พิมเชื่อว่าถ้าพูดถึงขนมฝรั่งในดวงใจของใครหลายคน หนึ่งในนั้นต้องมี Panna Cotta อย่างแน่นอนเลยนะคะ ^_^
Panna Cotta (พันนาคอตต้า) เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี่ค่ะ โดยส่วนผสมหลักๆ ของการทำพันนาคอตต้าก็จะมีครีม นม น้ำตาล และก็เจลาตินประมาณนั้น ซึ่งในสมัยก่อนโน้นนนนนนนนเนี่ย ตอนที่มีการทำพันนาคอตต้าแรกๆ จะเป็นพันนาคอตต้าแบบจืด ๆ ไม่ใส่น้ำตาลแล้วทานคู่กับผลไม้สดนะคะ (อาศัยความหวานจากผลไม้) ที่เป็นอย่างนั้นเพราะในสมัยนั้นเนี่ย อิตาลี่ยังผลิตน้ำตาลเองไม่ได้ ต้องนำเข้าน้ำตาลจากต่างประเทศ น้ำตาลก็เลยมีราคาแพงมากกกกกก จนทำให้เอามาใช้ทำอะไรฟุ่มเฟือยไม่ได้ พอมาระยะหลังที่อิตาลี่ผลิตน้ำตาลเองได้แล้ว ก็เริ่มมีการทำพันนาคอตต้าแบบใส่น้ำตาล และเป็นต้นแบบของพันนาคอตต้าในทุกวันนี้อ่ะค่ะ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยกินพันนาคอตต้า อาจจะสงสัยว่าพัตตาคอตต้าเป็นขนมแบบไหนใช่ไหมคะ ^_^ ... Panna Cotta ก็จะเป็นขนมที่มีลักษณะเนื้อขนมคล้ายพุดดิ้ง ที่เด้งดึ๋ง ๆ และหวานหอมอ่ะค่ะ ^_^ แต่ว่าเนื้อขนมของพันนาคอตต้าจะละเอียดกว่า นุ่มกว่า แล้วก็มีรสชาติที่นุ่มละมุนกว่าพุดดิ้งนะคะ
พูดเฉย ๆ หลายคนอาจจะงงและสงสัย เพราะงั้นไปดูหน้าตาของ Panna Cotta ที่พิมทำในวันนี้ (พิมทำเป็นรสสตรอเบอรี่) และไปดูส่วนผสมกับวิธีทำกันเลยดีกว่าค่ะ ^_^
:: ส่วนผสมชั้นที่ 1 Panna Cotta รสสตรอเบอรี่ ::
- สตรอเบอรี่แช่แข็ง ที่ละลายน้ำแข็งแล้ว 3/4 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 1/4 ถ้วย
- นมสดรสจืด 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- เจลาติน 1 + 1/2 แผ่น
สตรอเบอรี่แช่แข็ง หาซื้อได้ตามร้านขายวัตถุดิบเบเกอรี่ ตามซุปเปอร์มาร์เกต และก็ตามแมคโครนะคะ มีทั้งแบบถุงละครึ่งโล และถุงละ 1 โลค่ะ
:: ส่วนผสมชั้นที่ 2 Panna Cotta รสดั้งเดิม ::
- นมสดรสจืด 1 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
- เจลาติน 3 แผ่น
:: ส่วนผสมชั้นที่ 3 Strawberry Sauce ::
- สตรอเบอรี่แช่แข็ง ที่ละลายน้ำแข็งแล้ว 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ หรืออาจจะมากน้อยกว่านี้ ตามความเปรี้ยวหวานของสตรอเบอรี่
:: วิธีทำ ::
อันดับแรก เราจะมาทำ panna cotta ชั้นแรกที่มีส่วนผสมของเนื้อสตรอเบอรี่กันก่อนค่ะ ..... ก็ให้เรานำแผ่นเจลาตินที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในน้ำเย็นนะคะ ซึ่งเราจะแช่แผ่นเจลาตินประมาณ 5-7 นาทีค่ะ
ระหว่างแช่เจลาติน ก็ให้เราเอาสตรอเบอรี่แช่แข็งที่ละลายน้ำแข็งแล้ว ไปปั่นจนละเอียดนะคะ (ส่วนนี้เรียกว่า Strawberry Puree)
จากนั้นนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ เอาพวกเมล็ดและเศษที่เราปั่นไม่ละเอียดทิ้งไป เหลือไว้แต่น้ำสตรอเบอรี่ข้น ๆ ตามในภาพด้านล่างประมาณ 1/2 ถ้วยค่ะ
เสร็จแล้วก็เทสตรอเบรี่ใส่ลงในหม้อใบเล็กๆ สักใบนะคะ ตามด้วยวิปปิ้งครีม นมข้นจืด และน้ำตาลทราย คนทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ
นำหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อน แต่ไม่ต้องให้อ่อนมากนะคะ
พอส่วนผสมในหม้อเริ่มเดือดปุดๆ ก็ปิดไฟเตาได้ทันที จากนั้นพักไว้สักแป๊บ พอให้ส่วนผสมในหม้ออุ่นลงหน่อย ก็หยิบเอาเจลาตินที่แช่น้ำจนนิ่มแล้ว (บีบน้ำออกด้วย) ใส่ลงไปในหม้อ พร้อมกับคนส่วนผสมในหม้อไว ๆ เพื่อให้เจลาตินละลาย
และเมื่อเจลาตินละลายหมดแล้ว ก็ตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ได้เลยนะคะ ซึ่งปริมาณถ้วยเนี่ย ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น 4 ถ้วย 6 ถ้วย แบบพิม เพื่อนๆ อาจจะใช้เป็นถ้วยเล็กสัก 10 ถ้วย 12 ถ้วย 15 ถ้วยก็ได้ค่ะ ตามแต่ที่เพื่อนๆ สะดวกเลย .. ซึ่งในใจพิม พิมชอบแบบถ้วยเล็ก ๆ มากกว่า เพราะดูน่ารักน่ากินดี แต่ที่บ้านพิมมีแต่ถ้วยใหญ่ และไม่อยากซื้อเพิ่ม ก็ใช้ถ้วยใหญ่นี่แหละนะคะ หยิบง่าย กินง่ายดีค่ะ ^_^
อ้อๆ หลังจากที่เทส่วนผสมใส่ถ้วยแล้ว ก็พักไว้ในอุณหภูมิห้องพอให้คลายความร้อนลงนิดนึง แล้วก็ค่อยเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณสัก 2 ชม. หรือจนกระทั่งเซตตัวนะคะ
ต่อมาเมื่อแช่ชั้นแรกจนเซตตัวแล้ว เราก็จะมาทำชั้นที่ 2 ต่อล่ะค่ะ ... เริ่มต้นก็ให้เราเอาเจลาตินไปแช่ไว้ในน้ำเย็นก่อน เหมือนชั้นที่ 1 นะคะ (แช่ประมาณ 5-7 นาที)
ระหว่างรอเจลาตินนิ่มก็ให้เราผสมวิปป้งครีม นมจืด น้ำตาล ลงในหม้อใบย่อม ๆ สักใบค่ะ
คนให้เข้ากัน แล้วนำหม้อไฟตั้งบนเตาไฟ ใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อนนิดนึงนะคะ อย่าใช้ไฟแรง
พอน้ำตาลในหม้อละลายหมด และนมเริ่มเดือดเบา ๆ ก็ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ แล้วพักนมในหม้อไว้สักแป๊บพอให้ความร้อนลดลงสักหน่อย ก็หยิบเจลาตินที่เราแช่น้ำไว้จนนิ่มแล้ว (บีบน้ำออกด้วย) ใส่ลงไปในหม้อ แล้วก็คนๆๆๆๆ ด้วยตะกร้อมือจนกระทั่งเจลาตินละลายหมดค่ะ หากไม่แน่ใจว่าเจลาตินจะละลายหมดจริงไหม เมื่อคนเสร็จแล้ว จะกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ สักครั้งก็ได้ ไม่มีปัญหานะคะ ^_^
จากนั้นก็หยิบถ้วย panna cotta ชั้นแรกของเราออกมาจากตู้เย็นค่ะ
แล้วค่อย ๆ เทส่วนผสม panna cotta ชั้น 2 (รสดั้งเดิม) ลงไป โดยอย่าลืมแบ่งให้เท่า ๆ กันทุกถ้วยนะคะ ... พักไว้สักแป๊บให้พออุ่น ๆ ก็นำเข้าไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 4-6 ชม. (ขึ้นกับขนาดถ้วย ปริมาณในถ้วย) หรือจนกระทั่ง panna cotta ของเราเซ็ตตัวค่า
ระหว่างนั้น เราก็จะมาทำซอสสตรอเบอรี่ ที่ไว้เสริฟคู่กับ Panna Cotta กันต่อเลยค่ะ ...... ก็ให้เรานำสตรอเบอรี่ที่เตรียมไว้ ไปปั่นแบบหยาบๆ นะคะ แต่ไม่ต้องให้หยาบมาก หรือถ้าใครจะชอบแบบละเอียด ละมุนลิ้น (อย่างพิม) ก็ให้ปั่นจนสตรอเบอรี่ทั้งหมดจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเลย ก็ได้ค่ะ
นำสตรอเบอรี่ที่ปั่นแล้ว เทใส่ลงในหม้อใบเล็ก ๆ สักใบนะคะ แล้วก็ใส่น้ำตาลทรายตามลงไป
จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อนหน่อยค่ะ
คนส่วนผสมซอสสตรอเบอรี่ในหม้อเป็นระยะ จนกระทั่งเดือดทั่วแบบเบา ๆ ก็ปิดไฟเตา แล้วเทซอสสตรอเบี่ใส่ถ้วยเอาไว้ พักจนหายร้อน ก็นำไปแช่ตู้เย็นจนกว่าจะถึงเวลาเสริฟอ่ะค่ะ
ก่อนปิดไฟเตา ให้ตักซอสขึ้นมาชิมนิดนึงว่าเปรี้ยวหวานขนาดไหน หากยังเปรี้ยวโด่ เติมน้ำตาลลงไปได้อีกหน่อยค่ะ แต่ถ้าหวานจืด ให้เติมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยนะคะ
พอถึงเวลาจะทาน ก็ให้เราหยิบถ้วย Panna Cotta ของเราออกมาจากตู้เย็นนะคะ แล้วก็ตักซอสสตรอเบอรี่ใส่ลงไปมากน้อยตามชอบค่ะ ตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่สดถ้วยละครึ่งผล (ถ้ามีก็ใส่ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ ไม่ซีเรียสนะจ๊ะ) เท่านี้เราก็จะได้ Strawberry Panna Cotta ที่ทำได้ไม่ยากกกกก และก็อร่อยมากเลยอ่ะค่ะ (การันตีด้วยน้อง ๆ ทีมงาน Steaming 5 คน ที่พิมทำไปให้ทานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ^_^)
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าไม่มีสตรอเบอรี่แช่แข็ง ใช้สตรอเบอรี่สดได้ไหม พิมก็ขอตอบว่าได้ค่ะ แต่สตรอเบอรี่แช่แข็งจะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่า นึกอยากจะหยิบใช้เวลาไหนก็ได้ แถมยังหาซื้อง่าย มีทุกฤดู ที่สำคัญราคาถูกกว่าสตรอเบอรี่สดเยอะมาก กิโลนึงแบบตัดขั้วเขียวๆ ออกแล้ว ราคา 70-80 บาทเองอ่ะค่ะ
และบางคนอาจจะสงสัยอีกว่า ถ้าไม่อยากทานสตรอเบอรี่ จะใช้ผลไม้ตัวอื่นได้ไหม พิมก็ขอตอบว่าได้อีกล่ะค่ะ เช่น เพื่อนๆ มีบลูเบอรี่อยู่ ก็อาจจะทำเป็นบลูเบอรี่พันนาคอตต้าก็ได้นะคะ หรือถ้ามีเสาวรส ก็อาจจะทำเป็นเสาวรสพันนาคอตต้าก็ได้อ่ะค่ะ พิมเคยลองแล้วทั้งสองอย่าง ออกมาโอเคเลยนะคะ
ยังไงลองไปทำทานกันดูนะคะ รับรองอร่อย ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ^_^
:: เพิ่มเติม ::
ขอบคุณ Summer ที่ส่งเตาแม่เหล็กไฟฟ้า Magic Stone กับเครื่องปั่น Magic Blu มาให้พิมใช้ทำเมนูนี้นะคะ