วันนี้พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปกินเนื้อย่าง SUMI SUMI ที่ออกรายการ SME ตีแตกเมื่อราว 2 เดือนก่อนค่ะ
... สืบเนื่องจากว่าเมื่อราว 2 เดือนก่อน (ประมาณนี้แหละค่ะ พิมจำวันแน่นอนไม่ได้) พิมได้ดูรายการ sme ตีแตกตอนนึงที่เค้าเอาร้านเนื้อย่างแบบบุฟเฟท์ SUMI SUMI มาออกรายการ ..... ด้วยความที่พิมกับแคช (ฝาละมี) และเพื่อน ๆ แคช เป็นคนชอบกินเนื้อย่างกันมาก เลยให้ความสนใจตอนนี้เป็นพิเศษ ....... แล้วในรายการเนี่ย เจ้าของร้านเค้าได้เอาเนื้อ import จากออสเตรเลียที่มีขาย (ในบุฟเฟท์ 699-) ในร้านมาโชว์ ซึ่งเป็นเนื้อวัววากิวจากออสเตรเลีย ที่มีมาร์เบิ้ลสกอร์ระดับ 5-6 (ในออสเตรเลีย มีการจัดระดับมาร์เบิ้ลสกอร์ไว้ที่ 9 ระดับ) ... ปรากฎว่าแค่พิม แคช เพื่อน ๆ แคชเห็นภาพจากในจอทีวี น้ำลายก็จะไหลกันแล้วค่ะ แบบว่ามันน่ากินมากจริง ๆ อ่ะค่ะ เนื้อนี้ลายสวยมากๆๆๆๆ...... แต่ด้วยความที่มันค่อนข้างราคาต่อหัวสูงกว่าร้านเนื้อย่างแบบบุฟเฟท์ร้านอื่นๆ เกือบเท่านึ่ง พิมกับแคชก็เลยคิดว่า อือ...อ ไว้มีโอกาส ค่อยไปล่ะกัน
และแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ... พิมกับแคชกับเพื่อนๆ แคชอีก 6 รวมเป็น 8 คน ก็ได้นัดกันว่าจะไปกินเนื้อย่างที่ร้าน sumisumi กันเนี่ยแหละค่ะ .... ซึ่งจริง ๆ ร้านเค้ามีทั้งแบบบุฟเฟท์เนื้อไทย 399- และแบบบุฟเฟท์เนื้อวากิว 699- ให้เลือกกินนะคะ แต่ด้วยความที่เราทั้งหมดคิดว่าไหน ๆ ไปแล้วทั้งที ก็กินเนื้อดี ๆ กันเลยล่ะกัน แบบว่าอยากรู้ว่ามันจะต่างจากเนื้อไทยตรงไหน ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปกินกันแบบ 699- ล่ะค่ะ (ไป 8 คน ก็เกือบ 6 พันอ่ะนะ >_<")
.. และก็นี่ค่ะ หน้าร้าน sumisumi ที่เราเห็นตอนเราไปถึง
ป.ล. ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 .. พอเลี้ยวรถเข้าซอยมาแล้วประมาณ 20 เมตร ร้านจะอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งให้เราขับเลยไปก่อน ไปจอดรถที่ๆ จอดรถของเอ็มโพเรียมนะคะ แล้วก็ค่อยเดินมาที่ร้าน .. เพราะว่าที่ร้านเค้าไม่มีที่จอดรถอ่ะค่ะ
ร้าน sumisumi เนี่ย ตั้งอยู่ที่ตึกเทอร์มินอลค่ะ ... ซึ่งพอเราเข้ามาที่ในตึกเทอร์มินอลแล้วเนี่ย (ทางเดินกว้างประมาณ 1.5 เมตร) ให้เราเดินตรงเข้ามาทางด้านในจนถึงทางสามแยกเลยนะคะ ... ซึ่งพอถึงทางสามแยก เราก็จะเห็นป้ายนี้ตั้งอยู่ ซึ่งป้ายนี้เองแหละค่ะที่บ่งบอกเราว่า ร้าน sumi sumi ตั้งอยู่บนชั้น 1 ของอาคารนี้นะคะ
ก็ให้เราเดินขึ้นบันได (ตรงสามแยกที่เราเห็นป้ายเมื่อกี้แหละค่ะ) มาที่ชั้น 1 ค่ะ ... แล้วพอถึงชั้น 1 ก็เลี้ยวขวา พอเลี้ยวขวาแล้วเราก็จะเห็นซอยเล็กๆ แบบนี้ ซึ่งจะมีร้านอาหาร 2 ร้านตั้งอยู่คนละฝั่ง และร้าน SUMI SUMi จะตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือนะคะ .. ก็ให้เราเปิดประตูเข้าไปเลยค่ะ
ซึ่งพอเปิดประตูเข้าไปแล้ว ... ก็จะเจอกับโต๊ะของพนักงานต้อนรับ น้องเค้าก็จะถามเราว่า จองไว้ไหม มากันกี่คน อะไรทำนองนี้อ่ะค่ะ ซึ่งของพิมในวันนี้เนี่ย เพื่อนแคชได้เป็นคนโทรไปจองไว้ก่อนตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้วค่ะ (กลัวไม่ได้กินจัด หุหุ) ดังนั้นพอไปถึงก็เลยบอกเค้าไปว่า จองไว้แล้ว ชื่อนี้ๆๆๆ .. แล้วน้องพนักงานเค้าก็จะพาเราไปที่โต๊ะที่เค้าทำการจองไว้ให้น่ะค่ะ
และก็นี่ค่ะ ... โต๊ะของพิมกับเพื่อน ๆ ^__^
ป.ล. ในร้านจะค่อนข้างแออัด ทางเดินก็แคบไปหน่อยค่ะ เรียกว่าหากมี 2 โต๊ะติดกัน แล้วต่างฝ่ายต่างนั่งเต็มที่ ก็แทบจะไม่มีทางเดินเลยค่ะ
และพอไปนั่งที่โต๊ะแล้ว น้องพนักงานเค้าก็จะเอารายการอาหารมาให้เราดูค่ะว่า เราสามารถจะสั่งอะไรได้บ้าง .. ซึ่งถ้าใครเลือกกินแบบบุฟเฟท์ 399 บ. ก็จะสั่งได้ทั้งหมดที่อยู่ในหน้านี้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดกระเทียม ข้าวสวย มิโซะ กิมจิ สลัด เนื้อ (ในประเทศ) หมู กุ้ง แซลมอน กะพง หมึก ...
แต่ถ้าใครเลือกกินแบบ 699 บ. ก็จะสามารถสั่งเนื้อวัววากิว เนื้อออสเตรเลีย ซี่โครงเนื้ออสเตรเลีย หอยเชลล์ และก็เนื้อแกะ import จากที่เห็นในภาพนี้ได้ด้วยค่ะ .... ส่วนใครที่อยากกินเนื้อเทพ ๆ อย่างเนื้อมัตซึซากะ เนื้อโกเบ ก็มีให้สั่งเป็นแบบ A La Carte หรือสั่งนอกบุฟเฟท์ด้วยนะคะ
ซึ่งพอเราได้เมนูกันมาแล้ว .... (โต๊ะพิมไป 8 คน เค้าให้เมนูมา 2 แผ่นเองค่ะ) .. เพื่อนในโต๊ะพิมก็ทำการสั่งๆๆๆๆๆๆ กันใหญ่เลยค่ะ กะว่างานนี้อร่อยแน่นอนอ่ะ (พิมไม่ได้สั่งอะไรเลยค่ะ เมนูไม่ตกถึงมือ ฮือๆ >_<") ... และระหว่างที่เพื่อนพิมสั่งๆๆๆ น้องพนักงานเค้าก็เอาน้ำชาเขียวมาเสริฟค่ะ (ชาเขียวกับน้ำเปล่านี่รวมในบุฟเฟท์แล้วนะคะ)
หลังจากกินชาเขียวไป 3 อึก .... แล้วพิมก็เริ่มสอดส่ายตาดูของบนโต๊ะว่ามีอะไรบ้าง ก็พบว่าร้านนี้มีน้ำจิ้มให้เลือกจิ้ม 3 แบบด้วยกันนะคะ (ในภาพถ่ายมาแค่ 2 อ่ะค่ะ อีกขวดมาทีหลัง)
ซึ่งก็คือน้ำจิ้มแบบญี่ปุ่น แบบที่ร้านเค้าเรียกว่าแจ่ว และก็แบบทะเล ... รสชาติโดยรวมก็จะเป็นแบบกลาง ๆ เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดีค่ะ
และหากใครชอบกระเทียมเยอะๆ (แบบพิม) และชอบให้มีรสชาติเผ็ดหน่อย ทางร้านเค้าก็มีพริกกับกระเทียมเตรียมไว้ให้ด้วยนะคะ
ระหว่างที่พิมกำลังสนใจกับน้ำจิ้มอยู่อย่างเรื่อยเปื่อย ... น้องพนักงานคนนึงเค้าก็เอาเตากับตะแกรงมาวางให้ค่ะ (โต๊ะพิมไปกัน 8 คน ก็เตาให้ 3 เตาค่ะ)
แล้วจากนั้น ......... เนื้อสัตว์ และอาหารต่างๆ ที่เราสั่งไปก็เริ่มทยอยมาค่ะ ... ไม่ว่าจะเป็น "หมึก"
"แซลมอน" ... (ขอบอกว่า สีของแซลมอน ถูกใจพิมและคนทั้งโต๊ะมากๆ เลยค่ะ)
"เนื้อวากิว ที่ import มาจากออสเตรเลีย" ..... และอีกหลายๆ เนื้อ ^^
ตามด้วยหอยเชลล์ ..... (ราดซอสอะไรสักอย่างมาด้วย รสชาติคล้ายมายองเนส)
.... กุ้งแม่น้ำ (สดมากๆ ค่ะ เนื้อดึ๋งๆ เลย)
"ซี่โครงหมูหมักซอส" ...... ที่หลายเสียงในเนตบอกว่าไปแล้วต้องสั่งกินให้ได้
ส่วนจานนี้ ....... "ซี่โครงเนื้อออสเตรเลีย"
จานนี้ก็ "หมูสไลซ์"
แล้วก็มีมิโซะซุป
ข้าวผัดกระเทียม
แถมท้ายด้วยผักกาดหอมอีกชามนึงค่ะ
และแล้ว ... เมื่อเนื้อพร้อม กุ้งพร้อม ปลาพร้อม เตาย่างพร้อม คนก็หิวมากกกกกกกก ... เพราะงั้นแล้วก็มาลงมือย่างกันเลยดีกว่าค่ะ (ไม่รอช้าแล้วอ่ะ แขวนท้องตั้งแต่เที่ยง มากินตอนทุ่มนึง >_<")
แต่ .... อยากจะบอกว่า ความหวังที่จะมากินเนื้อย่างและอาหารที่นี่ให้อร่อย มันเริ่มพังตั้งแต่ตรงนี้แหละค่ะ
เริ่มจากเตาไฟที่ไฟแรงมาก (เฉพาะเตาตรงหน้าพิม) จนไม่สามารถย่างเนื้อได้ เพราะว่าแค่เอาลงไปวาง ยังไม่ทันได้กลับด้านเนื้อ เนื้อก็ไหม้แล้วค่ะ ... ถามพนักงานว่ามีตัวอะไรปรับไฟให้อ่อนลงได้ไหม พนักงานก็ตอบแบบเฉย ๆ มากค่ะว่า ไม่มี...ให้ย่างกุ้งก่อน ไฟอ่อนแล้วค่อยย่างเนื้อ .... เอ๊าาา นี่พิมมากินเนื้อย่างนะ ไม่ได้จะมากินกุ้ง อยากกินเนื้อย่างมากๆ ทำไมจะต้องให้กินกุ้งก่อนเนี่ย... แต่เนื่องจากว่าทำอะไรไม่ได้ค่ะ มันย่างเนื้อไม่ได้จริง ๆ อ่ะ น้องพนักงานเค้าก็ไม่ได้มาดูอะไร ก็เลยต้องย่างกุ้งกันก่อน แล้วนะขอบอกว่า .. ย่างกุ้ง ก็ต้องวางกุ้งไว้ตรงขอบๆ ด้านนอกค่ะ เพราะไม่งั้นกุ้งมันจะไหม้ก่อนสุก ... แล้วถ้าวางไว้ตรงขอบ มันก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ กว่ากุ้งจะสุกก็นานมากๆ อีกค่ะ ... เลยอยากจะบอกว่า มันลำบากในการกินมากเลยนะคะ >_<"
ช่วงแรกๆ นี่ก็เลยได้แต่อาศัยเนื้อจากเตาคนอื่นเค้าล่ะค่ะ คุณสามีหยิบมาให้บ้าง ตัวพิมเองไปจิ๊กเค้ามาบ้าง ก็พอให้กินไปได้เรื่อย ๆ ค่ะ
แล้วนอกจากหงุดหงิดเรื่องเตาแล้ว .... เรื่องที่สำคัญไปกว่าเรื่องเตาก็คือเรื่องเนื้อค่ะ ... พิม แคช และเพื่อนแคชทั้ง 8 คน ลงความเห็นเหมือนกันเลยว่า เนื้อร้านนี้ (ที่ไปกินในวันนี้นะคะ วันอื่นไม่รู้ เวลาอื่นไม่รู้) คุณภาพไม่สมราคา 699- เลยค่ะ .... เนื้อที่ไปกินมาวันนี้ .... อาจจะเพราะแช่แข็งมา (แข็งมากจริงๆ) เนื้อจึงค่อนข้างแข็ง ไม่มีกลิ่นหอมของเนื้อ ไม่มีรสชาติของเนื้อ และไม่นุ่มอย่างที่เค้าบอกในรายการ sme เลยสักนิดค่ะ T___T ... แถมซี่โครงหมูหมักซอส .... โอเคค่ะ .. ตัวซอสอร่อยดี แต่ว่าซี่โครงมีกลิ่นตุ ๆ บางชิ้น คือ โดยรวมแล้วมันไม่ได้รู้สึกถึงความอร่อยของเนื้อเหมือนคำโฆษณาของเค้าเลยอ่ะค่ะ T__T
ส่วนข้าวผัดกระเทียม (ตามในรูปด้านบน) ที่ดูเหมือนจะอร่อย แต่ขอบอกว่า มันเป็นข้าวผัดกระเทียมที่แย่ที่สุดเท่าที่พิมเคยกินมาเลยค่ะ เหตุผลก็คือ ข้าวเค้าผัดยังไม่เข้ากันดีเลยค่ะ บางส่วนของข้าว ก็ยังเป็นเม็ดขาว ๆ อีกทั้งแทบจะไม่มีกลิ่นกระเทียมเลยแม้แต่น้อย ไม่มีกลิ่นซอส ... แถมพิมคิดว่าเค้าคงคดข้าวเอาไว้นานแล้วก่อนจะมาผัด (อันนี้เดาเอา) ข้าวผัดบางส่วนจึงจับตัวเป็นก้อนเล็ก ๆ และแห้งแข็งมากๆ (เกือบเหมือนข้าวตาก หลายคนรู้สึก-ไม่ใช่พิมคนเดียว) ........ แบบว่ายิ่งกินยิ่งเสียดายเงินเอามากๆ T__T เลยค่ะ
ส่วนหอยเชลล์ ไม่มีปัญหาอะไร ปกติ ... และเนื้อหมู กุ้ง แซลมอน สด อร่อยมากค่ะ ... (แต่ที่มาถึงร้านนี้เนี่่ย เพราะอยากกินเนื้อย่างเน้ออออออ ไม่ได้อยากกินอย่างอื่น >_<")
แล้วนอกจากปัญหา 2-3 อย่างข้างบนแล้ว ... เรื่องมารยาทและความรู้ของพนักงานที่ร้านนี้ก็ควรปรับปรุงเป็นอย่างมากเลยนะคะ ... พิมสั่งกิมจิได้เป็นผักยำค่ะ เพราะน้องพนักงานเค้านึกว่าผักยำคือ กิมจิ ซึ่งอันนี้ไม่เป็นไร พิมชิว ๆ ค่ะ ได้อันไหนมาก็กินอันนั้น ไม่ซีเรียส .. แต่ที่ซีเรียสคือ พอน้องพนักงานเค้าเอามาผิด พนักงานที่อายุมากกว่าที่กำลังรินน้ำให้พวกเราอยู่ตรงหัวโต๊ะ ก็ต่อว่าน้องคนนั้นด้วยเสียงที่ดังข้ามหัวพวกเราเลยค่ะ แถมพนักงานคนเดียวกันนี่แหละค่ะ จะมาเก็บจานที่อยู่บนโต๊ะพิม (ด้านใน) แทนที่เค้าจะพูดให้ดีหน่อย เค้ากลับพูดกับพิมประมาณว่า "หยิบจานให้หน่อย" คือ พูดจาไม่มีหางเสียงกับลูกค้าเลยค่ะ ......... อืมมม ตกลงนี่ เราเป็นลูกค้าเค้า หรือว่ามาขอเค้ากินกันนะ .. แอบงง ??
คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้แหละค่ะ .... ก็ไม่รู้ว่าตกลงพิมมารีวิวร้านนี้ หรือมาบ่นให้ฟังกันแน่อ่ะค่ะ แต่ว่าอัดอั้นตันใจจริง ๆ นะคะ >_<"
ยังไงก็ถ้าทางร้านมาอ่าน ... ขอให้เข้าใจเจตนาในการเขียนบทความนี้ของพิมด้วยนะคะ ว่าพิมบริสุทธิ์ใจ (ไม่งั้นจะพาเพื่อน ๆ ไปกินกันถึง 8 คนในครั้งแรกเหรอค่ะ) และมันเป็นความรู้สึกของพิมจริง ๆ (ที่อัดอั้นตันใจมากๆ) และพิมก็อยากให้ทางร้านปรับปรุงค่ะ เพื่อที่จะได้มีลูกค้าที่รักทางร้านและอยากมากินเนื้อย่างที่ร้านนี้ไปนาน ๆ
และพิมก็ขอจบรีวิว (การบ่น) ร้านนี้ ไว้แต่เพียงเท่านี้ล่ะกันนะคะ >_<"
ป.ล. ของหวานรสมะพร้าว ไม่แน่ใจว่าทางร้านเรียกว่าไอติมหรืออะไร แต่อร่อยมากค่ะ ... ^^