เคยไหมคะ ? ไปกินอาหารที่ร้าน ๆ นึง อาหารเค้าก็อร่อย วัตถุดิบที่ใช้ก็สดใหม่ พนักงานบริการดี ร้านสะอาด บรรยากาศก็น่านั่ง แต่ทำไมร้านกลับมีลูกค้าน้อยมากจนเราแอบใจหายแทนค่ะ
เมื่อปีที่แล้วพิมมีโอกาสได้ไปกินอาหารที่ร้านกุ้งทองซีฟู้ดที่อยู่แถวแยกเกษมราษฎร์ บนถนนพระราม 4 นะคะ (ห่างจากตลาดคลองเตย ประมาณ 1.3 กม.) แค่ครั้งแรกที่พิมได้ไปกิน บอกได้เลยว่าพิมชอบอาหารของที่นี่มากค่ะ อาหารของที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นการนำอาหารทะเลอย่างพวก ปลา กุ้ง หมึก ปู มาทำทำเป็นอาหารไทยอย่างฉู่ฉี่ ต้มยำ ผัดเผ็ด ราดพริก แกงส้ม ต้ม ตุ๋น หลน นึ่ง อบ ประมาณนี้นะคะ ซึ่งบอกเลยว่านอกจากวัตถุดิบทั้งหมดจะสดใหม่แล้ว รสชาติอาหารยังดีมากอีกด้วยค่ะ
และจากครั้งแรก มันก็มีครั้งที่ 2 3 4 ตามมา จนเมื่อหลายวันก่อนพิมก็ได้มีโอกาสไปกินที่ร้านนี้เป็นครั้งที่ 5 นะคะ แต่ว่าครั้งนี้มันมีอะไรบางอย่างที่แปลกออกไปจากครั้งก่อน ๆ เพราะตอนที่พิมไปถึงที่ร้านคือไม่มีลูกค้าเลย (ปกติจะเยอะมาก) จนพิมแอบนึกว่าร้านเค้ายังไม่เปิดซะด้วยซ้ำค่ะ พอได้คุยกับทางร้านเลยได้รู้ว่าตั้งแต่มีสถานการณ์โควิดเข้ามาเมื่อ ก.พ. จนถึงวันที่ร้านได้กลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อตอน มิ.ย. แม้ร้านเค้าจะทำทุกอย่างเหมือนเดิม แต่สถานการณ์ร้านมันกลับเป็นไปทางแย่ลงนะคะ
ด้วยความที่พิมชอบร้านนี้มาก บอกตามตรงว่าพิมกลัวร้านเค้าจะปิดตัวไปค่ะ วันนี้พิมก็เลยอยากจะมารีวิวร้านนี้อีกสักรอบ หลังจากที่เคยรีวิวครั้งแรกไปเมื่อต้นปีที่แล้วนะคะ พิมอยากจะให้หลายคนที่ชอบการกินอาหารไทยหรืออาหารทะเลตามร้านอาหาร ได้มีร้านดี ๆ ที่สามารถฝากท้องแบบไว้ใจได้อีกสักร้าน และที่สำคัญก็อยากให้ร้านเค้าได้มีโอกาสอยู่ต่อไปอีกนาน ๆ ด้วยค่ะ
และก่อนที่จะไปดูว่าวันนี้พิมมากินอะไรบ้าง เราก็มาดูเมนูของที่นี่กันแบบคร่าว ๆ ก่อนว่าเค้ามีอาหารแบบไหนบ้างนะคะ โดยที่นี่เค้าก็มีจะทำเมนูแยกตามประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เมนูปลามีอะไรบ้าง เมนูปูทะเล เมนูเนื้อปู เมนูปูนิ่ม เมนูจากกุ้งมีอะไรบ้าง ฯ ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งพิมว่ามันก็ทำให้เราหาของที่อยากกินง่ายดีนะคะ และแต่ละเมนูก็จะมีราคากำกับเอาไว้ ทำให้เรารู้ว่าถ้าเราอยากจะกินจานนี้ ๆ เราจะต้องจ่ายเท่าไหร่นะคะ
มาเริ่มกันที่เมนูแรก #ปลากะพงทอดราดพริกสูตรโบราณ ราคา 550 บาท... จานนี้ทางร้านเค้าจะเสิร์ฟปลามาเป็นตัวเลยนะคะ ถ้าพิมจำไม่ผิดเนี่ยจานมีความยาวประมาณ 1.5 ฟุต และปลากะพงหลังจากทอดเสร็จแล้วก็ตัวขนาดพอ ๆ กับจานเลยค่ะ
สำหรับจานนี้พิมชอบอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือปลาเค้าไม่ได้ทอดทิ้งเอาไว้ จะทอดเมื่อลูกค้าสั่ง เพราะงั้นรับประกันเรื่องความกรอบใหม่ ไม่มีกลิ่นน้ำมันเหม็นหืนให้รำคาญใจนะคะ ส่วนที่สองคือคือเครื่องแกงที่เค้าใช้เป็นเครื่องแกงแบบตำสดใหม่ เพราะงั้นจะมีความหอมของสมุนไพรเป็นพิเศษ ไม่เหมือนเครื่องแกงที่ตำทิ้งแล้วแช่ตู้เย็นเอาไว้นาน ๆ ค่ะ
สำหรับรสชาติ .. จานนี้รสชาติเค็มเผ็ดนำ เค็มแบบกลมกล่อม และเผ็ดแบบจัดจ้าน ไม่หวาน หอมกลิ่นสมุนไพรชัดเจน กินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมากนะคะ
ต่อมาจานที่ 2 และ 3 4 #ปูทะเลผัดต้นหอม #ปูทะเลผัดพริกขี้หนูสวน และ #หลนปูทะเล (จานละ 1,330 บาท) ... สามจานนี้ทางร้านเค้าจะใช้ปูทะเลเป็น ๆ ตัวใหญ่หนักตัวละเกือบ 1 กิโล มาทำอาหารให้เราค่ะ (1 ตัวต่อ 1 จาน) โดยปกติปูทะเลไซส์นี้ตามตลาดสดก็ราคากิโลละเป็นพันแล้ว เพราะนั้นถ้าใครสั่งสามจานนี้พิมว่าคุ้มมาก ได้กินปูแบบเน้น ๆ เลยนะคะ
ปูทะเลผัดต้นหอม ... จานนี้จะมีรสเผ็ดเค็มนำแบบกลมกล่อม และมีรสหวานแซมนิด ๆ หอมเครื่อง หอมพริก ส่วนเนื้อปูคือหวานหอมมากค่ะ
ปูทะเลผัดพริกขี้หนูสวน ... จานนี้รสชาติจะคล้าย ๆ ผัดกะเพราเพราะท๊อปปิ้งมาด้วยกะเพรากรอบ แต่ความเผ็ดร้อนเป็นคนละเรื่องกันเลย ส่วนเนื้อปูก็ไม่ต้องพูดถึงนะคะ คือสดใหม่จริง ๆ ค่ะ
หลนปูทะเล ... จานนี้ก็เป็นอีกจานที่พิมอยากแนะนำ สำหรับคนที่เป็นสายปูและชอบอาหารประเภทหลน ๆ นะคะ จานนี้เค้าจะเสิร์ฟหลนปูแบบกะทิข้นเป็นครีม มาพร้อมกับผักสดต่าง ๆ ไว้ให้เรากินคู่กับหลนค่ะ ซึ่งความหอมหวานของเนื้อปูบอกได้เลยว่าเข้ากับกะทิมาก ใครชอบอาหารแนวนี้อย่าลืมลองสั่งมาดูนะคะ
ต่อมาจานที่ 5 #สะตอผัดกุ้ง (270 บาท) ... หน้าตาดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บอกเลยว่ามาร้านนี้ทีไรพิมต้องสั่งจานนี้มากินทุกทีเลย บางทีก็ 2 จานซะด้วยซ้ำค่ะ จานนี้ทีเด็ดอยู่ตรงสะตอนะคะ สะตอของที่ร้านนี้พิมไม่แน่ใจว่าเค้าสั่งมาจากไหน แต่เป็นสะตอที่อร่อยมาก อร่อยล้านแปดเลยค่ะ สะตอทุกเม็ดจะมีความกรอบ หอม ที่สำคัญคือไม่เหม็นฉุน กินแล้วยังคงคุยกับเพื่อนรู้เรื่องนะคะ ส่วนรสชาติของจานนี้ก็จะออกเผ็ดนำมากนิดนึง (อาหารร้านนี้ ถ้าเมนูไหนมีรสเผ็ด ก็จะเผ็ดนำมาก แต่เป็นแบบเผ็ดมีเหตุผลค่ะ) ใครที่ไม่สู้กับความเผ็ด ถ้าสั่งเมนูนี้ อาจจะต้องบอกให้ทางร้านเค้าลดเผ็ดลงสักครึ่งค่ะ
จานที่ 6 #ฉู่ฉี่กุ้ง (300 กว่าบาท) ... เป็นอีกหนึ่งจานที่พิมอยากแนะนำนะคะ เพราะฉู่ฉี่กุ้งของที่นี่ไม่ค่อยเหมือนที่อื่น ทั้งประเภทกุ้งที่ใช้และรสชาติรวมถึงกลิ่นหอมของเครื่องแกงด้วยค่ะ ฉู่ฉี่ของที่นี่เค้าจะใช้กุ้งแชบ๊วยสด ๆ ที่ตัวโตประมาณนึงนะคะ หลังจากแกะเปลือกและทำน้ำแกงเรียบร้อย เค้าก็จะเอากุ้งมาใส่ในน้ำแกงฉู่ฉี่ และทิ้งไว้สักแป๊บ พอกุ้งสุกพอดี ๆ ก็ปิดไฟ ตักทุกอย่างใส่จานแล้วยกมาเสิร์ฟเลยค่ะ
ความอร่อยของฉู่ฉี่จานนี้อยู่ที่น้ำแกงฉู่ฉี่ที่มีรสเค็มเผ็ดหวานแบบกลมกล่อมแล้วก็หอมเครื่องแกงตามสไตล์ไทย ๆ นะคะ จะไม่เผ็ดโดดเหมือนที่อื่น ส่วนเนื้อกุ้ง..ด้วยความที่ใช้กุ้งสดและปรุงกุ้งให้สุกแบบพอดี ๆ กุ้งก็จะมีความเนื้อเด้ง หวานหอมตามธรรมชาติของกุ้ง เข้ากับน้ำแกงฉู่ฉี่ได้ดีเลยค่ะ
*** ในภาพ เหมือนกุ้งตัวนึงจะหายไปอยู่ในท้องใครสักคนแล้วนะคะ 555
จานที่ 7 มาร้านอาหารไทยจะขาดแกงส้มได้ยังไง วันนี้พิมกับเพื่อน ๆ เลยสั่ง #แกงส้มปลากะพงใส่ผักกระเฉด (290 บาท) มาชิมกันค่ะ ... แกงส้มของที่นี่เป็นแกงส้มแบบภาคกลาง ที่ปรุงรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก มีรสเผ็ดกลางๆ เปรี้ยวเค็มหวานกลมกล่อม สามารถตักน้ำมาซดได้สบาย ๆ ผักกระเฉดที่ใส่มาในแกง ที่ร้านทำได้ดี ไม่เหนียวนะคะ ส่วนปลากะพงก็มาแบบเนื้อล้วน ๆ ไม่มีก้างหรือกระดูกปลามาให้รำคาญใจเลยค่ะ
จานที่ 8 #กะเพรากุ้งแชบ๊วยใหญ่อบวุ้นเส้น (298 บาท) ... จานนี้พิมไม่รู้จะเรียกว่าอาหารจานเดียวหรือกับข้าวดี แต่มาทีไรก็ต้องสั่งทุกทีนะคะ จานนี้จะว่าไปให้อารมณ์เหมือนกินกุ้งอบวุ้นเส้น แต่ว่าตัวซอสเป็นซอสผัดกะเพรา รสชาติก็จะจัดจ้านนิดนึงแต่ไม่เผ็ดมาก หอมกลิ่นกะเพราชัดเจน วุ้นเส้นนุ่มเหนียว ส่วนกุ้งแชบ๊วยก็เนื้อเด้งหวานตามระเบียบค่ะ
*** สำหรับจานนี้พิมแอบคิดว่าถ้าทางร้านตัดหนวดให้ดูเรียบร้อยหน่อย ก็จะดีมากเลยนะคะ
จานที่ 9 #ไก่บ้านลืมเหนียว (345 บาท) ... ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าเมนูนี้เป็นเมนูใหม่ที่ทางร้านเพิ่งคิดขึ้นมาไม่นานค่ะ ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่รสชาติและรสสัมผัสของไก่ คือถ้าเราบอกว่าเป็นไก่บ้าน ทุกคนก็จะคิดว่ามันจะต้องเหนียวแน่นอนใช่ไหมคะ แต่เอาจริงแล้วคือไก่นุ่มและเปื่อยมาก เราแค่ใช้ตะเกียบคีบน่องไก่แล้วยกขึ้น (เหมือนอย่างในภาพ) น่องไก่ก็จะหลุดออกจากตัวไก่โดยไม่ต้องใช้แรงอะไรเลยค่ะ ซึ่งพิมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางร้านเค้าใช้วิธีไหนในการทำให้ไก่บ้านนุ่มได้ขนาดนีั ที่สำคัญคือยังคงเป็นตัวสวย หนังไก่ตึงด้วยนะคะ
ส่วนรสชาติ .. ด้วยความที่เป็นไก่บ้านอบน้ำผึ้ง ก็จะออกรสหวานนำนิด ๆ แล้วก็ตามด้วยรสเค็มเบา ๆ ค่ะ สำหรับใครที่ชอบความเผ็ดความแซ่บ ก็สามารถกินคู่กับแจ่วและหอมเจียวกรอบ ๆ ที่ทางร้านเค้าเตรียมไว้ให้ได้ด้วยนะคะ
จานสุดท้ายสำหรับของคาว จานที่ 10 #กุ้งแม่น้ำทอดเกลือสูตรโบราณ (695 บาท) ... จานนี้จะมีกุ้งมา 2 ตัวนะคะ เป็นกุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่ประมาณนึง ใครที่ชอบเมนูกุ้งแม่น้ำทอดเกลือที่ร้านกุ่ยหมง ร้านแม่บ๊วยที่สุพรรณ พิมอยากให้มาลองที่ร้านนี้ แม้ว่ากุ้งจะตัวเล็กกว่า (และราคาเบากว่าเกินครึ่ง) แต่บอกเลยว่าไม่ผิดหวังนะคะ
รสชาติของกุ้งและซอสที่อยู่ในจานจะออกเค็ม ๆ มัน ๆ และหอมมันกุ้งค่ะ วิธีกินให้อร่อยก็คือฉีกเนื้อกุ้งวางลงบนข้าวสักส่วนนึง ตักซอสมันกุ้งที่อยู่ในจานราดลงไป ตามด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดตามชอบ แล้วก็ตักทุกอย่างเข้าปากแบบคำใหญ่ๆ รับรองเลยว่างานนี้คำที่สองสามสี่ห้าจะตามมาแบบรวดเร็วเลยนะคะ ^_^
อ้อ ๆ .. พิมเกือบลืมว่ามีจานที่ 11 ด้วย ก็คือ "เนื้อปูผัดพริกเหลือง" นะคะ แต่ที่พิมจำจานนี้ไม่ได้ เพราะว่าพิมเห็นคนอื่นสั่งแต่พิมไม่ได้กินค่ะ T__T เพราะงั้นจานนี้พิมไม่ขอ comment นะ แต่ถ้านับจากที่เคยสั่งกินเมื่อครั้งก่อน ๆ บอกเลยว่า ควรสั่งอยู่ค่ะ
เมื่อจบของคาวแล้ว ก็ตบท้ายกันด้วยของหวานสักหน่อยกับ #ไอติมกะทิ (50 บาท) และ #ข้าวเหนียวมะม่วงจานใหญ่ (400 บาท) นะคะ ... สำหรับข้าวเหนียวมะม่วงก็อร่อยตามมาตรฐานค่ะ แต่ถ้าให้พิมแนะนำต้องนี่เลย #ไอติมกะทิ .. เรียกได้ว่าอร่อยมาก ถ้วยละ 50 ก็จริง แต่พิมสามารถสั่งมากินได้ทีละ 2 ถ้วยเลยนะคะ
ถึงตรงนี้ .. พิมก็อยากจะบอกว่า สำหรับใครที่ชอบอาหารไทยหรืออาหารทะเลแนว ๆ นี้ ก็อยากให้ได้ไปลองกินอาหารที่ร้านนี้กันดูนะคะ พิมอาจจะไม่ใช่คนที่เก่งในเรื่องของการรีวิวร้านอาหาร แต่ถ้าร้านไหนที่พิมไปกินแล้วมันอร่อยจริง พิมก็อยากให้ร้านเค้าอยู่ไปนาน ๆ ค่ะ ยังไงพิมฝากร้านนี้ด้วย ขอบคุณนะคะ ^_^
ชื่อร้าน :: กุ้งทอง ซีฟู้ด (Kungthong Seafood)
เบอร์โทร :: 098 286 9180
เพจร้าน :: www.facebook.com/Kungthong7777/
วันเปิดปิด :: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 11 โมงเช้าไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่งค่ะ
คำแนะนำ :: อาหารร้านนี้บางอย่างค่อนข้างราคาสูง แต่ไม่แพง เพราะมาในปริมาณที่เยอะและใหญ่ เช่น ปลาทอดตัวละโลกว่า ปูทะเลตัวละเกือบกิโล เพราะงั้นถ้ามากินไม่ควรมาคนเดียว คนชวนเพื่อน ๆ มาด้วยค่ะ ^_^