และแล้ว .. ก็มาต่อกันเลยนะคะ สำหรับการพาไปเที่ยวชมสวนผลไม้ของที่บ้านพิม .... ในช่วงที่ผลไม้ยังไม่แก่ เมื่อ 4-5-6 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมานี่อ่ะค่ะ
ต่อจากกระทู้นี้ :: Update ผลไม้ที่บ้านสวนจันทบุรี 2553 ภาค 1 ตอน 1
.......................
หลังจากกินข้าวกินปลา (มื้อบ่ายๆ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิมก็จะขอพาไปชมสวนต่อล่ะค่ะ ....... ซึ่งสวนที่จะพาไปชมต่อเนี่ย ก็คือ "สวนใหญ่" ซึ่งเป็นส่วนที่มีพื้นที่มากที่สุดในบรรดาสวน 3 แปลงของที่บ้านเลยค่ะ ส่วนว่าในสวนนี้จะปลูกอะไรบ้างนั้น ...... ตามพิมมาดูกันเลยจ้า
......... นี่ค่ะ ทางเข้าสวนใหญ่ ... เดินมาทางนี้เลย ^^
สวนใหญ่นี่ ..... ถ้าพูดกันถึงความแห้งแล้งแล้ว ก็ไม่ต่างจากสวนอื่นๆ เลยค่ะ ...... แห้งแล้งมากพอกันเลย ... ดินทรายงี้ ถ้าเอามือกอบขึ้นมาโปรยล่ะก็ แทบจะเหมือนฝุ่นผงเลยค่ะ ดีว่ายังมีต้นไม้ให้พอเห็นอะไรเป็นเขียวๆ เหลือง ๆ บ้าง ก็ยังพอมีความชุ่มชื้นทางสายตาอยู่ค่ะ ^^
ที่สวนใหญ่แปลงนี้ ...... อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า จะปลูกทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกองเป็นหลักค่ะ เพราะงั้นเมื่อเข้าสวนมาด่านแรกที่จะเจอเลย ก็คือด่านต้นทุเรียนสารพัดชนิดค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนกระดุม - หมอนทอง - ชะนี และก็ก้านยาว .... โดยทุเรียนที่บ้านพิมปลูกมากสุด เห็นจะเป็นชะนีกับหมอนทองนะคะ ส่วนกระดุมมีนับต้นได้ และก้านยาวมีต้นเดียวค่ะ ^^"
.... อย่างในภาพนี่คือ ทุเรียนพันธุ์ชะนีที่ลูกยังเล็กอยู่ค่ะ .... (ลักษณะทรงจะค่อนข้างเรียวยาว หนามแน่น หนามไม่เรียงตัวไปในทางเดียวกัน ก้นลูกจะทู่ แต่ไม่ถึงกับมน)
...... ส่วนในภาพด้านล่างนี่ คือ พันธุ์หมอนทองนะคะ .... (สังเกตุว่าลูกจะออกทรงเรียวยาว แต่ป่องบน และตรูดลูก จะแหลมๆ)
... และส่วนในนี้คือ พันธุ์กระดุมค่ะ (ทรงลูกจะออกกลมๆ หนามถี่ ขนาดของหนามจะสม่ำเสมอกัน และมองเห็นพูแต่ละพูไม่ชัดเจน)
ส่วนพันธุ์ก้านยาว ... ไม่มีรูปให้ดูนะคะ เนื่องจากว่าปีนี้ไม่ติดสักกะลูกเลย >__<"
สำหรับทุเรียนพันธุ์ชะนีเนี่ย .... จะว่าไป ถ้าที่สวนพิม ... ทุเรียนพันธุ์นี้จะเป็นพันธฺุ์ที่ติดลูกง่ายที่สุดเลยค่ะ ส่วนก้านยาวจะติดลูกยากสุดเลย ........ แต่ไม่ว่าจะทุเรียนพันธุ์ไหนหากต้องการให้ติดลูกเยอะๆ การผ่าดอกทุเรียนเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อัตราการติดลูกของทุเรียนมีมากขึ้นค่ะ สำหรับคนที่ชำนาญเรื่องนี้แล้ว หากทำการผ่าดอกสัก 100 อัตราการติดลูกจะมีถึง 80% เลยนะคะ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วเนี่ย ก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาส ดิน น้ำ และความสมบูรณ์ของต้นด้วยอ่ะค่ะ ..... แต่สำหรับที่บ้านพิมเพิ่งหัดผ่าดอกปีนี้เป็นปีทีสาม + กับต้นไม่ค่อยสมบูรณ์ เนื่องจากไม่ยอมดูดน้ำ เพราะว่าอากาศร้อนจัด ......... ปรากฎว่า ..... ผลเป็นอย่างในภาพล่ะค่ะ ...... บางพวงติดลูกเดียว บางพวกก็ไม่เหลือสักลูก อันไหนโชคดีหน่อย (ที่ไม่ได้ผ่าดอก) + กับต้นมบูรณ์มากหน่อยก็ติดหลายลูกค่ะ ^^"
ซึ่งถ้าร่วงตอนลูกยังเล็ก ๆ มันก็ยังไม่น่าเสียดาย เท่ากับร่วงตอนลูกเริ่มโตแล้วแบบในภาพนี้อ่ะค่ะ
แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ ...... ก็ยังดีที่ยังมีเหลืออยู่บนต้นอีกพอประมาณ ^__^ (คิดในแง่ดี ว่าดีกว่าไม่เหลือ) เพราะนั้นปีนี้... เพื่อนๆ คนไหนอยากลองมาชิมทุเรียนที่สวนพิมก็ แน่ใจได้เลยค่ะว่ามีทุเรียนให้ชิมกันอย่างเพียงพอทุกคนแน่ๆ จ้า
นี่ค่ะ ........ ตอนนี้หลายๆ ลูกที่เป็นพันธุ์กระดุมกับชะนี ก็เริ่มโตแล้วนะคะ ... เริ่มเห็นเงินรำไรๆ แหละ ฮ่ะๆ ............ (แต่ในภาพนี้ เป็นทุเรียนหมอนน๊า)
ส่วนในภาพนี้ .... เป็นทุเรียนพันธุ์ชะนีนะคะ (ถึงตอนนี้จะลูกโตพอ ๆ กับหมอน แต่ยังไงแล้วชะนีก็แก่ก่อนหมอนประมาณ 1 เดือนอ่ะค่ะ)
จากดงต้นทุเรียน ..... เดินเข้ามาหน่อย ทางด้านซ้ายมือ จะเจอกับดงมะไฟค่ะ (พูดเหมือนเยอะ จริงๆ มีไม่ถึง 10 ต้นหรอกค่ะ) .... ที่บ้านพิมปลูกมะไฟไว้หลายต้นเหมือนกัน แต่ว่าในหลายต้นเนี่ย ก็มีแค่ 2 พันธุ์เท่านั้นนะคะ ก็คือ พันธุ์ไข่เต่า ที่เป็นลูกยาวรี กับพันธุ์เหรียญทอง ที่มีลักษณะลูกคล้ายมะนาวแป้นอ่ะค่ะ ......... 2 พันธุ์นี้ ถ้าพูดถึงข้อดีข้อเสียล่ะก็ ต่างกันเห็นได้ชัดเลยค่ะ
พันธุ์ไข่เต่า - เปลือกหนา รสจัด มักจะออกเปรี้ยวนำหวาน ผลมีน้ำหนักมาก เก็บรักษาง่าย ไม่ค่อยช้ำ อยู่ได้ 3-4 วัน แบบที่ยังสวยอยู่
พันธุ์เหรียญทอง - เปลือกบาง รสหวาน เปรี้ยวนิดๆ ผลมีน้ำหนักเบา เก็บรักษายาก ช้ำง่าย .. ถ้าเก็บจากต้นมาแบบสดใหม่ อยู่ได้ไม่เกิน 2 วันก็หมดความสวยแล้วล่ะค่ะ
จากข้อดีข้อเสียข้างบน .... ก็เลยทำให้ที่บ้านพิมปลูกพันธุ์ไข่เต่ามากกว่าพันธุ์เหรียญทองค่ะ ... แต่ว่าในระยะหลังๆ มานี่ มะไฟเป็นผลไม้ที่ตลาดคนกรุงเทพฯ ไม่ค่อยต้องการค่ะ แล้วกับที่จันทบุรีเองก็ขายไม่ค่อยได้ราคา อีกทั้งเจอปัญหาแมลงวันทองรบกวนมากๆ ในขณะที่แม่พิมไม่อยากฉีดยาฆ่าหรือป้องกันมัน ..... (แม่พิมเค้าพยายามจะไม่ใช้สารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลงในสวนเลยอ่ะค่ะ เค้าว่าเราทำแล้วเรากินเอง เลยไม่อยากให้ใช้) ........ แม่พิมก็เลยคิดๆ ว่าจะตัดจำนวนต้นทิ้งสัก 1/2 นึง ค่ะ เพื่อปลูกไม้อื่นที่ให้ผลผลิตและราคาที่ดีกว่าน่ะค่ะ แต่ก็คงจะรอให้ผ่านพ้นปีนี้ไปก่อน เพราะว่าปีนี้ มันก็ออกลูกอ่อนๆ มาแล้วน่ะค่ะ ^^
ต่อมา ..... พิมก็จะพาไปดูต้นมังคุดกันล่ะนะคะ ........ ซึ่งนี่ค่ะ ต้นมังคุดหน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ เพื่อนๆ เคยเห็นกันไหม ^___^
ถ้าพูดถึงบรรดาต้นไม้ผลที่อยู่ในสวนบ้านพิม แล้วถามว่าต้นไม้ชนิดไหน ต้นอ่อนที่สุด ... ก็คงจะต้องยกให้ต้นมังคุดนี่ล่ะค่ะ เพราะว่าลำต้นของเค้า กิ่งของเค้า แม้จะแข็งแรง แต่ว่ามันอ่อนโอนเอนได้มากๆ เลยค่ะ ... บางทีตอนที่มันออกลูกในแต่ละกิ่งดกๆ บางกิ่งที่อยู่สูงจากพื้นประมาณ 1.5 เมตร ก็ยังสามารถโน้มปลายลงมาที่ดินได้เลยค่ะ .... แต่เพราะความที่ต้นมันสามารถอ่อนโอนได้ขนาดนั้น เวลาเจอลมแรงๆ หรือแม้กระทั่งเจอพายุ มันก็สามารถเอาตัวรอดได้ ไม่หักไม่ฉีกแม้สักกิ่งเลยอ่ะค่ะ ^^
ซึ่งตอนนี้เนี่ย ... เจ้ามังคุดที่บ้านสวนของพิม กำลังออกลูกเล็กๆ แทบทุกต้นเลยค่ะ (สังเกตุเห็นลูกมังคุดไหมค่ะ ตามลูกศรแดงๆ ชี้เลยค่า)
แต่ก็มีไม่น้อยเลยนะคะ ........ ที่พอโตมาหน่อย (ประมาณหัวแม่มือผู้ชาย) แล้วก็จะร่วงงงงงงงงงกราวววววว ลงบนพื้นดินใต้โคนต้นแบบนี้ล่ะค่ะ (ต้นนี้ร่วงน้อยมากๆ ยังมีต้นที่ร่วงเยอะๆ หลายต้นเลยค่ะ T__T)
แล้วเจ้าลูกมังคุดเนี่ย ....ตอนที่มันแก่จนเก็บไปขายได้ เพื่อนๆ เคยสังเกตุไหมค่ะว่า มันจะมีผิว 2 แบบ ก็คือ ผิวมัน กับ ผิวตกกระ ...... ซึ่งโดยปกติแล้ว
ผิวมัน - ภายนอกดูสวยกว่าผิวตกกระ มีราคาสูงกว่า เก็บรักษายากกว่า โอกาสที่เปลือกจะร้าวและข้างในเป็นแก้วๆ สูงกว่า
ผิวตกกระ - ภายนอกดูไม่ค่อยสวย ผิวไม่เรียบ มักมียางเหลืองๆ ติด แต่เนื้อในมักจะหวานกว่าแบบผิวมัน มีราคาถูกกว่า เก็บรักษาง่ายกว่า โอกาสจะเสียน้อยกว่า
ซึ่งสาเหตุของการเกิดผิวมันกับผิวตกกระเนี่ย ... พิมกับแม่ก็ไม่รู้ค่ะว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าถ้าอยากให้มันเป็นผิวมันทุกต้นทุกลูก มันมียาสำหรับฉีดพ่น (ตั้งแต่ยังเป็นดอก) เพื่อให้ลูกมังคุดที่โตมา มีผิวมันสวยงาม และขายได้ราคาดี ......... ซึ่งถ้าถามว่าเป็นอันตรายไหมกับร่างกายคนเรา ก็ขอตอบว่าไม่เป็นอันตรายค่ะ เพียงแต่มันไม่ธรรมชาติ ........ และที่สวนบ้านพิมไม่ได้ใช้ ก็เท่านั้นเอง ........ (คือบางทีก็อยากใช้นะคะ แต่ว่าขายเองค่ะ ไม่ได้เอาไปส่งใคร เพราะนั้นไม่ต้องสวยก็ได้ค่ะ ขอให้หวานอร่อยก็พอ ที่สำคัญคือแม่กับน้องชาย ไม่มีเวลาฉีดค่ะ ^^")
นี่ค่ะ ..... ถ้าตอนเด็กๆ ลูกมังคุดเล็กๆ หน้าตาแบบนี้ ..... แสดงว่าโตขึ้นส่งประกวดนางงามผิวเนียนได้เลยค่ะ
แต่ถ้าเล็กๆ ก็ยังหน้าตาแบบนี้แล้ว ....... หากส่งไปประกวดนางงามผิวเนียน ก็ตกรอบตั้งแต่รอบแรก ..... เลยค่ะ ^^
ต่อมา ..... ก็มาดูลองกองกันบ้างนะคะ .... นี่เลยค่ะ ต้นลองกอง ... ระยะ 6 เมตร ^^
ใครที่สนใจอยากจะรอดูว่าตอนนี้ลองกองออกลูกออกผลขนาดไหนแล้ว สงสัยคราวนี้จะผิดหวังเป็นแน่แท้เลยค่ะ เพราะว่าลองกองที่บ้านพิมยังเป็นดอกอยู่เลยจ้า ... แม่บอกว่าโน่นล่ะค่ะ ประมาณต้นเดือนหน้าน่ะถึงจะเริ่มเป็นตุ่มลูกเล็กๆ แล้วราว พ.ค. ถึงจะเห็นเป็นลูกใหญ่ๆ หน่อยอ่ะค่ะ ...... T___T ก็รอกันต่อไปนะคะ ส่วนคราวนี้ พิมได้แค่เอาภาพช่อดอกมาฝากกันเท่านั้นแหละค่ะ ^^
สำหรับต้นลองกองเนี่ย ... พิมอยากจะคุยให้ฟังถึงเรื่องลองกองต้นนึงจังเลยค่ะว่า เนื่องจากเพิ่งปลูกลองกองต้นนี้ได้ประมาณ 3 ปี (คือไม่ถึงเวลาที่มันสมควรจะติดลูก) แต่ปีที่แล้วมันกลับออกช่อดอกเยอะ และติดผลหลายช่อ จนเรียกว่าดกมากๆๆๆ ...... แถมแต่ละช่อก็ยังมีจำนวนลูกแน่น เยอะ ลูกโต ผลสวย แล้วก็มีรสหวาน ไม่แกน .... ก็เลยทำให้ปีนี้พิมคาดหวังไว้กะลองกองต้นนี้เอามากๆ แต่ ................. ปรากฎว่าต้องผิดหวังอย่างแรง เนื่องจากว่าในรุ่นแรกเนี่ย ลองกองต้นนี้ไม่มีช่อดอกสักกะช่อเลยค่ะ T___T ไม่รู้ว่าทำไม หรือมันแอบคิดว่าปีที่แล้ว ทำงานหนัก (ออกผลเยอะ) ไปแล้ว ปีนี้เลยขอลางาน 1 ปี อ่ะ
นี่ค่ะ ..... ผลผลิตของเจ้าลองกองต้นนี้ในปีที่แล้ว ซึ่งตามในภาพนี่เป็นแค่ส่วนหนึงของต้นที่ถ่ายภาพมานะคะ แต่จริงๆ แล้ว เค้าดกอย่างนี้ ให้ช่อแน่นอย่างนี้ทั้งต้นที่เห็นในภาพด้านบนเลยอ่ะค่ะ ..... (สงสัยมันจะคิดว่า ออก 2 ปีครั้งล่ะกัน เลยออกให้ครั้งละเยอะๆ ...... ฮ่ะๆ)
แต่เอาน่ะ ...... ไม่เป็นไรค่ะ ออกบ้างไม่ออกบ้าง ก็ยังดีไม่ออกเลยนะคะ ^^" ....... ว่าแล้วก็มาดูไม้ผลต้นอื่นบ้างค่ะ ซึ่งพิมก็จะขอพาไปแนะนำต้นมะนาวนะคะ เพื่อนๆ อาจจะสงสัยว่าต้นมะนาวมันสำคัญยังไง ...... จริง ๆ มันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอกค่ะ เพียงแต่ว่าปีนี้มะนาวมันแพงมาก เลยอยากพูดถึง ^^
ว่าแต่ปีนี้มะนาวแพงจริง ๆ นะคะ ...... แพงมาตลอดทั้งปีตั้งกะปีที่แล้วเลยอ่ะค่ะ ซึ่งที่สวนพิมเนี่ย เมื่อก่อนปลูกมะนาวเยอะเหมือนกันค่ะ 40-50 ต้นได้ แต่วันดีคืนดี ทั้งที่ดูแลรักษาอย่างดี บำรุงอย่างดี (ตามสูตรที่ปรับปรุงไปตามสถานการณ์ทุกปี) ปรากฎว่าทยอยตายซะงั้นค่ะ บ้างก็โคนเน่า บ้างก็หนอนเจาะต้น บางก็เจอปลวกซึ่งทำรังไว้ในดินใต้ต้นมะนาว ...... ประมาณว่าสาเหตุเยอะแยะมากมายเลย ....... ปัจจุบันมะนาวในสวน หากนับเฉพาะต้นใหญ่ ๆ ต้นที่ให้ผลแล้ว ..... เลยเหลือประมาณแค่ 20 กว่าต้นเองค่ะ
ซึ่งต้นนี้ก็เป็น 1 ในบรรดาต้นมะนาวทั้งหลายที่ยังเหลืออยู่ค่ะ
นี่ค่ะ ... ลูกมะนาวที่บ้านพิม (ก็หน้าตาเหมือนมะนาวบ้านคนอื่น สวนคนอื่นล่ะค่ะ) ...... พันธุ์แป้น เป็นพันธุ์ที่เปลือกบาง น้ำเยอะ และมีกลิ่นหอมมากกว่ามะนาวพันธุ์ไข่ค่ะ
คราวนี้ที่พิมไป ....... ก็เก็บทั้งมะนาวแป้น และมะนาวไข่ (เอาเฉพาะที่แก่) ก็ได้ประมาณ 1/3 ถังกลมสีขาว ที่เค้าขายมาพร้อมกับผงซักฟอกแบบ 8 - 9 กิโลอ่ะค่ะ .... ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้กิน ส่วนนึงก็เก็บไว้ทำกับข้าวขาย และอีกส่วนก็เอาไปขายปลีกใบละ 5 บาท 7 บาท ....... ก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ค่ะ (ตอนนี้สูงสุดที่เจอในตลาดนัดแถวบ้านพิม ก็ลูกลละ 10 บาท)
ถัดจากต้นมะนาว .. ใกล้ๆ กันก็จะเป็นบ่อกักเก็บน้ำบ่อที่ 1 ในบรรดาบ่อเก็บน้ำ 3 บ่อในแปลงนี้ค่ะ .. ซึ่งก็นะคะ ... แห้งแล้งตามระเบียบ (ของหน้าแล้งค่ะ)
ติดๆ ริมบ่อน้ำบ่อนี้ ก็จะมีต้นชมพู่มะเหมี่ยวอยู่ 2-3 ต้นใหญ่ๆ ... พิมแอบไปส่อง ๆ ดู ก็ปรากฎว่ามีลูกชมพูขนาดในภาพอยู่เยอะเชียวค่ะ เสียดายที่แม่กับน้องไม่มีเวลาห่อ ชมพู่ก็เลยโดนหนอนเจาะซะเสียหายแทบทุกลูกเลยค่ะ (ถ้าไม่โดนหนอนเจาะ ก็เจอกระรอกแทะค่ะ)
จากนั้นพิมก็เดินเลยต้นชมพู่มะเหมี่ยวไปอีกสัก 10 ก้าว ก็จะเจอกับบ่อน้ำอีกบ่อนึงค่ะ ... ซึ่งบ่อนี้แหละเมื่อก่อนแม่พิมเอาปลาจีนที่ตกได้จากคลอง 13 มาปล่อยไว้ และเลี้ยงมันด้วยผักกาดบ้าง ผักบุ้งบ้าง เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งมันตัวใหญ่ขนาดเกือบเท่าถังสีขาวใบใหญ่ที่ใส่ผงซักฟอกขนาด 8 กก. แต่วันดีคืนดี แม่กับน้องกลับมากรุงเทพฯ พอกลับไปจันฯ อีกรอบ ปรากฎว่าเจ้าปลาจีนตัวนั้นและปลาอื่น ๆ ตัวใหญ่ ๆ ในบ่อ โดนคนขโมยไปซะแล้ว ด้วยการเอาไฟช๊อตค่ะ (หลักฐานคาอยู่กับบ่อ แต่จับมือใครดมไม่ได้) .... จากนั้นแม่ก็เลยไม่เลี้ยงปลาตัวใหญ่อีกเลยค่ะ ก็เลี้ยงแต่ปลาเล็ก ๆ อย่าง ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลานิล ปลาช่อน ไปเรื่อยเปื่อย ... นานทีปีละหนสองหน ก็ไปตกมากินบ้างอ่ะค่ะ
(ภาพล่างนี่ เป็นบ่อเดียวกับข้างบน แต่ถ่ายตอนช่วงหน้าน้ำ คือราวเดือน มิถุนายน ปี 2552 ที่ผ่านมา .... จะเห็นว่ามันคนละเรื่องกันเล๊ยยย)
และภาพนี้ คือภาพสวนผลไม้อีกฝั่งนึง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฝั่งที่มีต้นชมพู่มะเหมี่ยวค่ะ .... ซึ่งฝั่งที่เห็นในภาพนี้ เป็นส่วนที่ปลูกมังคุดเยอะที่สุดในสวนบ้านพิมเลยค่ะ นับร้อยต้นได้ แต่ว่าพิมขี้เกียจเดินไป ก็เลยได้แต่ถ่ายภาพมาให้ดูเท่านั้นอ่ะค่ะ ^___^ (ไว้หน้ามังคุดเก็บได้ จะค่อยไปถ่ายมาให้ดูอีกทีนะคะ)
และจากบ่อเมื่อกี้ ....... ใกล้ๆ กันก็มีบ่อน้ำอีกบ่อนึงค่ะ ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำ 8 บ่อ ในสวน 3 แปลงของที่บ้านพิม บ่อน้ำนี้จะมีความลึก 2 ชั้น ค่ะ .... ซึ่งชั้นแรก หากหน้าน้ำเต็ม ๆ ล่ะก็ เมื่อพิมลงไปยืน น้ำก็จะมิด มองไม่เห็นพิมเลยค่ะ ส่วนชั้นที่ 2 (ความกว้างยาวน้อยกว่าชั้นแรก ประมาณ 1/3) ก็ลึกราว ๆ 4 คนต่อกันค่ะ .... แต่เห็นลึกขนาดนี้ กว้างขนาดนี้ ........ พอหน้าแล้งจริง ๆ ก็แทบจะไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ให้พอใช้รดน้ำต้นไม้ทั้งสวนได้เลยอ่ะค่ะ
จากท้ายสวน.... เมื่อเดินย้อนกลับขึ้นมาเรื่อย ๆ (แต่ชิดริมรั้วอีกข้าง) เราก็จะเจอกับแนวกอไผ่มากมาย ที่ปลูกเอาไว้ขายไม้ (ทำเฟอร์ - ค้ำต้นไม้) ปลูกเอาไว้กินหน่อไม้ และปลูกเอาไว้เพื่อเป็นแนวเขตค่ะ ..... ซึ่งพิมไม่รู้ว่าไผ่ในภาพเป็นไผ่สายพันธุ์ไหน รู้แต่บางลำที่บิ๊กเบิ้มมากๆ ก็จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบคืบนึงของพิม หรือประมาณ 8 นิ้วเลยเชียวค่ะ .......... นี่ถ้าเอาไปใช้แทนหม้อหุงข้าวได้ สงสัยว่าหุงเสร็จ จะกินอิ่มได้ทั้งหมู่บ้าน ..... ^^"
และบริเวณใกล้ ๆ กับแนวกอไผ่นั่นเอง .... ที่แม่พิมปลูกต้นส้มโอเอาไว้เกือบ 10 ต้นค่ะ ... แต่ละต้นก็ให้ผลต้นละประมาณ 30 ใบทุกๆ ปีค่ะ แม่พิมก็เอามาขายที่กรุงเทพฯ บ้าง ไม่ก็แจกญาติ ๆ ไปบ้าง ... ตามประสาแม่เค้าล่ะค่ะ
ถัดจากบริเวณต้นส้มโอ .... ก็จะเป็นบริเวณที่ตอนนี้รกร้าง (ไม่) ว่างเปล่าค่ะ เนื่องจากปีที่แล้ว ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่สวนพิม..เจอพายุลูกใหญ่เข้า และตอนพายุจะออกไป มันก็พัดเอาไม้ใหญ่อย่างทุเรียน ลองกองต้นที่อายุ 10-20 ปี และกำลังให้ผลดก อีกทั้งกำลังจะแก่ใกล้เก็บได้ ไปกว่า 20-30 ต้นด้วยค่ะ ...... และจากวันนั้นมา ที่ตรงนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม นอกจากเก็บเศษซากต้นไม้ที่ล้มโค่นทิ้งไปเท่านั้นอ่ะค่ะ
ที่บริเวณนี้ .... มีต้นลางสาดใหญ่ที่ปลูกมานานนับตั้งแต่แม่เริ่มทำสวนใหม่ ๆ (ราว 30 ปี) อยู่ด้วย 2 ต้นค่ะ น่าแปลกมากที่ไม้ใหญ่อย่างลางสาดไม่ถูกพัดเอาไปด้วย พิมก็เลยตั้งชื่อให้ลางสาด 2 ต้นนี้ ว่า ลางสาดตา กับ ลางสาดยาย .... เพื่อแสดงว่าเป็นต้นไม้คู่สวนของเราน่ะค่ะ ^___^
และถัดจากต้นลางสาดตายาย .... เดินมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอแนวเขตที่เปลี่ยนจากต้นไผ่เป็นต้นระกำแทนค่ะ
ซึ่งผลของเจ้าต้นระกำเนี่ย เอามาตำน้ำพริกก็ได้ หรือเอามาสับๆ ใส่ข้าวผัดก็ได้ แถมทำน้ำปั่นก็อร่อยค่ะ
การดูแลรักษาผลสละก็ง่าย ...... แค่พอมันออกมาเป็นทะลายอย่างในภาพบน เราก็เอาถุงปุ๋ยไปสวมและมัดปากถุงไว้ตั้งแต่ลูกมันยังเล็ก เพื่อป้องกันกระจ้อนและสัตว์ป่าอื่นๆ มาแทะ .... และหลังจากนั้นอีกประมาณหลายเดือน พอมันแก่จัด เราก็ค่อยมาเปิดปากถุง และตัดมันมาทั้งทะลายเลยน่ะค่ะ ... (เดี๋ยวพอมันแก่ จะถ่ายรูปมาให้ดูอีกทีนะคะ)
จากระกำต้นนั้น ... พิมก็เดินเรื่อยเปื่อยล่ะค่ะ จนมาถึงเกือบหน้าสวนฯ ........
ก็เจอเจ้าเงาะน้อยช่อนี้ ...... เลยขอถ่ายรูปมาให้เพื่อน ๆ ดูอีกสักหน่อย
และใกล้ๆ กับเจ้าต้นเงาะที่พิมถ่ายรูปมา ... ก็เจอแม่สุดที่รักของพิมกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ค่ะ (แม่เพิ่งออกจาก รพ. มาค่ะ แต่ว่าไม่ยอมอยู่เฉย จะออกมาทำสวนให้ได้ ก็เลยให้มารดน้ำต้นไม้เล็ก ๆ อย่างพวกมะนาว พริก นี่แหละค่ะ)
อย่างที่พิมบอกว่า ...... ปกติสวนพิมจะใช้ระบบสปริงเกอร์ในการรดน้ำต้นไม้ ซึ่งน้องชายพิมไม่ชอบค่ะ เค้าว่าไม่สะใจ แต่แม่พิมที่เริ่มอายุหลายปีแล้ว (อายุ 54) กลับชอบวิธีนี้มากกว่า เพราะว่ามันช่วยผ่อนแรงแม่ไปได้เยอะเลยค่ะ ส่วนต้นไหนที่รดไม่ถึง หรือสปริงเกอร์ไม่ทำงาน ก็ค่อยลากสายรดเอา โดยมีน้องสะใภ้พิมคอยช่วยค่ะ
และถัดจากจุดที่แม่รดน้ำต้นไม้อยู่มาไม่กี่ก้าว ก็เป็นบริเวณสวนทางด้านหน้า (ติดถนน) แล้วล่ะค่ะ ซึ่งสวนทางด้านหน้านี้เนี่ย แม่พิมเค้าก็จะปลูกไม้ล้มลุกซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ อย่าง กล้วย มะละกอ พริกไทย ส้มเขียวหวาน พืชผักสวนครัวต่างๆ ไม้ดอก หรือไม่ก็เป็นไม้ผลยืนต้นจำพวกมีต้นเดียวในสวนอะไรทำนองนั้น
อย่างในภาพนี่ก็ ...... มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ค่ะ
ส่วนนี่ก็ ..... มะละกอพันธุ์แขกดำ
และนี่ก็ ...... กล้วยหอมพันธุ์พื้นเมืองของ จ.จันทบุรี ... ซึ่งพิมขอบอกว่าใครได้กิน น่าจะติดใจค่ะ เพราะว่าลูกไม่ใหญ่จนเกินไป อีกทั้งเนื้อแน่น และมีกลิ่นที่หอมกว่ากล้วยหอมเกษตรลูกอ้วนๆ ที่ขายตามตลาดอ่ะค่ะ ... เอามาทำเค้กกล้วยหอม หรือเบเกอรี่อะไรที่ใช้กล้วยหอม จะอร่อยมากๆ เลยค่ะ
ส่วนนี่ก็.... กล้วยไข่ และกล้วยหอมค่ะ สายพันธุ์อะไรไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาต้นพันธุ์มาจากแถวทางปทุมฯ ค่ะ
แล้วก็ยังมีต้นพริกไทยพันธุ์เก่าแก่ ที่ปลูกกันมาแต่ดั้งเดิมเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ช่อไม่ยาว เม็ดไม่แน่น แต่ว่าก็หอมดีค่ะ
แล้วก็มีต้น "มะหวด" ด้วย เพื่อน ๆ รู้จักไหมค่ะ เป็นไม้ผลโบราณ ที่ออกลูกเป็นช่อ ๆ ลูกจะมีสีดำ-แดง มีรสหวานๆ ฝาดนิด ๆ ..... พิมล่ะชอบมาก ชอบพอ ๆ กับลูกหว้าเลย กินทีไรปากดำทุกที แต่ก็ชอบ (ชำมะเลียงก็ชอบนะคะ แต่ไม่รู้ปลูกอยู่ตรงไหนของสวน เลยไม่ได้ไปถ่ายรูปมาให้ดู)
และก่อนจะจบทริป ...... พาไปเที่ยวชมสวน ...... พิมก็ขอลากันไปด้วยภาพดอกไม้ที่แม่พิมปลูกเอาไว้ต้อนรับแขกที่หน้าบ้านกันสัก 4-5 ภาพนะคะ
แล้วเจอกันใหม่อีกครา ............ เมื่อยามผลไม้ทั้งสวนแก่แล้วนะคะ ....... สวัสดีค่ะ ^_____^ ....... (ขอจบดื้อ ๆ แบบนี้ล่ะค่ะ แบบไม่มีไอเดียคิดคำลาแล้ว แห๊ะๆ)