2-3 เดือนก่อนเป็นช่วงที่พิมบ้าซื้อ Deal หรือคูปองร้านอาหารอย่างมากมายค่ะ ประมาณว่าเห็นร้านอยู่แถวบ้าน+รูปน่ากิน ก็ซื้อๆๆๆๆ จนกระทั่งมีคูปองสะสมอยู่เกือบสิบใบ
และโดยส่วนใหญ่คูปองพวกนี้มักจะมีอายุประมาณ 2-3 เดือนเพราะงั้นเดือนสิงหาที่ผ่านมา จึงเป็นช่วงที่ดีลหลายใบของพิมกำลังจะหมดอายุค่ะ ดังนั้นแล้วพิมก็เลยขอชวนคุณสามีไปตระเวนกินอาหารและขนมตามดีลที่ซื้อมาสักกะหน่อยค่า... ซึ่งร้านวันนี้ที่พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปกินกันในวันนี้ก็คือ ร้านขายเบเกอรี่และกาแฟที่ชื่อ Lullaby By Liken ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ CDC เฟส 2 ซึ่งเป็นแหล่งกินแหล่งช๊อปแถว ๆ บ้านพิมอ่ะค่ะ
เมื่อพูดถึงร้าน Lullaby by Liken กับคำว่าเบเกอรี่แล้วเนี่ย หลายคนอาจจะนึกว่าร้านนี้คงจะขายแต่เบเกอรี่กับเครื่องดื่มเพียงเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ ร้านนี้มีอะไรมากกว่านั้นเยอะ เพราะร้านนี้เป็นร้านที่ผสมผสานระหว่างร้านขายของแต่งบ้านเก๋ๆ กับร้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ชิคๆ อ่ะค่ะ อีกทั้งด้วยความที่ร้านนี้เค้าตกแต่งสไตล์เรโทร เลยทำให้ร้านนี้เป็นมากกว่าร้านขายเบเกอรี่ค่ะ ส่วนจะเป็นยังไงนั้น ต้องตามไปชมภาพพร้อม ๆ กับพิมเลยค่ะ ^__^
... จะว่าไปก่อนหน้าครั้งนี้ พิมเคยตั้งใจจะไปใช้ดีลที่ร้านนี้ครั้งนึงแล้วนะคะ แต่ครั้งนั้นที่พิมเดินไปเห็นหน้าร้านเค้าเป็นแบบนี้ พิมก็เลยเกิดความไม่แน่ใจว่า เอ๊ะ !! ตกลงแล้วร้านนี้เค้าขายเบเกอรี่และกาแฟจริง ๆ หรือเปล่านะ หรือว่าเวบดีลลงผิด หรืออะไรยังไง ก็รี ๆ รอ ๆ ตัดสินใจว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปดี พอดีว่ามันเริ่มเย็นมากแล้ว น่าจะประมาณ 5 โมงเย็นได้อ่ะมั้งค่ะ ฝนก็ทำท่าจะตก คุณสามีเลยบอกว่ายังเหลือเวลาใช้ดีลอีกเป็นเดือนสองเดือนไว้ค่อยมาวันหลังก็ได้อ่ะ พิมก็เลยกลับก็กลับค่ะ ไว้ค่อยมาวันหลังก็ได้
จนวันเวลาผ่านไปเกือบสองเดือน จนดีลจะหมดอายุแล้ว พิมก็ถึงเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปใช้ดีลร้านนี้เลย เพราะงั้นครั้งนี้ไม่มีการลังเลแล้วค่ะว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปดี เพราะเสียเงินไปแล้ว วันสุดท้ายแล้ว ไม่เข้าก็ต้องเข้าล่ะค่ะ ^^"
........ และก็นี่ค่ะร้าน Lullaby By Liken พิมเชื่อว่าถ้าเพื่อน ๆ เห็นหน้าร้านเป็นแบบนี้ จะต้องคิดแบบเดียวกับพิมแน่ ๆ ค่ะว่า มีเบเกอรี่ขายด้วยหรือเนี่ย ^^
หลังจากที่ตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกันอ่ะ ยังไงวันนี้ก็ต้องลุย ... พิมก็เลยชวนคุณสามีเดินเข้าร้านไปเลยค่ะ ตอนแรกก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อย แห๊ะๆ แบบว่าในร้านเค้า ถ้าไม่นับเจ้าของร้าน (คิดว่าอย่างนั้นนะคะ) ก็มีแต่พิมกับคุณสามีอ่ะค่ะ ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นนิดนึง แต่พอได้เปิดประตูร้านเข้าไปแล้ว เจอน้องในร้านที่ยิ้มต้อนรับ เจอคุณป้าในร้านที่ยิ้มต้อนรับและเจอบรรยากาศ การตกแต่งของร้านที่มันเบา ๆ ซอฟท์ๆ ออกสไตล์อบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้านตัวเอง .... ความตื่นเต้นก็หายไป กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยอ่ะค่ะ
สำหรับขนมของที่นี่ ... อย่างที่บอกข้างบน ร้านนี้เค้าไม่ได้ขายขนมเป็นหลักอ่ะค่ะ เพราะงั้นแล้วขนมของที่นี่อาจจะน้อยหน่อย คือมีแค่ 6 ชนิดเท่านั้น (ที่เห็นในตู้) แต่ก็เป็น 6 ชนิดที่หน้าตาน่ารักและน่ากินอ่ะค่ะ ^^
พิมถามน้องในร้านว่าขนมที่อยู่ในตู้เนี่ย แต่ละวันเหมือนกันไหม น้องเค้าก็บอกว่าไม่เหมือนค่ะ แล้วแต่วันไหนจะมีอะไร สำหรับวันนี้ที่พิมไปก็จะมี Strawberry Cake มี Red Velvet Cake , Hazelnut Chocolate Cake , Carrot Cake, Toffee Cake และก็ Cashew Nut Tart Cake อ่ะค่ะ (อันหลังนี่พิมจำชื่อแน่นอนไม่ได้ เลยเดา ๆ เอานะคะ) .... และหลังจากพิมไปเมียงๆ มอง ๆ ตู้เค้กอยู่สักพัก พิมก็ตัดสินใจเลือกเค้กมา 3 อย่างด้วยกัน + สั่งเครื่องดื่มอีก 2 แก้วด้วยค่ะ
เลือกเค้กเสร็จ สั่งเครื่องดื่มเสร็จ พิมก็เดินมาหาโต๊ะนั่งนะคะ
และหลังจากนั่งที่โต๊ะไปสัก 5 นาที ..... น้องที่ร้านเค้าก็เอาเค้กกับเครื่องดื่มที่พิมสั่งไปมาเสริฟอ่ะค่ะ
สำหรับเค้กที่พิมสั่งไป ก็จะมี Hazelnut Chocolate Cake
Cashew Nut Tart Cake (จำชื่อจริง ๆ ไม่ได้ เดาๆ เอาค่ะ)
และ Strawberry Cake ค่ะ
ป.ล. เค้กแต่ละชิ้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก (ลองเทียบดูกับส้อมในภาพนะคะ เป็นส้อมสำหรับกินขนมโดยเฉพาะ โดยเค้กแต่ละชิ้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ2 นิ้วเท่านั้นค่ะ
ภาพรวมๆ ก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ ^__^
เมื่อเค้กพร้อมแล้ว เครื่องดื่มก็พร้อมแล้ว คนก็พร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือชิมล่ะค่ะ
สำหรับเค้กชิ้นแรก Hazelnut Chocolate Cake (60 บาท) เป็นเค้กช็อคโกแลตที่มีเนื้อแน่นมาก...ก ตัวเค้กนอกจากจะมีส่วนผสมของช๊อคโกแลตแล้วก็ยังผสมฮาเซลนัทบดหยาบในเนื้อเค้กด้วย อีกทั้งยังราดหน้าด้วยช็อคโกแลตพุดดิ้ง (ทางร้านเค้าเรียกว่าอย่างนี้) เรียกว่าถ้าคนไหนที่ชอบช๊อคโกแลตมากๆ น่าจะชอบเค้กชิ้นนี้ค่ะ
ต่อมาเค้กชิ้นที่ 2 ก็คือ Cashew Nut Tart Cake (45 บาท) เป็นเค้กกึ่งทาร์ต (คิดว่าอย่างนั้นนะคะ) ที่เนื้อแน่นมาก แน่นกว่าเค้กชิ้นแรกอีกค่ะ ... สำหรับพิมกินเค้กชิ้นนี้ 1 คำต้องกินน้ำตาม 1 คำค่ะ เพราะเนื้อเค้กแน่นมาก ทำให้เวลากินแอบฝืดคอพอประมาณค่ะ
สำหรับเค้กชิ้นที่ 3 ก็คือ Strawberry Cake (45 บาท) เค้กตัวนี้เนี่ยตอนกินคำแรก ใช้ได้ค่ะ คือเนื้อเค้กหอมและมีรสหวานจัด แต่พอกินกับซอสสตรอเบอรี่ที่ออกเปรี้ยวๆ หน่อย ก็อร่อยค่ะ รสตัดกันดี
... แต่ไม่รู้ว่าเนื้อเค้กมันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก หรือเป็นการเก็บหรือเป็นเพราะอะไร จึงทำให้เนื้อเค้กค่อนข้างร่วนและแห้งมาก ทำให้เวลากินค่อนข้างฝืดคอค่ะ ฝืดกว่าเค้ก 2 ชิ้นด้านบน และด้วยความที่เค้กมีรสหวานจัด ยิ่งกินยิ่งรู้สึกหวาน ก็เลยทำให้พิมกับคุณสามีไม่ค่อยประทับใจเค้กชิ้นนี้เท่าไหร่อ่ะค่ะ
ส่วนเครื่องดื่ม .... อยากจะบอกว่าแม้เค้กที่นี่จะไม่ค่อยประทับใจพิมกับคุณสามีสักเท่าไหร่ แต่เครื่องดื่มร้านนี้แจ่มมากค่ะ ทั้งมอคค่าและอิตาเลียนโซดา รสชาติดีมาก...มากกว่าร้านอื่นที่พิมเคยไปกินมา แถมราคาถูกกว่าร้านอื่นๆ ใน CDC ที่พิมเคยไปกินมาด้วยค่ะ (ร้านอื่น 70-75 ร้านนี้ 40 ในขนาดแก้วที่พอ ๆ กัน)
ระหว่างนั่งกินเค้กและจิบเครื่องดื่ม พิมก็นั่งมองบรรยากาศภายในร้านไปพลาง ๆ ค่ะ ... อย่างที่บอกว่าร้านนี้เค้ารับออกแบบตกแต่งด้วย เพราะงั้นภายในร้านเค้าก็เลยมีพวกของประดับตกแต่งบ้านที่น่ารัก ๆ ชิคๆ ขายอยู่อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าผ้า กระเป๋าพลาสติคลายที่บ่งบอกถึงความเป็นทะเล๊.....ทะเล
ดอกไม้ (ปลอม) ที่สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด จนอยากจะขอให้คุณสามีซื้อกลับบ้านให้สักหอบนึง ^^
ตุ๊กตาแกะทำจากปูนที่แสนจะน่ารัก (ตัวละประมาณ 300) และชั้นไม้วางของสุดชิค (5500-)
หมอนผ้าดีไซน์เก๋ ๆ รูปดอกไม้ รูปบ้าน รูปน้องผึ้งที่น่าซื้อเอาไปวางบนเก้าอี้รับแขกที่บ้าน (พูดยังกะว่าที่บ้านเรามีห้องรับแขก >_<")
เคสไอโฟนลายดอกไม้ กระถางต้นไม้รูปน้องหมีน้องหมา น้องแกะ ผ้าม่านลูกไม้ที่น่าซื้อไปโหม๊ดดดดดดดดดด
กล่องใส่ของ และกระเป๋าเล็ก กระเป๋าน้อย ที่ทำจากผ้า
รวมไปถึงโต๊ะเก้าอี้ชุดนี้ ชั้นวางของสไตล์แบบนี้ ... เค้าก็มีขายนะคะ ^_^ (อันนี้อยากได้มากที่สุดเลย แต่ราคาแอบสูง)
เดินดูของประดับตกแต่งบ้านที่มีขายในร้านจนหมดแล้ว .... พิมกับคุณสามีก็กลับมานั่งกินเค้กต่อค่ะ
กินไปสักพักก็หมดทั้งเค้กและน้ำ (แถมยังขอน้ำเปล่าเค้าเพิ่มด้วย) .... แล้วพิมกับคุณสามีก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศต่อในร้านอีกแป๊บนึง ก่อนที่จะให้น้องในร้านเค้าคิดเงินค่าเสียหาย แล้วก็กลับบ้านกันอ่ะค่ะ ^__^
ป.ล. บางคนอาจจะสงสัยว่า พิมบอกไม่ถูกปากแต่ทำไมกินหมด ... ขอบอกว่าเป็นเพราะพิมเสียดายกะตังค์อ่ะค่ะ >_<" (เข้าข่ายงกไหมเนี่ย)
สรุป ..... เบ็ดเสร็จค่าเสียหายทั้งหมดก็ 230- นะคะ ถ้าถามพิมว่าคุ้มไหม พิมรู้สึกว่าไม่คุ้มอ่ะค่ะ คือไงดีล่ะ...ความคุ้มของพิมเวลาไปกินอะไรไม่ได้วัดจากปริมาณ แต่วัดจากความพึงพอใจในรสชาติของอาหารหรือขนมเป็นหลักน่ะค่ะ สำหรับขนมของร้านนี้ถ้าเต็มสิบพิมให้ความพึงพอใจในรสชาติที่ 6.5 ค่ะ ... สำหรับพิมนะคะ สำหรับคนอื่นอาจจะอีกแบบนึง คือ สำหรับพิมรสชาติมันก็โอเค เนื้อขนมมันก็โอเคในสไตล์เค้า แต่พิมว่าบางอย่างมันไม่ใช่สำหรับพิมอ่ะค่ะ อีกทั้งพิมมีความรู้สึกว่าขนมเค้าค่อนข้างราคาแพงไปนิด อย่าง Red Velvet Cup Cake ชิ้นกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ราคาตั้งชิ้นละ 90 บาท ไรงี้ (แต่จริง ๆ มันก็ไม่ได้แพงหรอกค่ะ เมื่อเทียบกับร้านอื่นและเทียบกับค่าเช่าที่)
.... ดังนั้นหากถามพิมว่าจะกลับมาร้านนี้อีกไหม คงไม่อ่ะค่ะ มันยังไม่โดนจ้า ^__^ (แต่น้องในร้านกับคุณป้าในร้าน น่ารักมากๆ เลยค่ะ ถ้าอยากไปก็เพราะน้องคนนั้นกับคุณป้านี่แหละค่ะ ^^)