พูดถึงอาหารชุดที่ชื่อว่า #ข้าวมันส้มตำ แล้ว พิมเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนน่าจะไม่ค่อยรู้จักกันเน๊าะคะ ส่วนนึงอาจจะเพราะเป็นอาหารโบราณ และอีกส่วนอาจจะเพราะมีเมนูเครื่องเคียงเยอะ ก็เลยไม่ค่อยมีใครค่อยนิยมทำกินทำขายกันสักเท่าไหร่อ่ะค่ะ
เพราะนั้นวันนี้พิมก็เลยจะมาชวนเพื่อน ๆ ทำข้าวมันส้มตำกันนะคะ ^_^ เพราะนอกจากจะอร่อยแล้ว ได้กินหลายเมนูในอาหารเซตเดียวแล้ว ก็ถือว่าเป็นการอนุรักษ์อาหารไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณอีกด้วยอ่ะค่ะ ^_^
จะว่าไป #ข้าวมันส้มตำ .... ตามที่พิมได้เคยอ่านประวัติมาเนี่ย เค้าบอกเอาไว้ว่าเป็นอาหารว่างในวังที่นิยมทำทานกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เลยนะคะ โดยใน 1 ชุดของข้าวมันส้มตำเนี่ย นอกจากจะมีข้าวมัน มีส้มตำไทยแล้ว ก็จะมีเนื้อผัดหวานฝอย (สมัยก่อนคนน่าจะนิยมกินเนื้อวัวมากกว่าหมูเน๊าะ) มีแกงเผ็ดไก่ใส่มะเขือ และถ้าให้ครบเครื่องก็จะมีน้ำพริกส้มมะขามอีกด้วยอ่ะค่ะ #แต่โดยปกติที่เห็นทั่วไปจะมี4อย่าง
ในส่วนของ #ข้าวมัน เนี่ย จะเป็นคนละอย่างกับข้าวมันที่เป็นข้าวมันไก่นะคะ ประมาณว่าเอามาใช้แทนกันไม่ได้น๊าาา เพราะข้าวมันที่ไว้กินส้มตำจะหุงด้วยกะทิ และปรุงรสให้มีความหวานเค็มนิดหน่อย ไท้เหมือนข้าวมันไก่ที่จะหุงข้าวด้วยน้ำมันไก่และน้ำซุปอ่ะค่ะ
ต่อมาในส่วนของ #ส้มตำ ที่เรียกได้ว่าเป็นส้มตำไทย ก็จะต่างจากส้มตำไทยในสมัยนี้ควรเลยนะคะ เพราะส้มตำที่ไว้กินกับข้าวมันส้มตำ จะเป็นการเอาเส้นมะละกอสับคลุกกับพริกกระเทียมโขลก และเคล้ากับน้ำปรุงรสที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ #อารมณ์คล้ายน้ำยำ แล้วค่อยไปคลุกกับกุ้งแห้งป่น มะนาวหั่นชิ้นอีกทีอ่ะค่ะ จะไม่มีการใส่กุ้งแห้งแบบเป็นตัว ๆ ไม่มีการใส่น้ำมะนาว ไม่ใส่ถั่วลิสง และที่สำคัญไม่ใส่มะเขือเทศ กับถั่วฝักยาวด้วยนะคะ
สำหรับ #เนื้อผัดหวานฝอย .... ก็จะเป็นการเอาเนื้อวัวไปต้มจนเปื่อยยุ่ย ทุบให้แตกหรือฉีกเป็นเส้นละเอียด แล้วเอาไปทอดให้เหลือง ก่อจะมาผัดรวมกับหอมแดงเจียวและน้ำตาลปี๊บปรุงรสหวานเค็มอ่ะค่ะ #แต่สมัยนี้จะนิยมกินเป็นหมูฝอยมากกว่า
ส่วน #แกงเผ็ดไก่ ... อันนี้ก็จะทำเหมือนแกงเผ็ดไก่ยุคปัจจุบันเลยนะคะ ไม่แตกต่าง คือเคี่ยวกะทิให้แตกมัน ใส่พริกแกงลงไปผัดจนสีสวย ใส่เนื้อไก่ลงไปผัด ตามด้วยหางกะทิ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ แล้วใส่มะเขือเปราะหรือมะเขือพวง พอสุกก็ใส่ใบมะกรูดฉีก โหระพา พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง รอเดือดอีกทีก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยอ่ะค่ะ
และอย่างสุดท้าย #น้ำพริกมะขามเปียก ... ก็จะเป็นการเอาพริกแห้งเม็ดใหญ่ หอมกระเทียมคั่ว กุ้งแห้งป่น เนื้อมะขามเปียก กะปิ น้ำตาลปี๊บ ตำรวมกันแบบไม่ต้องละเอียดมาก แล้วชิมให้ได้รสเปรี้ยวหวานเค็มนะคะ ^__^
ซึ่งในวันนี้เนี่ย พิมจะมาทำในส่วนของข้าวมัน ส้มตำ แกงไก่ และหมูหวานให้ได้ดูกันอ่ะค่ะ ซึ่งทุกอย่างที่พิมทำ พิมอ้างอิงตามที่เคยได้ทานสมัยเด็ก ๆ จากที่ได้สอบถามคุณยาย และจากตำราของพระองค์เจ้าเยาวภาฯ มานะคะ เพราะงั้นรับรองว่า รสชาติใกล้เคียงกับข้าวมันส้มตำในสมัยก่อนแน่นอน ........ เราไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยอ่ะค่ะ ^_^
***** เมนูนี้มีรูปเยอะมาก อาจโหลดช้านิดนะคะ *****
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "ข้าวมัน" ::
- ข้าวหอมมะลิเก่า 2 ถ้วย
- กะทิอัมพวา 1 + 1/2 ขวด
- น้ำเปล่า 1 +1/4 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทรป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ดอกอัญชันซ้อนแบบแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ หรือแบบสด 1 ถ้วย
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "แกงเผ็ดไก่" ::
- เนื้อสะโพกไก่หั่นเป็นชิ้นพอคำ 250 กรัม
- กะทิอัมพวา 1 ขวด
- น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย
- พริกแกงแดง 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทรป่น 1/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ช้อนชา
- มะเขือพวงเด็ดก้าน 1/2 ถ้วย
- ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
- ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
- พริกชี้ฟ้าเขียวแดง หั่นเฉียง อย่างละ 1/2 เม็ด
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "ส้มตำ" ::
- มะละกอดิบ สับ 2 ถ้วย
- พริกขี้หนูแห้ง 2 เม็ด
- กระเทียมไทย กลีบเล็ก แกะเปลือก 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียกคั้น 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้งป่น 1/4 ถ้วย
- มะนาวหั่นทั้งเปลือก เป็นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก 4-5 เม็ด ** ถ้าชอบเผ็ดก็ใส่ ไม่ชอบเผ็ดก็ไม่ต้องใส่ แต่ปกติไม่ใส่
:: ส่วนผสมอื่น ๆ ::
- หมูฝอยหวาน ดูวิธีทำได้ >> ที่นี่ <<
- ใบชะพลู ใบทองหลาง ไว้กินแกล้ม
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเราจะมาหุง #ข้าวมัน ก่อนเป็นอันดับแรกเน๊าะคะ ^_^ ซึ่งข้าวมันโดยปกติที่เค้าทำกันในสมัยก่อนเนี่ย จะเป็นข้าวมันที่หุงกับกะทิใส่น้ำตาลใส่เกลือเฉย ๆ พอหุงเสร็จก็จะออกมาเป็นข้าวมันสีขาวขุ่น ๆ อ่ะค่ะ แต่ว่าวันนี้เนี่ยพิมอยากให้ข้าวมันของพิมมีสีสันสวยงามเป็นสีฟ้าอมม่วงนิดนึง พิมก็เลยจะหุงข้าวมันใส่น้ำดอกอัญชันนะคะ เพราะงั้นเราก็มาเริ่มกันที่การทำน้ำดอกอัญชันเลยค่ะ
สำหรับดอกอัญชันเนี่ย ... เพื่อนๆ จะใช้เป็นอัญชันสดหรือแห้งก็ได้นะคะ เอาตามสะดวกเลย เพราะจริง ๆ ที่หน้าบ้านพิมก็มีต้นอัญชันซ้อนอยู่เถานึงค่ะ ปกติออกดอกเยอะมาก แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เถาเค้าเริ่มโรยรา #ปลูกมานานแล้ว ดอกก็เลยไม่ค่อยมี พิมก็เลยใช้เป็นดอกอัญชันแห้งแทนนะคะ ซึ่งดอกอัญชันแห้งเน่ี่ย ถ้าในไทยก็มีขายหลายที่เลยค่ะ ไม่ว่าจะตามซุปเปอร์มาร์เกต แมคโคร หรือตามร้านที่ขายของประเภทสมุนไพร ขีดนึงก็ราว ๆ 50 - 70 บาทได้นะคะ
เมื่อเราได้ดอกอัญชันแห้งหรือสดมาแล้ว ก็ให้เราเอาไปล้างน้ำเบา ๆ ให้สะอาดค่ะ #ล้างฝุ่งผงออก แล้วใส่ลงในหม้อใบเล็ก ๆ ตามด้วยน้ำสะอาดประมาณ 3/4 ถ้วย (แบ่งมาจากในสูตรข้าวมัน) จากนั้นนำไปตั้งเตาด้วยไฟกลางค่อนมาทางอ่อน รอให้น้ำเดือดสักแป๊บจนน้ำในหม้อกลายเป็นน้ำสีน้ำเงินเข้ม ก็ปิดไฟเตาได้เลย แล้วยกหม้อลง กรองเอาไว้แต่น้ำ #ได้ประมาณครึ่งถ้วยกว่าๆ ส่วนกากทิ้งไปนะคะ
พอได้น้ำดอกอัญชันแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการหุงข้าวค่ะ ...... ก็ให้เราเอาข้าวหอมมะลิที่ล้างน้ำสะอาดเรียบร้อยแล้ว เทใส่ลงในหม้อหุงข้าวนะคะ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น น้ำดอกอัญชัน น้ำเปล่าที่เหลือ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ #กะทิอัมพวา ค่ะ
** ปริมาณน้ำที่ใช้ในการหุง ต้องให้สัมพันธุ์กับข้าวที่เพื่อน ๆ ใช้ด้วยนะคะ .... สำหรับของพิมเนี่ย พิมอ้างอิงจากข้าวที่พิมใช้หุงกินอยู่ทุกวัน ซึ่งข้าวที่พิมหุงกินทุกวันเนี่ย ข้าว 2 ถ้วย จะใช้น้ำประมาณ 2 + 1/2 ถ้วย เพราะงั้นพิมก็เลยใส่กะทิอัมพวา 1 + 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย และน้ำดอกอัญชันอีก 1/2 ถ้วย รวมเป็น 2 + 1/2 ถ้วย อ่ะค่ะ
ใช้พายไม้หรือทัพพีคนส่วนผสมให้เข้ากัน
แล้วนำไปหุงเหมือนหุงข้าวปกติ เสร็จแล้วเราก็จะได้ข้าวมันอัญชันออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้ ...... ก็พักเอาไว้ก่อนนะคะ
ต่อมาเราก็จะมาทำแกงไก่กันต่อค่ะ ...... ซึ่งวิธีทำก็เหมือนแกงไก่ตามปกติเลย แต่ว่าความเผ็ดจะไม่เท่านะคะ ^_^
ก็ให้เราใส่กะทิอัมพวาลงในกระทะที่เราจะใช้แกง 1/2 ขวดค่ะ แล้วเอากระทะไปตั้งไฟ โดยใช้ไฟกลาง
รอให้กะทิเดือดสักแป๊บ กะว่าพอเห็นมันกะทิลอยหน้า ก็ใส่พริกแกงแดงที่เราเตรียมไว้ลงไปผัดนะคะ
พอพริกแกงส่งกลิ่นหอม และแตกมันเป็นสีสวย ก็ใส่เนื้อสะโพกไก่หั่นชิ้นลงไปผัดให้เข้ากันค่ะ #ใช้เนื้อส่วนอกไก่ก็ได้ แต่ส่วนสะโพกเหมาะกับแกงนี้มากกว่า
พอไก่เริ่มสุกนิด ๆ ก็ใส่กะทิอัมพวาอีก 1/4 ขวด + น้ำเปล่าลงไปนะคะ
แล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือป่น น้ำตาลปี๊บค่ะ #เกลือจะช่วยดึงรสชาติของแกงให้มีความเด่นชัดมากขึ้น
พอชิมรสได้ที่แล้ว ก็ใส่มะเขือพวงลงไปเลยนะคะ #นิยมใส่เป็นมะเขือพวงมากกว่ามะเขือเปราะ
และพอมะเขือพวงสุก ก็ใส่ใบมะกรูดฉีก ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าเขียวแดงซอยลงไป ตามด้วยกะทิอัมพวาที่เหลือ
คนพอให้เข้ากัน แล้วรอเดือดอีกครั้งก็ปิดไฟเตาได้เลยอ่ะค่า
ต่อมา ... เราก็จะมาทำเครื่องเคียงอย่างสุดท้ายของข้าวมันส้มตำกันต่อเลย นั่นก็คือ ส้มตำไทย นะคะ
เริ่มต้นด้วยการล้างมะละกอให้สะอาด ปอกเปลือก แล้วสับมะละกอไว้เป็นเส้นเล็ก ๆ #แนะนำให้สับนะคะจะได้อรรถรสเวลาเคี้ยวมากกว่าการใช้ที่ขูด ....... สับเสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนค่ะ
จากนั้นหยิบพริกขี้หนูแห้งที่เราเตรียมไว้ มาหั่นเป็นท่อนสั้นสัก 1 ซม. แล้วแช่น้ำธรรมดาไว้นะคะ
ระหว่างรอพริกแห้งนิ่ม ก็ให้เราผสมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียกรวมกันในหม้อใบเล็ก ๆ ค่ะ แล้วเอาไปตั้งไฟ คนเรื่อย ๆ จนละลาย ชิมรสให้ได้หวานนำ เปรี้ยวตาม เค็มพอกลมกล่อม ถ้าขาดรสอะไรไปก็เติมเพิ่มได้เลย #เพราะมะขามเปียกเราเปรี้ยวหวานไม่เท่ากันเน๊าะ ....... แล้วก็ยกลงพักไว้ให้เย็นนะคะ
พอพริกแห้งนิ่ม น้ำตาลที่เราเคี่ยวไว้เย็นสนิทดีแล้ว ก็ถึงเวลามาตำส้มตำล่ะค่ะ ..... ก็ให้เราหยิบครกมาใบนึง #แนะนำเป็นครกไม้หรือครกดินเผา ใส่พริกขี้หนูแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วกับกระเทียมลงในครก แล้วโขลกให้ละเอียดนะคะ #อย่าลืมบีบน้ำที่พริกออกให้แห้งก่อนหย่อนใส่ครกด้วยน๊า
พอพริกแห้งกับกระเทียมละเอียดดีแล้ว ก็ใส่มะละกอสับลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บที่เราเคี่ยวไว้ แล้วใช้สากกับทัพพีคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันแบบเบา ๆ อ่ะค่ะ #พยายามอย่าให้มะละกอช้ำ
พอเข้ากันดีแล้ว ก็ตักมะละกอและน้ำปรุงรสก้นครกใส่กาละมัง ใส่กุ้งแห้งป่นลงไปครึ่งนึง มะนาวครึ่งนึง ถ้าใครชอบเผ็ดหน่อย ก็ใส่พริกขี้หนูสวนบุบพอแตกลงไปอีกสัก 3-4 เม็ด แล้วเคล้าด้วยทัพพีให้เข้ากันอีกครั้ง ก็เป็นอันว่าเราได้ส้มตำไทยไว้สำหรับกินกับข้าวมันแล้วนะคะ #มะนาวกับกุ้งแห้งป่นอีกครึ่งที่เหลือเก็บไว้โรยหน้าตอนเสิร์ฟค่ะ
และสุดท้าย พอถึงเวลาทาน เราก็หาจานหรือถ้วยขนาดกลาง ๆ มาสัก 4 ใบ ตักข้าวมันดอกอัญชันใส่ในถ้วยแรก ตักแกงแกงใส่ในถ้วยที่สอง ตักหมูฝอยใส่ในถ้วยที่สาม และตักส้มตำใส่ในถ้วยที่สี่ #อย่าลืมโรยด้วยกุ้งแห้งป่นและมะนาวหั่นชิ้น เสิร์ฟพร้อมกับใบทองหลาง ใบชะพลู หรือถ้าหาไม่ได้ ก็ใบผักกาดหอม ....... แล้วเราก็จะได้อาหารชุดที่เรียกว่า #ข้าวมันส้มตำ ออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ
ซึ่งแม้เมนูนี้จะมีขั้นตอนที่เยอะ มีเครื่องเคียงที่ต้องทำหลากหลายอย่าง แต่พิมขอบอกเลยว่า ทำเสร็จออกมาแล้ว อร่อยคุ้มค่าแน่นอนอ่ะค่ะ ^_^
ยังไงลองไปทำทานกันดูน๊า ติดขัดตรงไหนก็มาถามกันได้ พิมจะช่วยตอบให้ทุกคำถามที่พิมตอบได้ ...... แล้วเจอกันใหม่ในเมนูถัดไป สวัสดีค่า ^_^