วันนี้พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปชมสวนผลไม้ของที่บ้านพิม ที่บ้านสวน บ.หนองคล้า อ.ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรีนะคะ ^___^ ... ใครสนใจก็ตามมากันเลยค่าาาาา
ก่อนอื่น ... พิมขอบอกก่อนนะคะว่า สวนผลไม้ของที่บ้านพิมในตอนนี้เนี่ย (หมายถึงตอนเดือน มีนาของทุกๆ ปี แต่ก็เป็นปีที่ 30 ได้แล้วล่ะมั้งค่ะ) เป็นช่วงเพิ่งเริ่มออกดอกออกผลค่ะ ยังไม่เป็นลูกแบบที่พร้อมจะเก็บกินได้ ... เพราะนั้นภาพถ่ายที่พิมถ่ายมา ก็จะมีแต่เขียวๆ น้ำตาล ๆ ของต้นไม้ใบหญ้า ของผลไม้ที่ยังเป็นลูกเล็กๆ เป็นดอกอยู่นะคะ ^___^ ... ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่สนใจแบบลูกโตแล้ว พร้อมกินได้แล้ว คงต้องรอรูปจากช่วงกลางเดือนพฤษภาของปีนี้อีกที หรือไม่ก็เดี๋ยวไปดูอีกหัวข้อนึงนะคะ ซึ่งพิมจะลงเรื่องราวและภาพของสวนผลไม้บ้านพิมตอนกำลังออกดอกออกผลสวยงาม ตอน มิ.ย. ปีที่ผ่านมาให้ดูอ่ะค่ะ ^___^ ... (แต่อีกราวๆ 1-2 อาทิตย์นะคะ เพราะว่าต้องไปนั่งค้นหาไฟล์รูปอีกทีค่ะ)
สวนผลไม้ของที่บ้านพิม .... มีด้วยกันอยู่ 3 แปลงค่ะ ..... แต่ว่ารวมๆ แล้วก็ไม่ได้มีที่ดินเยอะมากอะไรเมื่อเทียบกับคนแถว ๆ นั้น คือมีราว 30 ไร่เองอ่ะค่ะ (แถวนั้นเค้ามีคนละ 40-50-100 ไร่)
แล้วสวนแต่ละแปลง.... ก็ปลูกต้นผลไม้คละๆ กันไปค่ะ ไม่ได้ว่าสวนใดสวนนึงปลูกอย่างใดอย่างนึง อาจจะเพราะสมัยก่อนตอนเริ่มปลูก ไม่ได้มีการวางแผน นึกอยากจะปลูกก็ปลูก ปลูกด้วยความชอบความรักอยากจะทำเพียงอย่างเดียว แถมไม่ได้ปูเรียงเป็นแถวเป็นแนวเหมือนสวนอื่นๆ เค้าซะด้วย ผลไม้ในแต่ละสวนก็เลยแบบว่าผสมปนเปกันไปหมดเลยล่ะค่ะ ^__^ ทั้งเงาะโรงเรียน เงาะสีชมพู ทั้งมังคุด ทุเรียนหมอนทอง ชะนี กระดุม ก้านยาว ลางสาด ลองกอง ขนุน กระท้อน มะไฟ ส้ม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยช้าง ชมพูมะเหมี่ยว มะนาว สละ ระกำ ฯลฯ ... ซึ่งบางอย่างก็ปลูกเยอะมากค่ะ นับ 200-300 ต้น แต่บางอย่างก็ปลูกแค่ 1-2 ต้นก็มีค่ะ
แต่เอาหลักๆ .... ก็จะแบ่งตามนี้นะคะ
แปลงที่ 1 ....... เรียก ....... "สวนใหญ่" (มีพื้นที่มากสุด) ..... ปลูกเงาะ ทุเรียน มังคุด กล้วย
แปลงที่ 2 ....... เรียก ....... "สวนหลังบ้าน" (บ้านพักปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้) ..... ปลูกลองกอง มะนาว มังคุด ทุเรียน กระท้อน
แปลงที่ 3 ....... เรียก ....... "สวนใน" (อยู่ลึกจากสวนทั้ง 2 แปลงไปอีกพอประมาณ) ..... ปลูกเงาะ ขนุน มะไฟ กล้วย
ส่วนผลไม้อื่น ๆ ก็ปลูกปะปนกันไปในทุกๆ สวนอ่ะค่ะ
.................................................
............ ว่าแล้ว ..... ก็ตามพิมมาม่ะ ... พิมจะพาทุกคนไปลุยสวนผลไม้ที่บ้านพิมกันค่ะ ^______^
เริ่มต้น ...... พิมก็นั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งเอกมัยที่กรุงเทพฯ มานะคะ (ค่ารถ 187 บ.) มาลงที่บ้านหนองคล้า อ.ท่าใหม่ (อยู่ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี ประมาณ 20 นาที) ... แล้วพอมาลงรถปุ๊บ น้องชายพิมก็มารอรับอยู่พอดีเลยค่ะ
พอพิมขึ้นรถ ... น้องชายพิมก็ขับรถพาไป บ้านห้วยสะท้อน ที่อยู่ติดๆ กับบ้านหนองคล้าที่พิมลงรถล่ะค่ะ (แล้วทำไม ไม่ให้ไปลงที่ห้วยสะท้อนเลยเนี่ย >_<) .... น้องชายพิมบอกว่า จะไปซื้อน้ำแข็งใส่ลังน้ำแข็ง กะไปซื้อของอีกนิดหน่อยค่ะ
ระหว่างที่รอน้องไปซื้อของ ........ พิมก็ถ่ายภาพโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
พอซื้อเสร็จ ......... น้องชายพิมก็ขับรถพาพิมตรงดิ่งกลับเข้าบ้านสวนทันทีค่ะ ไม่ได้แวะที่ไหนอีก (จากบ้านห้วยสะท้อน มาถึงบ้านพิม ก็ประมาณ 12 กม.) เพราะน้องบอกว่าเราจะรีบเตรียมตัวไปทำเรื่องต่างๆ (รดน้ำต้นไม้ ใส่ปุ๋ย เตรียมของกิน) ก่อนจะไปไหว้พระที่เขาคิชฌกูฎคืนนี้กันค่ะ (แต่พิมไม่ได้ถ่ายรูปตอนไปเขาคิชฌกูฎมาให้ดูนะคะ เพราะว่ามันเป็นตอนกลางคืน แสงสว่างก็ไม่ค่อยจะสว่างเท่าไหร่ อีกทั้งผู้คนเยอะมาก หลายพันคน จึงไม่ค่อยสะดวกในเรื่องถ่ายรูปอ่ะค่ะ)
นี่ค่ะ ...... ถนนทางเข้าหน้าบ้านสวนจันฯ เป็นอย่างนี้เลย ซึ่งช่วงนี้เป็นหน้าแล้ง ก็จะดูแห้งแล้งแบบนี้ล่ะค่ะ แต่ถ้าหน้าฝนล่ะก็ จะดูชุ่มฉ่ำมากเลย ^__^
มาถึงหน้าบ้านแล้ว ........ พิมก็ขอต้อนรับทุกคนเข้าบ้านเลยนะคะ ..... มาม่ะค่ะ พักกินน้ำกินท่าให้หายเหนื่อยก่อน แล้วเดี๋ยวพิมจะพาไปเที่ยวในสวนนะคะ
และเมื่อเพื่อน ๆ พักหายเหนื่อยกันแล้ว พิมก็ขอพาเที่ยวชมสวนล่ะค่ะ ตามพิมมาเลย .....ซึ่งวันนี้พิมจะพาไปชม 2 สวนนะคะ ส่วนอีกสวนขอติดไว้ก่อน เพราะมันอยู่ไกล แดดร้อนมากๆ เลยทำให้ขี้เกียจเดินไปค่ะ >_<"
สวนแรกที่พิมจะพาไป ก็คือสวนที่อยู่หลังบ้านพักนี่เองค่ะ ....... สวนนี้อย่างที่บอก ปลูกลองกอง มะนาว มังคุด ทุเรียน กระท้อนเป็นหลักค่ะ .... โดยบริเวณทางเดินเข้าสวนฝั่งซ้ายจะปลูกต้นขนุนต้นใหญ่ และฝั่งขวาจะเป็นพวกต้นทุเรียน ลองกอง และก็เป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิด้วยค่ะ
เดินเข้ามาหน่อย ...... แอบหันหลังไปดูที่หลังบ้าน ว่าสาวๆ เค้ากำลังทำอะไรกันอยู่ อ้อๆ....... กำลังเตรียมเครื่องทำกับข้าวให้เรากินอยู่น่ะเอง ^^
เดินมาอีกหน่อย (ไม่สนใจน้องแหละ ฮ่ะๆ) .... จะเป็นบริเวณที่ปลูกกล้วยค่ะเยอะที่สุดในสวนแปลงนี้ แต่ว่าสวนแปลงนี้มีกล้วยไม่เยอะเหมือนสวนใหญ่ จะมีปลูกประปรายระหว่างแนวต้นไม้ใหญ่ก็เท่านั้นเองค่ะ ที่เห็นๆ ก็มีกล้วยไข่กับกล้วยน้ำว้า ประมาณชนิดละ 10 กอ กับกล้วยหักมุก กล้วยหอม และกล้วยช้างอีกอย่างละ 2-3 กอค่ะ
ถัดมานิดนึง ... ทางด้านซ้ายมือ บริเวณแนวกลางสวน จะเป็นแนวที่ปลูกต้นกระท้อนอยู่หลายต้นค่ะ ซึ่งต้นกระท้อนพวกนี้เนี่ย ปลูกมานานมากแล้ว ตอนนี้ก็ต้นใหญ่โตมโหฬารเลยค่ะ ให้ผลผลิตปีๆ นึงเยอะมาก เรียกว่าเก็บกันไม่ทัน และเพราะขายไม่ค่อยได้ราคา คนไม่ค่อยนิยมเหมือนผลไม้อื่น อีกทั้งไม่มีเวลาจะนำมาแปรรูป (เพราะมักจะแก่ ตอนที่ทุกคนกำลังวุ่นๆ เรื่องในสวนเลยค่ะ) ........... แต่ละปีก็เลยจะมีกระท้อนลูกใหญ่ๆ (บางลูกกิโลกว่า) หล่นเกลื่อนโคนต้นเต็มไปหมด (น่าเสียดายมาก) ....... ปีนี้แม่ก็เลยตัดใจ ยอมตัดต้นกระท้อนต้นที่ใหญ่สุดออกไป 1 ต้น เพื่อจะเอาพื้นที่ไปปลูกลองกอง ซึ่งพื้นที่ปลูกต้นกระท้อน 1 ต้น สามารถปลูกได้ถึง 4 ต้นเลยค่ะ
นี่ค่ะ ... ขนาดของลูกกระท้อนในปีที่ผ่านๆ มา (ที่หล่นโคนต้น) ...... ลูกใหญ่กว่าฝ่ามือพิมอีกค่ะ แล้วก็เนื้อปุยนุ่ม เอาไปทำกระท้อนลอยแก้ว กระท้อนแช่อิ่ม กระท้อนเค็ม กระท้อนดอง กระท้อนทรงเครื่อง หรือจะเอาไปแกงกระท้อน ทำกระท้อนผัด ยำกระท้อน เมี่ยงกระท้อน แกงฮังเลกระท้อน ตำกระท้อน ก็อร่อยมากเลยค่ะ
และที่ใต้ต้นกระท้อนต้นใหญ่ต้นนึงในบริเวณนั้น .... ก็มีกอกล้วยไม้ "เอื้องผึ้ง" อยู่กอนึงค่ะ ที่ทุกช่วงปลาย ก.พ. - ต้น มี.ค. จะออกดอกออกช่อนับสิบๆ ช่อ ..... สวยงามทุกปีเลย
ป.ล. ที่สวนพิม.......ต้นไม้ผลเช่น ต้นกระท้อน ต้นทุเรียน ต้นเงาะ มักจะมีกล้วยไม้ป่ามาขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่หลายต้นเลยค่ะ ซึ่งพิมไม่เคยรู้เลยค่ะว่าแต่ละต้น ชื่ออะไรกันบ้าง เพราะไม่เคยไปเจอช่วงมันออกดอกเลยค่ะ ^^" แต่เอื้องผึ้งเนี่ย ...... ยกเว้นไว้ต้นนึงนะคะ เพราะว่าต้นนี้พิมซื้อมาจากที่ไหนสักทีแหละค่ะ แล้วปลูกที่กรุงเทพฯ เท่าไหร่ก็ไม่งาม ปีๆ นึงออกไม่เกิน 3-4 ช่อ เลยยกให้แม่ซะ แม่ก็เลยเอามาแปะไว้ที่ต้นกระท้อนที่จันฯ ปรากฎว่างอกงามดี แถมปีถัดไปออก 10 กว่าช่อ และหลังจากปีนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยออกต่ำกว่า 12-13 ช่อในกอเดียวกันเลยค่ะ (แสดงว่ามันไม่ถูกกะพิมนะเนี่ย ฮ่ะๆ)
และบริเวณต้นกระท้อน ... ใกล้ๆ กัน จะมีพื้นที่ว่างอยู่ส่วนหนึ่ง (ไม่รู้แม่เว้นว่างไว้ทำอะไร) แต่ว่า ..... อากาศแห้งแล้งมากน้อยแค่ไหน ดูได้จากพื้นดินบริเวณนี้เลยค่ะ เพราะว่าถ้าแดดแรง อากาศร้อนจัด พื้นดินบริเวณนี้จะแห้งจนเป็นทรายสีขาวโพลนเหมือนทรายที่อยู่ชายทะเลเลยค่ะ (แต่เม็ดละเอียดกว่ามาก)
ซึ่งเวลาที่แห้งแล้งขนาดนี้ ......... เพื่อนๆ เชื่อไหมค่ะ หากว่าเราขุดหลุมลึกสัก 1 ฟุต .. 1 หลุม เราจะขุดยากมาก เอาจอบเอาเสียบทิ่มลงไปนี่แทบจะทิ่มหรือขุดไม่ลงเลยค่ะ แถมพอขุดได้ เราเอาน้ำใส่ลงไปสัก 1 ถัง ...... ทั้งที่เป็นดินทรายซะ 90% แต่มันสามารถจะกักเก็บน้ำที่เราเทลงไปไว้ได้ชั่วระยะเวลานานทีเดียวเลยค่ะ ..... เมื่อก่อนพิมก็ไม่เชื่อที่แม่บอกแบบนี้หรอกค่ะ แต่ว่าพอได้ลองทำแล้ว มันก็เป็นอย่างที่แม่บอกจริงๆ
และเนื่องจากว่า ........ สวนผลไม้ที่บ้านพิมมีอยู่ด้วยกัน 3 แปลง ที่บ้านพิม (แม่กับน้องคนโต) จึงแบ่งหน้าที่รับผิดชอบกันไปว่าสวนไหนของใคร ๆ (เป็นคนทำ) ค่ะ โดยปกติแม่พิมจะรับผิดชอบสวนใหญ่ น้องชายพิมจะรับผิดชอบสวนหลังบ้าน ส่วนสวนในจะร่วมกันรับผิดชอบทั้ง 2 คนค่ะ (ส่วนน้องสะใภ้ก็รับผิดชอบงานบ้าน กับทำกับข้าวไป)
โดยงานที่แต่ละคนจะต้องรับผิดชอบทำกันในแต่ละคนก็มีตั้งแต่ใส่ปุ๋ย ฉีดสารกำจัดป้องกันแมลง ทำโคน ผ่าดอก ติดดอก ป้ายดอก ถางหญ้า จัดการความเรียบร้อยต่างๆ รวมไปถึงให้น้ำต้นไม้ด้วยค่ะ (........ ดูเหมือนงานจะน้อย แต่ขอบอก ... งานแต่ละอย่างโหดๆ เหนื่อย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ......)
ซึ่งตอนที่พิมเดินเข้าไปถ่ายรูปในสวนหลังบ้านนี่ .... น้องชายพิมก็กำลังให้น้ำต้นไม้อยู่พอดีเลยค่ะ
โดยวิธีการให้น้ำของที่บ้านพิม ปกติจะใช้สปริงเกอร์ค่ะ แต่......น้องชายพิมเค้าไม่ชอบ เค้าว่ามันไม่สะใจ เค้าชอบแบบลากสายมากกว่า แม่ก็เลยตามใจเค้าค่ะ อยากทำอย่างไหนก็ทำ เค้าก็เลยมีสายยางเส้นใหญ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างประมาณ 2.5 นิ้ว สำหรับต่อกับเครื่องสูบน้ำ เพื่อเอามารดน้ำต้นไม้ค่ะ ... ซึ่งไอ้เจ้าสายยางเส้นใหญ่ขนาดนี้เนี่ย ขอบอกกกกกกกกก เลยค่ะว่า เวลามันมีน้ำเต็มสายยาง มันหนักมากๆ เลยค่ะ T____T
ซึ่งในบริเวณที่น้องชายพิมรดน้ำต้นไม้อยู่ เป็นบริเวณที่ปลูกแต่ต้นเงาะโรงเรียนค่ะ ก็มีหลายสิบต้นเลย ปัจจุบันให้ผลแล้วทุกต้น (แต่พิมจำไม่ได้ว่าปลูกมากี่ปี) ..... ซึ่งปีนี้ ตอนนี้ วันที่พิมไป เงาะเพิ่งเป็นผลเล็กๆ เลยค่ะ
ดูใกล้ๆ ...... แต่ละผลก็ยังเล็กมาก ผลที่ใหญ่สุด ก็ยังใหญ่กว่าหัวแม่มือพิมนิดเดียวเอง ^^ ..... แต่อีกไม่นานล่ะ ประมาณกลาง พ.ค. ก็จะกินได้ล่ะค่ะ
ใกล้ๆ กับดงต้นเงาะ (ขอเรียกว่า ดง ล่ะกันนะคะ เพราะว่ามันมีหลายต้น) บริเวณเกือบท้ายสวน จะเป็นบ่อที่ขุดไว้เพื่อเอาน้ำมารดต้นไม้ค่ะ บ่อนี้กว้างยาวเท่าไหร่พิมไม่เคยวัด แต่ว่ากินพื้นที่ประมาณ 1/7 ของสวนได้อ่ะค่ะ (มีด้วยกัน 3 บ่อ)
บ่อนี้ ... ตอนนี้น้ำเหลือน้อย ถ้าเทียบกับตอนน้ำเต็มๆ ในช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. ตามในภาพด้านล่าง ก็คงจะบอกได้ว่าน้อยมาก จนแทบไม่พอรดน้ำต้นไม้ให้มีชีวิตไปจนถึงเดือน พ.ค. ได้เลย (ก็ตั้งแต่เงาะ ทุเรียนเริ่มออกดอก เมื่อเดือน พ.ย. ฝนยังไม่เคยตกลงมาที่บ้านสวนฯ เลยสักครั้งค่ะ) ........ แม่พิมก็เลยใช้วิธีดึงน้ำ (หรือสูบน้ำ) ผ่านท่อขนาด 2 นิ้ว จากคลองชลประทานเล็กๆ หลังบ้านเข้ามาไว้ในบ่ออ่ะค่ะ ซึ่งก็ใช้วิธีสูบอาทิตย์ละครั้ง ๆ ละ 7 ชม. ซึ่งปริมาณน้ำที่ได้จากการสูบน้ำ 7 ชม. ก็จะใช้ได้ประมาณ 4 ชม. อ่ะค่ะ
(ภาพนี้ เป็นบ่อเดียวกันข้างบน แต่ถ่ายรูปตอนช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนเริ่มตกมาบ้างแล้วค่ะ)
จากบ่อน้ำข้างบน ..... เดินไปอีกฟากของบ่อ แล้วหันมาถ่ายรูปสวน ก็จะได้ภาพนี้ออกมาค่ะ .... ก็แบบว่าต้นไม้ผสมปนเปไปหมดอ่ะนะคะ แต่ก็ดีค่ะ ^^
จากนั้นพิมก็เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงท้ายสวนค่ะ ...... ซึ่งที่ท้ายสวนก็มีต้นไม้หลากหลายต้น แต่เป็นประเภทต้นไม้ผลที่ปลูกแค่ชนิดละ 1-2 ต้นเท่านั้นในสวน ไม่ว่าจะเป็นต้นมะขามเปรี้ยว ต้นมะขามหวาน ต้นมะตูม ต้นมะขวิด ต้นหว้า รวมไปถึงต้นสาเกต้นนี้ด้วยค่ะ
พูดถึงสาเกต้นนี้ ... อยากขอบอกว่าเป็นสาเกอาถรรพ์ค่ะ ..... แต่ฟังแล้วไม่ต้องตกใจไปนะคะ ไม่ใช่ว่าอาถรรพ์แบบน่ากลัวอะไรหรอกค่ะ แค่ตั้งแต่ปลูกมันมาตั้งแต่ต้นเล็กจิ๋วววสูงไม่ถึงฟุต จนตอนนี้สูงเท่าตึก 3 ชั้นได้แล้วมั้งค่ะ แต่มั๊นนนนนไม่เคยออกลูกให้เห็นสักลูกเลยค่ะ แถมมีคนข้างนอกที่เป็นพวกตอนต้นไม้ขายเป็นอาชีพ เค้าเห็นว่าต้นสาเกต้นนี้โครงสร้างต้นดี สวยงาม แล้วก็แข็งแรง เค้าก็เลยมาขอตอน ให้กิ่งละ 10 บาท (ถ้าตอนติด) .... ปรากฎว่าตอนไปประมาณ 50 กิ่ง ไม่ติดเลยสักกิ่งค่ะ >___< แล้วหลังจากนั้นประมาณเกือบปี เค้าก็มาอีกรอบค่ะ มาขอตอนอีกล่ะ เอาอีกคณะของเค้ามาตอน ปรากฎว่าก้เหมือนเดิมค่ะ ตอนไม่ติดสักกะกิ่ง .... เค้าบอกว่างงมากๆ เกิดมาไม่เคยตอนต้นไม้ต้นไหน แล้วไม่ติดเลยสักกิ่ง มีแต่ต้นสาเกต้นนี้แหละ ........ แม่พิมกับเค้าก็เลยให้สมญานามเจ้าสาเกต้นนี้ว่าสาเกอาถรรพ์ค่ะ ..... ^^"
(จริง ๆ แม่อยากจะโค่นมันทิ้งนะคะ เพราะว่าปลูกไว้ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่ ...... ยังเสียดาย ต้นมันใหญ่มากเลยค่ะ)
แล้วติดๆ กับต้นสาเก ที่ริมเขตของสวนพอดี ... ก็จะเป็นบ่อน้ำอีก 2 บ่อค่ะ ซึ่งบ่อน้ำ 2 บ่อนี้เนี่ย แม่ไม่ได้ใช้แล้วค่ะ เนื่องจากว่ามันกักเก็บน้ำได้ไม่ดี แม่พิมเค้าก็มีโครงการจะจ้างรถแบ๊คโฮ มาไถดินข้าง ๆ เพื่อถมบ่อ 2 ลูกนี้ให้เป็นผืนดิน เพื่อที่จะลงต้นมังคุด กับต้นลองกองค่ะ แต่ว่า ........ อืมมม ถ้าจ้างเค้ามาเดี่ยวๆ ไม่ได้เอี่ยวกับสวนอื่น ก็เกือบ 5 หมื่นอยู่ ก็เลยเป็นโครงการในใจเอาไว้ก่อน ^___^
แต่ในบรรดา 2 บ่อเนี่ย บ่อนึงมีผักตับเต่าขึ้นเยอะมากเลยค่ะ แต่มันไม่ได้ขึ้นเองตามธรรมชาติหรอกนะคะ .......เริ่มจากมีคนแถวนั้นเก็บมาฝากแม่พิม แล้วแม่พิมไม่กิน แต่ไม่อยากทิ้งเพราะนึกเสียดาย (เค้าเรียกว่า แอบงก ไหมค่ะเนี่ย) ก็เลยเอาไปโยนใส่บ่อ (ประมาณ 7-8 เดือนที่ผ่านมา) ปรากฎว่านอกจากมันจะไม่ตายแล้ว ยังงอกงามมากเลยค่ะ ทยอยเก็บขายทุกอาทิตย์ รวมๆ กันแล้วได้หลายร้อยแล้วล่ะค่ะ ^^
ป.ล. จริงๆ บ่อนี้เมื่อก่อนแม่เคยปลูกผักกระเฉดกับผักบุ้งไว้กิน แต่ว่า ...... โดนขโมยมาตัดเอาไปกิน ประหนึ่งว่าเป็นผักในบ่อของเค้าเองแทบทุกวันที่แม่พิมกลับมากรุงเทพฯ และวันที่ไม่อยู่สวน จนไม่มีเหลือยอดให้แม่พิมเก็บกินเลยสักครั้ง เป็นระยะเวลากว่าครึ่งปี แม่พิมก็เลยจัดการโละทิ้ง แล้วใส่ผักตับเต่านี่ไปแทน เพราะขโมยคนนั้นเค้าไม่กินผักตับเต่าอ่ะค่ะ
ป.ล. ขอพูดถึงขโมยคนนี้นิดนึงค่ะว่า เค้าตลกมาก (แต่แม่พิมแอบเครียด) .... ตรงที่ในสวนเค้า .... เค้าปลูกพืชผักต่างๆ ไว้เยอะนะคะ ไม่ว่าจะมะละกอ มะนาว มะเขือพวง พริก ใบชะมวง ใบยอ ฯลฯ แต่ ....... ไม่เก็บผักในสวนของตัวเองกินค่ะ เวลาอยากกินก็จะมาย่องๆ ดูว่าแม่พิมอยู่ไหม ถ้าอยู่ เค้าก็จะเดินกลับบ้านเค้าไปค่ะ แต่ถ้าไม่อยู่ เค้าก็จะตรงดิ่งไปทางท้ายสวนที่อยู่ข้าง ๆ สวนพิม แล้วก็แอบดอดเข้าสวนพิมทางด้านท้ายสวนค่ะ จากนั้นก็เดินเก็บผักเก็บหญ้าในสวนพิม แบบสบายใจเฉิบ ซึ่งแม่พิมก็รู้นะคะว่าเค้าเป็นใคร แต่...... แม่พิมเลือกที่จะไม่พูด ไม่ไปต่อว่าเค้า ซึ่งมันเป็นนิสัยของแม่พิมค่ะ แล้วแม่พิมก็จะใช้วิธีการถอนต้นนั้นทิ้งไปเลย ^^" แล้วปลูกอย่างอื่นแทน ที่คิดว่าเค้าจะไม่ขโมยน่ะค่ะ ..... แต่นะ .... พิมว่า ไม่มีอะไรที่เราปลูกแล้วเค้าจะไม่ขโมยหรอกค่ะ เพราะขนาดเราปลูกมังคุด เค้าเองก็ปลูกมังคุด แต่เค้ายังมาขโมยมังคุดในสวนของพิม มาขายพิมเลยค่ะ >__<
และจากบ่อท้ายไร่ .... เมื่อเดินไปจนถึงท้ายสวนแล้ว พิมก็เริ่มหิว ๆ ล่ะค่ะ ก็เลยคิดว่ากลับบ้านดีกว่า ซึ่งระหว่างทางเดินกลับบ้านเนี่ย พิมก็จะเดินผ่านสวนที่อยู่อีกฟากของบ่อด้านบนค่ะ ซึ่งสวนฟากนี้เนี่ย แม่พิมเค้าจะปลูกต้นมะพร้าว แก้วมังกร ต้นมังคุด และก็ลำไย .... บางอย่างก็ให้ผลแล้ว แต่บางอย่างก็เป็นการโละต้นเก่า ๆ ปลูกใหม่ค่ะ
นอกจากงานทำสวนเป็นงานหลักของแม่พิมแล้ว แม่พิมยัง (หาเรื่อง) ให้ตัวเองลำบากมากขึ้นด้วยการซื้อไก่ไข่มาเลี้ยง เพียงเพราะแม่อยากกินไข่ไก่สดๆ และอยากเก็บไข่สดมาให้ลูกสาว (อย่างพิม) ทำเค้ก ทำคุ๊กกี้ ทำเบเกอรี่ต่าง ๆ ให้น้องกินอ่ะค่ะ
ซึ่งเจ้าไก่ไข่พวกนี้เนี่ย แม่พิมเลี้ยงมาประมาณ 3 รุ่นแล้วค่ะ รุ่นนึงก็เลี้ยงประมาณ 2 ปี ...... แต่ละรุ่นแม่จะเลี้ยงประมาณ 10-20 ตัวค่ะ แล้วแต่อารมณ์แม่ค่ะ ซึ่งพอมันโตเต็มที่ และไม่มีอะไรผิดปกติ (เช่นมีสัตว์อื่นมารบกวน) หากเลี้ยงสัก 20 ตัว ก็จะได้ไข่ประมาณ 15 ใบ แต่บางช่วงที่ไก่เครียดๆ หรือเจออะไรมารบกวนจนทำให้ตกใจ บางวันช่วงนั้นได้ไข่แค่ 2-3 ใบ หรือไม่ได้เลยก็มีค่ะ
ซึ่งช่วงไหนที่ได้ไข่เยอะๆ บางทีกินกันไม่ทัน ก็เอาไปขายบ้าง แจกญาติๆ บ้าง ให้เพื่อนพิมไปทำขนมบ้าง .... เรื่อยเปื่อยเลยค่ะ ^____^
ส่วนอาหารที่แม่พิมให้ไก่ไข่กิน ก็จะเป็นอาหารสำหรับไก่ไข่โดยเฉพาะ ซื้อเป็นกระสอบ แล้วแต่ละวันแม่ก็จะสับหยวกกล้วย สับใบเตย สับมะละกอ สับกล้วยที่เหลือจากเวลาเอามาขายที่กรุงเทพฯ ให้ไก่กินค่ะ .... ไข่ไก้ก็เลยออกมาสีสวยมาก แถมสดมากด้วย เคยเก็บเอาไว้ในตู้เย็น 2 เดือนก็ยังไม่เสียเลยค่ะ
ยังไงใครสนใจเลี้ยงไก่ไข่เพื่อกินในครัวเรือน ... ก็ถามพิมมาได้นะคะ หลายเรื่องพิมพอจะให้คำแนะนำได้อ่ะค่ะ ^^
อ้อๆ ... ลืมไปนิดนึงค่ะ บ้านพิมมีปลูกเผือกปลูกมันกะเค้าด้วยนะคะ แต่เป็นการปลูกด้วยความบังเอิญค่ะ ประมาณว่าซื้อเผือกซื้อมันมาทำอาหาร แล้วตัดตรงหัวๆ มันทิ้งไปตรงจุดตามในภาพด้านล่างนี้ ปรากฎว่ามันขึ้นเป็นต้นเผือกต้นมันซะงั้นค่ะ แล้วก็เจริญเติมโตจนหัวเบ้อเร่อ เคยเจอครั้งนึง เมื่อ 2 รุ่นที่แล้ว มีหัวนึงยาวประมาณเกือบฟุตได้ค่ะ หนักราวกิโลครึ่ง เป็นหัวเผือกที่ใหญ่สุดที่เคยเห็นเลยค่ะ (แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นใหญ่แบบนี้อีก) หลังๆ ก็มีแต่เฉลี่ยหัวนึงประมาณ 8 ขีด แบบในภาพด้านล่างนี่อ่ะค่ะ
แล้วพอมันโตเต็มที่ แม่ก็ขุดเฉพาะต้นที่มีหัวโตเต็มที่ไปกิน (อย่าถามพิมนะคะว่าเผือกโตเต็มที่ มันป็นยังไง เพราะว่าพิมไม่รู้ค่ะ >_<") .... ส่วนต้นอื่นๆ ก็ปล่อยให้มันเติบโตไป แล้วหลายต้นมันก็แตกหน่อออกค่ะ กลายเป็นต้นเล็กๆ แล้วก็เจริญเติบโตเป็นต้นใหญ่เป็นเผือกหัวใหญ่กันต่อไป ....... (ถ้าไม่เน่าตายซะก่อน) ก็กินกันไม่หมด กินกันได้เรื่อยๆ เลยอ่ะค่ะ ^^
และหลังจากพาเดินเที่ยวชมสวนผลไม้แปลงหลังบ้านไปซะ 1 รอบ พิมก็ขอพักเหนื่อยด้วยการกลับมานั่งกินข้าวที่บ้านก่อนนะคะ ......... ซึ่งพอเดินๆ มาหน้าบ้าน เจอวิวต้นหมากกับท้องฟ้าสีฟ้าาาาาาาาาาาาา สวยสว่างใส เลยอดจะถ่ายรูปมาฝากเพื่อน ๆ ไม่ได้เลยล่ะค่ะ ........ แล้วเพื่อนๆ ว่าสวยไหมค่ะ (สวยเน๊อะ ^^)
พอกลับมาถึงบ้าน หลังจากล้างเท้าที่หน้าบ้าน ถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก (ต้องใส่แขนยาว กางเกงขายาว และหมวกเพื่อกันแดด) ก็ตรงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาซะ 1 รอบค่ะ เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปในครัว ดูว่าคนครัวของเราในวันนี้เค้ากำลังทำอะไรให้เรากินกันบ้าง
ปรากฎว่า ...... เมนูของเราในวันนี้เมนูแรกก็คือ ................... ??? ...................
"ต้มยำไก่ (ใส่ตีนไก่) ด้วย กับเห็ดนางฟ้า" ค่ะ ........ เมนูนี้เนี่ย น้องสะใภ้พิมบอกว่า เป็นเมนูที่ทำบ่อยมากกกกกกก เนื่องจากว่าแม่ไม่ชอบกินหมู แล้วที่ตลาดที่แม่ไปประจำ ก็มีแม่ค้าเจ้านึงเค้ามักเอาเห็ดสด ๆ ที่เพิ่งเก็บมาขายค่ะ .... แถมน้องชายคนเล็ก ชอบกินต้มยำ ก็เลยกลายเป็นว่า เมนู "ต้มยำไก่กับเห็ดนางฟ้า" จะเป็นเมนูที่ทำกินบ่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ
ซึ่งตอนพิมกลับเข้าไปถึงบ้านเนี่ย ....... เค้าเพิ่งต้มตีนไก่ (ไม่ได้หยาบคายน๊าาา) จนเปื่อย และก็กำลังจะใส่เครื่องต้มยำพอดีเลยค่ะ
ป.ล. ขอบอก .. ตอนนี้ตีนไก่ราคาเท่ากับสะโพกไก่เลยค่ะ คือ ราคาโลละ 75 บาทเท่ากัน...... >_<" แม่ค้าบอกว่า เค้าขายไก่มาตั้งแต่สะโพกโลละ 50 ตีนโลละ 20 จนตอนนี้ตีนไก่จะราคาเท่าสะโพกไก่แล้ว หุหุ
นี่ค่ะ .... เห็ดนางฟ้าที่ซื้อมาหน้าตาแบบนี้ เห็นดอกใหญ่อย่างนี้ แต่ขอบอกว่าสดมาก แล้วก็หอมมากเลยค่ะ (กิโลละ 50 บาท)
แล้วพอเครื่องต้มยำส่งกลิ่นหอมได้ที่ + ปรุงรสเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จัดการใส่เห็ดฟางที่ฉีก ๆ ไว้แล้วลงไป ......... (เห็นแล้วอยากจะกินอีกเลยอ่ะ)
แอบคนให้เข้ากันนิดนึง แล้วก็ปล่อยให้เดือดจัด จนเห็ดสุก ก็ฉีกใบมะกรูดแก่ๆ หน่อยใส่ลงไป ........ เสร็จแล้วก็ปิดไฟค่ะ ....... เป็นอันใช้ได้ ... ขอบอกว่า ถึงตรงนี้หอมทั้งเครื่องต้มยำ หอมทั้งไก่ และก็หอมทั้งเห็ดมากๆ เลยค่ะ
นี่ค่ะ ...... ต้มเสร็จแล้ว ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้เลย ... (เห็ดเยอะดีแท้)
จากนั้นก็จัดการปรุงรสค่ะ ... ทุบพริกขี้หนูสวนใส่ลงไปสัก 15-20 เม็ด (ชอบรสจัดหน่อย) บีบมะนาวตาม แล้วก็เติมน้ำปลาดีๆ ลงไป (ไม่เติมมาก เพราะในหม้อเติมเกลือไปบ้างแล้ว)
และก็ตักต้มยำใส่ชามค่ะ .... คนให้น้ำเข้ากับเครื่องปรุงรสต้มยำจนเข้ากันดี ชิมรสตามชอบ เผ็ด เค็ม เปรี้ยว โรยด้วยผักชีฝรั่งหั่นหยาบ ๆ ซะหน่อย........ ก็เป็นอันเรียบร้อย .......... พร้อมกินแล้วค่ะ
ชามบนสำหรับคนชอบข้อกับตีนไก่ ส่วนชามล่างนี้เน้นเฉพาะเนื้อๆ กับเห็ด ^^
นอกจากเราจะมีต้มยำไก่แล้ว ..... ซึ่งอย่างเดียวไม่พอกินสำหรับสมาชิก 6 คนแน่นอน เราก็เลยจัดการทอดเห็ดที่เหลือค่ะ ......... ด้วยการใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไปในกระทะ
พอน้ำมันร้อน ก็เอาเห็ดฉีกเล็กๆ ที่คลุกเคล้าด้วยไข่ + แป้งทอดกรอบ + น้ำสะอาดนิดนึง + เกลือ + พริกไทย ....... ใส่ลงไป เอาตะหลิวยีๆ ให้กระจายตัวกัน
แล้วก็ทอดออกมาจนเหลืองกรอบแบบนี้ ............. ก็เป็นอันว่าใช้ได้
ออกมาเป็น "เห็ดทอด" ........ จานนี้ค่ะ ขอบอกว่าอร่อยมาก ไม่ต้องจิ้มกับน้ำจิ้มไก่ก็อร่อย ....... ใครไม่เคยทำ ลองทำดูนะคะ สำหรับพิม ... พิมว่าอร่อยกว่าหมูทอด ไก่ทอดอีกค่ะ
และกับข้าวอย่างสุดท้ายก็คือ "ยำมะม่วง" ค่ะ ..... มะม่วงพิมใช้มะม่วงแก้วล่ะ น้องชายพิมเก็บติดมือมาจากต้นมะม่วงท้ายสวนใหญ่ บอกว่าอยากกินยำมะม่วง ให้ยำให้กินหน่อย พิมก็จัดให้ค่ะ ด้วยเครื่องปรุงพื้นฐานในครัวนี่แหละ ออกมาเป็นยำมะม่วงจานนี้ ....... อร่อยดีค่ะ (แต่ติว่า มะม่วงอ่อนไปหน่อย รสชาติมันเลยไม่เข้มข้นค่ะ ถ้าได้มะม่วงแก่กว่านี้อีกนิด จะดีมากๆ)
จากนี้ ......... พิมก็ขอพักเหนื่อยนิดนึงนะคะ ขอนั่งกินข้าวแป๊บบบบบบนึง แล้วเดี๋ยวพิมไปเจอกันในเรื่อง ........ ":: แนะนำ :: Update ผลไม้ที่บ้านสวนจันทบุรี 2553 ภาค 2/2" ... ตอนพาไปเที่ยวชมในสวนใหญ่นะคะ ^___^
หมายเหตุ :: ขอแก้คำว่า "เห็ดฟาง" เป็น "เห็ดนางฟ้า" ตามคำท้วงติงของคุณมะนาวค่าาาา แบบว่าพิมแอบเบลอ เรียกเห็ดนางฟ้าว่าเห็ดฟางทุกทีเลย ฮ่ะๆ ^^" อย่าถือสาคนกะลังง่วงนอนนะคะ / ขอบคุณคุณมะนาวมากเลยจ้า เดี๋ยวคุยกันนะๆๆ ขอโพสต์อีกอันก่อน