จากตอนที่ 1 และ 2 ที่พิมพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวตลาดผักผลไม้ กินแกงส้มกับผัดถั่วลันเตาแบบ้าน ๆ รวมไปถึงพาไปทอดกล้วยแขกขายกันมาแล้ว มาตอนนี้ขอพาเพื่อน ๆ ไปขุดหาหอยตลับที่ริมทะเลกันบ้างจ้า
ถ้าพูดถึง "ชายทะเล" ..... เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะแอบจินตนาการไปว่า คงจะต้องเป็นประมาณชายหาดขาว ๆ ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีทรายละเอียด ๆ ทะเลสีคราม ท้องฟ้าสีฟ้า .... อะไรประมาณนี้ใช่ไหมค่ะ แต่พิมขอบอกเลยค่ะว่าชายทะเลหรือชายหาดที่พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปขุดหอยตลับ หาหอยเสียบกันในวันนี้ เป็นคนละเรื่องกับชายหาดกันที่เพื่อน ๆ จินตนการกันเอาไว้เลยค่ะ ส่วนจะแตกต่างกันแค่ไหนยังไง ดูในภาพด้านล่างเลยนะคะ ^^"
สำหรับชายหาดที่พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปขุดหาหอยตลับ หอยเสียบในวันนี้ ก็อยู่ในเขตอำเภอท่ายาง จ.เพชรบุรีค่ะ จะว่าไปก็อยู่ห่างจากบ้านป้าเพชรเค้าไม่ไกลนักค่ะ อยู่ในระยะเดินไม่เมื่อย ประมาณ 1 ป้ายรถเมล์กว่า ๆ เท่านั้นเอง ...... ชายหาดที่นี่ไม่มีชื่อเรียกค่ะ ส่วนใหญ่ชาวบ้านแถวนี้เวลาเค้าจะมาที่หาดนี้ เค้าก็จะเรียกว่า ไปชายเล ๆ แค่นี้เองล่ะค่ะ ก็เป็นอันเข้าใจกันล่ะว่าคือชายหาดนี้นะ
ชายหาดนี้ ..... จะว่าไป ดูเผินๆ เหมือนจะไม่ค่อยสวยงาม วิวทิวทัศน์ก็ไม่ดี น้ำก็ดูไม่เป็นสีคราม แต่ขอบอกว่า ..... น้ำใสและก็สะอาดมากในระดับนึงเลยค่ะ ใสขนาดที่ลงไปยืนในน้ำทะเลที่สูงประมาณหัวเข่าแล้วก็ยังสามารถมองเห็นนิ้วเท้าของเราได้อย่างชัดเจนเลยน่ะค่ะ ^^
จะว่าไปแล้ว ชายทะเลและทะเลแถบนี้ถือว่ายังคงเป็นแหล่งอาหารและแหล่งทำเงินให้กับชาวบ้านแถวนี้อยู่เลยนะคะ .... เพราะป้าเพชรเล่าให้พิมฟังว่า ทุกๆ เย็น.....ประมาณสัก 4-5 โมงเย็น เมื่อน้ำทะเลลดไปมาก ๆ แล้ว จะมีชาวบ้านมาขุดหาหอยตลับหอยเสียบกันหลายสิบคนเลยค่ะ ซึ่งบางคนที่ขยัน ๆ หน่อย มาเร็วหน่อย จะขุดได้ถูกที่ถูกจังหวะ ได้หอยไปเป็นยี่สิบโลต่อวันก็มีค่ะ (แต่บางคนได้แค่โลสองโลก็มี) แล้วบางคนที่มีเรือเล็กสามารถออกทะเลได้ ก็จะออกทะเลช่วงดึกเพื่อไปหาหมึกหาปลา (ส่วนใหญ่เป็นหมึก มีปลาบ้างนิดหน่อย) แล้วกลับมาตอนเช้าด้วยหมึกคนละ 20-40 โล บางคนฝีมือดีหน่อยก็ได้ 60-70 โลแทบทุกวันก็มีอ่ะค่ะ (แต่ส่วนใหญ่เค้าจะออกเรือกันวันเว้นวันหรือสองวัน) ... เรียกได้ว่าทะเลแถบนี้ แม้จะดูไม่สวย บรรยากาศดูหมอง ๆ แต่ก็เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เป็นแหล่งทำมาหากิน ของชาวบ้านแถบนี้น่ะค่ะ
ตอนที่พิมไปถึงทะเล พิมไปพร้อมกับน้องชายทั้งสองคนและก็แม่ค่ะ แต่ว่าน้องสะใภ้ กับป้าเพชรขี่มอไซด์ ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ... ดังนั้นพอพิมไปถึง ก็เลยเห็นป้าเพชรเค้ากำลังใช้ที่ครูด....ครูดหาหอยตลับอยู่เลยค่ะ
สำหรับที่ครูดที่ป้าเพชรและชาวบ้านแถบนี้ใช้ (มีใช้กันแทบทุกบ้าน) ก็มีลักษณะคล้ายคราดที่ใช้ถางหญ้าค่ะ เพียงแต่ว่าแทนที่จะมีซี่ ๆ แบบคราด ก็จะเป็นแผ่นแสตลเลสหนา ๆ โค้ง ๆ แทน
ส่วนวิธีใช้ที่ครูดก็คือ ให้เราจับด้ามที่ครูดให้แน่น กดด้ามครูดลงไปบนพื้นทราย ให้จมลึกประมาณสัก 10-15 ซม. แล้วก็เดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ ค่ะ ทีนี้หากว่าใต้พื้นทรายบริเวณที่เราครูดมีหอยตลับอยู่ เวลาเราลากที่ครูด ... ที่ครูดมันก็จะสะดุดกึก ก็เป็นอันรู้กันว่าตรงนี้แหละมีหอยตลับอยู่นะ คนที่เดินตามก็จะก้มลง แล้วเอาทัพพีเล็ก ๆ เขี่ยทรายออก และก็จะเจอกับหอยตลับอยู่ในพื้นทรายตรงนั้นล่ะค่ะ ........ และก็นี่ค่ะ ..... เป็นรอยครูดหาหอยโดยใช้ที่ครูดนะคะ ^^
ด้วยความที่ที่ครูดมันมีอันเดียว (หรือจะมีหลายอันแล้วป้าเค้าเอามาอันเดียวก็ไม่รู้ง่ะ) แถมยังมีป้าคนเดียวที่ครูดเป็น งานนี้หน้าที่ครูดก็เลยต้องยกให้ป้าเค้าไปค่ะ ^^" ส่วนแม่พิม น้องสะใภ้ก็เป็นคนคอยเดินเก็บหอยที่ป้าครูดเจอกันค่ะ ส่วนน้องชายพิมคนเล็ก ก็คอยเดินให้กำลังใจค่ะ ฮ่ะๆ
ตอนที่พิมไปถึงทะเลตอนแรกเนี่ย ป้าเพชรกับน้องสะใภ้พิมที่เค้ามาก่อน เค้าก็หาหอยกันได้ประมาณนี้นะคะ
แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน ประมาณครึ่ง ชม. กว่า ๆ ได้ หอยตลับสด ๆ ตัวใหญ่ ๆ ก็เกือบเต็มกระป๋องใบนี้แล้วอ่ะค่ะ ^^
จากนั้นทุกคนก็ตั้งตาตั้งแต่เก็บหอยกันต่อไปค่า ...... ส่วนพิมก็เดินดูโน่นดูนี่รอบ ๆ หาด เจออะไรน่าสใจก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาพิมล่ะค่ะ
ว่าแต่สิ่งที่พิมเจอเยอะสุดและสะดุดตามากที่สุดบนชายหาดแห่งนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้าเปลือกหอยชนิดนี้หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหอยกาบอ่ะค่ะ แบบว่ามีเยอะมากบนชายหาดเล็กๆ แห่งนี้ ลองนับดูคร่าว ๆ ก็เป็นร้อย ๆ ตัวเลยนะคะ
แล้วนอกจากหอยกาบ พิมก็ยังเจอหอยแมลงภู่เป็น ๆ ที่จับกลุ่มอยู่กันเป็นกลุ่มก้อนด้วยนะคะ แบบว่าในสายตาคนเมืองกรุงอย่างพิม มัน Amazing มาก ๆ เลยค่ะ ^^" แต่ว่าหอยแมลงภู่ก้อนนี้เนี่ย สงสัยจะโดนคลื่นพัดขึ้นมาเกยตื้นอยู่บนชายหาด พิมเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนั้น ก็คงจะมีชะตากรรมเหมือนหอยแมลงภู่ตัวเล็กตัวอื่นๆ ที่พิมเจอมาก่อนหน้านี้แล้ว (คือมันม่องเท่ง เหลือแต่เปลือกอ่ะค่ะ) เพราะงั้นพิมก็เลยหยิบเอาไปปล่อยไว้ในที่น้ำลึกประมาณหัวเข่า .... แล้วก็แอบภาวนาให้มันรอดจนโตเป็นหอยแมลงภู่ตัวใหญ่อ่ะค่ะ
และพอปล่อยหอยแมลงภู่เสร็จแล้ว พิมก็เดินข้ามน้ำข้ามทะเล (ที่สูงประมาณหัวเข่า) อิอิ ไปยังเนินทรายเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดไปหน่อยอ่ะค่ะ แล้วก็เดิน ๆ ไปเจอกับเจ้ากัลปังหาที่ม่องเท่งแล้วแบบในภาพด้านล่างนี้อ่ะค่ะ (แต่ถึงตายไปแล้ว ก็ยังสร้างประโยชน์ เป็นที่อยู่อาศัยให้สัตว์เล็กๆ อย่างหอย ปูได้นะคะ)
ป.ล. กัลปังหาคือ สัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่ไม่มีกระดูกสันหลัง สามารถสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ โดยการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศจะใช้วิธีการแตกหน่อ (budding) หรือการแยกออกจากกัน (fragmentation) ส่วนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะเป็นการผสมภายในระหว่างเซลสืบพันธุ์ของเพศผู้ และเพศเมีย กัลปังหาชอบอาศัยอยู่ตามที่มีกระแสน้ำไหล เนื่องจากกระแสน้ำจะช่วยพัดพาอาหารมาให้และจะช่วยพัดพาของเสียที่ถูกปล่อย ออกจากกัลปังหาออกไป โดยกัลปังหาจะใช้หนวดในการดักจับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเพื่อนำมาเป็นอาหารส่วน เข็มพิษที่หนวดจะช่วยในการจับพวกแพลงก์ตอนสัตว์ กัลปังหามีประโยชน์โดยเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์ทะเลขนาดเล็กหลายชนิดโดย สัตว์เหล่านี้จะเกาะตามกิ่งก้านและนอกจากนี้กัลปังหาสามารถใช้เป็นสมุนไพร ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณอีกด้วยค่ะ ที่มา http://www.nstda.or.th/nstda-knowledge/1202-gorgonians
นอกจากกัลปังหาที่ม่องเท่งแล้ว พิมก็ยังเจอปูหินที่ม่องเท่งอีกด้วยค่ะ .... อ้อ ๆ ปูหินแบบไม่ม่องเท่งก็เจอนะคะ 1 ตัว แต่ว่าถ่ายรูปไม่ทันค่ะ >_<"
จากนั้นพิมก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ (พูดเหมือนเดินซะยาวไกล) ตั้งใจว่าจะเดินไปถ่ายรูปฝูงนกที่อยู่ไกล ๆ นั่น แต่ไม่รู้ว่าพิมฉลาดน้อยหรือนกฉลาดเยอะกว่าพิมนะคะ เพราะพอพิมพยายามเดินตรงเข้าไปแบบเงียบ ๆ แม้ระยะทางจะยังห่างไกลอยู่อีกโข แต่เหมือนนกมันรู้อ่ะค่ะว่าจะมีมนุษย์หรือสัตว์อื่นที่ตัวโต ๆ เข้าไป อยู่ดี ๆ มันก็เลยแตกฮือทั้งฝูง และก็พากันบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ... พิมแอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็คิดได้ว่าน่าจะเป็นเพราะตัวพิมเอง พิมก็เลยหยุดเดิน และอยู่นิ่ง ๆ แล้วสักพักเจ้านกฝูงที่เห็นในภาพนี่ก็กลับมาลงยืนอยู่บนหาดทรายเหมือนเดิมล่ะค่ะ >_<"
จากฝูงนก ... พิมก็เดินเล่นต่อไปอีกเรื่อยเปื่อยสไตล์พิมล่ะค่ะ แล้วอยู่ดี ๆ แม่ก็เดินตามมาซะงั้นค่ะ พิมเลยถามแม่ว่าแม่ไม่ตามเก็บหอยตลับแล้วเหรอ แม่ก็ว่าป้าเพชรแกจะเลิกครูดหอยตลับแล้วอ่ะ จะมาหาหอยเสียบแถบ ๆ นี้แทน แม่ก็เลยเดินล่วงหน้ามาก่อน ..... เพราะงั้นพิมก็เลยขอแช๊ะภาพแม่สัก 2-3 ภาพล่ะค่ะ (จริง ๆ ถ่ายเป็น 10 ง่ะ)
ว่าแล้วดู ๆ ไป แม่เราก็สวยดีเน๊าะ อิอิ
แล้วสักพักหลังจากแม่พิมเก๊กท่าถ่ายรูปเสร็จ อิอิ ป้าเพชรก็เดินมาถึงตรงบริเวณที่พิมกับแม่ยืนกันพอดีเลยค่ะ แล้วป้าเค้าก็บ่นๆ ว่าวันนี้ไม่รู้ทำไม ฟ้าฝนลมแดดมันไม่เป็นใจหรือยังไงถึงหาหอยตลับได้น้อยมากๆ ป้าเค้าก็เลยชวนเรามาขุดหาหอยเสียบแทนอ่ะค่ะ ซึ่งป้าเค้าบอกว่าเค้ามาหาแทบทุกวันเลยอ่ะ วัน ๆ นึงอย่างน้อยก็ได้เอาไปดองน้ำปลาเป็นขวดแบนล่ะค่ะ ..... ว่าแล้วป้าเค้าก็ลงมือขุดหาหอยเสียบให้พวกเราดูกันเป็นตัวอย่างค่ะ
ซึ่งหลังจากแม่พิมกับน้องชายพิม (ซึ่งเพิ่งเดินตามมาถึง) มองดูป้าเพชรขุดสักพัก เค้าสองคนก็พากันลองทำตามดูค่ะ
แต่ไม่รู้เพราะอากาศมันไม่ดีหรือว่าลมมันแรงเกินไป หรือพายุเข้า หรือยังไง หอยเสียบที่เคยมีอยู่เยอะมาก (วันสองวันก่อนคนยังมาขุดกันไป แถมได้เพียบเลยค่ะ) กลับหาแทบไม่เจอเลยค่ะ จนป้าเพชรและชาวบ้านแถวนั้นที่ก็มาหาหอยเสียบเหมือนกัน ...ก็แอบงงไปตาม ๆ กันอ่ะค่ะ (ในภาพ จะเห็นได้ว่าเจอแต่เปลือกหอยเน๊าะ)
สุดท้ายแล้วเมื่อเราสามแม่ลูก และป้าเพชรลองขุดหาหอยเสียบอยู่ประมาณ 5-6 หลุม ได้หอยเสียบมาแค่ในถังในภาพด้านล่างนี่ พวกเราก็เลิกล้มความตั้งใจ >_<"
และป้าเพชรก็ชวนกลับไปครูดหาหอยตลับเหมือนเดิมต่อล่ะค่ะ >_<" (อย่างน้อยถึงจะไม่มีหอยเยอะมากเหมือนวันก่อน ๆ แต่อย่างน้อยโอกาสเจอก็มากกว่าหอยเสียบหลายสิบเท่าล่ะค่ะ)
ครูดไปครูดมา ขุดไปขุดมา .... ประมาณสักชม. กว่า เราก็ได้หอยตลับประมาณเกือบ 2 ถังในภาพนี้ล่ะค่ะ
และนอกจากหอยตลับ รวมไปถึงปู หอยอื่นๆ .. ที่พิมเจอในบริเวณชายหาดแห่งนี้แล้ว พิมก็ยังเจอเจ้ากุ้งหน้าตาแบบนี้อีกหลายตัวด้วยอ่ะค่ะ (อย่าถามพิมนะคะว่ากุ้งอะไร พิมตอบไม่ได้อ่ะ หน้าตากุ้งมันสวยเกิน หุหุ)
ด้วยความสงสาร เจอมันตรงที่น้ำแห้ง นึกว่ามันจะถูกลมพัดมาเกยตื้นบนชายหาด กลัวมันจะตาย เลยจับมันขึ้นมาเพื่อจะเอาไปปล่อยตรงที่ยังมีน้ำทะเลเยอะอยู่ กะว่ามันจะได้ว่ายไป แต่ที่ไหนได้... เจ้ากุ้งตัวน้อยมันนิ่งเฉยค่ะ มันไม่ยอมว่ายไปไหนเลยอ่ะ แต่ว่ามันกลับพยายามจมตัวเองลงในทราย ซึ่งพิมเดาเอาว่าเพื่อพรางตัวจากศัตรูอย่างมนุษย์เราๆ อ่ะค่ะ ... ก็นะ แบบว่าทำให้พิมเอ๋อไปเลยค่ะ ฮ่ะๆ >_<"
แล้วพอเดินไปอีกนิดนึง พิมก็เจอเจ้าปลาหน้าตาประหลาดนี่ค่ะ .... ตอนแรกพิมก็แอบโง่อีกล่ะ คิดสงสารมัน นึกว่ามันจะมาเกยตื้นบนชายหาด เลยว่าจะจับมันไปปล่อยที่ในน้ำลึก ๆ กว่าในภาพนี้สักหน่อยค่ะ แต่... ด้วยสัญชาติญาณความระแวดระวังตัว (เริ่มฉลาด) เหมือนเคยได้ยินมาว่า จะมีปลาชนิดนึง (หรือหลายชนิด) ที่หน้าตาประมาณนี้ แล้วมันมีพิษที่เงี่ยงประมาณนั้นอ่ะ พิมก็เลยขอแว๊บบบ ไปถามป้าเพชรก่อนว่าเจ้าปลาที่พิมว่า มันใช่ปลาตัวนี้ไหมอ่ะ .... ปรากฎว่าโป๊ะเช๊ะเลยค่ะ ป้าเพชรบอกว่ป้าตัวนี้ชาวบ้านเค้าเรียกกันว่าปลาอุบค่ะ เป็นหนึ่งในปลามีพิษที่ผิวหนังอ่ะ หากใครโดนเข้าไปจะปวดแสบปวดร้อน เป็นแผล บางคนแพ้มากๆ ถึงกับต้องเข้า รพ. เลยก็มี ......... เหอๆ ดีนะเนี่ย ที่พิมยังพอมีเซ้นส์อยู่บ้าง ไม่งั้นอาจจะได้ไปนอนที่ รพ. แทนการกลับบ้านแล้วก็ได้อ่า
ป.ล. ข้อมูลปลาอุบ ดูจากหน้านี้นะคะ วิกิพีเดีย-ปลาอุบ
ว่าแล้วพอพ้นจากปลาอุบ พิมก็เดินต่อไปอีกค่ะ (คือมันไม่มีอะไรจะทำน่ะค่ะ ที่ทำได้ก็แค่เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยน่ะ) คราวนี้ก็สุดหาดแล้วอ่ะ พิมก็ไปเจอกับโขดหินน้อย ๆ ที่มีตัวเพรียงเกาะเยอะเต็มไปหมด
ซึ่งใต้โขดหินเล็ก ๆ ที่มีเพรียงเกาะอยู่เยอะแยะเนี่ย ก็จะมีอะไรไม่รู้ค่ะ สีม่วง ๆ เป็นขน ๆ นิ่ม ๆ หยึ๋ย ๆ อยู่ด้านล่าง ... พิมแอบคิดว่าอาจจะเป็นดอกไม้ทะเล แต่จริงเท็จยังไง ไม่รู้นะคะ เดาเอาไว้ก่อน ฮ่ะๆ (ถ้าใครรู้จริง ก็แว๊บบมาบอกพิมบ้างนะคะ)
แล้วพอพิมเดินสุดชายหาด ก็ไม่มีอะไรจะให้เดินต่อไปแล้วค่ะ พิมก็เลยเดินกลับมาเรื่อย ๆ ตามทางเดิมที่เดินไปตะกี้อ่ะ จนเกือบจะถึงริมฝั่งแล้วล่ะค่ะ ก็เจอน้องสะใภ้เทหอยในกระป๋องที่เค้าถือออกมากอง ๆ ไว้บนทราย พิมก็เลยถามว่าเอามากองทำไมหว่า เค้าก็บอกว่าหนูจะลองนับดูว่ากระป๋องหนูมันได้กี่ตัว แต่ทานโทษเถอนะคะ .... ชีนับไปได้แค่ประมาณ 20 กว่าตัว ชีก็เลิกนับแล้วค่ะ ฮ่ะๆ บอกพิมว่าขี้เกียจนับแล้วอ่ะ ยังไงเดี๋ยวก็เอาไปลงหม้อเหมือนกัน หุหุ ... ว่าแล้วชีก็เลยโกยหอยที่เลอะดินเลอะทรายใส่กระป๋องไว้อย่างเดิมค่ะ
ปรากฎว่าพอแม่พิมเดินมาถึง เห็นหอยในกระป๋องเลอะทรายเต็มไปหมด แม่พิมก็เลยบ่น ๆ ว่าให้เอาหอยอกมาล้างน้ำให้สะอาดเหมือนก่อนจะเทออกมาเลยอ่ะ ไม่ต้องกลับบ้าน ฮ่ะๆ (แม่พิมพูดแบบขำ ๆ นะคะ แบบว่าบ้านพิมเฮฮากันทั้งบ้านทั้งวันอยู่แล้วค่ะ) ปรากฎว่าคุณน้องเธอก็เลยเดินถือกระป๋องหอยไปยืนในน้ำ แล้วก็เทหอยออกจากกระป๋องอีกรอบ จากนั้นก็หยิบหอยทีละตัวมาล้างน้ำทะเล แล้วก็ค่อยใส่กลับลงไปในกระป๋องใหม่อ่ะค่ะ ^^
สุดท้ายแล้ว เราก็เลยได้หอยตลับที่หน้าตาแฉล้มแช่มช้อยแบบนี้มาทั้งหมด 2 กระป๋องด้วยกันนะคะ คาดคะเนเอาด้วยสายตาอย่างน้อย ๆ ก็ 6-7 โลล่ะอ่ะ (และขอบอกว่าตัวใหญ่มากๆ แถมแต่ละตัวเนื้อแน่นสุด ๆ ไปเลยค่า)
จากนั้นป้าเพชรก็บอกว่า มัน 4 โมงเย็นกว่าๆ แล้ว เลิกหาหอยดีกว่า ให้พวกเรากลับไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าวเย็นกันเถอะ จะได้กลับกรุงเทพฯ ไม่ค่ำนัก ...... จริง ๆ จะว่าไปพวกเราก็ยังเสียดายอยู่นะคะ ยังอยากขุดหาหอยกันต่ออ่ะ เพราะว่ามันเพลินดี แต่ว่าวันนี้ (วันที่ไป) ทั้งอากาศเย็นจัด (ประมาณ 18-19 องศา) และลมก็แรงมาก ๆๆๆๆๆๆ เกรงว่าหากยังเดินเล่นต่อไปในขณะที่ตัวเปียก ๆ แบบนี้ อาจจะเป็นหวัดซะก่อนก็ได้ .... ก็เลยบอกป้าเพชรว่าโอเคค่ะ กลับไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าว เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ กันดีกว่า
แล้วพอกลับมาถึงบ้านป้าเพชร ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวใหม่ค่ะ และพอแต่งตัวเสร็จ ออกมานั่งที่เตียงตรงชานบ้านป้าเพชร ก็พบว่าน้าพราวเค้าได้จัดเตรียมสำรับกับข้าวมื้อเย็นไว้ให้พวกเราแล้วน่ะค่ะ แบบว่าไม่รู้จะพูดไงดีอ่ะ ..... คือป้าเค้าต้อนรับเราอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยน่ะค่ะ
แถมนะคะ ... หลังจากที่พวกเรากินข้าวกันเสร้จเรียบร้อยแล้ว เตรียมเก็บของขึ้นใส่กระบะหลังรถ (มะพร้าวทึนทึกที่ป้าเค้าให้พิมเอามาทำขนมขาย / ต้นไม้ ผัก ผลไม้ที่ซื้อจากตลาดหนองบ้วยเมื่อเช้าวันนี้)
น้าพราวยังอุตสาห์เอาเวลาช่วงนี้ไปทอดกล้วยทอดมันที่ยังเหลืออยู่อีกอย่างละพอประมาณ ให้เราเอาติดไปกินระหว่างเดินทางด้วยอ่ะค่ะ ........... ก็แบบว่าไม่รู้จะขอบคุณป้า ลุง และน้าพราวยังไงดีเลยค่ะ
และก่อนจะกลับบ้าน พวกเราก็ไปลาป้า ลาลุง ลาน้าพราว ........ ซึ่งลุงกับป้าเค้าก็อวยพรให้พวกเราเดินทางกันดี ๆ อ่ะนะคะ
แล้วเราก็ออกเดินทางจากบ้านป้าที่เพชรบุรีตอนประมาณ 17.30 น. และก็เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพตอนประมาณเกือบ ๆ 3 ทุ่มค่า .... ก็เป็นอันว่าทริปเพชรบุรีในคราวนี้เริ่มต้นด้วยความประทับใจและจบด้วยความประทับใจยิ่งกว่าเลยนะคะ ... ยังไงถ้ามีทริปคราวหน้าสนุก ๆ อีก พิมจะเก็บกลับมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังอีกค่า ส่วนทริปนี้ขอลาไปก่อนนะคะ ^__^
ป.ล. ขากลับแวะซื้อของที่ตลาดทะเลไทยตอนประมาณทุ่มนึง ก็ซื้อหลายอย่างค่ะ ทั้งหอยดอง กุ้งแห้ง หมึกแห้ง ปลาหมึกปรุงรส ปลาทูเค็ม ปรากฎว่า .... พอกลับมาถึงบ้าน ลองเอาของที่ซื้อมาแทบทุกอย่าง (จาก 3 ร้าน) ชั่งกิโล 5 ตัวในบ้านดู ทั้งกิโลเล็ก กิโลใหญ่ กิโลดิจิตอล กิโลธรรมดา) ปรากฎว่ามีแต่หอยดองอย่างเดียวค่ะที่ชั่งมาตรงกิโล ส่วนที่โกงกิโลที่สุดเห็นจะเป็นกุ้งแห้ง ซื้อมาครึ่งโล 300 บาท แต่พอกลับถึงบ้านชั่งได้แค่ 4 ขีดกว่า ๆ ... ก็ไม่รู้มันไปหดตอนไหนเน๊าะค่ะ แต่คราวหน้าคงไม่อุดหนุนสินค้าที่ตลาดทะเลไทยนี่อีกแล้วอ่ะค่ะ