header



สมัยสักเมื่อ 14-15 ปีก่อน ตอนพิมใกล้จะเรียนจบ  พิมก็ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่โรงแรมแห่งนึงแถวๆ สีลมค่ะ  

แล้วตอนนั้นเนี่ยก็มีร้านอาหารร้านนึงเปิดตัวขึ้นมา ชื่อว่า โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง อยู่แถว ๆ พระราม 3 ซึ่งไม่ไกลจากสีลมมากนัก  หลังเลิกงานพี่ๆ ที่ฝึกงานเค้าก็มักจะชวนกันไปหาอะไรกินที่ร้านนี้อยู่เป็นประจำ  พิมเองก็ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามพี่เค้าไปด้วยค่ะ   สมัยนั้นเนี่ยอาหารที่ขึ้นชื่อของโรงเบียร์ก็คือ  ขาหมูเยอรมันนะคะ  เป็นเมนูที่เค้าจะนำขาหมูไปทำอะไรสักอย่างเนี่ยแหละค่ะ แล้วก็ค่อยเอามาทอดให้กรอบ เสริฟพร้อมกับมันบด ซึ่งรสชาตินี่อร่อยมากๆ  ใครที่ไปโรงเบียร์สมัยนั้นก็ต้องสั่งเมนูนี้มาทาน ..... คู่กับเบียร์ตลอดเลยนะคะ

จนวันเวลาผ่านไป พิมเรียนจบและไม่ได้ไปฝึกงานที่โรงแรมนั้นอีก พิมก็ห่างหายจากการไปโรงเบียร์เยอรมันอยู่นานโขเลยค่ะ จนกระทั่งเมื่อหลายวันก่อน  มีคนรุ้จักพิมคนนึงชวนพิมไปโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นสาขาล่าสุดที่เพิ่งเปิดมาเมื่อ 2 เดือนก่อน  ด้วยความคิดถึงและอยากไปหาอะไรอร่อย ๆ ทาน ก็เลยตอนรับคำชวนเค้าไปอ่ะค่ะ  (ใจง่ายเน๊อะ ^^) 

tawandang 01

โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง แจ้งวัฒนะ  สร้างขึ้นบนเนื้อที่ 7 ไร่  จุคนได้ประมาณ 1200 คน  และก็มีที่จอดรถได้ถึง 350 คันนะคะ  ซึ่งโรงเบียร์สาขานี้เนี่ยเป็นสาขาที่ 3 ของโรงเบียร์เยอรมันะ  โดยที่สาขาแรกก็คือสาขาพระราม 3  สาขาที่เป็นความหลังของพิมสมัยฝึกงาน ^_^  และสาขาที่สองก็คือ สาขารามอินทรา ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพิมสักเท่าไหร่เลยค่ะ    

 tawandang map

โรงเบียร์เยอรมันมีเวลาเปิดปิดก็คือ 5 โมงเย็น ถึงเที่ยงคืน  ซึ่งวันที่พิมไปเนี่ย พิมนัดพี่ที่ขวนพิมไปว่าเจอกันที่ร้านตอน 6 โมงเย็นนะคะ แต่ปรากฎว่าวันนั้นเป็นวันที่รถติดอลังการเลยค่ะ พิมออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่ 5 โมงเย็น กะว่าสัก 6 โมงเย็นก็ถึงแบบชิว ๆ  แต่ปรากฎว่าออกจากบ้านไปได้ไม่ถึง 2 กม. รถก็เริ่มติดค่ะ จากนั้นเนี่ย ใช้เวลาประมาณ 5 นาที รถถึงจะขยับได้ครั้งนึง และแต่ละครั้งที่ขยับก็ไปได้ไม่ไกลสักเท่าไหร่อ่ะค่ะ  กว่าพิมจะไปถึงโรงเบียร์ก็เลยปาเข้าไปทุ่มครึ่งกว่าๆ  ดีกว่าพี่ที่นัดกับพิมก็เจอรถติดระหว่างมาเหมือนกัน  เราสองคนก็เลยถึงร้านด้วยระยะเวลาที่ไม่ห่างกันมากอ่ะค่ะ ^_^ 

โดยปกติแล้ว เวลาที่เราจะมาโรงเบียร์เนี่ย เราจะมาแบบ walk in เลยก็ได้นะคะ  แต่ถ้าหากอยากนั่งโต๊ะตรงนั้นตรงนี้ เช่น โต๊ะหน้าเวที  โต๊ะแบบโซฟา  แบบห้องส่วนตัว  หรือนั่งที่ชั้น 2 ก็ควรโทรมาจองโต๊ะกับพนักงานเค้าเอาไว้ก่อนค่ะ  จะได้มีที่นั่งแน่นอนนะคะ   ซึ่งถ้าหากโทรจองแล้ว พอไปถึงแล้วก็ไปแจ้งกับน้องๆ  พนักงานที่อยู่หน้าร้าน  แล้วเค้าก็จะพาเราไปยังที่นั่งที่เราจองเอาไว้อ่ะค่ะ 

tawandang 02

tawandang 11

บรรยากาศในโรงเบียร์เยอรมัน แจ้งวัฒนะ โดยส่วนตัวพิมคิดว่าคล้าย ๆ ร้านอาหารผสมกับโรงละครนะคะ   คือ ภายในร้านอาหารมีลักษณะเป็นห้องโถง ที่เพดานสูงมากกกก  ทำให้รู้สึกว่าโปร่ง โล่ง นั่งสบาย การจัดระยะห่างระหว่างแต่ละโต๊ะก็ไม่ได้แออัดยัดเยียด  คนอ้วนๆ อย่างคุณสามีพิมก็ยังสามารถเดินผ่านได้แบบไม่ต้องเอียงตัว   อีกทั้งระบบหมุนเวียนอากาศในร้านก็ดีมากค่ะ นั่งทานอาหารอยู่เกือบ 4 ชม. ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด  ที่สำคัญคือทางร้านเค้าจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร  มีครอบครัวที่พาพ่อแม่ลูกหลานเด็กเล็กมาทานอาหารกันอยู่เป็นประจำ  จึงไม่อนุญาติให้สูบบุหรี่ภายในร้านได้  ดังนั้นแล้วอากาศภายในร้านจึงไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีกลิ่นอับ ไม่มีกลิ่นบุหรี  แบบว่าดีมากๆ เลยอ่ะค่ะ  ^_^

tawandang 03

tawandang 07

tawandang 04

tawandang 06

พูดถึงบรรยากาศร้านกันไปแล้ว มาพูดถึงอาหารกันบ้างดีกว่าเน๊าะคะ  ...  สมัยก่อนโน้นนนนนนน ตอนที่ยังมีโรงเบียร์สาขาเดียวคือ สาขาพระราม 3   ไปโรงเบียร์เยอรมันทีไร  อาหารที่พวกพี่ ๆ ที่ฝึกงานพิมเค้าจะสั่งมากินกันก็คือ ขาหมูเยอรมันทอด กับกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาค่ะ  ซึ่งสมัยนั้นเนี่ยพิมไม่รู้ว่าที่โรงเบียร์เยอรมันเค้ามีอาหารประเภทใด และมากน้อยแค่ไหนบ้างนะคะ  เพราะสั่งอยู่ประจำแค่ 3-4 เมนูเดิม ๆ เท่านั้นเอง   แต่ว่าพอได้มาด้วยตัวเองที่โรงเบียร์เยอรมันแจ้งวัฒนะ  ก็พบว่าอาหารของที่นี่มีหลากหลายมากเลยค่ะ 

ซึ่งอาหารของที่นี่ก็จะมีอาหารทั่วไป  กับอาหารญี่ปุ่นนะคะ  ในส่วนของอาหารทั่วไปเนี่ยก็จะมีอาหารหลากหลายประเภทมากเลยค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นของกินเล่น   อาหารจานหนักๆ  กับข้าวต้ม ผัด แกง ทอด  หม้อไฟ  จานร้อน  อาหารจานเดียว หรือแม้แต่ขนมหวานอย่างกล้วยบวดชี สาคูทรงเครื่อง บัวลอย พวกนี้ก็มีนะคะ   เรียกว่าเลือกสั่งกันไม่ถูกเลยค่ะ เพราะเยอะมากจริงๆ

tawandang 20

tawandang 21

tawandang 22

tawandang 23

tawandang 25

tawandang 27

tawandang 34

tawandang 35

ในส่วนอาหารญี่ปุ่นของที่นี่  ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก   เพราะที่นี่ไม่ใช่ว่าเค้าจะมีแค่อาหารญี่ปุ่นขาย  แต่เค้ามีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในโรงเบียร์เลย  ชื่อว่าร้าน  Yuyake Sushi Bar ค่ะ  ซึ่งพ่อครัวใหญ่ของร้านนี้เนี่ย เป็นเชฟอาหารญี่ปุ่นที่มาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรงเลย เพราะงั้นรับรองว่าทั้งความสดของวัตถุดิบและรสชาติอาหารโอเคมากๆ เลยอ่ะค่ะ 

tawandang 08

tawandang 28

tawandang 29

tawandang 30

tawandang 31

tawandang 32

tawandang 33

tawandang 13

ว่ากันถึงอาหารทั่วไป อาหารญี่ปุ่นแล้ว ........ มาโรงเบียร์ทั้งที จะไม่พูดถึงเบียร์ก็คงไม่ได้เน๊าะคะ เพราะว่าเบียร์คือเอกลักษณ์ของที่นี่เลยอ่ะค่ะ ^_^  

เบียร์ของที่นี่เค้าจะเป็นเบียร์สดรสชาตินุ่มลิ้นแบบเยอรมันแท้ๆ ที่ทางโรงเบียร์เยอรมันเป็นผู้ผลิตขึ้นเองค่ะ  โดยกระบวนการผลิตเบียร์ของที่นี่ถูกควบคุมโดย Brewmaster ชาวเยอรมัน ภายในมาตรฐานการผลิตเบียร์ของประเทศเยอรมันนีนะคะ  ซึ่งก็จะมีผลิตอยู่ 3 รสชาติด้วยกัน ก็คือ ลาเกอร์ ดุงเคล และไวเซ่น ค่ะ 

เบียร์ตัวแรก .. ลาเกอร์เบียร์  หรือเบียร์สีทอง  รสชาติเบียร์ตัวนี้เท่าที่พิมได้ชิมค่อนข้างนุ่มลิ้น มีฟองเบียร์น้อย แล้วก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นกลิ่นที่ชวนให้ดื่มจริง ๆ เลยนะคะ 

เบียร์ตัวที่สอง .. ดุงเคลเบียร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าเบียร์ดำ  เบียร์ตัวนี้มีสีเข้มน้ำตาลออกไปทางดำค่ะ รสชาติจะหวานอมขมจางๆ  และเป็นเบียร์ที่มีเปอร์เซ็นต์ของแอลกอฮอล์น้อยที่สุดในเบียร์ 3 ชนิดนี้เลยนะคะ

และเบียร์ตัวที่สาม .. ไวเซ่นเบียร์  หรือที่หลายคนเรียกว่าเบียร์ผลไม้  เพราะว่าในกระบวนการหมักเบียร์ตัวนี้เท่าที่พิมได้สอบถามพนักงาน เค้าบอกว่ามีส่วนผสมของผลไม้ด้วยอ่ะค่ะ  ทำให้รสชาติค่อนข้างนุ่มกว่าเบียร์ตัวอื่น  อีกทั้งยังหอมแบบแทบไม่มีรสขม กินแล้วเพลินมาก ฮ่าๆ  แต่เชื่อไหมคะว่ารสเบา ๆ แบบนี้ กลับเป็นเบียร์ที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์สูงสุดใน 3 เบียร์นี้เลยค่ะ  ^_^

tawandang 05

tawandang 09

tawandang 10

ดูบรรยากาศ ดูรายละเอียดของอาหารของเบียร์กันไปแล้ว มาดูอาหารที่โต๊ะพิมสั่งมาทานกันบ้างดีกว่า  รับรองน่าทานทุกอย่างจริง ๆ  ค่ะ

เซตแรก .. เริ่มเบาๆ  กับของทานเล่น อย่างกุ้งเรือนแก้ว  เม็ดมะม่วงทรงเครื่องก่อน  และก็กุ้งชุบแป้งทอดกันก่อนนะคะ ^_^ 

ตัวกุ้งเรือนแก้วเนี่ย น่าจะเป็นกุ้งแก้วจากแถว ๆ ทางภาคใต้   แล้วนำมาทอดให้กรอบนอกนุ่มใน เสริฟคู่กับซอสพริก อร่อยดีค่ะ  ส่วนเม็ดมะม่วงทรงเครื่อง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะสั่งนะคะ แต่คุณสามีเกิดอยากจะกิน  ก็เลยขอสั่งมาลองซะหน่อย ปรากฎว่าอร่อยเลยค่ะ ตัวเม็ดมะม่วงเค้าจะกรอบทั้งเม็ด  มีความเค็มนิดๆ  โรยด้วยต้นหอมซอยหน่อยๆ  กินแล้วนึกถึงถั่วอาบังที่เคยกินสมัยเด็กๆ  เลยนะคะ ^_^ 

ส่วนกุ้งชุบแป้งทอด อาหารจานโปรดสุดๆ ของคุณสามีพิม  ... อันนี้ออกจะผิดคาดนิดนึงอ่ะค่ะ เพราะตอนแรกแอบคิดว่าเค้าจะทอดมาแบบชุบแป้งทอดพองๆ  แต่ไม่ใช่  ที่นี่เค้าจะทอดแบบคลุกแป้งแน่นๆ + คลุกเกล็ดขนมปัง  ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ  แต่พิมว่าทอดออกมาได้แห้งแข็งไปนิดนึงค่ะ 

tawandang 40

tawandang 42

เซตถัดมาก็ยังคงเบาๆ อยู่ แต่ข้ามไปเป็นอาหารญี่ปุ่น กับปลาดิบรวมชุดเล็ก และปูอัดซาซิมินะคะ  ...  ในส่วนของปลาดิบรวม พิมกินได้แต่กุ้ง หมึก และก็ปูอัด  เพราะอย่างอื่นพิมกินไม่เป็นค่ะ (น่าเสียดายเน๊าะคะ T__T)  แต่คุณสามีและคนอื่นซึ่งกินปลาดิบได้ได้ ต่างบอกว่า วัถตุดิบสดใหม่เหมือนกินตามร้านอาหารญี่ปุ่นดี ๆ เลยอ่ะค่ะ  

tawandang 37

ส่วนปูอัดซาซิมิ อาหารญี่ปุ่นจานโปรดของพิม ... จานนี้ปูอัดเนื้อหวาน ๆ แปะวาซาบิลงไปเยอะๆ  จิ้มกับโชหยุหน่อยๆ   อร่อยล้ำที่สุดเลยนะคะ   ^_^ 

 tawandang 38

สั่งจานเบา ๆ กันไปแล้ว เซตถัดมาขอสั่งจานหนัก ๆ มาทานกันบ้างดีกว่าค่ะ เริ่มต้นที่ขาหมูเยอรมัน  ที่เสริฟมาพร้อมกับมันบดผสมกระเทียม กระหล่ำปลีดอง และน้ำจิ้มรสแซ่บนะคะ ....  ซึ่งถ้ามาที่ร้านนี้ พิมแนะนำว่าควรสั่งเมนูนี้มาชิมเลยค่ะ  ย้ำว่าไม่ควรพลาด !!  พิมเคยกินครั้งแรกเมื่อประมาณ 14-15 ปีที่แล้ว กลับมากินอีกครั้งก็ยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ    (โดยเฉพาะตรงหนังกรอบๆ ฮ่าๆ)

 tawandang 36

ด้วยความที่อยากกินอะไรซด ๆ น้ำบ้าง  บวกกับมีคนบอกว่ามาที่นี่ให้ลองสั่งเย็นตาโฟหม้อไฟมากินนะ  รสชาติแจ่มแจ๋วโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย ..... พิมก็เลยลองสั่งมาลองสักหน่อยค่ะ   ปรากฎว่าโอเคเลย รสชาติดีจริง ๆ เปรี้ยวนำ เค็มหวานตามพอเหมาะ เผ็ดนิดๆ  ขนาดที่คุณสามีพิมซึ่งปกติไม่ทานเย็นตาโฟ ก็ยังซดน้ำไปหลายถ้วยเลยนะคะ 

tawandang 44

tawandang 45

 กินแต่กับข้าว แลดูจะฝืดคอ พี่ที่ชวนพิมไปก็เลยแนะนำให้พิมลองสั่งเบียร์มาชิมค่ะ  ซึ่งเบียร์ที่พิมสั่งมา (ของตัวเอง) ก็คือ ไวเซ่นเบียร์ หรือเบียร์ผลไม้นะคะ  รสชาติหวานๆ นุ่ม ๆ หอมกลิ่นผลไม้ ไม่ขม อร่อยดีค่ะ  ^_^

tawandang 39

แต่พิมไม่ค่อยถนัดเบียร์สักเท่าไหร่  คือทานได้นะคะ  แต่ว่าถ้าเทียบกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ  พิมจะถนัดค๊อกเทลมากกว่า  ก็เลยขอสั่ง Mojito ค๊อกเทลสุดโปรดของพิมมาลองชิมสักแก้วนึงค่ะ   ซึ่งขอบอกเลยว่าโมฮิโต้ของที่นี่รสชาติหนักแน่นมากนะคะ   ปกติพิมกินค๊อกเทลที่อื่นได้ 5-6 แก้วสบาย ๆ เลย   แต่มาเจอ Mojito ที่นี่ไป 2 แก้ว  เหมือนกินที่อื่น 4 แก้วเลยค่ะ ฮ่าๆ  

tawandang 41

ระหว่างที่จิบค๊อกเทลไปเรื่อย ๆ โต๊ะพิมก็สั่งอาหารมาเพิ่มอีกนะคะ เพราะไหนๆ  มีโอกาสได้มากินอาหารที่นี่แล้ว + ท้องยังมีพื้นที่ให้ใส่  ก็อยากสั่งมาชิมหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ ^_^

จานต่อมาที่สั่งมาชิมก็คือ  หมึกผัดไข่เค็มนะคะ .. ขอบอกเลยว่าที่สั่งเมนูนี้เนี่ยเพราะเห็นโต๊ะข้าง ๆ เค้าสั่งค่ะ  ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคืออะไร  แต่พอเห็นพนักงานยกจานเดินผ่านไป ก็เลยเรียกถามว่าคืออะไร น้องเค้าก็ตอบว่าหมึกผัดไข่เค็ม  พิมเห็นสีสรรน่ากินดีก็เลยลองสั่งมา ปรากฎว่ารสชาติอร่อยเลยนะคะ   ซอสไข่เค็มนี่อย่างเข้มข้นเลย  หมึกก็สดหวาน เนื้อเด้ง ๆ  โดยรวมแล้วทุกคนในโต๊ะชอบจานนี้มากค่ะ 

tawandang 43

จานต่อมา ... เป็นอีกจานที่พิมอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ สั่งกันมาทานเลยนะคะ  นั่นก็คือ ปลากะพงทอดราดพริกสามรสค่ะ   เมนูนี้เนี่ยตอนแรกพิมไม่คิดว่าจะสั่งนะคะ  แต่มีคนบอกว่าเมนูปลาของที่นี่อร่อยทุกอย่าง   พิมก็เลยคิดว่างั้นสั่งมาลองสักอย่างนึงก็ได้   ก็เลยมอง ๆ หาเมนูปลาที่พิมไม่ค่อยจะได้สั่งทานในร้านอาหารสักเท่าไหร่  แล้วก็ไปสะดุดตากับปลากะพงสามรสนี่แหละค่ะ  ก็เลยสั่งมาลอง และพอได้ลอง รสชาตินี่ไม่ผิดหวังเลยค่ะ  ตัวปลาทอดมาได้กรอบนอกนุ่มใน ซอสสามรสก็รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นน้ำมะขามเปียก รสชาติก็สไตล์ไทยโบราณมากๆ เปรี้ยวหวานนำ เค็ม เผ็ดตามแบบกลมกล่อม  ให้อารมณ์แบบกับข้าวฝีมือแม่มากๆ เลยอ่ะค่ะ ... เพราะงั้นจานนี้ ถ้าใครไป พิมแนะนำให้สั่งมาลองทานดูเลยนะคะ 

tawandang 47

และอาหารอย่างสุดท้ายที่โต๊ะพิมสั่งมาก็คือ ต้มยำกุ้งแบบน้ำข้นค่ะ  กุ้งที่ทางร้านใช้ก็จะเป็นกุ้งแม่น้ำไซส์กลางๆ  นะคะ  ต้มมาแบบหอมเครื่องต้มยำ  รสชาติโดยรวมก็กลมกล่อม  แต่ไม่จี๊ดจ๊าด ไม่เผ็ดมาก ทานได้ทุกเพศทุกวัยเลยอ่ะค่ะ

tawandang 48

tawandang 46

แล้วระหว่างที่เรานั่งทานอาหารกันไป  บนเวทีก็จะมีการแสดงตลอดเลยนะคะ โดยในช่วงก่อน 3 ทุ่มเนี่ย (ถ้าพิมจำเวลาไม่ผิดนะ)  ซึ่งเป็นช่วงที่ไฟยังสว่าง  จะมีนักร้องมาร้องเพลงเพราะ ๆ ให้เราฟังหลากหลายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพลงสตริง เพลงสากล เพลงไทยลูกทุ่ง หรือเพลงเพื่อชีวิต  โดยนักร้องของที่นี่จะมีทั้งหมด 7-8 คน  แต่ละคนก็จะออกมาร้องกันทีละเพลงสองเพลง สลับ ๆ กันไปนะคะ   และที่สำคัญคือ นักร้องของที่นี่เสียงดี และหลายคนร้องเพลงดีมาก   จนพิมคิดว่าเสียงแบบนี้ ลีลาการร้องเพลงแบบนี้ ไปประกวดเดอะวอยซ์น่าจะเข้ารอบสบายๆ เลยอ่ะค่ะ ^_^ 

tawandang 17

และนอกจากโชว์ร้องเพลงแล้ว พอหลัง 3 ทุ่มเป็นต้นไป ไฟในร้านก็จะค่อย ๆ มึดลง พร้อมกับมีการแสดงโชว์บนเวทีที่หลากหลายมากขึ้นนะคะ    ซึ่งหลาย ๆ โชว์นั้นทั้งชุด แสง สี เสียง ฉากอลังการมากจนพิมกับคุณสามีแอบคิดกันว่านี่โรงเบียร์หรือโรงละครนะเนี่ย  แบบว่าโชว์ดีงามจริง ๆ เลยค่ะ  

tawandang 15

tawandang 16

และในบางช่วงระหว่างการแสดงโชว์  ก็มีลูกค้าโต๊ะนึงเค้ามาจัดงานฉลองวันเกิดกันที่นี่นะคะ   ทางโรงเบียร์ก็มีการรวมตัวนักร้อง มาร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับลูกค้าโต๊ะนั้น  .... เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากกก จนแอบคิดว่าพอถึงวันเกิดพิม ก็อยากจะไปฉลองที่นี่บ้างอ่ะค่ะ ^_^

tawandang 18

และสำหรับคนที่เป็นขาแดนซ์ .... พิมก็อยากบอกว่าที่นี่เนี่ย ไม่ใช่แค่เหมาะกับการมาทานอาหารกับครอบครัว เพื่อนฝูงหรือมานั่งจิบเบียร์ จิบค๊อกเทลชิวๆ  เท่านั้นนะคะ  เพราะว่าพอตกดึกหลัง 4  ทุ่มเป็นต้นไปเนี่ย  นักร้องของที่นี่จะสวมวิญญาณขาแดนซ์กันขึ้นมาเลยค่ะ เพลงแต่ละเพลงที่ถูกนำมาร้องเนี่ย ทั้งเพลงสมัยเก่าเพลงสมัยใหม่  ชวนให้ลุกขึ้นเต้นเอามากๆ   แถมไม่ใช่แค่นักร้องที่ร้องไปเต้นไปนะคะ  พนักงานเสริฟก็จะเดินมาชวนแขกยืนขึ้นเต้นด้วยกันค่ะ  หรือบางทีพนักงานเดินไปเสริฟอาหาร ขากลับถูกแขกเรียกให้เต้นด้วยกัน  (เต้นแบบน่ารัก ๆ สนุก ๆ ไม่ใช่เต้นแบบอื่น)  พนักงานเสริฟเค้าก็จะเต้นกับลูกค้าด้วย  เต้นไปยิ้มไป หัวเราะไป ไม่มีแสดงอาการขัดขืนใจ หรือว่าไม่พอใจ ......  เป็นอะไรที่พิมมีความรู้สึกว่ามันดีมาก ๆ เลยอ่ะค่ะ 

tawandang 19

พูดถึงพนักงานเสริฟของที่นี่แล้ว พิมอยากจะบอกว่า พนักงานของที่นี่ ไม่ว่าจะพนักงานเสริฟ พนักงานตรงเคาเตอร์ หรือแม้แต่คุณป้าแม่บ้านในห้องน้ำ  เค้าให้บริการเราดีมากๆ เลยอ่ะค่ะ  พิมไม่รู้ว่าทางร้านเค้าเทรนมายังไงนะคะ  แต่พนักงานทุกคนแลดูขยันขันแข็ง กระฉับกระเฉง แลดูพร้อมที่จะทำงานด้วยความเต็มใจ  จะยืนจะเดินจะเสริฟจะคุยกับลูกค้า ก็มีรอยยิ้มตลอด  แถมคอยดูตลอดว่าลูกค้าโต๊ะไหนต้องการอะไรไหม  เรียกว่าพนักงานของที่นี่บริการได้แบบไม่มีให้ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด ชอบมากๆ เลยอ่ะค่ะ 

และหลังจากพิมนั่งกินอาหาร นั่งฟังเพลง นั่งดูโชว์อยู่ประมาณ 3 ชม. กว่าๆ ก็ได้เวลาที่พิมจะต้องกลับบ้านแล้วนะคะ  เพราะว่าวันรุ่งขึ้นพิมมีงานตอนเช้า  แต่ก่อนจะกลับก็ขอสั่งผลไม้กับขนมหวานมาล้างปากสักหน่อยอ่ะค่ะ ตอนแรกก็ว่าจะสั่งแต่ผลไม้อย่างเดียว  แต่พี่ที่โต๊ะแนะนำพิมว่า ที่นี่เนี่ยน้ำปลาหวานมะม่วงอร่อย  พิมก็เลยสั่งมาลองสักหน่อยนะคะ เพราะว่ากำลังอยากกินอะไรเปรี้ยว ๆ แซ่บ ๆ อยู่พอดี     ซึ่งน้ำปลาหวานของที่นี่  รสชาติดีจริง หวานเค็มกำลังกลมกล่อม แต่ความเห็นส่วนตัวพิมว่ากลิ่นน้ำปลาแรงไปนิดนึงอ่ะค่ะ

tawandang 49

tawandang 50

สรุป .. ในความรู้สึกพิมนะคะ ร้านนี้เหมาะทั้งการมานั่งทานอาหารแบบชิวๆ กับครอบครัว เพื่อนฝูง รวมไปถึงมาจัดงานฉลองวันเกิด วันครบรอบโน่นนี่ หรือจะมานั่งจิบเบียร์ จิบค๊อกเทล จิบเครื่องดื่มอื่น ๆ นั่งฟังเพลงเพราะ ๆ ดูการแสดงโชว์ที่แสนจะอลังการ หรือมาแด๊นซ์มัน ๆ ตอนดึก ๆ ก็โอเคทุกอย่างเลยค่ะ

ส่วนเรื่องราคาอาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณนะคะ  แต่ถ้าเทียบกับรสชาติ คุณภาพวัตถุดิบ เทียบกับความตั้งใจทำของพ่อครัว (ดูจากการหั่น การจัดวาง จัดแต่งจาน)   เทียบกับสถานที่ เทียบกับสิ่งที่ได้รับ ไม่ว่าจะในเรื่องของการบริการ รอยยิ้มจากพนักงาน การแสดงโชว์ต่างๆ และอื่นๆ ...... ขอบอกว่าพิมรู้สึกคุ้มค่ามาก  จนพิมบอกกับคุณสามีเลยว่าไว้วันหลังถ้าเราว่างๆ หรือวันไหนทำงานเสร็จเร็ว เรามานั่งกินข้าวพร้อมกับฟังเพลง ดูโชว์ที่นี่กันอีกนะ เพราะชอบจริง ๆ ค่ะ 

แล้วพบกับพิมใหม่ในรีวิวร้านอาหารร้านถัดไปนะคะ ....... สวัสดีค่ะ  ^_^ 

tawandang 12



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก