ถ้ามีใครสักคนถามพิมว่า ... หากจะต้องไปกินข้าวนอกบ้านที่เป็นร้านอาหารไทย พิมจะนึกถึงร้านไหนก่อนเป็นอันดับแรก ขอตอบว่ามีหลายร้านเลย และหนึ่งในนั้นจะต้องมี "ร้านข้าวมะลิ" อยู่ด้วยค่ะ
"ร้านข้าวมะลิ" เป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่พิมเพิ่งมีโอกาสได้รู้จักเมื่อไม่นานมานี้นะคะ ตอนแรกที่ได้ยินชื่อก็รู้สึกไม่คุ้นเลยเพราะว่าเค้าเพิ่งเปิดร้านไม่นาน แต่หลังจากที่ได้ลองไปชิมมา อยากบอกว่าเป็นร้านที่ทำอาหารไทยได้รสชาติกลมกล่อมมาก ไม่หวานจัด ไม่เค็มจัด ไม่เผ็ดจัด ออกนัว ๆ นวล ๆ คล้ายกับรสชาติของอาหารไทยตำรับชาววัง แต่เป็นแบบที่เราทุกคนเข้าถึงได้เลยค่ะ และที่สำคัญเค้าจัดจานมาสวยมากทุกจาน คือเห็นแล้วรับรู้ได้เลยถึงความใส่ใจ ความตั้งใจ วันนี้พิมเลยอยากจะมาแนะนำร้านนี้ให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน เผื่อว่าใครจะชอบอาหารไทยสไตล์นี้เหมือนพิมนะคะ 😊
ร้านข้าวมะลิ ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน ติดโรงพยาบาลเปาโลพหลโยธินค่ะ การเดินทางมาที่ร้านนี้บอกเลยว่าสะดวกสุด ๆ ถ้ามาด้วยรถไฟฟ้า ก็ให้ลงรถไฟฟ้าที่สถานีสะพานควาย ใช้ทางออกที่ 2 แล้วเดินมาประมาณ 100 เมตรนะคะ ถ้านั่งแท๊กซี่มา ก็ลงรถได้ที่หน้าร้านเลย หรือถ้าใครขับรถมาก็เอารถไปจอดได้ที่บิ๊กซีสะพานควาย (ค่าจอด 3 ชม. 10 บาท) เดินย้อนกลับมานิดนึงค่ะ 😊😊
บรรยากาศภายในร้านก็จะออกแนวสบาย ๆ โล่ง ๆ กว้าง ๆ มีความคล้ายคาเฟ่ แต่จริง ๆ คือร้านอาหารไทยนะคะ 😊😊
สำหรับเมนูของทางร้าน ก็จะมีทั้งอาหารว่าง อาหารจานหลัก อาหารจานเดียว มีทั้งกับข้าว ขนมหวาน และก็เครื่องดื่มค่ะ ราคาก็จะเริ่มตั้งแต่จานละร้อยกว่าบาท อาจจะรู้สึกว่าราคาสูงกว่าร้านอื่นๆ แต่เมื่อดูจากทำเลที่อยู่กลางใจเมือง ดูจากวัตถุดิบที่เค้านำมาใช้ ดูจากกับความพิถีพิถัน ความละเมียดละไมในขั้นตอนการทำ การจัดเสิร์ฟ รวมถึงรสชาติของอาหาร บอกเลยว่าไม่แพงนะคะ
สำหรับวันนี้ อาหารที่พิมอยากกินก็มีหลายอย่างเลยค่ะ แต่ระหว่างรออาหาร พิมก็ขอสั่งชาเขียวเย็นมากินก่อน เป็นเครื่องดื่มที่ทางร้านแนะนำ กลิ่นชาเขียวชัดเจนมาก หอม แต่ไม่ขม มัน ๆ นม ที่สำคัญหวานน้อย ถูกใจคนไม่ชอบกินหวานอย่างพิมนะคะ ส่วนใครที่ชอบหวานก็อาจจะบอกให้เค้าเพิ่มความหวานอีกนิดก็ได้ค่ะ
และแล้วจานแรกก็มา "หมี่กรอบทรงเครื่อง" เป็นเมนูฮฺิตของที่ร้านเลย ประมาณว่าใครมาก็มักจะสั่งนะคะ หมี่กรอบของที่นี่ตัวเส้นหมี่กรอบเบาฟูมาก ๆ ไม่แข็งกระด้างเลย คลุกซอสสามรสมาแบบพอดี ๆ ไม่แห้งไป ไม่แฉะไป ที่สำคัญหอมกลิ่นส้มซ่ามาก ๆ มีรสกระเทียมดองเบา ๆ ออกหวาน เปรี้ยว อร่อยเลยค่ะ แต่ถ้ามาเสริ์ฟถึงโต๊ะแล้วต้องรีบกินนิดนึง เพราะถ้าทิ้งไว้นาน หมี่จะนิ่ม ไม่อร่อยเหมือนตอนเสิร์ฟมาใหม่ ๆ นะคะ
เมนูนี้ถ้าใครสั่งกลับบ้าน เค้าจะแยกหมี่กรอบกับซอสไปให้ พอถึงบ้านเราก็จับสองอย่างมาคลุกรวมกัน ก็จะอร่อยได้เหมือนกินที่ร้านเลยค่ะ
จานที่สอง "ข้าวตังหน้าตั้ง" อันนี้เป็นเมนูที่พิมชอบทำและชอบกินมาก ปกติไม่เคยสั่งของร้านไหนมากินเลย แต่วันนี้ลองสั่งของที่นี่มาดูนะคะ
ตัวข้าวตังที่ร้านทอดมาได้ดี กรอบเบาทั่วกันทั้งแผ่น ไม่ด้าน ส่วนตัวหน้าตั้งก็ไม่ข้นไปไม่เหลวไป เวลากินก็ตักตัวหน้าตั้งวางบนแผ่นข้าวตัง รสชาติออกเค็มหวานมัน หอมเครื่อง หอมกลิ่นกะทิชัดเจน เป็นเมนูที่คุณสามีพิมชมแล้วชมอีกเลยค่ะ 😊
จานที่สาม "ส้มตำไทยไข่เคียง" จานนี้ตอนแรกพิมมีความรู้สึกว่ามันธรรมดามาก ๆ แต่ก็อยากลองสั่งมากินนะคะ และพอได้กินแล้วก็รู้สึกว่ามันดีเลยค่ะ
พิมชอบตรงที่เค้ามีความพิถีพิถันตั้งแต่เรื่องเส้นมะละกอ เค้าเลือกใช้มะละกอแบบเนื้อกรอบ เวลาตำออกมาแล้วจะไม่แหยะนะคะ มะละกอที่เค้าสับมาก็เป็นเส้นที่มีความยาวและหนาบางพอ ๆ กัน ทำให้เวลาเคี้ยวในแต่ละคำได้อรรถรสเหมือน ๆ กันค่ะ มะเขือเทศที่เค้าเลือกใช้ก็เป็นมะเขือส้มที่สุกกำลังดีให้รสอมเปรี้ยวอมหวาน เข้ากับส้มตำแบบนี้นะคะ ส่วนเครื่องพวกถั่ว-กุ้งแห้ง ก็ใส่มาจัดเต็มมาก ไม่ว่าจะตักตรงไหนก็มีเครื่องแยะแยะไปหมดเลยค่ะ ส่วนรสชาติก็ออกหวานเปรี้ยว จัดจ้านครบรสตำไทย กินกับเส้นหมี่ลวก ไข่ต้ม เข้ากันดีนะคะ
เป็นอีกจานที่ถ้าใครมาร้านนี้และชอบกินตำไทย แนะนำให้สั่งเลย ไม่ผิดหวังค่ะ
จานที่สี่ "ข้าวคลุกกะปิ" .. มาที่อาหารจานหลักกันบ้าง จานนี้เป็นของพิมนะคะ บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในอาหารจานโปรดที่ถ้าไปร้านไหนแล้วเค้ามีขาย จะต้องสั่งมากินตลอดเลยค่ะ 😄😄
ข้าวคลุกกะปิของที่นี่ ตัวข้าวเค้าจะใช้ข้าวหอมมะลิ หุงด้วยวิธีพิเศษที่ทำให้เม็ดข้าวออกมาเป็นเม็ดสวย แต่ยังคงความนุ่มหอมนะคะ พิมลองกินเฉพาะตัวข้าว ได้กลิ่นกะปิเบา ๆ และรสเค็มไม่มากค่ะ ส่วนเครื่องเคียงก็มีกุ้งแห้งทอดที่กรอบมาก ๆ หมูหวานที่อยู่ในผอบอีกที มีไข่เจียวฝอย แฮมฮั่นแสน หอมแดงซอย ถั่วพูซอย ยอดชะอมอ่อน ๆ มะม่วงซอย พริกแดงจินดาซอย มะนาวหั่นซีก กุ้งทอด และน้ำซุปนะคะ
ความพิเศษของข้าวคลุกกะปิของที่นี่ นอกจากวัตถุดิบทุกอย่างจะถูกเลือกสรรมาอย่างดีแล้ว ตัวหมูหวานของเค้าคือนุ่มมากกก ซึ่งทางร้านเล่าให้ฟังว่า ใช้เวลาเคี่ยวถึง 3 ชม. แถมในระหว่างที่เคี่ยวก็จะมีการใส่มะตูมแห้งเผาไฟลงไปด้วย ทำให้ได้หมูหวานที่มีกลิ่นและรสพิเศษไม่เหมือนใคร ที่สำคัญคือเข้ากับข้าวคลุกกะปิได้เป็นอย่างนี้เลยค่ะ
จานที่ห้า "ข้าวหน้าหมูสามเกลอ + ไข่ดาว" ของคุณสามีพิมนะคะ
จานนี้ถึงจะชื่อว่าข้าวหน้าหมูสามเกลอ แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกินข้าวหมูกระเทียมค่ะ แต่เป็นข้าวหมูกระเทียมที่หมูนุ่มมาก แล้วก็หอมสามเกลอสุดๆ รสชาติเค็มนำ แต่ไม่จัด หวานตามปลาย ๆ ... เวลากินพิมแนะนำให้เอาหมูคลุกรวมกับข้าว แล้วตักพริกในน้ำปลาโรยลงไป คลุกให้เข้ากันอีกที ค่อยกิน ... บอกเลยว่าฟินสุด ๆ นะคะ 😄😄
เมนูนี้เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินอร่อย ใครไม่กินเผ็ดหรือไม่ชอบกระเทียมก็กินได้ เพราะรสกระเทียมไม่ชัด ไม่เผ็ดพริกไทยค่ะ 😄
จานที่หก "ไก่ผัดลูกสำรอง" .. มีจานหลักแล้วก็ต้องมีกับข้าวเน๊าะคะ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทางร้านแนะนำ บอกว่าเด็ดและดีต่อสุขภาพมากค่ะ 😄😄
ต้องบอกอย่างงี้ก่อนค่ะว่า ลูกสำรองมีอีกชื่อนึงก็คือลูกพุงทลาย ถือเป็นหนึ่งในสมุนไพรไทยที่ช่วยล้างไขมันในลำไส้ และช่วยเรื่องระบบขับถ่ายนะคะ ลูกสำรองจะมีลักษณะผลเป็นทรงรีขนาดประมาณนิ้วโป้ง #เป็นผลของไม้ป่า ส่วนที่นำมาใช้ก็คือเยื่อหุ้มด้านในเมล็ดแก่ค่ะ ซึ่งเมื่อเอามาแช่น้ำแล้วจะพองตัวหลายเท่า และมีความนุ่ม ลื่น ความเด้งดึ๋ง ๆ คล้ายวุ้นผสมเยลลี่ ซึ่งหลาย ๆ คนเรียกส่วนนี้ว่า "เนื้อสำรอง" นะคะ เมื่อสัก 6-7 ปีก่อนถ้าเพื่อนๆ พอจะจำกันได้ ก็มีหลายคนอาเนื้อสำรองมาทำเป็นน้ำสำรองขายจนฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองพักใหญ่เลยค่ะ
ลูกสำรองนอกจากจะมีวิตามินบี 1 บี 2 และแคลเซียมสูงแล้ว ก็ยังมีสรรพคุณช่วยในการระบาย ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ลดไขมันในเลือด ในลำไส้ และช่วยป้องกันเบาหวานด้วยนะคะ
สำหรับไก่ผัดลูกสำรองของที่นี่ก็จะออกรสเค็มนิด ๆ หวานปลาย แล้วก็มีความลื่น ๆ จากเนื้อลูกสำรอง ถ้าถามพิมว่ากินแล้วรู้สึกเหมือนกินอะไร ก็น่าจะคล้าย ๆ กินไก่ผัดต้นหอม ไก่ผัดหอมใหญ่ เป็นอาหารจานผัดที่รสชาติที่เข้าใจง่ายและกินง่ายค่ะ
จานที่เจ็ด "แกงเนื้อพริกขี้หนู" ... ปกติแล้วพิมจะเคยชินกับแกงเขียวหวานเนื้อพริกขี้หนูมากกว่า แต่วันนี้ที่ร้านเค้ามีเป็นแกงแดงก็เลยอยากลองดูนะคะ 😄
แกงเนื้อของที่นี่หอมเครื่องแกง และมีกลิ่นเครื่องเทศชัดเจน แต่ว่ากลิ่นไม่แรงค่ะ ออกนัว ๆ นวล ๆ ส่วนรสชาติก็จะกลม ๆ ไม่เผ็ดจัด ไม่เค็มจัด ไม่หวานมาก ออกแนวละมุน ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินแกงแบบตำรับชาววังนะคะ 😊 ส่วนเนื้อที่ใช้เป็นเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย เนื้อค่อนข้างนุ่มมาก แทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยวเลยค่ะ แต่อาจจะเพราะว่าพิมเป็นคนที่ชอบกินอาหารรสจัด เวลาเอาแกงไปราดข้าวก็เลยจะรู้สึกว่ารสมันเบาไปหน่อย เลยต้องเหยาะน้ำปลาพริกเพิ่มไปนิดนึง ฟิน ๆ เลยค่า
และนี่ก็เป็นภาพอาหารทั้งหมดที่พิมกับคุณสามีกินไปในวันนี้นะคะ .. บอกเลยกินตอนเที่ยงเมื่อวาน อิ่มจนถึงเที่ยงวันนี้เลยค่ะ 🤣
เกือบลืม .. ร้านข้าวมะลิเค้าเปิดขายทุกวันนะคะ ในส่วนของกาแฟและเครื่องดื่ม เปิดตั้งแต่ 07.00 - 21.00 น. ส่วนร้านข้าว เปิดตั้งแต่ 10.30 น. - 21.00 น. ค่ะ
web :: www.khaomali.com
FB :: khaomali
IG :: khaomali.th
Line :: @khaomali
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองชิมอาหารไทย ๆ จากร้านข้าวมะลิ แต่ยังไม่สะดวกไปกินที่ร้าน ก็สามารถสั่งผ่าน app ตามรายละเอียดข้างล่างนี้ได้เลยจ้า
Grap Food :: https://bit.ly/3oGJDub
Lineman :: https://bit.ly/3oJoLSR
Robinhood :: https://bit.ly/3vuJmhC
โทร :: 098 909 3989
พิกัดร้าน :: https://maps.app.goo.gl/RdsBYH1N9V8Pdw1LA