25 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่พิมไปเที่ยวเชียงใหม่ เป็นวันที่อากาศดีมากเลยค่ะ เพื่อนคุณสามีพิมก็เลยชวนไปกินข้าวที่ร้านแม่จำปาหลังโรงเรียนวารีเชียงใหม่กันค่ะ
"ร้านแม่จำปา" ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนวารีเชียงใหม่อ่ะค่ะ ซึ่งถ้าหากเพื่อน ๆ จะไปที่ร้านนี้นะคะ หลังจากขับรถหรือนั่งรถมาตามถนนมหิดลแล้ว พอเจอซอยข้างโรงแรม B2 ก็ให้เลี้ยวรถเข้าซอยเลยค่ะ
ป.ล. ยืมแผนที่มาจากโรงเรียนวารีเชียงใหม่นะคะ ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยจ้า
จากนั้นขับรถตรงเข้ามาในซอยอีกหน่อยประมาณสักร้อยกว่าเมตรเห็นจะได้ ข้ามคลองนิดนึง ก็จะเจอร้านแม่จำปาอยู่ทางด้านซ้ายมืออ่ะค่ะ
บริเวณร้านนี้ครึ่งนึงจะถูกล้อมรอบด้วยคูน้ำ ซึ่งพิมดูจากภาพที่เพื่อนๆ ท่านอื่นในเวบอื่นได้เคยรีวิวเอาไว้เมื่อสัก 3-4 ปีก่อน ตอนต้นไม้ยังไม่รก ขอบอกว่าบริเวณรอบร้านดูสวยงามสบายตามากเลยอ่ะค่ะ แต่มาปัจจุบันนี้แอบรก ๆ ไปหน่อยนึง
ซึ่งทางเข้าร้านเนี่ย จะเข้าได้ 2 ทางนะคะ ก็คือทางด้านหน้าร้านที่ติดถนน กับทางด้านข้างร้านที่ติดกับคูน้ำ ซึ่งถ้าหากใครต้องการจะเข้าทางด้านข้างร้านก็จะต้องเดินข้ามสะพานในรูปด้านล่างนี้ไปอ่ะค่ะ ^^
และพอเราข้ามสะพานกันมาแล้ว เราก็จะเจอกับบรรยากาศภายในร้านเป็นประมาณนี้ล่ะค่ะ สไตล์ไทยล้านนามากๆ ตามสถานที่ตั้งเลย
สำหรับร้านนี้ .. พิมขอบอกว่าเค้ามีชื่อเสียงโด่งดังมากเลยนะคะ ดังขนาดที่มีนิตยสารท่องเที่ยว หนังสือต่างประเทศเคยมาเก็บภาพไปลงหนังสือหรือว่าแนะนำร้านแล้วอ่ะค่ะ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่พอพิมเข้าไปในร้าน จะเห็นชาวต่างชาติเยอะกว่าคนไทยอ่ะค่ะ
เมื่อเข้าไปในร้านแล้ว สิ่งแรกเลยที่เราจะต้องหาก็คือที่นั่งค่ะ .... และเมื่อได้ที่นั่งแล้วก็มาดูว่าจะสั่งอะไรมาทานกันบ้าง ซึ่งแม้ร้านนี้จะมีชื่อว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย แต่ขอบอกว่าเค้าไม่ได้ขายแต่ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเพียงอย่างเดียวค่ะ แต่ยังขายอาหารประเภทอื่น ๆ อีกหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ข้าวต้ม ซุป ต้มแซ่บ ต้มยำ ส้มตำสารพัดแบบ ข้าวซอย หมูย่าง ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ และอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ
ซึ่งใครต้องการจะสั่งอะไร แบบไหน special ยังไงก็สามารถเขียนจำนวนที่ต้องการสั่ง พร้อมรายละเอียดลงในแบบฟอร์มสั่งอาหารของทางร้านเค้าได้เลยอ่ะค่ะ
ป.ล. ชอบอย่างนึงตรงที่แบบฟอร์มรายการอาหารของทางร้านเค้ามีการ reuse ก็คือ ให้ลูกค้าเขียนจำนวนที่ต้องการสั่งด้วยดินสอลงในแบบฟอร์ม พอทางร้านรับออเดอร์เสร็จ ก็จะลบรอยดินสอออก และนำแบบฟอร์มนั้นกลับมาใช้ใหม่น่ะค่ะ
หรือถ้าใครอยากรู้ก่อนว่าอาหารชนิดไหนหน้าตาเป็นยังไง สั่งออกมาแล้วจะชอบไหม จะทานได้ไหม ก็สามารถดูรูปภาพอาหารแต่ละอย่างได้จากในเมนูเล่มนี้เลยอ่ะค่ะ (พิมไม่ได้ถ่ายรูปภายในเมนูมาให้ดูนะคะ แบบว่าไม่ค่อยสะดวกจ้า)
เมื่อสั่งอาหารเสร็จ สิ่งที่เราจะต้องสั่งอันดับต่อไปก็คือ น้ำ ... สำหรับคนที่ดื่มแต่น้ำเปล่าก็ไม่ต้องสั่งนะคะ เพราะที่โต๊ะเค้ามีขวดน้ำเปล่าวางไว้ให้เลย แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากได้น้ำอย่างอื่น เช่นกาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้อะไรพวกนี้ ก็สามารถสั่งได้เลยค่ะ โดยจะสั่งแบบพูดเอาหรือติ๊กในแบบฟอร์มสั่งเครื่องดื่มของทางร้านเค้าก็ได้อ่ะค่ะ ^^
สั่งเสร็จแล้วเราก็นั่งรอสักพักค่ะ แล้วสักประเดี๋ยวอาหารที่เราสั่งไปทั้งหมดก็มาเสริฟ (มาไวมาก) ...... ถึงตรงนี้ขอเม้าท์นิดนึงค่ะว่าตอนสั่งก็สักแต่สั่งนะคะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะกินหมดไหม >_<" สั่งๆๆๆ อย่างเดียวเลยค่ะ เห็นชื่ออันไหนแล้วคิดว่าจะน่ากินก็สั่ง แล้วพอพนักงานเค้าเอามาเสริฟก็ถึงกับแอบอึ้งค่ะว่านี่พวกเราสั่งกันมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฮ่ะๆ (จริง ๆ เพื่อนคุณสามีสั่งไปอย่างเดียว ที่เหลืออ่ะพิมสั่งค่ะ >_<")
ป.ล. อาหารในภาพอาจจะมีแหว่ง ๆ ไปบ้าง เพราะกว่าจะนึกออกว่าจะต้องถ่ายรูปก่อนตามธรรมเนียม ก็เผลอกินไปซะหลายคำแล้วอ่ะค่ะ หุหุ
เมื่อทุกอย่างมาเสริฟแล้ว ก็มาเริ่มรีวิวอาหารแต่ละอย่างกันดีกว่าค่ะ ... สำหรับอย่างแรก "หมูสะเต๊ะ" ขอบอกว่ารสชาติดีค่ะทั้งตัวหมู และอาจาดที่ข้น ๆ ตัวหมูเองก็ไม่ได้นิ่มมากและไม่ได้แข็งมาก เรียกว่านุ่มแต่ยังมีอะไรให้เคี้ยวบ้าง ติดตรงส่วนมันชิ้นใหญ่เตะปากไปนิดนึงค่ะ ก็เลยแอบเลี่ยนเมื่อเจอคำสุดท้าย ส่วนอาจาดที่เป็นน้ำใสแอบใสและรสจืดไปนิดนึง ถ้ารสจัดกว่านี้สักหน่อยจะอร่อยเหาะไปเลยค่ะ
ต่อมาก็เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยของพิมนะคะ ตอนแรกแอบคิดว่าเค้าจะใส่ถั่วฝักยาวซอย ๆ และไข่ต้มเหมือนที่เคยกินที่ร้านอื่นมา แต่ที่นี้เค้าไม่มีอ่ะค่ะ ก็เลยแอบงง ๆ ว่าตกลงแล้วเอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยนี่เป็นยังไง แต่ถึงร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาวกับไข่ต้มก็อร่อยเลยอ่ะค่ะ แบบว่ารสชาติกลมกล่อมมากเลย ซดกันน้ำซุปแทบจะเกลี้ยงชาม ^^
ต่อมาก็เป็น เอ่อ.อ.อ.อ. เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อ่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าใช่บะหมี่แห้งไหม เป็นของเพื่อนคุณสามีสั่งมา แต่ขอบอกว่าแม้จะไม่รู้ว่าชื่อเมนูอะไร แต่น่ากินมากๆ เลยค่ะ
ส่วนชามนี้ข้าวซอยไก่ของคุณสามีค่ะ รสชาติโดยรวมก็กลาง ๆ ค่ะ ไม่เข้มข้นมาก ซึ่งตัวพิมเองชอบแบบเข้มข้น ๆ หอมกลิ่นเครื่องแกงเครื่องเทศสไตล์ร้านบนดอยปุยอย่างนั้นมากกว่าอ่ะค่ะ
ส่วนจานนี้ "ยำหมูย่าง" หรือ "ยำคอหมูย่าง" นี่แหละค่ะ ... สำหรับจานนี้เนี่ยอยากจะบอกว่า ใครที่ไปร้านนี้อย่าลืมสั่งมาทานกันนะคะ เพราะว่าอร่อยมากก.ก..ก.ก. พิมไม่เคยกินยำคอหมูย่างรสชาติแบบนี้มาก่อน คือมันจะออกหวาน ๆ หน่อยอ่ะค่ะ ไม่รู้เค้าปรุงรสแบบไหน แต่มันอร่อยมากเลย (สไตล์ไปทางส้มตำไทย) อร่อยทั้งตัวน้ำยำ อร่อยทั้งคอหมู ปลากรอบ และผักที่เค้ายำรวมมา ... เรียกว่าอร่อยซะจนอยากจะสั่งมาเบิ้ลเลยค่ะ ^^
สั่งยำหมูย่างมาแล้ว หากติดใจตัวหมูย่างเปล่า ๆ ก็อย่าลืมสั่งหมูย่างเปล่าๆ แบบพิมมาด้วยนะคะ ... ซึ่งพิมก็ขอบอกอีกนั่นแหละค่ะว่าหมูย่างที่นี่เค้าอร่อยมาก ไม่รู้ใช้หมูส่วนไหนย่าง ทั้งติดมันและก็นุ่มมากเลยอ่ะค่ะ แถมรสชาติก็กำลังดี ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยล่ะค่ะ
จริง ๆ อาหารที่สั่งไปยังมีเส้นเล็กต้มยำน้ำพริกเผาอีกอย่างนะคะ (เป็นของคุณสามี) แต่เหมือนว่าพิมจะลืมถ่ายรูปมา ก็เลยไม่มีรูปอ่ะค่ะ แต่สอบถามคุณสามีแล้วเค้าก็ว่ารสกลาง ๆ ใช้ได้ ไม่มีปัญหาค่า ...... และในรูปล่างนี่ก็คือภาพบรรยากาศการกินของพวกเรานะคะ ขอบอกว่ากินอาหารอร่อยไปพลาง ๆ นั่งชมการตกแต่งร้านแบบล้านนาไปพลาง ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นกำลังดี ..... มันสุดยอดไปเลยค่า ^^
และแล้วหลังจากพวกเราใช้เวลาละเอียดกับอาหารที่พวกเราสั่งมาเป็นเวลาประมาณครึ่ง ชม. กว่า ๆ (กะ ๆ เอาค่ะ ไม่ได้จับเวลาจริงๆ หรอก) อาหารที่เราสั่งมาทั้งหมดก็เรียบวุธล่ะจ้า ส่วนว่าอาหารอันไหนโดดเด่นเป็นพิเศษ อร่อยเป็นพิเศษ ถูกปากคนทานอย่างพวกเราเป็นพิเศษ สังเกตุได้จากปริมาณที่เหลือในจานชามแต่ละจานเลยก็จะรู้อ่ะค่ะ ^^
และเบ็ดเสร็จค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ ....... เพื่อน ๆ ลองทายกันสิค่ะว่ากี่บาท พิมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องทายกันไม่ถูกแน่นอนค่ะ เพราะพิมเองก็ยังทายไม่ถูกเลย คือตอนแรกประมาณเอาไว้ว่าราว ๆ 400-500 ไรงี้อ่ะค่ะ แต่จริง ๆ แล้วพอเค้ามาคิดเงิน ปรากฎว่าค่าเสียหาย 270 กว่าบาทเองจ้า เรียกว่าถูกมาก ๆ ทั้งถูกทั้งอร่อยแบบนี้หากินในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้แน่นอนค่ะ ^^
แล้วยังไงไว้เจอกันใหม่กับรีวิวร้านถัดไปนะค๊า บ๊ายบายจ้า