สมัยสักเมื่อ 14-15 ปีก่อน ตอนพิมใกล้จะเรียนจบ พิมก็ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่โรงแรมแห่งนึงแถวๆ สีลมค่ะ
แล้วตอนนั้นเนี่ยก็มีร้านอาหารร้านนึงเปิดตัวขึ้นมา ชื่อว่า โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง อยู่แถว ๆ พระราม 3 ซึ่งไม่ไกลจากสีลมมากนัก หลังเลิกงานพี่ๆ ที่ฝึกงานเค้าก็มักจะชวนกันไปหาอะไรกินที่ร้านนี้อยู่เป็นประจำ พิมเองก็ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามพี่เค้าไปด้วยค่ะ สมัยนั้นเนี่ยอาหารที่ขึ้นชื่อของโรงเบียร์ก็คือ ขาหมูเยอรมันนะคะ เป็นเมนูที่เค้าจะนำขาหมูไปทำอะไรสักอย่างเนี่ยแหละค่ะ แล้วก็ค่อยเอามาทอดให้กรอบ เสริฟพร้อมกับมันบด ซึ่งรสชาตินี่อร่อยมากๆ ใครที่ไปโรงเบียร์สมัยนั้นก็ต้องสั่งเมนูนี้มาทาน ..... คู่กับเบียร์ตลอดเลยนะคะ
จนวันเวลาผ่านไป พิมเรียนจบและไม่ได้ไปฝึกงานที่โรงแรมนั้นอีก พิมก็ห่างหายจากการไปโรงเบียร์เยอรมันอยู่นานโขเลยค่ะ จนกระทั่งเมื่อหลายวันก่อน มีคนรุ้จักพิมคนนึงชวนพิมไปโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดมาเมื่อ 2 เดือนก่อน ด้วยความคิดถึงและอยากไปหาอะไรอร่อย ๆ ทาน ก็เลยตอนรับคำชวนเค้าไปอ่ะค่ะ (ใจง่ายเน๊อะ ^^)
โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง แจ้งวัฒนะ สร้างขึ้นบนเนื้อที่ 7 ไร่ จุคนได้ประมาณ 1200 คน และก็มีที่จอดรถได้ถึง 350 คันนะคะ ซึ่งโรงเบียร์สาขานี้เนี่ยเป็นสาขาที่ 3 ของโรงเบียร์เยอรมันะ โดยที่สาขาแรกก็คือสาขาพระราม 3 สาขาที่เป็นความหลังของพิมสมัยฝึกงาน ^_^ และสาขาที่สองก็คือ สาขารามอินทรา ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพิมสักเท่าไหร่เลยค่ะ
โรงเบียร์เยอรมันมีเวลาเปิดปิดก็คือ 5 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน ซึ่งวันที่พิมไปเนี่ย พิมนัดพี่ที่ขวนพิมไปว่าเจอกันที่ร้านตอน 6 โมงเย็นนะคะ แต่ปรากฎว่าวันนั้นเป็นวันที่รถติดอลังการเลยค่ะ พิมออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่ 5 โมงเย็น กะว่าสัก 6 โมงเย็นก็ถึงแบบชิว ๆ แต่ปรากฎว่าออกจากบ้านไปได้ไม่ถึง 2 กม. รถก็เริ่มติดค่ะ จากนั้นเนี่ย ใช้เวลาประมาณ 5 นาที รถถึงจะขยับได้ครั้งนึง และแต่ละครั้งที่ขยับก็ไปได้ไม่ไกลสักเท่าไหร่อ่ะค่ะ กว่าพิมจะไปถึงโรงเบียร์ก็เลยปาเข้าไปทุ่มครึ่งกว่าๆ ดีกว่าพี่ที่นัดกับพิมก็เจอรถติดระหว่างมาเหมือนกัน เราสองคนก็เลยถึงร้านด้วยระยะเวลาที่ไม่ห่างกันมากอ่ะค่ะ ^_^
โดยปกติแล้ว เวลาที่เราจะมาโรงเบียร์เนี่ย เราจะมาแบบ walk in เลยก็ได้นะคะ แต่ถ้าหากอยากนั่งโต๊ะตรงนั้นตรงนี้ เช่น โต๊ะหน้าเวที โต๊ะแบบโซฟา แบบห้องส่วนตัว หรือนั่งที่ชั้น 2 ก็ควรโทรมาจองโต๊ะกับพนักงานเค้าเอาไว้ก่อนค่ะ จะได้มีที่นั่งแน่นอนนะคะ ซึ่งถ้าหากโทรจองแล้ว พอไปถึงแล้วก็ไปแจ้งกับน้องๆ พนักงานที่อยู่หน้าร้าน แล้วเค้าก็จะพาเราไปยังที่นั่งที่เราจองเอาไว้อ่ะค่ะ
บรรยากาศในโรงเบียร์เยอรมัน แจ้งวัฒนะ โดยส่วนตัวพิมคิดว่าคล้าย ๆ ร้านอาหารผสมกับโรงละครนะคะ คือ ภายในร้านอาหารมีลักษณะเป็นห้องโถง ที่เพดานสูงมากกกก ทำให้รู้สึกว่าโปร่ง โล่ง นั่งสบาย การจัดระยะห่างระหว่างแต่ละโต๊ะก็ไม่ได้แออัดยัดเยียด คนอ้วนๆ อย่างคุณสามีพิมก็ยังสามารถเดินผ่านได้แบบไม่ต้องเอียงตัว อีกทั้งระบบหมุนเวียนอากาศในร้านก็ดีมากค่ะ นั่งทานอาหารอยู่เกือบ 4 ชม. ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด ที่สำคัญคือทางร้านเค้าจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร มีครอบครัวที่พาพ่อแม่ลูกหลานเด็กเล็กมาทานอาหารกันอยู่เป็นประจำ จึงไม่อนุญาติให้สูบบุหรี่ภายในร้านได้ ดังนั้นแล้วอากาศภายในร้านจึงไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีกลิ่นอับ ไม่มีกลิ่นบุหรี แบบว่าดีมากๆ เลยอ่ะค่ะ ^_^
พูดถึงบรรยากาศร้านกันไปแล้ว มาพูดถึงอาหารกันบ้างดีกว่าเน๊าะคะ ... สมัยก่อนโน้นนนนนนน ตอนที่ยังมีโรงเบียร์สาขาเดียวคือ สาขาพระราม 3 ไปโรงเบียร์เยอรมันทีไร อาหารที่พวกพี่ ๆ ที่ฝึกงานพิมเค้าจะสั่งมากินกันก็คือ ขาหมูเยอรมันทอด กับกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาค่ะ ซึ่งสมัยนั้นเนี่ยพิมไม่รู้ว่าที่โรงเบียร์เยอรมันเค้ามีอาหารประเภทใด และมากน้อยแค่ไหนบ้างนะคะ เพราะสั่งอยู่ประจำแค่ 3-4 เมนูเดิม ๆ เท่านั้นเอง แต่ว่าพอได้มาด้วยตัวเองที่โรงเบียร์เยอรมันแจ้งวัฒนะ ก็พบว่าอาหารของที่นี่มีหลากหลายมากเลยค่ะ
ซึ่งอาหารของที่นี่ก็จะมีอาหารทั่วไป กับอาหารญี่ปุ่นนะคะ ในส่วนของอาหารทั่วไปเนี่ยก็จะมีอาหารหลากหลายประเภทมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นของกินเล่น อาหารจานหนักๆ กับข้าวต้ม ผัด แกง ทอด หม้อไฟ จานร้อน อาหารจานเดียว หรือแม้แต่ขนมหวานอย่างกล้วยบวดชี สาคูทรงเครื่อง บัวลอย พวกนี้ก็มีนะคะ เรียกว่าเลือกสั่งกันไม่ถูกเลยค่ะ เพราะเยอะมากจริงๆ
ในส่วนอาหารญี่ปุ่นของที่นี่ ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะที่นี่ไม่ใช่ว่าเค้าจะมีแค่อาหารญี่ปุ่นขาย แต่เค้ามีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในโรงเบียร์เลย ชื่อว่าร้าน Yuyake Sushi Bar ค่ะ ซึ่งพ่อครัวใหญ่ของร้านนี้เนี่ย เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นที่มาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรงเลย เพราะงั้นรับรองว่าทั้งความสดของวัตถุดิบและรสชาติอาหารโอเคมากๆ เลยอ่ะค่ะ
ว่ากันถึงอาหารทั่วไป อาหารญี่ปุ่นแล้ว ........ มาโรงเบียร์ทั้งที จะไม่พูดถึงเบียร์ก็คงไม่ได้เน๊าะคะ เพราะว่าเบียร์คือเอกลักษณ์ของที่นี่เลยอ่ะค่ะ ^_^
เบียร์ของที่นี่เค้าจะเป็นเบียร์สดรสชาตินุ่มลิ้นแบบเยอรมันแท้ๆ ที่ทางโรงเบียร์เยอรมันเป็นผู้ผลิตขึ้นเองค่ะ โดยกระบวนการผลิตเบียร์ของที่นี่ถูกควบคุมโดย Brewmaster ชาวเยอรมัน ภายในมาตรฐานการผลิตเบียร์ของประเทศเยอรมันนีนะคะ ซึ่งก็จะมีผลิตอยู่ 3 รสชาติด้วยกัน ก็คือ ลาเกอร์ ดุงเคล และไวเซ่น ค่ะ
เบียร์ตัวแรก .. ลาเกอร์เบียร์ หรือเบียร์สีทอง รสชาติเบียร์ตัวนี้เท่าที่พิมได้ชิมค่อนข้างนุ่มลิ้น มีฟองเบียร์น้อย แล้วก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นกลิ่นที่ชวนให้ดื่มจริง ๆ เลยนะคะ
เบียร์ตัวที่สอง .. ดุงเคลเบียร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าเบียร์ดำ เบียร์ตัวนี้มีสีเข้มน้ำตาลออกไปทางดำค่ะ รสชาติจะหวานอมขมจางๆ และเป็นเบียร์ที่มีเปอร์เซ็นต์ของแอลกอฮอล์น้อยที่สุดในเบียร์ 3 ชนิดนี้เลยนะคะ
และเบียร์ตัวที่สาม .. ไวเซ่นเบียร์ หรือที่หลายคนเรียกว่าเบียร์ผลไม้ เพราะว่าในกระบวนการหมักเบียร์ตัวนี้เท่าที่พิมได้สอบถามพนักงาน เค้าบอกว่ามีส่วนผสมของผลไม้ด้วยอ่ะค่ะ ทำให้รสชาติค่อนข้างนุ่มกว่าเบียร์ตัวอื่น อีกทั้งยังหอมแบบแทบไม่มีรสขม กินแล้วเพลินมาก ฮ่าๆ แต่เชื่อไหมคะว่ารสเบา ๆ แบบนี้ กลับเป็นเบียร์ที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์สูงสุดใน 3 เบียร์นี้เลยค่ะ ^_^
ดูบรรยากาศ ดูรายละเอียดของอาหารของเบียร์กันไปแล้ว มาดูอาหารที่โต๊ะพิมสั่งมาทานกันบ้างดีกว่า รับรองน่าทานทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ
เซตแรก .. เริ่มเบาๆ กับของทานเล่น อย่างกุ้งเรือนแก้ว เม็ดมะม่วงทรงเครื่องก่อน และก็กุ้งชุบแป้งทอดกันก่อนนะคะ ^_^
ตัวกุ้งเรือนแก้วเนี่ย น่าจะเป็นกุ้งแก้วจากแถว ๆ ทางภาคใต้ แล้วนำมาทอดให้กรอบนอกนุ่มใน เสริฟคู่กับซอสพริก อร่อยดีค่ะ ส่วนเม็ดมะม่วงทรงเครื่อง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะสั่งนะคะ แต่คุณสามีเกิดอยากจะกิน ก็เลยขอสั่งมาลองซะหน่อย ปรากฎว่าอร่อยเลยค่ะ ตัวเม็ดมะม่วงเค้าจะกรอบทั้งเม็ด มีความเค็มนิดๆ โรยด้วยต้นหอมซอยหน่อยๆ กินแล้วนึกถึงถั่วอาบังที่เคยกินสมัยเด็กๆ เลยนะคะ ^_^
ส่วนกุ้งชุบแป้งทอด อาหารจานโปรดสุดๆ ของคุณสามีพิม ... อันนี้ออกจะผิดคาดนิดนึงอ่ะค่ะ เพราะตอนแรกแอบคิดว่าเค้าจะทอดมาแบบชุบแป้งทอดพองๆ แต่ไม่ใช่ ที่นี่เค้าจะทอดแบบคลุกแป้งแน่นๆ + คลุกเกล็ดขนมปัง ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ แต่พิมว่าทอดออกมาได้แห้งแข็งไปนิดนึงค่ะ
เซตถัดมาก็ยังคงเบาๆ อยู่ แต่ข้ามไปเป็นอาหารญี่ปุ่น กับปลาดิบรวมชุดเล็ก และปูอัดซาซิมินะคะ ... ในส่วนของปลาดิบรวม พิมกินได้แต่กุ้ง หมึก และก็ปูอัด เพราะอย่างอื่นพิมกินไม่เป็นค่ะ (น่าเสียดายเน๊าะคะ T__T) แต่คุณสามีและคนอื่นซึ่งกินปลาดิบได้ได้ ต่างบอกว่า วัถตุดิบสดใหม่เหมือนกินตามร้านอาหารญี่ปุ่นดี ๆ เลยอ่ะค่ะ
ส่วนปูอัดซาซิมิ อาหารญี่ปุ่นจานโปรดของพิม ... จานนี้ปูอัดเนื้อหวาน ๆ แปะวาซาบิลงไปเยอะๆ จิ้มกับโชหยุหน่อยๆ อร่อยล้ำที่สุดเลยนะคะ ^_^
สั่งจานเบา ๆ กันไปแล้ว เซตถัดมาขอสั่งจานหนัก ๆ มาทานกันบ้างดีกว่าค่ะ เริ่มต้นที่ขาหมูเยอรมัน ที่เสริฟมาพร้อมกับมันบดผสมกระเทียม กระหล่ำปลีดอง และน้ำจิ้มรสแซ่บนะคะ .... ซึ่งถ้ามาที่ร้านนี้ พิมแนะนำว่าควรสั่งเมนูนี้มาชิมเลยค่ะ ย้ำว่าไม่ควรพลาด !! พิมเคยกินครั้งแรกเมื่อประมาณ 14-15 ปีที่แล้ว กลับมากินอีกครั้งก็ยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ (โดยเฉพาะตรงหนังกรอบๆ ฮ่าๆ)
ด้วยความที่อยากกินอะไรซด ๆ น้ำบ้าง บวกกับมีคนบอกว่ามาที่นี่ให้ลองสั่งเย็นตาโฟหม้อไฟมากินนะ รสชาติแจ่มแจ๋วโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ..... พิมก็เลยลองสั่งมาลองสักหน่อยค่ะ ปรากฎว่าโอเคเลย รสชาติดีจริง ๆ เปรี้ยวนำ เค็มหวานตามพอเหมาะ เผ็ดนิดๆ ขนาดที่คุณสามีพิมซึ่งปกติไม่ทานเย็นตาโฟ ก็ยังซดน้ำไปหลายถ้วยเลยนะคะ
กินแต่กับข้าว แลดูจะฝืดคอ พี่ที่ชวนพิมไปก็เลยแนะนำให้พิมลองสั่งเบียร์มาชิมค่ะ ซึ่งเบียร์ที่พิมสั่งมา (ของตัวเอง) ก็คือ ไวเซ่นเบียร์ หรือเบียร์ผลไม้นะคะ รสชาติหวานๆ นุ่ม ๆ หอมกลิ่นผลไม้ ไม่ขม อร่อยดีค่ะ ^_^
แต่พิมไม่ค่อยถนัดเบียร์สักเท่าไหร่ คือทานได้นะคะ แต่ว่าถ้าเทียบกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ พิมจะถนัดค๊อกเทลมากกว่า ก็เลยขอสั่ง Mojito ค๊อกเทลสุดโปรดของพิมมาลองชิมสักแก้วนึงค่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่าโมฮิโต้ของที่นี่รสชาติหนักแน่นมากนะคะ ปกติพิมกินค๊อกเทลที่อื่นได้ 5-6 แก้วสบาย ๆ เลย แต่มาเจอ Mojito ที่นี่ไป 2 แก้ว เหมือนกินที่อื่น 4 แก้วเลยค่ะ ฮ่าๆ
ระหว่างที่จิบค๊อกเทลไปเรื่อย ๆ โต๊ะพิมก็สั่งอาหารมาเพิ่มอีกนะคะ เพราะไหนๆ มีโอกาสได้มากินอาหารที่นี่แล้ว + ท้องยังมีพื้นที่ให้ใส่ ก็อยากสั่งมาชิมหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ ^_^
จานต่อมาที่สั่งมาชิมก็คือ หมึกผัดไข่เค็มนะคะ .. ขอบอกเลยว่าที่สั่งเมนูนี้เนี่ยเพราะเห็นโต๊ะข้าง ๆ เค้าสั่งค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่พอเห็นพนักงานยกจานเดินผ่านไป ก็เลยเรียกถามว่าคืออะไร น้องเค้าก็ตอบว่าหมึกผัดไข่เค็ม พิมเห็นสีสรรน่ากินดีก็เลยลองสั่งมา ปรากฎว่ารสชาติอร่อยเลยนะคะ ซอสไข่เค็มนี่อย่างเข้มข้นเลย หมึกก็สดหวาน เนื้อเด้ง ๆ โดยรวมแล้วทุกคนในโต๊ะชอบจานนี้มากค่ะ
จานต่อมา ... เป็นอีกจานที่พิมอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ สั่งกันมาทานเลยนะคะ นั่นก็คือ ปลากะพงทอดราดพริกสามรสค่ะ เมนูนี้เนี่ยตอนแรกพิมไม่คิดว่าจะสั่งนะคะ แต่มีคนบอกว่าเมนูปลาของที่นี่อร่อยทุกอย่าง พิมก็เลยคิดว่างั้นสั่งมาลองสักอย่างนึงก็ได้ ก็เลยมอง ๆ หาเมนูปลาที่พิมไม่ค่อยจะได้สั่งทานในร้านอาหารสักเท่าไหร่ แล้วก็ไปสะดุดตากับปลากะพงสามรสนี่แหละค่ะ ก็เลยสั่งมาลอง และพอได้ลอง รสชาตินี่ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ตัวปลาทอดมาได้กรอบนอกนุ่มใน ซอสสามรสก็รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นน้ำมะขามเปียก รสชาติก็สไตล์ไทยโบราณมากๆ เปรี้ยวหวานนำ เค็ม เผ็ดตามแบบกลมกล่อม ให้อารมณ์แบบกับข้าวฝีมือแม่มากๆ เลยอ่ะค่ะ ... เพราะงั้นจานนี้ ถ้าใครไป พิมแนะนำให้สั่งมาลองทานดูเลยนะคะ
และอาหารอย่างสุดท้ายที่โต๊ะพิมสั่งมาก็คือ ต้มยำกุ้งแบบน้ำข้นค่ะ กุ้งที่ทางร้านใช้ก็จะเป็นกุ้งแม่น้ำไซส์กลางๆ นะคะ ต้มมาแบบหอมเครื่องต้มยำ รสชาติโดยรวมก็กลมกล่อม แต่ไม่จี๊ดจ๊าด ไม่เผ็ดมาก ทานได้ทุกเพศทุกวัยเลยอ่ะค่ะ
แล้วระหว่างที่เรานั่งทานอาหารกันไป บนเวทีก็จะมีการแสดงตลอดเลยนะคะ โดยในช่วงก่อน 3 ทุ่มเนี่ย (ถ้าพิมจำเวลาไม่ผิดนะ) ซึ่งเป็นช่วงที่ไฟยังสว่าง จะมีนักร้องมาร้องเพลงเพราะ ๆ ให้เราฟังหลากหลายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพลงสตริง เพลงสากล เพลงไทยลูกทุ่ง หรือเพลงเพื่อชีวิต โดยนักร้องของที่นี่จะมีทั้งหมด 7-8 คน แต่ละคนก็จะออกมาร้องกันทีละเพลงสองเพลง สลับ ๆ กันไปนะคะ และที่สำคัญคือ นักร้องของที่นี่เสียงดี และหลายคนร้องเพลงดีมาก จนพิมคิดว่าเสียงแบบนี้ ลีลาการร้องเพลงแบบนี้ ไปประกวดเดอะวอยซ์น่าจะเข้ารอบสบายๆ เลยอ่ะค่ะ ^_^
และนอกจากโชว์ร้องเพลงแล้ว พอหลัง 3 ทุ่มเป็นต้นไป ไฟในร้านก็จะค่อย ๆ มึดลง พร้อมกับมีการแสดงโชว์บนเวทีที่หลากหลายมากขึ้นนะคะ ซึ่งหลาย ๆ โชว์นั้นทั้งชุด แสง สี เสียง ฉากอลังการมากจนพิมกับคุณสามีแอบคิดกันว่านี่โรงเบียร์หรือโรงละครนะเนี่ย แบบว่าโชว์ดีงามจริง ๆ เลยค่ะ
และในบางช่วงระหว่างการแสดงโชว์ ก็มีลูกค้าโต๊ะนึงเค้ามาจัดงานฉลองวันเกิดกันที่นี่นะคะ ทางโรงเบียร์ก็มีการรวมตัวนักร้อง มาร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับลูกค้าโต๊ะนั้น .... เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากกก จนแอบคิดว่าพอถึงวันเกิดพิม ก็อยากจะไปฉลองที่นี่บ้างอ่ะค่ะ ^_^
และสำหรับคนที่เป็นขาแดนซ์ .... พิมก็อยากบอกว่าที่นี่เนี่ย ไม่ใช่แค่เหมาะกับการมาทานอาหารกับครอบครัว เพื่อนฝูงหรือมานั่งจิบเบียร์ จิบค๊อกเทลชิวๆ เท่านั้นนะคะ เพราะว่าพอตกดึกหลัง 4 ทุ่มเป็นต้นไปเนี่ย นักร้องของที่นี่จะสวมวิญญาณขาแดนซ์กันขึ้นมาเลยค่ะ เพลงแต่ละเพลงที่ถูกนำมาร้องเนี่ย ทั้งเพลงสมัยเก่าเพลงสมัยใหม่ ชวนให้ลุกขึ้นเต้นเอามากๆ แถมไม่ใช่แค่นักร้องที่ร้องไปเต้นไปนะคะ พนักงานเสริฟก็จะเดินมาชวนแขกยืนขึ้นเต้นด้วยกันค่ะ หรือบางทีพนักงานเดินไปเสริฟอาหาร ขากลับถูกแขกเรียกให้เต้นด้วยกัน (เต้นแบบน่ารัก ๆ สนุก ๆ ไม่ใช่เต้นแบบอื่น) พนักงานเสริฟเค้าก็จะเต้นกับลูกค้าด้วย เต้นไปยิ้มไป หัวเราะไป ไม่มีแสดงอาการขัดขืนใจ หรือว่าไม่พอใจ ...... เป็นอะไรที่พิมมีความรู้สึกว่ามันดีมาก ๆ เลยอ่ะค่ะ
พูดถึงพนักงานเสริฟของที่นี่แล้ว พิมอยากจะบอกว่า พนักงานของที่นี่ ไม่ว่าจะพนักงานเสริฟ พนักงานตรงเคาเตอร์ หรือแม้แต่คุณป้าแม่บ้านในห้องน้ำ เค้าให้บริการเราดีมากๆ เลยอ่ะค่ะ พิมไม่รู้ว่าทางร้านเค้าเทรนมายังไงนะคะ แต่พนักงานทุกคนแลดูขยันขันแข็ง กระฉับกระเฉง แลดูพร้อมที่จะทำงานด้วยความเต็มใจ จะยืนจะเดินจะเสริฟจะคุยกับลูกค้า ก็มีรอยยิ้มตลอด แถมคอยดูตลอดว่าลูกค้าโต๊ะไหนต้องการอะไรไหม เรียกว่าพนักงานของที่นี่บริการได้แบบไม่มีให้ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ชอบมากๆ เลยอ่ะค่ะ
และหลังจากพิมนั่งกินอาหาร นั่งฟังเพลง นั่งดูโชว์อยู่ประมาณ 3 ชม. กว่าๆ ก็ได้เวลาที่พิมจะต้องกลับบ้านแล้วนะคะ เพราะว่าวันรุ่งขึ้นพิมมีงานตอนเช้า แต่ก่อนจะกลับก็ขอสั่งผลไม้กับขนมหวานมาล้างปากสักหน่อยอ่ะค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะสั่งแต่ผลไม้อย่างเดียว แต่พี่ที่โต๊ะแนะนำพิมว่า ที่นี่เนี่ยน้ำปลาหวานมะม่วงอร่อย พิมก็เลยสั่งมาลองสักหน่อยนะคะ เพราะว่ากำลังอยากกินอะไรเปรี้ยว ๆ แซ่บ ๆ อยู่พอดี ซึ่งน้ำปลาหวานของที่นี่ รสชาติดีจริง หวานเค็มกำลังกลมกล่อม แต่ความเห็นส่วนตัวพิมว่ากลิ่นน้ำปลาแรงไปนิดนึงอ่ะค่ะ
สรุป .. ในความรู้สึกพิมนะคะ ร้านนี้เหมาะทั้งการมานั่งทานอาหารแบบชิวๆ กับครอบครัว เพื่อนฝูง รวมไปถึงมาจัดงานฉลองวันเกิด วันครบรอบโน่นนี่ หรือจะมานั่งจิบเบียร์ จิบค๊อกเทล จิบเครื่องดื่มอื่น ๆ นั่งฟังเพลงเพราะ ๆ ดูการแสดงโชว์ที่แสนจะอลังการ หรือมาแด๊นซ์มัน ๆ ตอนดึก ๆ ก็โอเคทุกอย่างเลยค่ะ
ส่วนเรื่องราคาอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณนะคะ แต่ถ้าเทียบกับรสชาติ คุณภาพวัตถุดิบ เทียบกับความตั้งใจทำของพ่อครัว (ดูจากการหั่น การจัดวาง จัดแต่งจาน) เทียบกับสถานที่ เทียบกับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะในเรื่องของการบริการ รอยยิ้มจากพนักงาน การแสดงโชว์ต่างๆ และอื่นๆ ...... ขอบอกว่าพิมรู้สึกคุ้มค่ามาก จนพิมบอกกับคุณสามีเลยว่าไว้วันหลังถ้าเราว่างๆ หรือวันไหนทำงานเสร็จเร็ว เรามานั่งกินข้าวพร้อมกับฟังเพลง ดูโชว์ที่นี่กันอีกนะ เพราะชอบจริง ๆ ค่ะ
แล้วพบกับพิมใหม่ในรีวิวร้านอาหารร้านถัดไปนะคะ ....... สวัสดีค่ะ ^_^