เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ญาติๆ พิมเค้านัดพบปะสังสรรประจำปีกันค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะนัดเจอที่บ้านยาย แต่บางเสียงบอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เลยเปลี่ยนเป็นไปนัดกันที่ร้านอาหารแทนนะคะ
และหลังจากเสนอตัวเลือกกันมา 4-5 ร้าน มติญาติๆ ก็สรุปเป็นร้านเจ๊ง้อ สาขาเกษตร-นวมินทร์ เพราะใกล้บ้าน และก็มีอาหารหลายอย่างที่ญาติๆ พิมเค้าชอบทานอยู่อ่ะค่ะ
พูดถึงร้านเจ๊ง้อ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเจ๊ง้อคือใคร ถึงได้มามีร้านอาหารชื่อครัวเจ๊ง้อ พิมเองก็เคยสงสัยค่ะ จนวันนึง พิมเปิดไปดูรายการทำอาหารรายการนึง (ถ้าพิมจำไม่ผิดนะ) แล้วมีเจ๊ง้อมาทำหมี่ผัดกระเฉดให้ดูในรายการ พร้อมกับเล่าประวัติคร่าวๆ ของตัวเจ๊ง้อให้ฟัง ว่าเจ้ง้อก็เป็นผู้หญิงคนนึงที่ชอบทำอาหารนะคะ ในสมัยก่อนที่เจ๊ง้อจะเปิดร้าน ช่วงกลางวันที่เจ๊ง้อว่างๆ เจ๊ง้อก็จะไปตลาดซื้อของมาทำอาหารโน่นนี่ แล้วก็เรียกเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงแชร์มาทานกันเกือบทุกวันในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ต่อมาเมื่อเพื่อนๆ แวะเวียนมากันบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น ก็มีเพื่อนสนิทของเจ๊ง้อแนะนำให้เจ๊ง้อเปิดร้านเลยเถอะ เพื่อน ๆ จะได้มาอุดหนุน เจ๊ง้อก็เลยร่วมหุ้นกับเพื่อนและเมื่อวันเวลาผ่านไป ก็กลายมาเป็นร้านเจ๊ง้อที่มีสาขาถึง 11 สาขาอย่างในทุกวันนี้แหละค่ะ
พูดถึงอาหารในร้านครัวเจ๊ง้อ จะว่าไปเท่าที่พิมได้ลองดูเมนู ก็จะมีทั้งอาหารไทยและอาหารจีนนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารจีนซะมากกว่า สนนราคาก็มีตั้งแต่ราคาจานละไม่ถึง 100 หรือร้อยต้น ๆ ไปจนราคาจานละหลักพัน ตามเมนูในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ
ดูเมนุแบบคร่าวๆ ไปแล้ว มาดูอาหารที่ญาติ ๆ พิมเค้าสั่งมาทานกันบ้างดีกว่านะคะ
จานแรก …. กุ้งผัดซอส เมนูนี้ทางร้านเค้าน่าจะเอากุ้งไปทอดก่อน แล้วนำมาผัดกับซอสรสหวานนำเปรี้ยว ตัวกุ้งจะหนึบๆ กรอบๆ พอมาคลุกเคล้ากับซอสแล้ว อร่อยดีค่ะ
จานสอง .... เป็นข้าวผัดปลาเค็มนะคะ ตอนแรกพิมคิดว่าจะเป็นข้าวผัดปลาอินทรีเค็มใส่คะน้าที่หั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนร้านอื่น ๆ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ค่ะ ข้าวผัดปลาเค็มของที่นี่จะใช้ปลาแซลมอนเค็ม ที่ทางร้านของเจ๊ง้อทำขึ้นมาเองนะคะ และนอกจากปลาเค็มแล้ว ก็ยังใส่แฮม กุ้ง และเห็ดหอมด้วย รสชาติอร่อยดีค่ะ เค็มอ่อนๆ กลิ่นปลาเค็มไม่รุนแรง นี่ถ้ามีมะนาวกับต้บหอมมาด้วย จะยิ่งดีมากๆ เลยนะคะ
จานต่อมา ..... จานที่สามเป็นกระเพาะปลาสดน้ำแดงค่ะ พิมเองเป็นคนชอบทานกระเพาะปลาอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยทานกระเพาะปลาสดเลยค่ะ พอได้ทานก็รู้สึกนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ ดี ไม่มีกลิ่นคาวนะคะ และตัวน้ำซุปทำมาแบบรสอ่อน ๆ แต่ก็กลมกล่อม และน้ำซุปไม่เหนียวข้นเกิน ซดได้สบายๆ เลยค่ะ
จานที่สี่ .. คือออส่วนนะคะ ปกติพิมเคยกินออส่วนแบบที่นิ่ม ๆ หน่อย เพิ่งเคยได้มากินออส่วนแบบนี้ ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ รสชาติเค็มอ่อนๆ หอยนางรมตัวใหญ่ดี กินคู่กับซอสพริกที่ทางร้านเสริฟมาพร้อมกัน เข้ากันดีเลยนะคะ
จานต่อมาเป็นหนึ่งในจานที่ทางร้านแนะนำให้สั่ง ก็คือ หอยเชลล์ผัดซอส XO ค่ะ ตอนแรกก่อนที่จานนี้จะมา พิมแอบจินตนาการว่าจะเป็นหอยเชลล์ที่ตัวเล็ก ๆ แต่พอพนักงานเอามาเสริฟ แอบตกใจค่ะ หอยตัวใหญ่มาก แต่พอได้กิน ก็รู้สึกว่ามันเต็มปากเต็มคำ แถมหอยเนื้อหนึบมาก รสก็กำลังดี ไม่เค็ม ไม่เผ็ดเกิน อร่อยค่ะ
จานที่หก ... เป็นเนื้อปูผัดผงกะหรี่นะคะ จานนี้เนี่ยตอนพนักงานยกมาเสริฟ สีเหลืองเห็นเด่นชัดแต่ไกลเลย (สีเหลืองจาผงกะหรี่) ส่วนรสชาติ ก็ไม่เข้มเกิน นุ่มๆ เผ็ดนิดๆ ตามสไตล์ผัดผงกะหรี่อ่ะค่ะ
จานที่เจ็ด …. เป็นจานที่ใครมาทานอาหารที่ร้านนี้ก็ต้องสั่ง เรียกได้ว่าเป็น Singature Dish ขอร้านนี้เลยก็ว่าได้อ่ะค่ะ กับผัดผักบุ้งฝอย รสชาติเค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ ส่วนผักบุ้งก็กรอบ สีก็สวย กินกับข้าวร้อน ๆ พิมว่าอร่อยเลยค่ะ
ส่วนจานนี้จานที่แปด ... ปลาเก๋าผัดเจ้าสัว เป็นจานที่ทางร้านแนะนำลูกค้าเกือบทุกโต๊ะเลยนะคะ จานนี้เนี่ยทางร้านจะนำปลาเก๋าสด ๆ มาหั่นเป็นชิ้นไปชุบแป้งทอดก่อน แล้วนำมาผัดกับซอสที่คล้ายซอสพริกไทยดำ ใส่กระเทียมโทนดอง ใส่ต้นหอม และอื่นๆ เนื้อปลาแต่ละชิ้นจะหวานนุ่ม พอเจอกับซอสที่มีรสเค็มนำ เผ็ดนิดๆ หอมพริกไทยดำ ก็เข้ากันดีเลยค่ะ
จานที่เก้ากับจานที่สิบ ... 2 จานนี้ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจว่าจะสั่งกันนะคะ แต่สมาชิกบางคนในโต๊ะกลัวไม่อิ่ม เลยจัด ทั้งข้าวผัดปู และข้าวผัดกุ้งมาเพิ่มอีกอย่างละจาน ซึ่งทั้งสองจานรสชาติดี ข้าวร่วน หอม กุ้งก็ตัวโต คนที่สั่งมา กินจนหมดจาน เหลือแต่ต้นหอม กะมะเขือเทศล่ะค่ะ
และอีกไม่นานจะถึงเทศกาลเจ (12-21 ตุลา 2558) พิมก็เลยขอสั่งอาหารเจของที่นี่มาลองกันสักหน่อยนะคะ กับเมนูเส้นหมี่ผัดกระเฉดเจ และผัดโหงวก๊วยเจ .... เมนูหมี่ผัดกระเฉดเจ รสชาติจะอ่อนๆ ค่ะ ถ้าเอาไปเทียบกับเมนูหมี่ผัดกระเฉดปกติที่ใส่ทั้งมันกุ้ง ใส่ทั้งกุ้ง อาจจะอร่อยน้อยกว่า แต่ถ้าคิดว่าเป็นหมี่ผัดกระเฉดเจเฉย ๆ แบบไม่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับใคร ก็ดีเลยนะคะ แต่ส่วนเมนูผัดโหงวก๊วยเจนี่ สมาชิกทั้งตัวมีความเห็นเดียวกันเลยค่ะว่าอร่อยมาก รสชาติเมนูนี้จะหวานนำเค็มตาม ซอสจะเคลือบไปทั่วส่วนผสมทุกชิ้นที่อยู่ในตะกร้าเผือก ไม่ว่าจะเป็นเม็ดมะม่วง เต้าหู้ แปะก๊วย พุทราจีน และอื่นๆ ทำให้อร่อยทุกคำที่ตักเข้าปากเลยเลยอ่ะค่ะ
และนอกจากอาหารเจ 2 อย่างนี่แล้ว ทางร้านเค้าก็มีเมนูเจอย่างอื่นด้วยนะคะ และก็มีน้ำยาเจด้วย แต่น่าเสียดายว่าถ้าเป็นน้ำยาเจ เค้าจะมีขายเฉพาะในช่วงเทศกาลเจจริง ๆ หากเป็นช่วงก่อนเทศกาลแบบนี้จะยังไม่มีขายอะค่ะ
และเมื่อทานเมนูหนักๆ จบลงแล้ว ก็ขอปิดท้ายด้วยขนมหวานและผลไม้สักหน่อยนะคะ สำหรับขนมหวานที่ขึ้นชื่อของร้านเจ๊ง้อก็คือ เผือกหิมะกับแปะก๊วยนมสดค่ะ
สำหรับเผือกหิมะที่โต๊ะสั่งแบบจานเล็กมานะคะ เพราะกลัวว่าถ้าสั่งจานใหญ่แล้วจะกินไม่หมด เพราะทุกคนอิ่มตื้อกันมาก แต่ปรากฎว่าพอได้กิน ก็รู้สึกเสียดายว่าน่าจะสั่งจานใหญ่อ่ะค่ะ เพราะอร่อยจริงๆ ทางร้านเค้าจะเอาเผือกทั้งชิ้นไปทอดให้สุกก่อน แล้วนำมาผัดคลุกเคล้ากับน้ำตาลด้วยไฟอ่อนๆ จนน้ำตาลแห้ง ใส่อย่างอื่นอีกนิดหน่อย แล้วก็จะได้ออกมาเป็นเผือกหิมะหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี่แหละนะคะ เผือกชิ้นโตกรอบนอกนุ่มใน รสหวานกำลังดี ไม่หวานจนแสบคอ กินแล้วไม่เสียดายตังค์เลยค่ะ
ส่วนแปะก๊วย ทางร้านเค้ามี 2 แบบนะคะ คือแบบใส่นมสดกับไม่ใส่นมสด ตอนแรกพิมคิดว่าแบบใส่นมสดคือแบบเย็น (ใส่น้ำแข็ง) แต่ปรากฎว่าพอเอามาเสริฟ ไม่ใช่ค่ะ คือแปะก๊วยเชื่อม ที่ใส่มากับนมสดอุ่น ๆ แต่พอกินแล้ว ก็รู้สึกเข้ากันดี อร่อยนะคะ แต่พิมขอบอกเลยว่าปริมาณในหนึ่งถ้วยนั้นเยอะมาก พิมว่าพิมกินขนมเก่ง ๆ แล้วยังกินไม่หมด เพราะงั้นแนะนำว่าถ้าไปกันหลายคนสั่งมา 1 ถ้วยแล้วแบ่งกันทานสัก 2-3 คน ดีกว่านะคะ
ปิดท้ายมื้ออร่อยในวันนี้ ด้วยน้ำเก๊กฮวย และน้ำรากบัวนะคะ ทั้งสองอย่างรสชาติอ่อน ๆ ดีค่ะ ไม่หวานมาก
สรุปนะคะ ..... ตามความเห็นของพิม ร้านครัวเจ๊ง้อเป็นร้านอาหารที่มีเมนูให้เลือกทานเยอะมากเลยค่ะ ที่สำคัญสามารถเลือกขนาดอาหารตามปริมาณที่ต้องการทานได้ และมีราคาบอกชัดเจน ยกเว้นพวกกุ้ง ปลา อะไรที่เค้าเขียนว่าตามน้ำหนัก หรือคิดเป็นขีดเป็นกรัม ควรถามให้แน่ใจก่อนนะคะว่าหนักประมาณเท่าไหร่ เราจะได้ไม่กังวลเรื่องราคา ส่วนรสชาติอาหารโดยรวมเป็นรสชาติที่ทานได้ทุกเพศทุกวัย บรรยากาศภายในร้านก็เหมาะกับการพาครอบครัวมาทาน พาเพื่อนฝูงมาทาน มาสังสรรค์อะไรประมาณนี้ค่ะ ส่วนราคาอาหารเหมือนจะสูง แต่จริงๆ แล้ว พิมว่าราคาไปด้วยกันกับปริมาณและคุณภาพอาหารนะคะ ครั้งนี้พิมมาทานด้วยกัน 9 คน กินกันแบบอิ่มๆ ราคาอาหารรวมทั้งหมดประมาณ 5,000 กว่าบาท ซึ่งพิมจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้นะคะ เพราะว่าไม่ได้เป็นคนจ่าย แต่พิมว่าโอเคเลยค่ะ ยังไงถ้านึกไม่ออกว่าครั้งหน้าจะพาครอบครัวไปกินข้าวนอกบ้านที่ไหนดี ลองดูร้านครัวเจ๊ง้อนะคะ
แล้วพบกับพิมใหม่ในครั้งถัดไป สวัสดีค่า ^_^