คุณสามีพิมเค้าเป็นคนสุราษฎร์นะคะ เกิดและเติบโตที่สุราษฎร์เลย จนกระทั่งได้มารู้จักกับพิม และแต่งงานกันนี่แหละ เค้าถึงได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แบบถาวรค่ะ
และในฐานะที่คุณสามีพิมเค้าเป็นคนสุราษฎร์ อาหารที่เค้าชอบมากก็เลยหนีไม่พ้นอาหารใต้ โดยเฉพาะขนมจีนน้ำยากะทิแบบใต้ๆ นี่แหละค่ะ ของชอบเค้าแบบสุดๆ ไปเลย ^_^ สมัยก่อนตอนเค้ายังอยู่บ้านที่สุราษฎร์ ก็จะมียายคอยทำให้กินเป็นประจำ ยายของคุณสามีเค้าเคยเปิดร้านอาหารอยู่ที่อำเภอบ้านส้องนะคะ เปิดมานานนับสิบปี ความอร่อยนี่เลื่องลือไปทั่วบ้านส้องในสมัยนั้นเลยค่ะ แต่พอมาระยะหลัง กำลังยายเริ่มไม่ค่อยดี แข้งขาก็ไม่ไหว คนช่วยถูกใจก็ไม่มี ยายเค้าก็เลยเลิกขายไปโดยปริยายนะคะ
ตอนแรกที่พิมเพิ่งรู้จักกับคุณสามี 10 กว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นพิมก็ไม่รู้นะคะว่าคุณสามีเค้ามียายที่ทำอาหารใต้ได้อร่อยมาก และคุณสามีเองก็ไม่รู้ค่ะว่าพิมชอบทำอาหาร จนกระทั่งพอได้คบกันเป็นเรื่องเป็นราว ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้ไปบ้านคุณสามีบ่อย ๆ ก็เลยได้รู้ว่านี่เราแต่งงานมาถูกครอบครัวแล้วอ่ะค่ะ อิอิ
เมนูเด่นๆ เด็ดๆ ที่ยายของคุณสามีพิมทำอร่อยมาก ก็หนีไม่พ้นน้ำยาใต้ คั่วกลิ้ง หมูผัดกะปิ แกงคั่วซ๊่โครงหมู คั่วเห็ดแครงพริกไทยดำ แกงเห็ดแครง อะไรประมาณนี้นะคะ ..... ซึ่งช่วงไหนที่พิมไปบ้านคุณสามี แล้วยายคุณสามีลงมือทำอาหารพวกนี้ พิมก็จะไปแอบๆ ดูอยู่เป็นประจำ แล้วพอกลับมากรุงเทพฯ ก็จะมาลองหัดทำดูอยู่เรื่อยๆ ค่ะ
ระหว่างหัดทำ พิมก็ให้คุณสามีนี่แหละค่ะเป็นหนูทดลองคอยชิม แล้วก็ให้เค้าคอยติว่า มันขาดเกินอะไรไปบ้างไหม เพราะคุณสามีพิมเค้ากินอาหารฝีมือยายฝีมือแม่เค้ามาตั้งแต่เด็ก ...... ซึ่งแต่ละเมนูพิมก็ฝึกทำอยู่หลายรอบมากค่ะ บางเมนูก็นับยี่สิบรอบได้ ถึงจะได้รสชาติที่คุณสามีเค้าว่าใช่ และพิมพอใจ และเมนูขนมจีนน้ำยากะทิใต้นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คุณสามีพิมเค้าคอนเฟิร์มล่ะค่ะว่าโอเค๊ แจ่ม ๆ ....... พิมก็เลยเอาสูตรมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ล่ะค่า ^_^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง "น้ำยากะทิใต้" ::
- ปลาน้ำดอกไม้ 800 กรัม
- พริกแกงกะทิใต้ 90 กรัม (หรือถ้าชอบเผ็ดกว่านี้ จะใส่มากกว่านี้ก็ได้)
- กะปิแกง 30 กรัม
- กะทิอัมพวา 3 กล่อง
- น้ำที่ได้จากการต้มปลา 3 ถ้วยตวง
- ส้มแขก 4 ชิ้น
- เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูด 5 ใบ
:: ส่วนผสมอื่นๆ ::
- ขนมจีน 2 โล
- ผักทานกับขนมจีน (ผักเหนาะ) เช่น ถั่วงอก , ผักกาดดอง, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, ยอดมะม่วงหิมพานต์, สะตอ, ผักดอง, ถั่วพู, ใบบัวบก, ยอดมันปู, ลูกเนียง, ยอดมะกอก, ยอดทำมัง, เม็ดกระถิน, ผักชีล้อม, แมงลัก, หัวไชโป๊หวานหั่นเป็นเส้น
- ไข่ต้ม
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเลย เรามาต้มปลาที่จะใช้ทำน้ำยากันก่อนนะคะ วิธีต้มปลาก็คืเอาน้ำเปล่าใส่หม้อประมาณสัก 1 ลิตร หรือ 4 ถ้วย แล้วนำไปตั้งไฟค่ะ พอน้ำเดือดก็ใส่ตะไคร้ 1 ต้น หั่นท่อนสั้น ทุบพอแตก กับใบมะกรูดฉีกๆ 4-5 ใบ (ไม่เกี่ยวกับในสูตร) ตามด้วยปลาน้ำดอกไม้ที่ขอดเกล็ด ควักไส้ และหั่นเป็นท่อนสั้นเรียบร้อยแล้ว ต้มประมาณ 7-8 นาทีหรือจนกระทั่งปลาสุก ก็ตักขึ้นพักไว้ให้หายร้อนนะคะ
หากไม่สะดวกต้ม จะใช้วิธีการนึ่งก็ได้อยู่ค่ะ
วิธีทดสอบว่าปลาสุกหรือยัง ก็ให้เอาส้อมจิ้มลงไปที่เนื้อปลานะคะ ถ้าจิ้มทะลุถึงกระดูกเลย แปลว่าสุกแล้วค่ะ
และพอปลาหายร้อนแล้ว ก็แกะเอาแต่เนื้อไว้ ส่วนหนังกับก้างและกระดูกปลา เราไม่เอาค่ะ ^_^
จากนั้นโขลกพริกแกงรวมกับกะปิให้เข้ากันดีนะคะ
แล้วใส่เนื้อปลาที่เมื่อกี้เราแกะไว้ลงไป โขลกให้เข้ากันดี จนไม่เห็นเนื้อปลาเป็นสีขาวๆ ก็ใช้ได้ล่ะค่ะ
ต่อมาก็เทกะทิอัมพวา และน้ำที่ได้จากการต้มปลา 3 ถ้วยตวง ลงในหม้อที่เราจะใช้ทำน้ำยานะคะ นำขึ้นตั้งบนเตาไฟ ใช้ไฟกลาง
น้ำที่ได้จากการต้มปลา ให้กรองเอาแต่น้ำ ส่วนที่เป็นตะไคร้ ใบมะกรูด หรือหนังปลาที่หลุดมาปนในน้ำ เราไม่เอานะคะ
พอกะทิเดือด ก็ตักปลาที่เราโขลกรวมกับพริกแกง ลงไปละลายในหม้อกะทิ แล้วก็คนให้เข้ากันดี ไม่ให้เนื้อปลาเป็นก้อนค่ะ ^_^
จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย และก็ส้มแขกอีกนิดนึงนะคะ
ชิมรสตามชอบ ให้ออกเค็มนำแต่ไม่มาก เผ็ดตามที่ชอบ และรสอื่นตามมาพอกลมกล่อม ที่สำคัญต้องข้น และมีความมันจากกะทิ น้ำยาเราถึงจะร่อยค่ะ ^_^ ....... และพอชิมรสได้ที่แล้วก็ใส่ใบมะกรูดฉีกๆ ไปซะ 4-5 ใบ คนๆ พอเข้ากัน ปิดฝาหม้อ แล้วก็ปิดไฟเตาได้เลยนะคะ
ความข้นของน้ำยาเกิดจากความฟูของเนื้อปลา หากเนื้อปลาฟูมาก น้ำยาก็จะข้นมากขึ้น ยังไงถ้าเพื่อนๆ ทำแล้ว รู้สึกว่าน้ำยาข้นเกินไปก็สามารถเติมกะทิ น้ำต้มปลาเพิ่มได้ค่ะ แต่ก็อย่าลืมเติมเครื่องปรุงรสอื่นๆ เพิ่มด้วยนะคะ
สุดท้ายพอถึงเวลาจะกิน เราก็จัดเสริฟเป็นเซตคู่กับขนมจีน ผักสด ผักดองแบบในภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ ^_^
แล้วเราก็จะได้น้ำยากะทิใต้อร่อย ๆ ที่มาพร้อมกับผักเหนาะนานาชนิด รับรองว่าเพื่อนๆ จะกินจนไม่อยากเลิกเลยค่า
ยังไงลองไปทำทานกันดูนะคะ แล้วพบกับพิมใหม่ในเมนูถัดไปจ้า ^_^