หัดมูนข้าวเหนียวกันไปแล้ว อันดับต่อไปก็คงจะต้องหัดทำหน้าข้าวเหนียวมูนชนิดต่างๆ กัน ซึ่งวันนี้พิมขอเอามาสาธิตรวดเดียว 3 หน้าเลยค่ะ
ดูวิธีการทำข้าวเหนียวมูน อย่างละเอียด คลิ๊กที่นี่ ค่ะ
...... สำหรับหน้าข้าวเหนียวมูนชนิดต่าง ๆ นั้น จะว่าไปแล้ว เท่าที่พิมเคยกินมา มันมีหลากหลายหน้ามากเลยนะคะ ไม่ว่าจะหน้ากุ้ง หน้าปลาแห้ง หน้าสังขยา หน้ากระฉีก แต่วันนี้พิมขอเอามาสาธิตแค่ 3 ชนิดก่อนนะคะ แบบว่าวัตถุดิบกับเวลามันไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยเท่าไหร่เลย ^^
แต่ก่อนจะลงมือทำ .... ตามสูตร เราก็จะต้องมาดูหน้าตากันก่อนนะคะ ว่าถ้าทำเสร็จแล้วเนี่ย ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร (จะได้มีกำลังใจในการทำค่ะ ^^)
ดูหน้าตากันไปแล้ว ก็มาดูวิธีการทำในแต่ละหน้ากันเลยค่ะ
:: ส่วนผสมและวิธีการทำ หน้าสังขยา ::
- ไข่เป็ดฟองใหญ่ 5 ฟอง
- หัวกะทิข้น ๆ 2 1/4 ถ้วย ...... (พิมคั้นจากมะพร้าวขูดประมาณ 900 กรัม)
- น้ำตาลปี๊บอย่างดีสีเข้มๆ 250 -280 กรัม ...... (หวานธรรมดา 250 หวานมากหน่อย 280 / พิมใส่ 280 เพราะแม่ชอบหวาน)
- นมข้นจืด 50 กรัม
- เกลือป่นหยิบมือ
- ใบเตยสำหรับช่วยขยำไข่ เพื่อดับกลิ่นคาวไข่
ป.ล. สีของสังขยาที่จะเข้มมากเข้มน้อย นอกจากจะขึ้นกับสีของไข่แล้ว ยังขึ้นกับสีของน้ำตาลปี๊บด้วยนะคะ หากน้ำตาลปี๊บมีสีเข้มมาก เราก็จะได้สังขยาที่สีเข้มค่ะ แต่ถ้าน้ำตาลปี๊บสีอ่อนไปทางขาว เราก็จะได้สังขยาเนื้อออกสีเหลืองขาว ๆ นะคะ
เริ่มต้นก็ทำการตอกไข่เป็ดทั้งหมดใส่กาละมังใบย่อมๆ สักใบนะคะ (ก่อนตอก เอาไข่ไปล้างให้สะอาดและเช็ดด้วยผ้าให้แห้งก่อนนะคะ) ระวังอย่าให้เศษเปลือกหรือผงหล่นลงไป
ป.ล. ควรตอกใส่ถ้วยเล็กๆ ทีละใบ แล้วค่อยเอามาเทรวมกัน เพราะไม่งั้นเผื่อว่ามีไข่ใบใดใบหนึ่งเสีย จะได้ไม่ต้องเทไข่ทิ้งทั้งกาละมังอ่ะค่ะ
จากนั้นก็ใส่เกลือ น้ำตาลปี๊บ นมสด หัวกะทิ .... ทั้งหมด ตามลงไป
แล้วก็ขยำเบา ๆ ให้เข้ากันจนน้ำตาลและเกลือละลายดี โดยใช้ใบเตยช่วย (เพื่อให้ขยำเข้ากันได้ง่าย และดับกลิ่้นคาวไข่)
พอขยำเข้ากันดีแล้ว ก็ทำการกรองด้วยผ้าขาวบาง หรือกระชอนตาถี่ๆ 1 ครั้ง แล้วก็เทใส่ภาชนะที่จะใช้นึ่งค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะนำไปนึ่ง ให้เพื่อน ๆ สังเกตุดูนิดนึงค่ะว่าสังขยาของเรามันมีฟองอากาศเยอะมากไหม ................ หากมีเยอะให้เราใช้ปลายช้อนส้อมคนเบาๆ วนไปวนมาในกาละมังสังขยา และก็ตั้งทิ้งไว้สักแป๊บค่ะ เพื่อให้ฟองอากาศมันยุบตัว ตอนเอาไปนึ่งจะได้ไม่มีฟองอากาศในเนื้อสังขยามากนัก
ระหว่างนั้นก็หันไปตั้งซึ้งนะคะ ใส่น้ำที่ก้นซึ้งเยอะหน่อย ประมาณ 3/5 ของก้นซึ้ง แล้วก็นำไปตั้งไฟให้เดือดค่ะ ... พอน้ำเดือดดีแล้วก็เอาสังขยาใส่ซึ้งขึ้นนึ่ง .... และนึ่งประมาณ 25-35 นาที (หรืออาจจะนานกว่านี้) ขึ้นกับความแรงของไอน้ำค่ะ
ป.ล. ระหว่างการนึ่งอย่าใช้ไฟแรงจัด เพราะจะทำให้สังขยาฟูมากเกินไป
ระหว่างนั้นพิมก็หันไปทำอย่างอื่นค่ะ เผลอแป๊บเดียว 30 นาทีผ่านไป สังขยาของพิมก็สุกพอดี (หากอยากทดสอบว่าสุกไหม ให้เอาส้อมจิ้มลงไปตรงกลางของสังขยาค่ะ หากมีอะไรติดขึ้นมา แสดงว่ายังไม่สุกดีนะคะ) ..... เสร็จแล้วก็หน้าตาแบบนี้นะคะ ^^
ซึ่งหลังจากสังขยาสุกแล้ว ก็ให้เราเอาสังขยาออกมาจากซึ้งค่ะ และตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องจนกระทั่งสังขยาเซ็ตตัวดี ค่อยเอามาตักเป็นหน้าข้าวเหนียวมูนอ่ะค่ะ
ป.ล. ตอนเปิดฝาซึ้งออก ระวังไอน้ำที่ฝาซึ้งจะหยดลงบนหน้าสังขยา เพราะจะทำให้หน้าสังขยาด่างและแฉะนะคะ
:: ส่วนผสมและวิธีการทำ หน้าปลาแห้ง ::
- ปลาช่อนเค็มตากแห้งย่าง แกะเอาแต่เนื้อ ป่นเกือบละเอียด 150 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 - 150 กรัม ......... (ปริมาณน้ำตาลทรายที่ใช้ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นกับความเค็มของปลาช่อน)
- หอมแดง (ไทย) หัวใหญ่ ๆ 15 หัว ....... (ยิ่งใส่มาก ยิ่งอร่อย)
- เกลือป่น
- น้ำมันพืชสำหรับเจียวหอมแดง และผัดปลาป่น
เริ่มต้นก็มาทำหอมเจียวกันไว้ก่อนนะคะ ... โดยการปอกเปลือกหอมแดง แล้วซอยบางๆ ไว้ค่ะ
ป.ล. หอมแดงที่ใช้ ให้เป็นหอมไทยนะคะ เวลาเจียวมาแล้ว จะได้มีรสหวาน กลิ่นหอมโดยธรรมชาติ และวิธีการเลือกหอมแดงมาใช้ ก็ให้เลือกหัวที่โตหน่อยค่ะ เลือกหัวที่ไม่มีราดำ ๆ ไม่เน่า ไม่เสีย .. พอปอกเปลือกเสร็จแล้ว เอาไปล้างน้ำซะ 1 ครั้ง แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ ก่อนนำมาซอยนะคะ
จากนั้นหันไปตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณ .. พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่หอมที่เราซอยไว้ลงไป ใช้ไฟกลาง แล้วก็เจียวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสีของหอมเริ่มออกสีเหลืองทอง (..ระหว่างเจียว ต้องหมั่นคนด้วยนะคะ..)
พอหอมเจียวในกระทะเริ่มออกสีเหลืองทองมากกว่า 50% ของปริมาณที่เจียว ก็ให้รีบทำการช้อนขึ้นด้วยตะหลิวโปร่ง ๆ เกลี่ยให้หอมกระจายตัว แล้ววางพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันค่ะ
ป.ล. อย่ารอให้หอมเจียวในกระทะเหลืองทั้งหมด แล้วค่อยช้อนขึ้น เพราะไม่งั้นอาจจะทำให้หอมเจียวเหลืองเกรียมจนมีรสขม เนื่องจากความร้อนที่ยังหลงเหลืออยู่ในหอมเจียว (แม้จะช้อนขึ้นจากน้ำมันแล้วก็ตาม) ก็เป็นได้ค่ะ
ระหว่างรอหอมเจียวสะเด็ดน้ำมัน เราก็มาดูที่ปลาป่นกันนะคะ ..... ซึ่งปลาป่นเนี่ย พิมใช้ปลาช่อนเค็มทั้งตัวตากแห้ง พอแห้งดีก็นำมาย่างจนกรอบ แกะเอาแต่เนื้อ แล้วโขลกในครกจนมีลักษณะป่น+ฟูแบบในภาพอ่ะค่ะ... หากเพื่อน ๆ ไม่มีหรือไม่สามารถหาปลาช่อนเค็มตากแห้งมาป่นเองได้ ก็ซื้อปลาป่นที่เค้าป่นแล้วตามตลาดก็ได้นะคะ พิมเคยเห็นมีขาย แต่จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่อ่ะค่ะ ...... จำได้แต่เคยซื้อมาแล้วรู้สึกมันพอใช้ได้ แต่กลิ่นไม่ค่อยหอมเหมือนที่เราใช้เนื้อปลาช่อนมาป่นเองอ่ะค่ะ (เพราะเค้าทำมาจากปลาทะเล)
ป.ล. แต่ระวังนิดค่ะ หากซื้อปลาที่เค้าป่นมาแล้ว ซึ่งเราไม่รู้ว่าเค้าใช้ปลาอะไร อาจจะเป็นปลาที่มีกลิ่นคาวมากจนไม่สามารถเอามาทำปลาป่นก็เป็นได้ค่ะ
เมื่อเตรียมวัตถุดิบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ
เริ่มต้นด้วยการใช้น้ำมันที่เราเจียวหอมนี่แหละ ใส่ลงไปในกระทะสำหรับผัดพอประมาณ (ราวๆ 3 ชต.) พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่ปลาป่นลงไปจนแห้งกรอบ มีสีเหลืองเข้ม... แล้วพอปลากรอบดี (เอามือลงไปจับๆ เนื้อปลาป่นในกระทะดูได้ค่ะ / ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่) ก็ใส่น้ำตาล + เกลือลงไป ผัด ๆ ให้เข้ากัน ..... แล้วก็ทำการชิมค่ะ ให้ออกรสหวานนำ เค็มตามนิดๆ .... หากขาดรสใดก็เติมตามชอบนะคะ (ให้รีบผัด รีบชิมนะคะ ระวังน้ำตาลจะละลาย เพราะหน้าปลาแห้งเนี่ย น้ำตาลในปลาแห้งจะต้องยังเป็นเม็ดอยู่ค่ะ)
ซึ่งพอชิมรสได้ที่แล้ว ก็ให้เราใส่หอมเจียวลงไปค่ะ แล้วก็ผัดให้เข้ากันดีอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดไฟเตา เป็นอันว่าเราทำหน้าปลาแห้งเสร็จแล้วนะคะ
นี่ค่ะ ..... และแล้วเราก็ได้หน้าปลาแห้งออกมาเป็นแบบนี้นะคะ .... ซึ่งหน้าปลาแห้งเนี่ย หากใช้ในคราวเดียวไม่หมด ก็สามารถเก็บใส่กล่องเอาไว้ อยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ
:: ส่วนผสมและวิธีการทำ หน้ากุ้ง ::
- กุ้งสดแกะเปลือกแล้ว 200 กรัม ..... (ใช้กุ้งแช่แข็งไม่ได้นะคะ)
- มะพร้านทึนทึกขูดขาว (แบบขูดละเอียด) 250 กรัม
- หัวกะทิข้นๆ 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 - 200 กรัม ..... (ตรงนี้พิมลืมจดมาค่ะ แต่จำได้คร่าว ๆ ว่าประมาณนี้)
- พริกไทยขาวป่น 1/2 - 3/4 ช้อนโต๊ะ ..... (แต่วันนี้พิมไม่มีพริกไทยขาว เลยใช้พริกไทยดำแทน)
- รากผักชี 4 รากใหญ่
- กระเทียมไทย 8 กลีบ
- เกลือป่น
- ใบมะกรูดอ่อนๆ 4-5 ใบ
- สีผสมอาหาร สีส้มแดง
อันดับแรกก็มาดูที่มะพร้าวขูดกันก่อนนะคะ .... ซึ่งมะพร้าวขูดเนี่ย พิมใช้มะพร้าวทึนทึกค่ะ ไม่ได้ใช้มะพร้าวแก่ที่ขูดไว้สำหรับคั้นกะทิ เหตุผลที่ใช้มะพร้าวทึนทึกเพราะว่าเนื้อมะพร้าวมีความนุ่มกว่า
ป.ล. มะพร้าวทึนทึกในภาพขูดค่อนข้างหยาบค่ะ >_<" จริง ๆ ควรขูดให้ละเอียดกว่านี้ถึงจะดีนะคะ แต่กระต่ายที่บ้านพิม ฟันมันไม่ค่อยคมแล้วค่ะ ได้แค่นี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย T__T
ส่วนกุ้ง ... พิมเลือกใช้กุ้งสดค่ะ แกะเปลือก เอาหัวออก เหลือไว้แต่เนื้อกับส่วนมันๆ
รากผักชี กระเทียม พริกไทย ก็โขลกรวมกันไว้ให้ละเอียดนะคะ (ถ้าใช้พริกไทยขาว สีจะดูดีกว่านี้ค่ะ >_<")
ส่วนนี่ก็หัวกะทิคั้นข้น ๆ นะคะ ... หัวกะทิจะทำให้หน้ากุ้งของเรามีความหอมและก็รสสัมผัสนุ่มนวลอ่ะค่ะ (จริง ๆ หัวกะทิใช้เยอะกว่าที่เห็นในภาพค่ะ แต่ของจริง พิมยังไม่ได้คั้น เลยเอาที่เหลือจากการมูนข้าวเหนียวมาให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน)
สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกสิ่งหนึ่งสำหรับการทำหน้ากุ้งก็คือ สีผสมอาหารที่จะช่วยทำให้หน้ากุ้งของเราสวยงามและน่ากินมากขึ้น เพื่อน ๆ จะใช้เป็นอย่างน้ำ หรืออย่างผงเอามาผสมน้ำก็ได้ค่ะ แต่ขอให้เป็นสีส้มแดงหรือสีส้มแสดนะคะ
ส่วนอย่างสุดท้ายที่เราจะต้องเตรียมไว้ก็คือ ใบมะกรูดค่ะ ใช้ใบที่อ่อนแต่ไม่อ่อนมาก ให้ใบเริ่มมีสีเข้มหน่อยจะได้หอม ๆ .. เอามาล้างน้ำให้สะอาด แล้วซอยให้ละเอียด+บางที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยอ่ะค่ะ (แล้วก็เอาใส่ถุงไว้จนกว่าจะใช้ อย่าให้ตากลม ไม่งั้นจะแห้งเหี่ยว)
เมื่อเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ เสร็จ ก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ ...... เริ่มต้นด้วยการเอากุ้งสดมาสับให้ละเอียดเป็นอย่างแรกเลยนะคะ ซึ่งวิธีการสับของพิมเนี่ย จะใช้วิธีการเอามีดใหญ่หน่อยทุบกุ้งให้แบนก่อน แล้วก็ค่อยสับๆๆๆๆ มันจะสับง่ายกว่าทุบกุ้งทั้งตัวกลม ๆ อ่ะค่ะ
แล้วพอสับกุ้งเสร็จ ก็เอากุ้งมาผสมกับมะพร้าวขูดขาว ... คลุกเคล้าให้เข้ากันดีค่ะ
จากนั้นก็หันไปตั้งกระทะบนเตาไฟนะคะ ใส่หัวกะทิ กับสามเกลอลงไป ผัดจนส่งกลิ่นหอมไปสามบ้านแปดบ้าน ^^ ก็ค่อยใส่มะพร้าวกับกุ้งสับลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น ..... แล้วก็ผัดไปเรื่อย ๆ นะคะ จนกระทั่งน้ำตาลละลายหมด และมะพร้าวซึมซับหัวกะทิจนเกือบจะแห้ง (อย่ารอจนแห้งนะคะ เพราะไม่งั้นหน้ากุ้งของกราจะกระด้างไป) ก็ทำการชิมค่ะ ออกหวานๆ เค็ม ๆ หอมพริกไทย-รากผักชี ... หากขาดรสไหนก็ปรุงเพิ่มตามชอบ หรือตามที่เราเคยกินได้เลยค่ะ
พอชิมรสได้ที่แล้ว ก็ทำการปรุงแต่งสี ด้วยการใส่สีผสมอาหารที่เราเตรียมไว้ลงไป หากเป็นสีน้ำก็หยดลงไปในกระทะได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นสีผงๆ ก็ให้ผสมน้ำก่อน แล้วค่อยเติมสีลงไปในกระทะนะคะ .... ปริมาณสีที่ใช้ ก็ตามชอบเลยค่ะ อยากได้เข้มมาก เข้มน้อย เอาสีขนาดไหน ใส่ได้ตามความพอใจค่ะ
ป.ล. บางคนก็นิยมที่จะเอาสีผสมอาหารผสมกับมะพร้าวและกุ้งสับก่อนที่จะนำไปผัด ... ก็ได้นะคะ แล้วแต่ความถนัดค่ะ แต่พิมชอบแบบนี้มากกว่า
พอได้สีตามความพอใจแล้ว ก็ปิดไฟ ... เป็นอันว่าเราทำหน้ากุ้งเสร็จแล้วจ้า ^^ ซึ่งหากยังใช้ไม่หมดในคราวเดียว ก็สามารถเก็บใส่กล่องเอาไว้ใช้ได้เป็นอาทิตย์ ๆ เลยค่ะ (แต่อันนี้ต้องแช่ตู้เย็นนะ แต่หากแค่วันสองวันไม่ต้องแช่ก็ได้ค่ะ)
อ้อ ๆ อีกนิดนะคะ .... สำคัญมาก เกือบลืมไปได้ยังไง >_<" ... ก็พอเราปิดไฟ และพักหน้ากุ้งไว้จนเย็นตัวดีแล้ว ก็ให้เอาใบมะกรูดที่เราซอยไว้ใส่ลงไป และก็ทำการคลุกเคล้าใบมะกรูดให้เข้ากับหน้ากุ้งอีกทีก่อนจะเก็บใส่กล่องนะคะ เพราะว่าหน้ากุ้งเนี่ย ขาดความหอมของใบมะกรูดไม่ได้เลยค่ะ ^^
ซึ่งสำหรับหน้ากุ้งของพิมในวันนี้ .... ต้องยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอยู่ 2 อย่างที่ทำให้หน้ากุ้งมีความอร่อยลดน้อยลงค่ะ นั่นก็คือ มะพร้าวขูด ขูดหยาบไปนิด ทำให้หน้ากุ้งกระด้าง (แต่ก็ขูดได้ละเอียดสุดเท่านี้ล่ะค่ะ เนื่องจากว่าฟันกระต่ายที่ใช้ มันไม่ค่อยคมซะแล้ว) และตัวพิมเองก็เผลอคุยโทรศัพท์ขณะผัด ทำให้ผัดนานเกินเวลา จนทำให้หน้ากุ้งแห้งเกินไป ก็เลยแอบผิดหวังตัวเองนิด ๆ ค่ะ ... แต่ไม่เป็นไร ใครที่เจอปัญหาอย่างพิมในข้อหลัง ก็ให้เก็บเอาหน้ากุ้งใส่กล่องพลาสติค + ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนนะคะ แล้ววันหลังก็ซื้อหัวกะทิมาใส่สักหน่อย แล้วเอาไปผัดไฟอ่อนๆ อีกรอบ จนกะทิแห้ง ... ก็เป็นอันว่าใช้ได้ล่ะค่ะ ^^
และสุดท้ายเมื่อเราเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทั้งตัวข้าวเหนียวมูน ทั้งหน้าข้าวเหนียวต่าง ๆ ..... ถึงเวลาจะทาน เราก็จัดใส่ถ้วยหรือกระทงใบตองเล็ก ๆ แบบนี้นะคะ ให้ดูสวยงาม
ยังไงหากเพื่อน ๆ คนไหน สนใจ ก็ลองไปทำดูกันนะคะ ... ไม่ยากค่ะ (ถ้าตั้งใจทำเน๊าะ)
อ้อๆ .. ก่อนจะจบเมนูนี้กันไป พิมอยากจะถามความเห็นเพื่อน ๆ พี่ๆ น้อง ๆ ที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้กันนิดอ่ะค่ะว่า หากพิมทำไปขายเป็นชุด ชุดละ 4 กระทงแบบในภาพนี้ มีหน้าปลาแห้ง หน้ากุ้ง หน้าสังขยา หน้ากระฉีก และก็ขายในราคาชุดละ 20 บาท ... เพื่อนๆ จะซื้อกันไหมอ่ะค่ะ (แบบว่าพิมจะทำไปขายที่ตลาดนัดตอนเช้าแถวบ้าน ในอีกสักเดือนสองเดือนข้างหน้าอ่ะค่ะ)
และเพื่อขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยกันแสดงความคิดเห็น ติชม พิมขอมอบข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง และหน้าสังขยา (รวมไปถึงอีก 2 หน้า) ให้เพื่อน ๆ กันคนละเซตเลยนะคะ .. แล้วเจอกันอีกทีจ้า ^^
ป.ล. หากวันไหนมีเวลาและวัตถุดิบพร้อม จะทำ "หน้ากระฉีก" มาให้ดูอีกทีนะคะ