริก มัลลิค ธาตุแคลเซียมสูง มีวิตามินเอและอื่นๆ ใบมีวิตามินเอสูงมาก 12,583 I.U. ต่อ 100 กรัมของส่วนที่กินได้
มีแคลเซียมสูง มีฟอสฟอรัสและอื่นๆ
ใช้เป็นยา ยอดและใบ ช่วยย่อยอาหาร ละลายเสมหะ ขับปัสสาวะ เป็นยาบำรุงธาตุ และยาระบาย ใช้ภายนอกคือ ตำพอกฝี ต้มน้ำชะล้างแผล ใบตำให้ละเอียดนำมาประคบฝี กลีบเลี้ยงทำให้สดชื่น ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ แก้นิ่ว แก้กระหายน้ำ เมล็ด ลดไขมันในเลือด บำรุงเลือด บำรุงธาตุ ขับน้ำดี
แก้ปัสสาวะขัดและเจ็บ

แคนตาลูป
ใช้เป็นอาหาร ผลสุก รับประทานเป็นผลไม้ ทำเป็นน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อแคนตาลูป มีวิตามินเอสูงมาก มีวิตามินซีเล็กน้อย มีน้ำตาล และมีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และอื่นๆ
ใช้เป็นยา ผลเป็นยาขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ขับน้ำนม ขับเหงื่อ
บำรุงหัวใจ สมอง แก้อักเสบทางเดินปัสสาวะ แก้กระหาย ดับพิษร้อน

แครอท
ใช้เป็นอาหาร หัว ผัด ใส่แกงจืด ทำส้มตำแบบมะละกอ ดอง ขูด ละเอียดนำไปกวนทำขนม แกะสลัก ประกอบการตบแต่งอาหารทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ หัว มีสารเบต้า-แคโรทีนสูง มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มีวิตามินเอ บี 1 บี 2 และวิตามินซี
ใช้เป็นยา หัว มีปริมาณของเกลือโปตัสเซียมสูงซึ่งทำให้มีฤทธิ์ในทางขับปัสสาวะ มีน้ำมันหอมระเหย
มีฤทธิ์ในทางขับพยาธิไส้เดือน

ตะไคร้
ใช้เป็นอาหาร ต้นสด นำมาแต่งกลิ่นเป็นอาหาร เป็นเครื่องเทศ เช่น เป็นส่วนผสมของ เครื่องแกงต่าง ๆ ต้มยำ ยำต่างๆ ต้นสด ทำน้ำตะไคร้ได้
คุณค่าทางโภชนาการ ทั้งต้น มีน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพาะลำต้นใต้ดินและบนดิน ถ้ากลั่นด้วยไอน้ำจะให้น้ำมันหอมระเหย ชื่อ Lemongrass oil น้ำมันนี้สามารถยับยั้ง การเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ มีเมนทอล แคลเซียม และอื่นๆ
ใช้เป็นยา ทั้งต้น เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้องขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค เป็นยาทานวดก็ได้ หัว รักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงธาตุ แก้อาการขัดเบา ใบสด จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้ ราก เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย ต้น เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตกปลาย แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว และเป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ

บัวบก
ใช้เป็นอาหาร ทั้งต้น กินเป็นผักสด หรือลวกกินกับขนมจีน น้ำพริก นำมาเป็นผักเหนาะกินกับแกง นำมายำ ทำน้ำใบบัวบก
คุณค่าทางโภชนาการ บัวบกมีน้ำมันหอมระเหยทุกส่วน สารที่มีรสขม มีสารไกลโคไซด์ มีวิตามินเอสูงมาก มีธาตุแคลเซียม และสารอื่นๆ
ใช้เป็นยา ทั้งต้น นำมาต้มน้ำดื่ม แก้ฟกช้ำได้ ลดการอักเสบได้ดี แก้ร้อนในกระหายน้ำ ตำพอกรักษาแผลสด ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ขับปัสสาวะและทำครีมทาผิวหนังแก้อักเสบ

เตยหอม
ใช้เป็นอาหาร น้ำคั้นจากใบ นำมาแต่งกลิ่นแต่งสีขนม
คุณค่าทางโภชนาการ ใบเตยสด มีน้ำมันหอมระเหย รสหวาน หอม มัน และมีสีเขียว ที่นิยมใช้แต่งสีอาหาร เป็นสารคลอโรฟิลล์
ใช้เป็นยา ใบสด ต้มกับน้ำดื่ม ลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่น ต้นและราก เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน และแก้กระษัยน้ำเบาพิการ

ฝรั่ง
เป็นอาหาร ผลแก่ รับประทานเป็นผลไม้ และทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ ผลฝรั่งแก่เต็มที่มีวิตามินซีสูงจะลดลงเมื่อสุก ช่วยป้องกัน โรคเลือดออกตามไรฟัน มีวิตามินเอ วิตามินบี1 บี2 และบี6 ธาตุเหล็กและแคลเซียมมีกรดอินทรีย์หลายชนิด และมีน้ำตาลเล็กน้อย
ใช้เป็นยา ใบ แก้อาการท้องเดิน เนื้อผลฝรั่งสุกเป็นยาระบายอ่อนๆ

มะขาม
ใช้เป็นอาหาร ใบอ่อน ดอก มีรสเปรี้ยว ใส่ในอาหาร ต้มยำ ต้มโคล้ง ฝักอ่อน มีรสเปรี้ยว ใช้ปรุงอาหาร น้ำพริกมะขาม ฝักแก่ รสเปรี้ยว ใช้เป็นเครื่องปรุงรส แกงส้ม แกงคั่ว
คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อมะขามเปียก มีกรดอินทรีย์สูง แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินและเอเล็กน้อย มีกัม เพคติน และอื่น ๆ เมล็ดมะขาม มีมิวซีเลจสูง ไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำมันชนิด semidrying fixed oil และอื่น ๆ
ใช้เป็นยา ใบแก่ เป็นยาแก้ไอ แก้โรคบิด ขับเสมหะในลำไส้ เนื้อในผล แก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ เมล็ดแก่ เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนในท้องเด็ก

มะเขือเทศ
ใช้เป็นอาหาร ผลสุก ปรุงอาหารประเภทต้มหรือยำ หรือบริโภคสด แต่งสีอาหาร
คุณค่าทางโภชนาการ มะเขือเทศสุก มีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเกือบครบ เช่น เอ บี ซี เค และวิตามินอื่นๆวิตามินเอนั้นมีสูงมาก โดยเฉพาะในมะเขือเทศสีดาและมีสารที่ให้สีเหลืองส้มธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม เหล็ก และอื่น ๆ
ใช้เป็นยา มะเขือเทศสุก จะช่วยย่อย อาหารดีขึ้น ช่วยระบาย และช่วยฟอกเลือด ใช้มะเขือเทศสุกฝานบางๆ หรือน้ำคั้นจากผลสดทาหน้า ช่วยทำให้ผิวหน้าตึงมีน้ำมีนวลยิ่งขึ้น

กล้วยหอม
ใช้เป็นอาหาร ผลแก่จัด นำมาทอด ฝานอบเนย ผลสุก รับประทานเป็นผลไม้ ทำขนมเค้ก ทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ กล้วยหอมสุก มีน้ำตาลหลายชนิด มีสารเพคติน มีโปรตีนวิตามินเอและซี ธาตุฟอสฟอรัส และแคลเซียม สารที่ให้กลิ่นหอมในกล้วยหอมสุก คือ amyl acetatea
ใช้เป็นยา ใบตอง ใช้ปิดแผลไฟไหม้ ใช้ใบตองที่ไม่อ่อนไม่แก่เกินไปและฆ่าเชื้อก่อนใช้เปลือกกล้วยหอมสุก ใช้รักษาส้นเท้าแตก โดยใช้เปลือกด้านทีติดเนื้อกล้วย ทาติดต่อกันจนกว่าจะหาย

ขิง
ใช้เป็นอาหาร ขิงสด ใช้ปรุงอาหาร เป็นผักจิ้ม ทำขิงดอง ทำน้ำขิง
คุณค่าทางโภชนาการ ขิง มีน้ำมันหอมระเหย 1-3 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ขิงมีกลิ่นหอม และมีน้ำมันชัน
(oleoresin) ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นเหง้าขิงแก่ๆ สารชนิดนี้ทำให้ขิงมีกลิ่นฉุน และรสเผ็ด
ยังมีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสและอื่นๆ
ใช้เป็นยา ต้น ขับผายลม บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ บำรุงธาตุไฟ รักษานิ่ว ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิ รักษาโรคตา บิด ลมป่วง ท้องร่วงอย่างแรง อาเจียน ใบ บรรเทาอาการฟกช้ำ ช่วยย่อยอาหาร ขับผายลม รักษาโรคกำเดาและนิ่ว ขับลมในลำไส้ ดอก ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิ และบำรุงธาตุไฟ ผล รักษาอาการไข้

มะนาว
ใช้เป็นอาหาร น้ำจากผล ใช้ปรุงรสอาหารให้มีรสเปรี้ยว ใช้ทั้งน้ำและเปลือกรับประทานกับเมี่ยง
ใช้ดองไว้ปรุงอาหาร ทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ น้ำมะนาวมีกรดอินทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก มาลิค วิตามินซีสูง และมีสารอื่นๆ ผิวมะนาว มีน้ำมันหอมระเหย มีวิตามินเอ และซี มีธาตุแคลเซียมฟอสฟอรัสสูงกว่าในน้ำมะนาวมีสารที่มีรสขม และอื่นๆ
ใช้เป็นยา ใบ ต้มเอาน้ำกิน เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้ท้องอืด ท้องเสีย ช่วยขับลม และทำให้เจริญอาหาร ผล คั้นเอาน้ำกินเป็นยาแก้กระหายน้ำ แก้ร้อนใน บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แก้เลือดออกตามไรฟัน และถ่ายพยาธิ หรือผลดองเกลือใช้เป็นยาขับเสมหะ และทำให้ชุ่มคอ เปลือก ผล เปลือกผลแห้ง ต้มน้ำกินเป็นยาแก้จุกเสียดแน่นท้อง แก้ปวดท้อง ขับเสมหะ บำรุงกระเพาะอาหาร และขับลม รากสด แก้ฟกช้ำจากการถูกกระแทกหรือหกล้ม แก้ปวด และแก้พิษสุนัขกัด

มะละกอ
ใช้เป็นอาหาร ผลดิบ นึ่งหรือต้มรับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก ผัดกับไข่หรือหมู ทำส้มตำ แกงส้ม ยอดอ่อนดอง รับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริก ผลสุก รับประทานเป็นผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ ผลมะละกอดิบมียาง มีสารเพคติน แคลเซียม วิตามินซี และอื่นๆ ผลมะละกอสุก มีวิตามินเอสูง วิตามินซี สารเพคติน เหล็ก แคลเซียม และมีสาร carotenoid เป็นสารที่ทำให้เนื้อมะละกอสุกมีสีส้ม
ใช้เป็นยา ต้นมะละกอ ขับประจำเดือน ลดไข้ ดอก ขับปัสสาวะ ราก แก้กลากเกลื้อน ยาง ช่วยกัดแผล รักษาตาปลาและหูด ฆ่าพยาธิ

ระกำ
ใช้เป็นอาหาร ผลดิบ รสเปรี้ยวนำมาตำน้ำพริก ใส่แกงส้ม ผลสุก รสหวานหรือหวานอมเปรี้ยวรับประทานเป็นผลไม้ หรือดองหวาน
คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อระกำมีกรดอินทรีย์มีน้ำตาลวิตามินซีเล็กน้อยมีธาตุแคลเซียมฟอสฟอรัสและอื่นๆ
ใช้เป็นยา ผล กินเป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ แก่น มีรสขมหวาน ใช้เป็นยาขับเสมหะ รักษากำเดา รักษาเลือด

ว่านหางจระเข้
ใช้เป็นอาหาร วุ้นจากใบ ทำลอยแก้ว วุ้นแช่อิ่ม และทำน้ำว่านหางจระเข้
คุณค่าทางโภชนาการ วุ้นและน้ำเมือก จะมีสารพวก Aloethin A เป็นสารพวก Glycoprotein และมีสารอื่นๆ ยางสีเหลือง มีสารออกฤทธิ์ที่เป็นยาถ่าย เป็นสารจำพวกแอนทราควินโนน
ใช้เป็นยา น้ำยางจากใบ ผสมกับสารส้มกิน รักษาโรคหนองใน ใบ ให้ยาดำใช้เป็นยาระบายและเป็นยาถ่ายจะออกฤทธิ์ที่ลำไส้ใหญ่ วุ้นจากใบ รักษาแผลไฟไหม้ การอักเสบของผิวหนัง และรักษาแผลที่เกิดจากการไหม้และจากเอกซเรย์ วุ้นใช้รักษาจุดด่างดำบนใบหน้า ฝ้า ส่วนใบสดใช้ฝานหนาๆ แล้วทาปูนแดงใช้ปิดขมับ รักษาอาการปวดศีรษะ ทำให้เย็น ดูดพิษ รากและเหง้า นำไปต้มกินรักษาโรคหนองใน

สละ
ใช้เป็นอาหาร ผลสุก รับประทานเป็นผลไม้ ทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการเนื้อสละมีกรดอินทรีย์ น้ำตาลวิตามินซีเล็กน้อยมีธาตุแคลเซียมฟอสฟอรัสและสารอื่นๆ

ส้มเขียวหวาน
ใช้เป็นอาหาร ผลสุก รับประทานเป็นผลไม้ เชื่อม ทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อส้ม มีวิตามินซี เอ บี มี ธาตุแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส มีกรดอินทรีย์หลายชนิดและอื่นๆ ส้มเขียวหวานมีวิตามินเอสูงมาก 4,000 I.U. ในส่วนที่กินได้ 100 กรัม ผิวส้ม มีน้ำมันหอมระเหย วิตามินซี และสารอื่นๆ
ใช้เป็นยา ผิวผล ใช้สกัดทำทิงเจอร์ สำหรับใช้แต่งกลิ่นยา และมีฤทธิ์ขับลม เปลือกผล ปรุงยาหอมแก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ น้ำจากผล ให้วิตามินซี รับประทานป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงร่างกาย แก้ไอ และขับเสมหะ

แห้ว
ใช้เป็นอาหาร หัวแห้ว ผัด ยำหรือต้มรับประทานเล่น ต้มกับน้ำตาล เชื่อม ทำแห้วกระป๋อง และทำน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ แห้ว มีวิตามินซีเล็กน้อย มีธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม มีแป้ง โปรตีน และอื่นๆ
ใช้เป็นยา ใบ ตำพอกเหงือก แก้ปวดเหงือกปวดฟัน หัว เป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ บำรุงธาตุ ขับน้ำนม สมานแผลในทางเดินอาหาร และกระตุ้นการทำงานของร่างกาย

อ้อย
ใช้เป็นอาหาร ต้นแก่ เป็นอ้อยควั่น บีบทำน้ำอ้อยสดดื่มเป็นน้ำผลไม้ ทำน้ำตาล
คุณค่าทางโภชนาการ อ้อย มีน้ำตาลซูโครสสูงมาก มีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสเล็กน้อย และมีสารอื่นๆ
ใช้เป็นยา น้ำเชื่อม ที่มีความเข้มข้นคามขนาดที่ฟาร์มาโคเปียกำหนดไว้ สามารถใช้เป็นสารกันบูด และฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ใส่แผลเรื้อรัง ทั้งต้น ใช้รักษาปัสสาวะพิการ รักษาขัดเบา แก้อาการช้ำ รักษาโรคนิ่ว อาการไอ ต้น แก้ไข้ แก้คอแห้งกระหายน้ำ รักษาอาการโรคไซนัส เป็นยาบำรุงหัวใจ รักษาอาการสัมประชวร รักษาไข้จับใน ชานอ้อย นำมาเผาให้เป็นเถ้า แล้วบดเป็นผง รักษาฝีอักเสบ และแผลใต้ผิวหนังเรื้อรัง

แอปเปิ้ล
ใช้เป็นอาหาร ผลแก่จัด รับประทานเป็นผลไม้ แช่ในน้ำเชื่อม ทำแยม และน้ำผลไม้
คุณค่าทางโภชนาการ แอปเปิ้ล มีกรดอินทรีย์ มีวิตามินเอและซี มีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และอื่นๆ
ใช้เป็นยา ใบ ใช้ต้มกินรักษาเลือดคั่งค้างหลังคลอด รักษาอาการไข้ ขับน้ำคาวปลา รักษาแผลจากไฟ ผล รักษาอาการท้องผูกเป็นประจำ นอนไม่ค่อยหลับ รักษาโรคเกี่ยวกับไตบำรุงร่างกายทารก บำรุงปอด

"น้ำจากพืช และผลไม้ มีประโยชน์มากมาย ประโยชน์โดยตรงที่ได้จากการรับประทาน คือ ดับกระหายแล้ว แต่ว่าประโยชน์ที่แอบแฝงมาด้วยที่เราทุกคนควรทราบด้วย ก็คือ สรรพคุณทางยาของพืช และผลไม้นั้นๆ ภูมิปัญญาของไทยตรงนี้ นับว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก เราคนไทยทุกควรหันมาทาน น้ำสมุนไพร กันอย่างน้อยวันละ 1 แก้วในช่วงเวลาอาหารเที่ยงก็นับว่าเพียงพอ"


ขมิ้นชัน

จากหนังสือ กินเป็น ลืมป่วย ล้างพิษในร่างกาย
ใช้กินเหง้าของขมิ้นชัน โดยการปอกเปลือก หรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อสะดวกแก่การกิน
ขมิ้นชันมีประโยชน์ และสรรพคุณ หลายประการดังนี้
ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ,ซี,อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ
- สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร
- ช่วยย่อยอาหาร
- ทำความสะอาดให้ลำไส้
- เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ
- ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ
- สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง
- กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
- ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี
กินขมิ้นชันให้ตรงเวลา
กินตรงเวลาที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูของระบบของอวัยวะ กินเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็กินครั้งละ 1 แคปซูล ทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้ากินในจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะไปขับไขมันในตับ
กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร
ไม่ใช่กินเป็นยา ต้องกินให้สนุก ใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากินและยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นชันจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้บางส่วน
ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ
ต้องปอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำขมิ้นชันบดเป็นผงต้องนำขมิ้นชันมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง แล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นชันแห้ง ความร้อนควรไม่เกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิด

นาฬิกาชีวิต (ความสัมพันธ์ของอวัยวะกับเวลา)

ช่วงเวลา เป็นเวลาของ
03.00 - 05.00 น. ปอด
05.00 - 07.00 น. ลำไส้ใหญ่
07.00 - 09.00 น. กระเพาะอาหาร
09.00 - 11.00 น. ม้าม
11.00 - 13.00 น. หัวใจ
13.00 - 15.00 น. ลำไส้เล็ก
15.00 - 17.00 น. กระเพาะปัสสาวะ
17.00 - 19.00 น. ไต
19.00 - 21.00 น. เยื่อหุ้มหัวใจ
21.00 - 23.00 น. พลังงานรวม
23.00 - 01.00 น. ถุงน้ำดี
01.00 - 03.00 น. ตับ

กินขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้จะได้ผลโดยตรงกับอวัยวะส่วนนั้น
เวลา 03.00 - 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

เวลา 05.00 - 07.00 น. ช่วยแก้ไขปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินขมิ้นชันในเวลานี้ ขมิ้นชันจะฟื้นฟูปลายประสาทของสำไส้ใหญ่ ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ไขปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป แต่ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้กินขมิ้ชันพร้อมกับสูตรโยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว หรือนำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆอยู่เป็นล้านๆเส้น ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้ ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้

เวลา07.00 - 09.000 น.ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม

เวลา 09.00 - 11.00 น. ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลในปาก อ้วนเกินไปผอมเกินไปที่เกี่ยวข้องกับม้าม ลดอาการเป็นเก๊าต์ ลดอาการเบาหวาน

เวลา 11.00 -13.00 น. ใครมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หรือไม่มี ก็กินขมิ้นชันเวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ถ้าเลย 11.00 น. ไปแล้ว ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับแล้วตับจะส่งมาที่ปอด ปอดจะส่งไปที่ผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป

เวลา 13.00 - 15.00 น. ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปวดท้องบ่อย เพราะมีไขมันเกาะลำไส้เล็ก ไขมันที่เคลือบลำไส้จะเคลือบขยะเอาไว้ด้วยแล้วสะสมกัน ทำให้เกิดแก๊ส และมีอาการปวดท้องตอนบ่ายในช่วงเวลานี้ ถ้ากินสูตรโยเกิต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว และขมิ้นชัน จะช่วยล้างลำไส้เล็กได้ดีที่สุด สูตรโยเกิตนี้ตัวจุลินทรีย์จะช่วยเปลี่ยนขยะในลำไส้เล็กให้เป็น บี 12 เพื่อส่งไปเลี้ยงสมองต่อไป

เวลา 15.00 - 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้ กินเหลือเลยเวลาจากช่วงนี้จนไปถึงการกินก่อนนอน ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าจะไม่ค่อยเพลีย และช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น การกินขมิ้นชันมากจะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนังไม่ให้เป็นผดผื่นคันง่ายๆ และช่วยขับไขมันในตับ ถ้ากินในปริมาณมาก

การกินขมิ้นชัน แบบผงหรือบรรจุแคปซูล ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้ ไร้สารเคมีไม่มีสเตอรอย์ที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน 65 องศา ควรตัดสินใจเอง เพราะเราจะต้องกินทุกวัน ก็ควรกินให้ปลอดภัยและสบายใจ
ถ้ากินขมิ้นชัน แบบผง 1 ช้อนชา ใช้ผสมน้ำ 1 แก้ว(ไม่เต็ม) ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ตั้งแต่
- ผ่านลำคอ ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ แล้วไปผ่านปอดช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น ลดความชื้นของปวด
- ผ่านม้าม ก็ลดไขมัน และปรับน้ำเหลืองไม่ให้น้ำเหลืองเสีย
- ผ่านกระเพาะอาหาร ก็จะรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
- ผ่านลำไส้ ก็สมานแผลในลำไส้
- ผ่านตับ ก็ไปบำรุงตับ ล้างไขมันในตับ

ขมิ้นชันยังช่วยดูแลเซลล์ต่างๆ ที่ฉีกขาด ก็จะไปเชื่อมให้ และไปกวาดขยะ กวาดไขมันมากองไว้ ถ้าจะอุ้มขยะไปทิ้งโดยการขับถ่ายก็กินอาหารปกติ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ที่มีกากใย หรือ กินน้ำลูกสำรอง(พุงทลาย) เพื่ออุ้มไขมัน อุ้มแก๊สไปทิ้ง
*คนธาตุเบา แสดงว่ามีการระคายเคือง อักเสบ เป็นแผลเรื้อรังบางอย่างที่ผนังลำไส้เป็นอาจิณ
*คนธาตุหนัก แสดงว่าปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม อาจเกิดจากการกินยาถ่ายเป็นประจำ หรือกินน้ำน้อย ทั้งธาตุเบาและธาตุหนัก ไม่ดีทั้งคู่ ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาที่ลำไส้ และปลายประสาทลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หากปล่อยไว้ วันข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ควรกินขมิ้นชันเป็นประจำ เพื่อค่อยๆ ปรับให้เข้าที่แล้ว กลับมาถ่ายได้อย่างปกติ

ผลไม้ที่ใช้ล้างพิษ

แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเปกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมาก ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่

องุ่น เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย เกลือแร่อุดม ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย

สับปะรด มีเอนไซม์โปรเมลินสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรอ ช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อ และช่วยกำจัดน้ำมูก

มะละกอและมะม่วง มะละกอและมะม่วงมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มะม่วงมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับโปรเมลิน ทั้งมะละกอและมะม่วงดีสำหรับทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหาร เชื่อกันว่ามะละกอยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย

แตงโม แตงโมมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง น้ำคั้นจากเปลือกของแตงโมและเมล็ด หากดื่มก่อนกินเนื้อแตงโมในมื้ออาหารสักครึ่งชั่วโมงจะทำให้คุณได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเปลือกของมันอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ และเมล็ดอุดมด้วยวิตามิน



เคล็ดลับแม่บ้าน
1. ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้งไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลยและอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก
2. ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมาก ฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ
3. ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปใน ขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น
4. ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน
5. มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป
6. พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้ รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้
7. เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น
8. เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ ในช่องแข็งของตู้เย็นประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น
9. นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา
10. ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้


ลองอ่านดู ส่วนไหนสามารถไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ ก็ลองนำไปใช้สมุนไพร มีแต่ประโยชน์ แบบสำเร็จรูปที่บรรจุแคปซูล ที่ใช้อยู่เป็นของ รพ.อภัยภูเบศ และขององค์การเภสัชค่ะ
สมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิในการตั้งและตอบกระทู้

ตอบกลับ: สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณ​สุข 12 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #1754

ขอบคุณพี่ดามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เลยค่ะ และขอบคุณแทนสมาชิกในเวบครัวบ้านพิมทุกคนเลย ขอบคุณมากจริง ๆ อ่านไปครึ่งนึงแล้วได้อะไรหลาย ๆ อย่างเลย ไว้พรุ่งนี้จะกลับมาอ่านต่อที่เหลืออีกครึ่งนึงอ่ะค่ะพี่

ป.ล. วันนี้บ้านพิมฝนตกหนักทั้งวันเลยค่ะ
เรื่องง่าย ๆ ในครัวสไตล์พิมที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ที่ "ครัวบ้านพิม"
สมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิในการตั้งและตอบกระทู้

ตอบกลับ: สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณ​สุข 12 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #1768

  • jantima
  • รูปประจำตัวของ jantima
  • ออฟไลน์
  • Expert Boarder
  • จำนวนโพสต์: 520
  • ขอบคุณที่รับ: 62
  • พลังน้ำใจ: 1
ขอบคุณดามากๆ เลยค่ะ ขอบคุณที่เอาความรู้มาเผื่อแผ่
เดี๋ยวลองอ่านรายละเอียดดู ตอนนี้มดก็กินฝรั่งเป็นประจำ แต่กินเพื่อลดความอ้วนนะ
สมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิในการตั้งและตอบกระทู้

ตอบกลับ: สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณ​สุข 12 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #1771

  • jantima
  • รูปประจำตัวของ jantima
  • ออฟไลน์
  • Expert Boarder
  • จำนวนโพสต์: 520
  • ขอบคุณที่รับ: 62
  • พลังน้ำใจ: 1
เรื่องใบฝรั่งช่วยดับกลิ่นนั้น จำได้ตอนเด็กๆ พอพ่อกินเหล้ามา ก่อนเข้าบ้าน พ่อจะเคี้ยวใบฝรั่งก่อนเข้าบ้านเพื่อลดกลิ่น และบอกแม่ว่าดื่มแค่พอเป็นพิธี กรั่กๆๆๆ
สมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิในการตั้งและตอบกระทู้

ตอบกลับ: สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณ​สุข 12 ปี 7 เดือน ที่ผ่านมา #1829

  • ดา
  • รูปประจำตัวของ ดา
  • ออฟไลน์
  • Expert Boarder
  • ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
  • จำนวนโพสต์: 789
  • ขอบคุณที่รับ: 143
  • พลังน้ำใจ: 1
มด หนูพิม ไม่เป็นไรจ๊ะ แบ่งปันกัน เอาไปใช้ประโยชน์ได้ เด็กๆ เอาไปทำงานรายงานส่งคุณครูได้ด้วย เอาไปประยุตก์ใช้นะ แล้วดาจะเข้าไปอธิบายเรื่องการกินขมิ้นชันอีกที่นะ
สมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิในการตั้งและตอบกระทู้

สมุนไพรไทย รักษาโรค ข้อมูลเอามาจากของกระทรวงสาธารณ​สุข 6 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #7305

  • David
  • รูปประจำตัวของ David
  • ออฟไลน์
  • Fresh Boarder
  • จำนวนโพสต์: 1
  • พลังน้ำใจ: 0
ผมพบว่าภาพรวมที่ดีของการลดน้ำหนักเป็นเรื่องเหลือเชื่อเพียง! ฉันขี้เกียจเกินไปที่จะรับประทานอาหาร
ผมเอาออก 10 กก. สำหรับเดือนด้วยความช่วยเหลือของยาเหล่านี้ คนนี้เป็นจริงวิธีการทำงานได้อย่างรวดเร็วลดน้ำหนัก! ที่นี่คุณจะได้พบกับข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ นี่คือลิงค์: Goji Berries
สมาชิกเท่านั้นที่มีสิทธิในการตั้งและตอบกระทู้
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.236 วินาที

ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก