ถ้าเอ่ยชื่อ "โคนขุน โพนยางคำ" ร้านเนื้อย่างชื่อดังที่ตั้งอยู่ปากซอยนวลจันทร์ 21 ... พิมเชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จัก เคยได้ยินชื่อ หรือไม่ก็ได้เคยไปกินกันมาบ้างแล้ว หรือบางคนอาจจะเคยหลายครั้งแล้วก็เป็นได้ ^_^ ... พิมก็เป็นอีกคนนึงเช่นกันค่ะ ... ครั้งแรกที่พิมเลือกไปกินเนื้อย่างที่ร้านนี้ ก็เพราะอยากลองเท่านั้นเลยค่ะ เนื่องจากเห็นหลายรีวิวหลายกระแสบอกว่าเนื้อที่ร้านนี้อร่อยมาก อาหารอื่นๆ ก็ใช้ได้ ... พิมก็เลยตัดสินใจไปลองค่ะ ซึ่งพอได้ลองแล้ว ด้วยราคา ด้วยคุณภาพ ด้วยรสชาติ และที่สำคัญใกล้บ้าน ก็เลยทำให้พิมกับคุณแฟน กลายเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ไปเลยค่ะ
Update :: พิมไปมาล่าสุดวันที่ 13 ก.พ. 2553 โพนยางคำสาขานี้ มีให้บริการแบบบุฟท์แล้วนะคะ หัวละ 199 บาท ไม่รวมน้ำ (ไม่มีส่วนลดช่วง 11 โมง - บ่าย 3) ... ที่นั่งจะอยู่ใน zone บุฟเฟท์โดยเฉพาะเลย สั่งอาหารได้ทุกประเภทเหมือนเดิม แต่ว่าเนื้อสัตว์ที่แพงๆ อย่างสันนอกสไลด์-หมัก จะไ่ม่รวมด้วย อยากกินเพิ่มก็สั่งต่างหากได้ค่ะ
..................................................
รีวิวนี้ ทำไว้ตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2552 ซึ่งณ วันนี้ 4 ก.ค. 2554 ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว
เพราะงั้นหากร้านนี้จะเปลี่ยนแปลงไป (ไม่ว่าจะในทางดีขึ้นหรือแย่ลง) ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ที่แน่ ๆ ขอย้ำไว้ก่อนเลยค่ะว่า พนักงานเสริฟของที่ร้านนี้ไม่ค่อยใส่ใจลูกค้าเท่าไหร่นะคะ
ส่วนใหญ่เค้าจะเลี่ยงเราได้เท่าที่เค้าสามารถจะทำ และก็มักจะมึนเฉยเวลาเราสั่งของอะไร น้อยคนนักที่จะกระตือรือล้น
เพราะงั้นหากใครจะไปกินร้านนี้ แล้วคาดหวังเรื่องการบริการว่าจะเหมือนร้านอาหารอื่น ....... พิมต้องขอบอกว่าอย่าหวังค่ะ
..................................................
ร้านเนื้อย่าง "โคขุน โพนยางคำ" สาขานวลจันทร์ 21 ตั้งอยู่ปากซอยนวลจันทร์ 21 เลยค่ะ ถ้าขับรถมาจากทางบางกะปิ พอถึงแยก ถ.เกษตรนวมินทร์-สุขาฯ 1 มันจะบังคับให้รถทุกคันต้องเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.เกษตร-นวมินทร์ เราก็เลี้ยวตามเค้าไปเลยค่ะ จากนั้นก็กลับรถที่ u-turn แรก พอกลับรถปุ๊บ ให้พยายามขับรถชิดซ้าย แล้วเราก็เลี้ยวซ้ายแบบหักมุมเข้า ถ.นวลจันทร์ ซึ่งอยู่ก่อนถึงแยกนวลจันทร์-สุขา 1 นิดเดียวเองค่ะ (มีป้ายบอก) พอเลี้ยวเข้า ถ.นวลจันทร์แล้ว ก็ขับรถตรงเข้าไปเรื่อย ๆ ... ร้านจะตั้งอยู่ปากซอยนวลจันทร์ 21 เลยค่ะ ... แบบว่าเหมือนจะไปยาก แต่จริง ๆ หาง่ายมากนะคะ ซึ่งถ้าจะมารถเมล์ ก็ขึ้นรถสาย 156 จาก ถ. สุขา 1 ก็มาถึงร้านนี้ได้เหมือนกัน
เมื่อมาถึงร้าน ... ก่อนอื่น ก็ดูบรรยากาศคร่าว ๆ ภายในร้านก่อนนะคะ จะประมาณนี้เลย
ตามในภาพด้านบน จะเป็นโซนกลางร้านค่ะ พิมไม่ได้นั่งโซนนี้ เพราะว่าเมื่อวันที่ไป ซึ่งก็คือเมื่อวาน (เสาร์ 11 ก.ค. 52) แดดร้อนและอากาศอบอ้าวมากๆ ถึงมากที่สุด พิมกับคุณแฟนและเพื่อน ๆ พี่น้อง คนรู้จักของคุณแฟน ก็เลยเลือกเข้าไปนั่งด้านใน เนื่องจากมีหลังคาที่สูง และบรรยากาศค่อนข้างโปร่ง สามารถรับลมได้มากกว่าโซนด้านกลางที่ขนาบข้างไปด้วยครัวของร้านทั้งสองด้านเลยน่ะค่ะ ... (ภาพด้านล่าง คือโซนด้านใน)
แต่ละโต๊ะของที่ร้านนี้ ... จะนั่งสูงสุดแบบไม่อึดอัดได้ประมาณ 6 คนค่ะ (ข้าง 4 หัวท้าย 2) แต่วันที่พิมกับเพื่อน ๆ แคชไป เราไปกันทั้งหมด 10 คน ซึ่งก็มีพิม-แคช-พี่อาท-พี่หมอ-พีท-อีกคนที่เป็นเพื่อนในกลุ่มพี่อาท-เอ๊ะ-เก้า-โม-และก็แฟนโม ... เราก็เลยเป็นเป็นน้องพลับ ต้องขอ 2 (โต๊ะ) ค่ะ ^^
เมื่อมาถึงร้าน เลือกโต๊ะได้แล้ว ได้นั่งแล้ว ....... ก่อนจะดูเมนูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง เราก็สั่งน้ำดื่มกันก่อนเลยค่ะ...วันนี้มีทั้งคนอยากกินโค๊ก และคนอยากกินน้ำเปล่า เราก็เลยสั่งมาทั้ง 2 อย่าง พร้อมน้ำแข็ง 1 กระป๋อง ^^
เมื่อน้ำแข็งมาถึง น้ำมาถึง (ซึ่งเร็วมากๆ) ... น้องพนักงานหญิงคนนึง ก็รีบมาจัดการเทใส่แก้วให้เราเลยค่ะ ตรงนี้้ประทับใจมาก เพราะว่ามาถึงแบบอากาศร้อน ๆ คอแห้ง ได้น้ำเย็น ๆ มาดื่มรวดเร็วทันใจแบบนี้ รู้สึกดีมากเลยค่ะ
ข้อควรระวัง :: ไม่ควรวางแก้วน้ำใกล้เตา เพราะนอกจากน้ำแข็งจะละลายไวแล้ว โอกาสที่ขี้เถ้าจะปลิวมาเกาะแก้วน้ำ และลงไปในแก้วน้ำ ก็มีเยอะมากเลยค่ะ อย่างคราวก่อนปลิวลงจนบนผิวหน้าของน้ำเป็นฝ้าสีขาวเต็มไปหมด ต้องเททิ้งทั้งแก้วเลย -*-
เมื่อดื่มน้ำเย็นกันจนชื่่นใจแล้ว ... เราก็มาดูเมนูกันค่ะว่าร้านนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ...เมนูของร้านนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 หน้า หน้าแรกจะบอกว่ามีเนื้อส่วนไหน มีอาหารอะไรยังไงบ้าง ส่วนหน้าหลังจะเป็นส่วนของเครื่องดื่ม ของหวาน และรายละเอียดของเนื้อวัวโคขุนค่ะ
ปกติอาหารหนัก ๆ ของที่ร้านนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ (พิมแยกประเภทเอง -*-) คือแบบเอามาทำให้สุกเองที่โต๊ะของเรา และแบบสั่งเค้าทำสุกมาเลย (พร้อมกิน) ซึ่งแบบเอามาทำให้สุกเองที่โต๊ะเรา ก็จะมีแบบย่าง กับแบบจิ้มจุ่ม
ซึ่งโดยปกติเวลาพิมไปกับคุณแฟนสองคน หรือไปกับเพื่อนกลุ่มน้อย ๆ มักจะไปกินอะไรแบบย่างๆ ซะมากกว่า ไม่ก็สั่งอาหารเป็นจานๆ กันมาเลย จะไม่ค่อยจะได้สั่งแบบจิ้มจุ่มมากินกันหรอกค่ะ แต่วันนี้หลายคนเพิ่งมาโพนยางคำเป็นครั้งแรก เลยขอสั่งทั้ง 2 แบบ ทั้งแบบจิ้มจุ่ม และก็แบบย่าง มาให้ทุกคนได้ลองกัน (ว่าจะชอบแบบไหน) ... ซึ่งการบริการเรื่องของเตาของที่นี่ดีมากเลยค่ะ ประมาณว่าสั่งแป๊บเดียวเอง เตาก็มา กระทะก็มา หม้อก็มา ... เร็วเกินกว่าคำว่า "ทันใจ" อีกค่ะ
แบบย่าง ... เตาที่มา ก็จะเป็นเตาเล็ก ๆ แบบในภาพนี่แหละค่ะ (มาพร้อมกับมาการีน/เนย 1 ถ้วยเล็ก ไว้ใช้ทากระทะ เพื่อไม่ให้เนื้อติดกระทะเวลาย่าง และมีกลิ่นหอมมากขึ้น) .... หลายคนที่คิดว่า เตาจะใหญ่เหมือนเตาร้านหมูกระทะทั่วไป อันนี้ไม่ใช่เลยนะคะ ... แล้วกระทะย่างของโพนยางคำ ก็จะเป็นแบบถาดเหล็กแบบนี้ ไม่ใช่กระทะมีรูๆ ... พิมมาครั้งแรกก็แอบแปลกใจเหมือนกันค่ะ แต่หลังจากได้กิน ได้ย่างแล้ว ก็คิดว่า อือ .. แบบนี้น่ะเหมาะแล้วจริง ๆ ^^
ป.ล. ใครไม่ถนัดย่างเอง โดยใช้เตาและกระทะแบบนี้ จะสั่งให้ทางร้านย่างมาให้เราแบบพร้อมกินเลยก็ได้ค่ะ แต่ว่ามันไม่ค่อยได้อารมณ์เท่าไหร่น๊าาาา
ป.ล. หากย่าง ๆ ไปแล้ว ก้นกระทะมันไหม้ สามารถขอให้น้องพนักงานเค้าช่วยเปลี่ยนกระทะให้ได้ค่ะ และหากรู้สึกว่าถ่านอ่อน หากเอาอะไรเขี่ยถ่านแล้วก็ยังไม่แรงอีก สามารถขอให้น้องพนักงานเค้ามาเปลี่ยนเตาให้ได้เช่นกันค่ะ (ไม่เสียเงินเพิ่ม)
ส่วนเตาพร้อมหม้อดินแบบนี้ ...คือ แบบจิ้มจุ่ม .. ตัวเตาจะมาพร้อมกับหม้อและน้ำซุป ซึ่งก็ไม่เสียเงินเช่นกัน แต่จะไปเสียเงินตรงค่าชุดผักสำหรับจิ้มจุ่ม ซึ่งก็จะมีผักกาดขาว กะหล่ำ ผักบุ้งจีน โหระพา ไข่ 1 ฟอง และก็วุ้นเส้น ราคาชุดละ 25 บาทค่ะ (น้ำซุปอร่อย เปรี้ยว เผ็ด เค็ม กำลังดี กลิ่นสมุนไพรก็หอมมาก)
ป.ล. ผักล้างสะอาดดีค่ะ แต่ผักบุ้งจีนไม่ไหว ใบเหลืองมาก ๆ แทบทุกใบ บางใบก็ทั้งเหลืองทั้งช้ำเน่าเลย -*-
เมื่อเราสั่งเตามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ... ต่อมาเราก็มาสั่งเนื้อสัตว์ และอาหารอื่น ๆ กันค่ะ
อย่างแรกที่เราสั่งไป และขาดไม่ได้เลยก็คือ "ข้าวเหนียว" ..... หลายคนคงจะทายถูกแน่ ๆ ฮ่ะๆ ข้าวเหนียวที่ร้านนี้มาเป็นแบบกระติ๋บค่ะ กระติ๊บละ 10 บาท กินได้ 1 คนอิ่ม แต่ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบพิม (ฮ่ะๆ) กินได้ 2 คนอิ่มเลยค่ะ (อันนี้จริง ๆ นะ)
เมื่อสั่งข้าวเหนียวแล้ว ทางร้านก็จะมีผักแกล้มมาให้ด้วย จำพวกแตงกวา กะหล่ำ โหระพา ถั่วฝักยาว (จริง ๆ ร้านเค้าเอามาวางให้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ^^") ... ผักแกล้มนี่ ครั้งแรกไม่เสียกะตังค์ แต่ถ้าจะสั่งเพิ่ม ก็กระจาดละ 10 บาทค่ะ
จากนั้นเราก็สั่งเนื้อกันต่อ ..... เนื้อวัวของที่ร้านนี้มีหลากหลายประเภทมาก ถ้าเอาเฉพาะจานใหญ่ ก็มีราคาตั้งแต่จานละเกือบ ๆ 100 บาท ไปจนถึงจานละ 200 บาท ค่ะ (จานนึง กะเอาจากสายตา น่าจะขีดกว่าๆ - 2 ขีด)
เนื้อวัวชุดแรกที่เราสั่งมาก็คือ .... สันคอ กับ สะโพก (เฉพาะสะโพก .. ตอนนี้โปรซื้อ 1 แถม 1) ... สันคอของที่นี่อร่อยมากค่ะ ^__^ เหมาะทั้งจิ้มจุ่ม และก็ย่าง ส่วนสะโพกเอาไปจิ้มจุ่มจะอร่อยกว่า ถ้าเอามาย่าง หากย่างแล้วสุกมากไป จะแข็งไม่ค่อยอร่อยค่ะ
แล้วก็ยังมีเนื้อหนอกหมักค่ะ ... เจ้าเนื้อจานนี้เนี่ย พิมมาที่นี่หลายครั้ง แต่ไม่เคยสั่งเลย (จริง ๆ จะว่าไป ไม่เคยสั่งเนื้อประเภทหมักเลย) จนมาวันนี้ น้องในกลุ่มคนนึงเค้าเคยมากินที่นี่แล้ว บอกว่าอันนี้อร่อย ก็เลยสั่งกันมาลองกิน ... หน้าตาประมาณแบบนี้อ่ะค่ะ
ป.ล. เนื้อหนอกจานนี้ เป็นหนอกจานหลัง ๆ ที่เราสั่งมาค่ะ แต่หลังจากสั่งจานนี้แล้ว ตัวพิมก็ไม่ได้สั่งเนื้อหนอกหมักอีก เพราะว่ายิ่งจานหลัง ๆ เท่าไหร่ ยิ่งมีไขมันเยอะเท่านั้น จนแทบจะกลายเป็นก้อนไขมันไปแล้ว เลยคิดว่าไม่เอาแล้วดีกว่าค่ะ ซึ่งพอสอบถามน้องพนักงาน เค้าก็น่ารักมาก บอกเราว่า วัวแต่ละตัว มันมีไขมันตรงส่วนนี้ไม่เท่ากัน บางจาน (อย่างจานแรกๆ) เนื้อหนอกก็อาจจะมีไขมันน้อย แต่บางจาน (อย่างจานหลังๆ) ไขมันก็อาจจะมีมากไปหน่อยน่ะค่ะ -*-
ป.ล. แทบทุกจาน จะสั่งรอบละ 2 เสมอ และก็สั่งอย่างละหลายรอบค่ะ ^^"
พอได้เนื้อชุดแรกมา..เราก็เริ่มลงมือย่างกันค่ะ เริ่มแรกก็เอาตะเกียบไปจิ้มเนยก่อนนะคะ แล้วก็เอามาทา ๆ ให้ทั่วในกระทะแบบนี้ (ทาน้อยไป เนื้อจะติดกระทะ แต่ถ้าทามากไป จะเลี่ยนเนย)
จากนั้นพอเนยและกระทะร้อนได้ที่ เราก็คีบเนื้อวางลงไปเลยค่ะ (เวลาวาง เสียงจะดัง ฉี่.....ๆ.ๆ.ๆ..ๆ.ๆ) ... ถ้าเป็นเนื้ออย่างหนอกหมัก หรือเนื้อที่มีมันหน่อย พอเราคีบไปวางในกระทะแล้ว สักแป๊บค่อยพลิกด้านเนื้อก็ได้ เนื้อจะยังชุ่ม ๆ อยู่ .... แต่ถ้าเป็นเนื้อสะโพก หรือเนื้อส่วนไม่ติดมัน แถมยังสไลด์มาบาง ๆ ให้คีบ ๆ แล้วใช้ตะเกียบกลับเนื้อไปมาคล้าย ๆ การผัด จะทำให้เนื้อมีความอร่อย และชุ่มน้ำกว่าการย่างเฉย ๆ อ่ะค่ะ
ภาพด้านล่างนี่เป็นเนื้อส่วนสะโพก กับส่วนสันคอค่ะ
ส่วนภาพนี้ เป็นเนื้อหนอกหมัก (จานแรก ๆ ที่ไม่ค่อยมีมัน อร่อยมากกกกกกกกกกก เลยค่ะ แต่จานหลังที่มีมันเยอะ กินแล้วเลี่ยนไปหน่อย ... อ้อ ๆ แต่ละจาน เค้าก็จะหั่นรูปร่างไม่เหมือนกันนะคะ สอบถามน้องพนักงาน เค้าบอกว่าแล้วแต่ใครเป็นคนหั่น)
พอย่างได้ที่แล้ว ก็คีบใส่จานตัวเอง ........ แบบนี้เลยค่ะ แบบว่าเห็นภาพแล้ว ก็อยากกินอีก -*-
มีเนื้อย่างแล้ว .. ก็ต้องไม่ลืมว่าเรามีหม้อจิ้มจุ่มด้วยค่ะ ในหม้อเค้ามีน้ำซุปมาให้เราแล้ว เป็นน้ำซุปสมุนไพร ใส่เครื่องจำพวกข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วปรุงรสมาแบบต้มยำน้ำใส เราก็เพียงแค่เติมผักกับเนื้อสัตว์ลงไปเท่านั้นเอง .. แบบนี้เลยค่ะ
ป.ล. พิมใส่ผักที่ฉีกเป็นชิ้นพอคำลงไปก่อน แล้วปิดฝา รอให้เดือดสักแป๊บ กะว่าพอผักสุกนิ่มใช้ได้ ก็เปิดฝา เอาไข่ที่ตอกใส่ถ้วยแล้วตีพอแตก โรย ๆ ลงไปในหม้อ แล้วเอาเนื้อที่เราจะกินใส่ลงไปตามลงไป ปิดฝาแป๊บนึง (นับ 1-5 ในใจ) ก็เปิดฝา แล้วก็กินได้เลยค่ะ (เนื้อจะสุกกำลังดีเลย-สำหรับพิมนะ)
แล้วพอเวลาจะกิน ก็เอาวุ้นเส้นใส่กระบวยรู ๆ แบบนี้ แล้วเอาลงไปลวกในหม้อแป๊บนึง แล้วเอาขึ้นใส่ชาม ตามด้วยตักเนื้อสัตว์นุ่ม ๆ ผัก และน้ำซุปร้อนๆ ตามลงไป ...จากนั้นก็กิน .... อื้อฮืออออออออออ แบบว่า อร่อยเด็ดมากเลยค่ะ ^^
แล้วระหว่างที่เรากำลังย่างเนื้อย่าง และจิ้มจุ่มกันอย่างเมามัน .... อาหารพร้อมกินอื่น ๆ ที่เราสั่ง ก็เริ่มทยอยมาค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไส้หมูย่าง (อร่อยมากๆ ขอบอก) , เสือร้องไห้ย่าง , ตับหวาน , คอหมูย่าง , ลาบคอหมู ฯลฯ ..... ^^ ล้วนแต่อร่อย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ (จริง ๆ อยากสั่งเป็ดแดดเดียวทอด แต่ 2 ครั้งที่เคยสั่งมากิน ไม่ค่อยประทับใจค่ะ เพราะว่าเนื้อแห้งมากไป จนไม่รู้สึกว่าเป็นเนื้อเป็ด คราวนี้ก็เลยไม่สั่งจะดีกว่า)
ป.ล. จริง ๆ สั่งนมย่างมาด้วยนะคะ ... แต่ไม่อยากเอ่ยถึงเลย อยากให้เป็นมันกลายเป็นลมที่พัดผ่านไป แล้วไม่ต้องหวลกลับมา แบบว่าไม่ต้องเก็บไว้เป็นความทรงจำอ่ะค่ะ T__T
พอหมดจากเนื้อที่เราสั่งมาย่างชุดแรก ... ระหว่างกินอาหารอื่น ๆ และเม้าท์กันอย่างเมามันอยู่ พวกเราก็ระดมสั่งเนื้อชุดที่่ 2 - 3 - 4 - 5 - 6 มาต่อ เพื่อมิให้เกิดอาการขาดช่วง ... ซึ่งชุดเนื้อที่เราสั่งต่อ ๆ มาก็มีหลายอย่างมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ G หมัก (รวมเนื้อหลายชนิด) , เนื้อ Rip Eye , สันกลางสไลด์ , เสือสไลด์ , น่องแก้ว , สันนอก , เบค่อน , สะโพก , สันสะโพก , เนื้อหมูหมัก ฯลฯ อย่างละ 2-3 จาน (แต่อย่าถามพิมนะคะ ว่าจานไหนคืออะไร จำไม่ได้เลยค่ะ -*-)
พอเนื้อชุด 2 - 3 และชุดหลังๆ ที่พวกเราสั่งไปเริ่มทยอยมา พวกเราก็ได้ฤกษ์ย่างกันต่อค่ะ และระหว่างย่างไป กินไป พวกเราก็เม้าท์เรื่องโน้นเรื่องนี้กันไป บางเรื่องแอบตลกโปกฮาสุดฤทธิ์ บางเรื่องก็ล่อแหลมสุด ๆ (อิอิ) .... เรียกว่าบรรยากาศการกิน เป็นไปอย่างสนุกสนานมาก .... จนเวลาผ่านไป 2 ชม. กว่า แบบที่เราไม่รู้ตัวเลยค่ะ
จวบจนได้เวลาประมาณเกือบบ่าย 3 โมง หลังจากที่กินแบบกระหน่ำกันมากว่า 2 ชม. ^^" ... พวกเราก็เริ่มอิ่มกันแล้วค่ะ หลายคนก็เลยเริ่มนั่งคุยกันอย่างเดียวแล้ว ระหว่างนี้พิมก็เริ่มสอดส่ายสายตาหาขนมหวานมาปิดท้ายล่ะค่ะ แบบว่าเป็นคนที่กินอาหารหลักแล้ว ต้องตบท้ายด้วยขนมหวานเสมอ ..... ซึ่งจริง ๆ ร้านนี้มีรายการขนมหวานอยู่ในเมนูด้วยนะคะ อย่างเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด เต้าหู้นมสด ไรงี้ค่ะ พิมเองเคยสั่งมากินแล้ว ก็อร่อยดี แต่วันนี้ไม่มีอารมณ์อยากกินขนมแบบนั้นค่ะ เนื่องจากพักนี้กินบ่อยมาก .... พอดีพิมไปเห็นเมนูขนมเค้กติดอยู่ตามเสาในร้าน ... ดูจากรูปน่าสนใจดี ก็เลยคิดว่าลองสั่งมากินดีกว่า
ตอนแรกก็ดูรูปเมนูอยู่นานค่ะ คิดว่าจะสั่งอะไรมากินดีหว่า อย่างช๊อคเมนูแรก นี่ทำกินหลายครั้งแล้ว เลยขอผ่าน ส่วนคุ๊กกี้แอนด์ครีม พิมเฉย ๆ หรือคอฟฟี่อัลมอนด์นี่ พอดีพิมไม่ค่อยชอบเค้กวนิลาค่ะ ส่วนชีสเค้กด้านล่างทั้ง 2 อย่างนี่ กะว่าจะทำกินที่บ้านเร็ว ๆ นี้ .... ก็เลยขอผ่านอีกค่ะ ... สรุปเลยลงตัวที่ "เค้กทูโทน" เป็นอะไรที่น่าสนใจที่สุด
แล้วก็นี่ค่ะ ..... "ทูโทน" ที่พิมสั่งไป หน้าตาเป็นแบบนี้ ... (สั่งแล้ว มาไวมาก ปานว่าตู้แช่ตั้งอยู่ข้าง ๆ โต๊ะเราเลย - -")
ในเรื่องของหน้าตา .. ถึงจะไม่เหมือนกับที่แปะภาพโฆษณาเอาไว้ (ในภาพช๊อคเป็นแบบขูด แต่ที่สั่งมา จะได้ช๊อคแบบหั่นเป็นแท่งเล็ก ๆ แทน) แต่ก็โอเค ส่วนรสชาตินี่ .... ใช้ได้เลยค่ะ ตัวเค้กนุ่มละมุนดี พอกินคู่กับครีมผสมโอรีโอบดที่อยู่ด้านบน และวิปปิ้งครีม แถมยังมีช๊อคโกแลตด้วย ... เข้ากันมากมายเลย ... สรุปว่าอร่อยค่ะ ไม่หวานมาก กำลังพอดี ๆ (แต่ถ้าเป็นช๊อคขูด น่าจะอร่อยกว่านี้เยอะ เพราะช๊อคแท่งแบบนี้ ค่อนข้างแข็งค่ะ กินแล้วรู้สึกไม่เข้ากันดี)
จากนั้น ....... ก็ถึงเวลาเช็คบิลค่ะ ตอนแรกพวกเราก็ทาย ๆ กันว่า วันนี้จะเท่าไหร่หว่า แบบว่าที่พิมมาวันก่อนกับคุณแฟน และเอ๊ะ-เก้า เฉลี่ยแล้วก็คนละราว ๆ 260 บาทค่ะ แต่วันนี้กินกันกระจาย..ย..ย.ยย..ย กว่าครั้งก่อนมาก กินกันแบบไม่ยั้ง แบบว่าสั่งได้เท่าไหร่สั่งเลย ก็เลยประมาณกันว่าน่าจะสัก 4 พัน -*- ... ทำนองนี้แหละค่ะ
แต่ไม่น่าเชื่อ ... เพราะพอเช็คบิลออกมาแล้ว แค่ 3,000 กว่าบาทเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งแม้จะราคาสูงเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วไป แต่สำหรับร้านนี้ และปริมาณการกินของพวกเราในวันนี้ ก็ถูกกว่าที่พวกเราคิดกันมากเลยค่ะ ....... นี่ค่ะ หน้าตาบิล และสิ่งที่พวกเราทั้ง 10 คน กินกันไปในวันนี้
ป.ล. พิมชอบวิธีการคิดบิลของทางร้านนี้มากเลยค่ะ เค้าจะคิดยอดเฉพาะอาหารราคาปกติ แล้วหักส่วนลดก่อน จากนั้นค่อยเอามารวมกับค่าเครื่องดื่ม (ซึ่งไม่มีส่วนลด) และค่าอาหารโปรโมชั่น แล้วค่อยเป็นยอดรวมสุทธิน่ะค่ะ ... แบบว่าอ่านรวดเดียว แล้วเข้าใจได้เลย ไม่งงดี
ซึ่งงานนี้ นอกจากจะได้มากินกันแบบอิ่มหนำสำราญ ได้มาพบหน้าพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว พวกเราก็ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์ทั้ง 2 คนด้วยค่ะ ... คือ พี่หมอ กับพี่อาท ที่ได้กรุณาเลี้ยงข้าวน้อง ๆ ตาดำบ้างไม่ดำบ้างในวันนี้ ^^
ก่อนจะจากกันไปในวันนี้ ... พิมก็ขอเก็บภาพรายละเอียดของเนื้อโคขุนส่วนต่าง ๆ มาฝากกันด้วยนะคะ
ยังไงแล้ว ... พบกันใหม่ในรีวิว "กินนอกบ้าน" ในคราวหน้านะคะ .. บ๊ายบายค่ะ ^___^