นาน....น.....น...น เท่าไหร่แล้วนะ ที่พิมไม่ได้มาหาอะไรกินแถวเหม่งจ๋ายนี่ (แบบว่าแถวเหม่งจ๋าย มีของอร่อยเยอะ) .... ครั้งล่าสุด จำได้ว่ามากินขาหมูร้านน้องเปิ้ลที่รู้จักกัน กับเพื่อนสาว 2-3 คนในบอร์ดพันทิป ... แต่ครั้งนั้น ... มันก็นานมาก ผ่านมาไม่น่าจะต่ำกว่า 2 ปี ... เฮ้อ.อ..อ.อ.อ เราไม่ได้มาแถวนี้ นานมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
แต่จะว่าไป ... ในบ้านพิม ก็มีแค่พิมคนเดียวแหละค่ะ ที่ไม่ได้มาหาอะไรกินแถวเหม่งจ๋ายนี่ซะเป็นเวลาน๊านนนาน .... แต่กับคุณแฟนสิค่ะ เค้ากับเพื่อน ต้องมาทำงานของเค้าที่ตึก cyber world (รอบดึก) อยู่บ่อย ๆ บางครั้งเค้าก็ชวนน้องชายพิมที่อายุ 17 มาด้วย เผื่ออยากจะให้มาเปิดหูเปิดตา และได้เรียนรู้งานที่เค้าทำ และทุกครั้งที่มา cyber world เค้าก็มักจะเริ่มต้นงานหรือจบท้ายงาน ด้วยการตระเวนกันหาอะไรอร่อย ๆ แถวนี้กินเสมอๆ
แล้วพอกลับถึงบ้าน เค้าก็มักจะมาเล่าให้พิมฟังว่า ร้านนี้ที่วันนี้เค้าไปกินมา เป็นไงบ้าง มีอะไรน่าประทับใจ มีอะไรน่าสนใจ ยังไงบ้าง
และหลายครั้งหลายคราที่เค้าเล่า ... ก็พาลทำให้พิม นึกอยากจะเปลี่ยนตัวไปกับเค้า แทนน้องชายพิมซะทุกทีเลยค่ะ -*- (แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่เคยได้ไปกับเค้าซะที)
....... จนวันดีคืนดี ก็เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมานี่เองค่ะ ... ที่ได้มีโอกาสไป .........
ตอนก่อนจะไป ... คุณแฟนพิมเค้าก็ถามพิมว่า อยากไปกินอะไรแบบไหนดี แถวเหม่งจ๋ายมีให้เลือกหลายร้านนะ พิมก็ตอบไปว่า .. ร้านอะไรก็ได้ ขอให้อร่อยเป็นพอ แล้วก็ไม่ใช่ร้านอะไรแบบย่าง ๆ แบบเกาหลี ญี่ปุ่นนะ เพราะว่าเบื่อมาก เนื่องจาก 2 เดือนที่ผ่านมา ไปแต่ร้านพวกนี้ ขอเปลี่ยนบ้าง
คุณสามีพิมเค้าก็ทำ หน้านึกคิดอยู่สักพักค่ะ แล้วก็บอกพิมว่า งั้นไปกินนี่ล่ะกัน สุกี้ฮ่องกง .... กับติ๋มซำ เค้าเคยไปกินมาหลายครั้ง คิดว่าน่าจะถูกปากพิมอยู่บ้างนะ พิมก็เลยถามรายละเอียดเบื้องต้นไปพอประมาณ ... แล้วก็ตัดสินใจว่า อือ .. ที่นี่ก็ได้นะ แล้วก็เลยโทรไปชวนเพื่อนคุณสามีอีกคนนึงค่ะ
ตอนแรกพิมนัดกันกับคุณเพื่อนฝาละมีว่า จะไปถึงร้านประมาณ 6 โมงเย็นค่ะ แต่ปรากฎว่ามีอุปกรณ์คอมส์บางตัวมันมีปัญหา ก็เลยจะต้องไปตะวันนาก่อน แล้วค่อยไปกินสุกี้ .. ปรากฎว่ากว่าจะไปถึงร้าน ก็เกือบจะ 2 ทุ่ม แน่ะค่ะ - -" (หิวแทบขาดใจ เพราะไม่ได้กินข้าวกลางวันมาด้วย)
ร้านนี้ ถ้ามาจากทางลาดพร้าว เข้าเลียบทางด่วน เลี้ยวขวาเข้าเหม่งจ๋าย (เรียกถูกไหมหว่า) ก็มาเรื่อย ๆ ค่ะ ผ่านการประปา ผ่านสนามกอล์ฟ ข้ามสะพานที่มี 2 ถนนแยกกัน มาอีกแป๊บ ร้านนี้จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ในดงอาหารเยอะ ๆ อ่ะค่ะ ...... แต่ถ้ามาจากทางศูนย์วัฒนธรรม ก็ขับรถตรงเข้ามาเรื่อย ๆ พอถึงแยกเหม่งจ๋าย ก็ให้เลี้ยวขวาค่ะ แล้วพอเลี้ยวขวามาระยะนึง (ไม่ไกล) ก็จะเจอร้านอยู่ทางด้านฝั่งซ้ายมือค่ะ (เขียนเอง งงเอง -*-)
พอลงจากรถปุ๊บ .. ก็จะเจอป้ายนี้อยู่หน้าร้านเลยค่ะ
"อร่อยติ่มซำ" <--------------- ชื่อนี่ การันตี สุด ๆ ... อุอุ
ร้านนี้เจ้าของร้าน หรือผู้จัดการนี่แหละค่ะ (ซึ่งอัธยาศัยน่ารักมากๆ) ... เค้าบอกว่า เป็น สุกี้สไตล์ฮ่องกง อ้ายพิม....ก็ไม่เคยกินมาก่อนเลยค่ะ เจ้าสุกี้ฮ่องกงเนี่ย แม้แต่หน้าตาก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นยังไง .. ส่วนคณแฟนที่เคยไปกินมาหลายรอบแล้ว ก็บอกได้แค่ว่า ..... "ลองไปกินดู" ... แล้วจะรู้ แค่นี้แหละค่ะ
เอ๊าาาา...เอาก็เอา มาถึงหน้าร้านเค้าแล้วนี่นา ถ้าไม่กิน ก็ไม่รู้น่ะนะ
นี่ค่ะ ........ ป้ายแผ่นใหญ่พาดหน้าร้านเค้า เขียนไว้ว่าอย่างนี้
ร้านนี้เป็นร้านอาหารสไตล์ฮ่องกงค่ะ ก็จะมีสุกี้ (ทั้งแบบบุฟเฟท์ หัวละ 199- และไม่บุฟ) มีติ่มซำ (เข่งละ 16 บาท) มีพวกบะกุดเต๋ และก็มีอาหารสไตล์ฮ่องกง จีน อีกหลายอย่างด้วยค่ะ ... ส่วนบริเวณที่นั่ง ... ก็มีทั้งด้านนอก ที่ไม่แอร์ กับด้านใน ที่เป็นแอร์ค่ะ
เนื่องจากวันนี้ เรามากัน 3 คน ด้วยสภาพแบบหิวโซสุด ๆ หลังจากคิดแล้วคิดอีก ก็ให้คิดได้ว่า เราควรจะเลือกกินแบบบุฟเฟท์นะ เพราะว่าน่าจะเหมาะที่สุดสำหรับสถานการณ์กระเพาะแบบนี้แล้วน่ะ ... ก็เลยจัดการบอกพนักงานหน้าร้านไปค่ะว่า ......... "น้องค่ะ บุฟเฟท์สุกี้ 3 จ๊ะ"
คุณน้องพนักงานก็ถามว่า "นั่งด้านนอก หรือข้างในดีค่ะ ด้านในมีแอร์ค่ะ"
เราก็เลยตอบไปว่า ....... "ด้านในล่ะกันค่ะน้อง"
แต่ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งด้านในร้าน เราจะต้องเผชิญหน้ากับตู้ติ่มซำที่ตั้งอยู่หน้าร้าน ตู้นี้ก่อนค่ะ
... "ติ่มซำ" .. พวกนี้ ไม่ได้รวมอยู่ในบุฟเฟท์ด้วยนะคะ แต่หากใครสนใจถาดไหน เข่งไหน ก็สั่งได้เลย เข่งละ 16 บาทค่ะ
พอสั่งที่หน้าตู้แล้ว (หรือจะสั่งที่โต๊ะก็ได้) น้องเค้าก็จะหยิบออกจากตู้ เอามานึ่งอีกที แล้วก็จะค่อยเอาไปเสริฟเราที่โต๊ะค่ะ
ติ่มซำ .. ของที่นี่ก็มีหลากหลาย เยอะแยะไปหมดเลยค่ะ พิมเองยังไม่เคยมากินที่นี่ แต่คุณฝาละมีมาบ่อย เพราะฉะนั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของเค้าในการสั่งติ่มซำค่ะ
ด้านนี้ของตู้ติ่มซำ จะเป็นพวกหมูทรงเครื่องสารพัดหน้า เช่น หน้าไข่เค็ม ไข่นกกระทา หน้าเห็ดหอม หน้าไข่เยี่ยวม้า แล้วก็ยังเกี๊ยวทรงเครื่อง บะหมี่หยกหน้าหมูทรงเครื่อง ข้าวโพดทรงเครื่อง ผักกาดขาวทรงเครื่อง
ป.ล. ไม่แน่ใจว่าเรียกชื่อแต่ละอย่างถูกไหมนะคะ แบบว่าคิดเอาจากหน้าตาที่เห็น -*-
ด้านนี้ก็คล้าย ๆ กับด้านโน้นค่ะ
พอสั่งติ่มซำเสร็จ เราก็เดินเข้าไปด้านในร้านค่ะ ไปนั่งรอที่โต๊ะของเราาาาาาาาา
ขอพูดถึงบรรยากาศในร้านนิดนะคะ ... บรรยากาศในร้านตอนพิมไปเนี่ย ด้านในมีอยู่ 1 โต๊ะค่ะ (ยังไม่รวมโต๊ะพิมนะ) ... คุณแฟนบอกให้ฟังว่า ปกติร้านนี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ มีคนมาเรื่อย ๆ ไม่แน่น ไม่ยุ่งเหยิง ไม่ค่อยมีพิธีการอะไรเท่าไหร่ ประกอบกับบรรยากาศในร้าน ดูเรียบง่าย ใช้โทนสีขาวดำสะอาดตา ผนังก็ขาว โต๊ะก็เกือบจะขาว .. ครัวที่ใช้แล่เนื้อ เตรียมของสุกี้มาให้เรา ก็อยู่ด้านใน ที่สามารถมองเห็นได้ ... เลยทำให้พิมรู้สึกเหมือนกินข้าวอยู่ที่บ้านตัวเองค่ะ (แต่ตอนดึก ๆ คนเยอะขึ้นหน่อย เลยรู้สึกเหมือนอยู่บ้านคนอื่นแหละ -*-)
พอเข้าไปนั่งที่โต๊ะ น้องพนักงาน (ที่แต่งตัวเหมือนชุดอยู่บ้าน) ก็เอาเตาแม่เหล็กมาวางบนโต๊ะเรา พร้อมเสียบปลั๊กให้ค่ะ
และก็เอาหม้อน้ำซุปมาตั้ง .... ซึ่งน้ำซุปของทางร้านเนี่ย มี 2 แบบนะคะ แบบใสกับแบบขุ่น สีของแบบขุ่นเหมือนจะมีรสชาติจัดจ้าน แต่ชิมแล้ว จืดทั้งคู่ค่ะ ... เพียงแต่ซุปขุ่น จะมีสีเหมือนต้มยำ และเหมือนจะได้กลิ่นของถั่วอยู่ด้วย
แล้วคุณน้องพนักงาน ก็เอาเมนูรายการอาหารมายื่นให้ 2 แผ่น (เอ๊ะ !! ยังไงเนี่ย มา 3 ให้ 2 -*-) ... พิมก็เลยขอหยิบมาดูแผ่นนึง ส่วนอีกแผ่น ให้คุณ 2 ชาย เค้าช่วยกันดู และช่วยกันเลือกว่าจะสั่งของอะไรมาก่อนเป็นชุดแรกดี
เมนู 1 แผ่น จะมีอยู่ด้วยกัน 2 หน้าค่ะ รวมทั้งหมด 56 รายการ (แต่จริง ๆ สามารถสั่งอะไรที่ปลีกย่อยได้มากกว่านี้) ... นี่ค่ะ หน้าตาเมนูหน้าแรก
ส่วนนี่ก็คือหน้าที่ 2
ป.ล. บุฟเฟท์ที่นี่ ฟรีน้ำชา - เก๊กฮวย - น้ำเปล่า - น้ำซุปนะคะ แต่ถ้าสั่งแบบไม่บุฟ เสียค่าน้ำซุปด้วย หม้อละ 50 บาทค่ะ ค่าน้ำก็เสียต่างหาก
เวลาจะสั่ง เราก็ดูหน้าตาอาหารในเมนูว่าเราชอบแบบไหนนะคะ แล้วเราก็ไปติ๊ก ๆ ในใบสั่งของค่ะ
เราจะสั่งกี่ครั้ง ครั้งละกี่อย่าง อย่างละเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าสั่งมาแล้ว ควรที่จะกินให้หมดนะคะ เพราะถ้าไม่หมด นอกจากจะเสียค่าปรับแล้ว ยังเสียของด้วยค่ะ (ถ้ากินเหลือ เค้าคิดเงินจริง ๆ นะคะ ไม่ได้ล้อเล่น เพราะว่าวันที่พิมไป ก็มีคนสั่งมาเยอะๆ แล้วก็เหลือเยอะน่ะค่ะ)
พอจดเสร็จ เราก็ยื่นใบสั่งอาหารให้น้องพนักงานไปค่ะ จากนั้นเราก็นั่งร้องเพลงรอไปเรื่อย ๆ (แป๊บเดียว)
ระหว่างนั่งรอ พิมก็หันมาสำรวจบนโต๊ะค่ะ ว่าเค้ามีอะไรไว้ให้เราบนโต๊ะกันบ้าง อย่างแรก ... ก็เป็นน้ำจิ้มlสุกี้ค่ะ ... ซึ่งคุณสามีบอกว่า น้ำจิ้มสุกี้ของร้านนี้เค้าอร่อย พอพิมได้ชิม ก็ อืมมม อร่อยจริง ๆ ค่ะ
น้ำจิ้มสุกี้นี่ เค้าจะใส่ไว้ในเหยือก แช่ไว้ในตู้เย็นอีกที พอเรามานั่งหรือจะเติมน้ำจิ้ม น้องพนักงานเค้าก็จะหยิบเหยือกในตู้เย็นมาเทใส่ถ้วยของเราให้ค่ะ
ส่วนนี่เป็นกาน้ำจิ้มติ่มซำค่ะ มี 2 แบบ 2 รส แบบแรกสีดำ ออกรสเปรี้ยวเค็ม ส่วนอีกแบบหวานเผ็ดนิด ๆ ค่ะ ... เทออกมาได้เป็นแบบนี้นะคะ .. แนะนำว่าเทครั้งละพอประมาณนะคะ กะว่าเราจะใช้จิ้มหมด เพราะไม่งั้นถ้าเหลือ มันเสียดายของน่ะค่ะ
แล้วก็มีอุปกรณ์ที่เป็นตะกร้อใช้สำหรับลวก - กระบวยสำหรับตักน้ำซุป และพวกถ้วยสำหรับใส่น้ำจิ้ม ถ้วยใส่ซุป ช้อน จานค่ะ .... ส่วนตะเกียบเอาในกระบอกที่เค้าเตรียมไว้ให้ อยู่บนโต๊ะเลยค่ะ
ป.ล. สะอาดดีค่ะ ไม่มีคราบ ไม่มีความมัน ไม่มีร่องรอยความสกปรกเหมือนบางร้านที่พิมเคยได้ไปกินมา
ระหว่างรออาหารมา น้องพนักงานเค้าก็ถามพิมว่า "รับน้ำอะไรดีค่ะพี่"
สำหรับบุฟเฟท์ หัวละ 199- เค้าจะมีน้ำดื่มบริการฟรี 3 อย่างค่ะ ก็คือ น้ำชา , น้ำเก๊กฮวย และก็น้ำเปล่า .. พิมเลือกน้ำเก๊กฮวยค่ะ ... ได้กลิ่นเก๊กฮวยอ่อน ๆ หวานนิด ๆ .. โอเคเลยค่ะ (แต่สำหรับคนชอบหวานมากๆ อาจจะรู้สึกว่าจืดไป)
หลังจากส่งใบสั่งไปไม่นาน นั่งจิบน้ำเก๊กฮวยไปพลาง ๆ ไม่ถึงอึดใจ น้องพนักงานเค้าก็ยกของที่เราสั่งมาวางไว้บนโต๊ะเราแล้วค่ะ ...
อย่างแรกที่สั่งไป .. และคิดว่าจะขาดเสียไม่ได้ ก็คือ ผักค่ะ .... จริง ๆ ร้านเค้ามีผักให้สั่งอยู่ประมาณสัก 5-6 ชนิด แต่ผักบางอย่างคุณสามีกับเพื่อนเค้าไม่กินค่ะ บางอย่างหมด ก็เลยได้มา 2 อย่าง คือผักบุ้งกับผักกาดขาว
ป.ล. ผักเค้าล้างสะอาดดีค่ะ แต่อุณหภูมิในตู้เย็น คงจะเย็นจัดไปหน่อย ใบผักบุ้งหลายใบ เลยค่อนข้างจะช้ำค่ะ (เคยเจอปัญหานี้ กับผักที่แช่ในตู้เย็นที่บ้านตัวเองเหมือนกันน่ะค่ะ)
มีผักแล้ว จะขาดเนื้อสัตว์ไปได้ยังไง .. โฮ๊ะๆ
คุณสามีกับเพื่อนเค้าสั่งจานนี้มาค่ะ ....... "หมูแฮมปูอัด" + "กุ้งสด" + "ไส้อ่อน" .. ทางร้านก็จัดมาให้อย่างละพอประมาณค่ะ ไม่น้อยไม่มาก รวมอยู่ในจานเดียวกัน ... ตอนแรกก็แอบคิดว่า อะไรเนี่ย จัดมาให้ได้ไงอย่างละหน่อยนึง จะอิ่มได้ไง แต่พอกิน ๆ ไป ก็คิดว่าดีแล้วแหละค่ะ เพราะว่าบางอย่างกินไปแล้วไม่ถูกปาก ก็ไม่อยากกินต่อ แล้วถ้ากินเหลือ ก็จะถูกปรับ เพราะฉะนั้นเอามาทีละ-อย่างละน้อย ๆ อย่างนี้น่ะดีแล้วค่ะ ส่วนอย่างไหนกินแล้วชอบมากเป็นพิเศษ ก็สามารถสั่งให้น้องพนักงานเค้าจัดมาเฉพาะอย่างนั้นอย่างเดียวได้เลยค่ะ
ป.ล. หลังจากได้ลองกิน หมูแฮมปูอัด - ใช้ได้ค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไปกิน อย่าต้มนานนะคะ เอาแค่ลวกให้ร้อน ๆ ก็เป็นพอ ..... เพราะพิมเผลอไปหน่อย ต้มนานไปนิด พอเอาตะเกียบคีบ มันเละค่ะ เวลากินแล้ว จะรู้สึกแหยะ ๆ มาก .. ส่วนกุ้ง สดดีค่ะ ... ไส้อ่อนก็ต้มได้ไม่เหนียว และไม่เปื่อยเกินไปค่ะ แต่ไส้จืดไปนิดนึง
แล้วก็ยังมี หมูสามชั้นสไลด์ค่ะ ... อร่อยมาก ๆ อันนี้ เค้าเอาหมูแช่แข็งมาสไลด์กันในครัวสด ๆ ตอนเราสั่งเลยค่ะ
ส่วนอันนี้ "ซาเตหมู" ค่ะ .... จริง ๆ เค้ามีทั้งซาเตหมู เนื้อ ไก่ และก็แบบรวม ... คุณแฟนบอกว่า อันนี้แหละที่อยากให้พิมลองกินดู มันแปลกดี
ในจานนี้เค้าจะเป็นเนื้อหมูนะคะ (ไม่รู้ว่าได้หมักกับอะไรมาก่อนหรือเปล่า / แต่ดูแล้วน่าจะเป็นหมูสด) แล้วก็มีส่วนผสมอะไรบางอย่างโปะมาด้านบน ที่กลิ่นคล้าย ๆ กับกลิ่นของน้ำซุปข้น แล้วก็มีไข่ไก่อีก 1 ใบค่ะ
เวลาจะกิน ก็เอาตะเกียบเรานี่แหละค่ะ ขยี้ ๆ เคล้าหมูให้เข้ากับส่วนผสมที่โปะมาด้านบนก่อน ในลักษณะแบบนี้
หลังจากอาหารชุดแรกที่สั่งไป มาพร้อมหน้าพร้อมตากัน เรา 3 คนก็เริ่มลุยล่ะค่ะ ^_____^ (ขอบอกว่าหิวมากกกกกกกกกก)
ตอนแรกก็เอาผักต่างๆ เด็ดเป็นชิ้นพอประมาณ ใส่ลงไปในน้ำซุปก่อนนะคะ (ผักจะได้นิ่มๆ)
ตามด้วยซาเตหมูที่เราคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว .. และพวกแฮมปูอัด - กุ้ง - อื่นๆ
ระหว่างรอซาเตหมู และเนื้อสัตว์อย่างอื่นสุก ... ก็คีบเอาหมูสามชั้นลงไปลวกค่ะ ... สำหรับหมูสามชั้นเนี่ย ไม่ต้องลวกนานนะคะ แค่เอาไปส่าย ๆ ในน้ำเดือดทีสองที มันก็สุกแล้วค่ะ เพราะว่ามันบางมากๆๆๆๆ
ส่วนตัวรู้สึกว่า .. หมูสามชัั้นเนี่ย มันเยอะไปนิ๊ดดดดดดดดด กินแรก ๆ อร่อย แต่กินหลัง ๆ เริ่มเอียนน่ะค่ะ ..... แต่ว่าเค้าสไลด์ได้บางมาก เหมือนกระดาษ เวลาที่เอาไปลวกสุกแล้ว ม้วนๆ ซ้อนกัน (คีบให้เป็นขยุมๆ) แล้วจุ่มลงไปจิ้มในน้ำจิ้ม แล้วเอาขึ้นมาทาน มันอร่อยมากเลยค่ะ
แล้วระหว่างที่กำลังเริ่มเพลิดเพลินกับการกินบุฟเฟท์สุกี้อยู่ ติ่มซำที่เราสั่งไว้ก็มาส่งค่ะ (เหมือนจะนาน แต่ราว 10 กว่านาทีได้) ... นี่คือ กองทัพติ่มซำเล็ก ๆ ที่เราสั่งมากันค่ะ
ก็จะมี "ไข่นกกระทา" (ภาพด้านขวา) ... ด้านล่างเป็นหมูบดทรงเครื่อง ด้านบนเป็นไข่นกกระทาผ่าซีกค่ะ .. เข่งนี้ พิมไม่ได้กิน ... ไม่รู้ว่ามันหายไปตอนไหน -*- บอกรสชาติไม่ได้ค่ะ แต่คุณแฟนเค้าว่าอร่อยดี
และมี "หมูนึ่งไข่เค็ม" (ภาพด้านซ้าย) ... เข่งนี้ พิมก็ไม่ได้กินอีกล่ะ แย่งคุณแฟนไม่ทัน -*-
เข่งนี้ (ภาพซ้าย) ก็ไม่ได้กินอีกล่ะค่ะ มันหายยยยยยไปตกอยู่ในท้องใครหมดเนี่ยยยยยยยยย T___T .... แต่เข่งที่เป็นขนมจีบได้กินนะคะ ... อร่อยดีค่ะ รสชาติแบบจีน ๆ ฮ่องกง ๆ เลย ไม่จัดจ้านเหมือนขนมจีบของไทยเรา (พูดยังกะว่าเคยกินอาหารฮ่องกงมาแล้ว ... ฮ่ะๆ) ... แต่ ... อืมมๆๆๆๆ พิมแยกแยะไม่ได้ว่าอันไหนปู อันไหนกุ้ง มันเหมือนกันมากๆๆๆๆๆๆๆ -*-
ส่วนเข่งนี้ "ฮะเก๋า" ะ คุณสามีเค้าก็ว่าอร่อยอีกแหละ ... ส่วนพิมว่าใช้ได้เลยค่ะ แต่ไม่รู้เค้านึ่งนานไปนิดหรือยังไง พอใช้ตะเกียบคีบ แม้จะเบา ๆ แต่แป้งจะหลุดออกมาเลยค่ะ .. แต่คราวที่แล้ว ที่คุณสามีมากิน เค้าว่าไม่เป็นแบบนี้นะ หรือว่าเข่งนี้พิเศษ ^^"
ส่วนเข่งด้ายซ้ายนี้ "โครงอ่อนหมูนึ่งเต้าซี่แบบเผ็ด" ... ขอบอกว่าได้กินค่ะ แล้วก็อร่อยมากกกกกกก (ในความรู้สึกส่วนตัวพิมนะ) จนอยากจะสั่งกลับบ้านเลยค่ะ ... ตัวซี่โครงอ่อน (อ่อนจริงๆ) สับเป็นชิ้นเล็กพอประมาณ ทำให้เคี้ยวได้ง่าย และสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบมากมายเลยค่ะ ... ส่วนรสชาติ แม้จะมันไปหน่อย แต่ว่าด้วยความที่มีรสเผ็ด เค็มนิด ๆ หอมเครื่อง ทำให้ลืมไปเลยค่ะ .. หุหุ
และเข่งด้านขวา ก็คือ "ปีกกลางไก่นึ่งเต้าซี่แบบเผ็ด" ... รสชาติอร่อยมากเหมือนกันค่ะ ไม่แพ้โครงอ่อนเลย
จริง ๆ สั่งปีกไก่นึ่งเต้าซี่แบบปกติมาด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ... ซึ่งรสชาติของปีกไก่นึ่งเต้าซี่แบบปกติเนี่ย รสชาติจะอ่อน ๆ มันๆ ค่ะ ถ้าสำหรับพิมนะ แบบเผ็ดอร่อยกว่าเยอะเลยค่ะ อาจจะเพราะพิมไม่ค่อยชอบอาหารที่ค่อนข้างจืด และมันก็เป็นได้ค่ะ
พอเราลุยติ่มซำกันหมด เราสามคนก็มาต่อที่สุกี้กันต่อค่ะ (กระเพาะสามารถใส่ได้ไม่ยั้ง อิอิ) แต่เนื่องจากว่า อาหารชุดที่สั่งมารอบแรก หมดไปแล้ว เราก็เลยสั่งอาหารชุดใหมกันมาค่ะ... ซึ่งชุดนี้พิมสั่งเอง ........ ก็จะมี สาหร่าย , ข้าวโพดอ่อนทรงเครื่อง , เนื้อปลาสด , กุ้งทรงเครื่อง , เกี๊ยวปลา , ฟองเต้าหู้ , ตับ และก็เต้าหู้ปลาค่ะ
ตัวพิมเอง ปกติไม่ทานเนื้อสัตว์อื่นใด นอกจากเนื้อสัตว์พื้น ๆ ค่ะ แต่มาวันนี้ คุณฝาละมีบอกว่า ไม่ลองสั่งเนื้อแกะมาลองเหรอ อร่อยดีนะ .. พิมก็เลย เอาก็เอา ลองสั่งดูค่ะ (คิดว่าจะมาจานเล็ก)
แต่ปรากฎว่า ... พอเค้าเอามาส่ง พิมก็หันไปถามคุณฝาละมีว่า นี่ ๆ ใครสั่งเนื้อหมูมาเหรอ จานเบ้อเร่อเชียว
คุณสามีก็หันมาตอบว่า ....... "นี่มันเนื้อแกะ ที่หมูพิมสั่งมาไม่ใช่เหรอ"
แหมมมม !! ทำไมมันมาจานเบ้อเร่ออย่างนี้ล่ะเนี่ย แล้วพิมจะกินหมดเหรอออออออ แต่เอาก็เอานะ ... กินไม่หมด ก็ส่งให้คุณฝาละมี และเพื่อนคุณฝาละมีซะก็สิ้นเรื่อง โฮ๊ะๆ
ว่าแล้ว ........ ก็ลองเอาไปลวกหน่อยล่ะกัน คุณฝาละมีบอกว่า อย่าลวกนานนะ เดี๋ยวจะไม่อร่อย พิมก็เลยลวกแป๊บเดียวค่ะ แป๊บเดียวจริง ๆ พอเนื้อเปลี่ยนสี ก็เอาขึ้นเลย ...... แล้วก็จิ้ม ๆ น้ำจิ้มดู
อืมๆๆๆๆๆๆ ... สำหรับพิม ว่าเนื้อแกะมันมีลักษณะเส้นใหญ่ เอ๊ยย เส้นใยเนื้อคล้ายเนื้อวัวนะคะ แต่ว่าไม่มีกลิ่นค่ะ แล้วก็รสจะออกจืด ๆ หน่อย ... สรุปแล้ว ครั้งแรกของพิมกับเนื้อแกะ ก็โอค่ะ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย อาจจะเพราะยังใหม่อยู่ และยังติดรสของเนื้อสัตว์ชนิดอื่นอยู่ ไว้คราวหน้า จะมาลองสั่งกินดูใหม่อีกหลาย ๆ ทีค่ะ
จากนั้นก็หันมากินเนื้อสัตว์อย่างอื่นค่ะ ลองเนื้อปลาของที่นี่ดีกว่าจะอร่อยไหม
เนื้อปลาที่นี่ พิมไม่รู้ว่าเค้าทำมาจากปลาอะไรค่ะ ถามน้องพนักงานเสริฟ เค้าก็ไม่รู้ค่ะ ... แต่เค้าแล่มาบางมาก จุ่มน้ำซุปเดือด ๆ แป๊บเดียวก็สุก ... จิ้มกับน้ำจิ้มของที่นี่ หรือกินเฉย ๆ ก็ดีค่ะ (แต่ถ้าหนากว่านี้ จะอร่อยมากค่ะ นี่กินแล้ว ไม่ค่อยรับรู้ได้ถึงรสสัมผัสของความเป็นเนื้อปลาเลย)
ระหว่างที่กิน ๆ กันอยู่ คุณแฟนก็ขอ "พริกกระเทียม" มาเพิ่มรสชาติความเผ็ดร้อนให้กับน้ำจิ้มค่ะ ... พิมก็ถามคุณแฟนว่า เค้ามีให้ขอด้วยเหรอ เพราะไม่เห็นขอแต่แรก และก็ไม่เห็นมีในเมนูด้วย ... คุณแฟนเค้าก็บอกว่ามีค่ะ มันเป็นสุกี้นิ มีอยู่ปกติแล้ว ... อืมๆ
ระหว่างนั้น .... ก็มีโต๊ะอื่นที่เข้ามาทีหลังพิม ตะโกนขึ้นว่า "ขอกระเทียมเจียว 1 ถ้วยค่ะ" ....... อืมมม มีให้ขอ มีให้สั่งหลากหลายจริงๆ
จากนั้น พิมก็เริ่มไล่กินของที่พิมสั่ง ๆ มาค่ะ แม้ตอนนี้จะเริ่มอิ่มบ้างแล้ว แต่ก็ยังกินได้อีก และที่สำคัญ สั่งมาแล้ว ก็ควรที่จะรับผิดชอบกินให้หมดค่ะ
...... ข้าวโพดอ่อนทรงเครื่อง สักชิ้นไหมค่ะ ... หรือจะรับเป็น สาหร่ายทรงเครื่องดี (หมูข้างใน คือ หมูที่ใส่ในเกี๊ยว / ที่แป๊ะบนข้าวโพดอ่อนทรงเครื่อง และที่ใส่กับอีกหลายอย่างค่ะ)
หรือจะรับ เป็น ตับ กับ ไส้อ่อน ......... ไหมค่ะ ตับลวกแค่พอสุก / ไส้อ่อน ต้มแค่ให้ร้อน (เพราะสุกมาแล้ว) ... จิ้มกับน้ำจิ้มพอประมาณ ...... อร่อยมากมายเลยค่ะ (แต่ถ้าตัวไส้ เค็มกว่านี้สักนิด จะอร่อยมากกว่านี้ค่ะ)
หรือจะเป็นเกี๊ยวทรงเครื่อง .... เกี๊ยวทรงเครื่องของที่นี่ เค้าก็อร่อยนะคะ ใช้ไส้เกี๊ยวแบบเดียวกับหมูที่โปะบนข้าวโพดอ่อนทรงเครื่อง ... จิ้มกับน้ำจิ้มก็โอเลยค่ะ
ถึงแม้พิมจะอิ่มแล้ว แต่คุณสามีบอกว่า ของเค้ายังไม่เต็มค่ะ -*- .... เพราะฉะนั้นขอสั่งชุดสุดท้ายมาเติมเต็มในกระเพาะซะหน่อยค่ะ
ก็มี ... เกี๊ยวทรงเครื่อง (อีกแล้ว) , เห็ดเข็มทองห่อสาหร่าย , เห็ดหอมสด , ลูกชิ้นไก่ และก็สาหร่ายทรงเครื่องอีกรอบค่ะ
และระหว่างที่กินกันอยู่ใกล้จะจบรายการแล้ว คุณเจ้าของร้าน หรือผู้จัดการก็ไม่ทราบอ่ะค่ะ ก็เอาห่อมาม่ารสหมูสับมาให้แต่ละโต๊ะ คนละ 1 ซอง พร้อมกับยิ้มๆ แล้วก็บอกว่า ลองไหมครับ ๆๆ (ต้องฟังดี ๆ ถึงจะฟังออกค่ะ)
ตอนแรกพิมก็นึกว่าเค้าให้เอากลับบ้าน แต่เปล่าหรอกค่ะ เค้าเอามาให้ลองใส่ต้มในหม้อน้ำซุปนั่นแหละ เสมือนเป็นบะหมี่หยกหรือว่าวุ้นเส้น
ซึ่งปรากฎว่ามันเข้ากันดีมากนะคะ แล้วตอนหลัง คุณผู้จัดการร้านเค้าก็มาถามว่าเป็นยังไงบ้าง เข้ากันดีไหม พิมก็บอกเค้าไปว่า เข้ากันดีเลยค่ะ เค้าก็ยิ้ม ๆ แล้วก็พยายามจะชวนลูกค้าอย่างพิมกับคุณแฟนคุยอีก แต่ด้วยอุปสรรคเรื่องของภาษาและสำเนียง (เค้าพูดไทยสไตล์ฮ่องกง) ที่ต่างฝ่ายอาจจะฟังกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็เลยได้คุยกันแค่นี้แหละค่ะ
ป.ล. แต่คราวก่อน ๆ ที่คุณสามีมา เค้าไมได้เอามาม่ามาให้นะคะ สงสัยอยากจะลองดูปฏิกิริยาคนมาทานก่อน เพื่อจะเอามาเป็นหนึ่งในรายการใหม่ในเมนูน่ะค่ะ
สรุป .... หลังจากเรานั่งกินกันไปประมาณ 1.15 ชม. เราก็อิ่มแปล้กันชนิดแทบจะคลานออกจากร้านเลยค่ะ แบบว่าอิ่มมากมาย พร้อมกันค่าเสียหายทั้งหมด 845 บาท (3คน) เฉลี่ยคนละ 282 บาท แต่ถ้าไม่กินติ่มซำ ก็คนละ 199 บาทค่ะ
อิ่มแค่ไหน ดูได้จากสีหน้า เพื่อนคุณแฟนค่ะ ^^"
ส่วนคุณฝาละมีพิมเร๊อะะะะะะะะะะะ เค้าบอกว่า ......อิ่มไม่ไหวแล้วววววว ... (มันก็สมควรจะอิ่มอยู่หร๊อกกกก)
..................................................
รีวิวนี้ ทำไว้ตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2552 ซึ่งณ วันนี้ 4 ก.ค. 2554 ก็ผ่านมาจะ 2 ปีแล้ว
เพราะงั้นหากร้านนี้จะเปลี่ยนแปลงไป (ไม่ว่าจะในทางดีขึ้นหรือแย่ลง) ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ที่แน่ ๆ ขอย้ำไว้ก่อนเลยค่ะว่า พนักงานเสริฟของที่ร้านนี้ไม่ใช่คนไทย บางทีก็ฟังภาษาไทยบางคำไม่ค่อยออก
ดังนั้นจะสั่งอะไรต้องเขียนระบุลงในกระดาษให้ชัดเจน อีกทั้งพนักงานเค้าจะไม่ค่อยใส่ใจลูกค้าเท่าไหร่
บางอย่างสั่งแล้วไม่ได้ อาจจะต้องตามหลายครั้ง เพราะบางทีถ้าไม่มี เค้าก็จะหายไปเลย
เพราะงั้นหากใครจะไปกินร้านนี้ แล้วคาดหวังเรื่องการบริการว่าจะเหมือนร้านอาหารอื่น ....... พิมต้องขอบอกว่าอย่าหวังค่ะ
..................................................