สวัสดีค่า 🙏🙏 วันนี้สายการบิน "พิมมี่แอร์ไลน์" จะขอพาทุกท่านไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายกันนะคะ 🚀🚀
ในทริปนี้เราจะพาทุกคนไปชิมพายสับปะรด และกาแฟสับปะรดที่อร่อยที่สุดในจังหวัดเชียงราย ไปชิมขนมและอาหารที่ทำจากใบชา (ขอบอกว่าอร่อยมากกก) ไปชิมอาหารยูนนาน ชมการคั่วกาแฟและชิมกาแฟสกัดเย็น ไปกินอาหารอาข่า อาหาร 5 ชนเผ่า ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยแม่สลอง พระอาทิตย์ตกที่ดอยสะโง้ และชมชิมอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าใครสนใจก็ตามพิมมาเลย ... พร้อมออกเดินทางแล้วค่า 🚗🚕
ทริปนี้เราเริ่มต้นกันที่สนามบินดอนเมืองนะคะ เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอนประมาณ 7 โมงครึ่ง แล้วก็เดินทางไปถึงสนามบินเชียงรายตอน 9 โมงค่ะ
ถึงเชียงรายปุ๊บ เราแวะไปหาอะไรกินรองท้องกันก่อนที่ร้านต้มเลือดหมูสหรสค่ะ จริง ๆ ร้านนี้เค้ามีหลายสาขานะคะ สาขาที่พิมไปกินอยู่บ่อย ๆ ก็คือตรงหอนาฬิกา รสชาติน้ำซุปจะเข้มข้นกว่าสาขานี้ แต่ว่าไม่สะดวกเรื่องที่จอดรถเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ วันนี้พิมก็เลยแวะมาสาขานี้แทนค่ะ
ความพิเศษของต้มเลือดหมูร้านนี้ก็คือ ผักที่เค้าใช้ ปกติร้านทั่วไปเค้าก็จะใช้เป็นผักกาดหอมไม่ก็ตำลึงใช่ไหมคะ แต่ว่าที่นี่เค้าใช้ป็นจิงจูฉ่าย ซึ่งเป็นผักที่ช่วยปรับสมดุลย์ให้ร่างกาย แก้ร้อนใน แถมยังช่วยลดอาการจุกเสียดเวลากินอาหารเยอะ ๆ แล้วไม่ย่อยได้อีกด้วย #เหมาะกับสายกินอย่างเรามากกกค่ะ ^_^
ปล. สำหรับราคา ถ้าพิมจำไม่ผิด ธรรมดา 60 พิเศษ 70 นะคะ
จากของคาว เราไปหาของหวานกินกันต่อ ที่ชุมชนบ้านป่าซางวิวัฒน์ค่ะ
ชุมชนบ้านป่าซางวิวัฒน์เป็นหนึ่งในแหล่งปลูกสับปะรดภูแลและนางแลที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงรายนะคะ ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งเรียนรู้การแปรรูปสับปะรดอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนำสับปะรดมาทำเป็นอาหารคาวหวานอย่าง มัสมั่น น้ำยากะทิ แกงเหลือง แกงคั่ว นึ่งปลา น้ำพริก ยำ ต้มข่า ไข่เจียว ฯ หรือเอามาแปรรูปเป็นท๊อฟฟี่ ไวน์ ข้าวเกรียบ และข้าวแต๋นน้ำสับปะรดนะคะ ^_^
สำหรับใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อสับปะรด 2 พันธุ์นี้ พิมก็อยากจะขอเล่าคร่าวๆ ให้ฟังนิ๊ดดดนึง เผื่อว่าจะมีใครอยากรู้ค่ะ #จะมีใครอยากรู้ไหมนะ 😄
เริ่มจากสับปะรดพันธุ์นางแล แต่เดิมแล้วไม่ใช่สับปะรดพื้นถิ่นของที่นี่หรือของจังหวัดเชียงรายนะคะ แต่ว่ามีคนจีน (ที่ได้ภรรยาเป็นคนไทย) นำพันธุ์จากจีนเข้ามาปลูกที่บ้านป่าซางเมื่อตอนปี 2497 ค่ะ และหลังจากปลูกไปได้สักพัก สับปะรดก็ได้ปรับตัวเองให้เข้ากับลักษณะทางภูมิศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นดินฟ้า อากาศ ลม น้ำ (เรียกรวม ๆ ว่า GI) ของบ้านป่าซาง จนกลายพันธุ์เป็นสับปะรดที่มีเนื้อสีเหลืองเข้ม รสชาติหวานฉ่ำ และมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้งนะคะ
ส่วนสับปะรดพันธุ์ภูแล เป็นการนำสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตที่เนื้อกรอบ มาผสมกับพันธุ์นางแลของเชียงรายที่เนื้อหวานฉ่ำ ออกมาเป็นสับปะรดพันธุ์ภูแลลูกเล็ก ๆ ที่เนื้อกรอบและมีความหวานฉ่ำ อย่างที่เห็นขายกันอยู่ในทุกวันนี้ค่ะ ^_^
ที่ชุมชนป่าซางวิวัฒน์ นอกจากเค้าจะมีอาหารพื้นถิ่นที่มีส่วนผสมของสับปะรดให้เราได้ลองชิมแล้ว เค้าก็ยังมีกิจกรรมการทำอาหารจากสับปะรดให้เราได้ลองทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นแกงฮังเลสับปะรด หรือยำสับปะรดนะคะ เพื่อน ๆ คนไหนสนใจอยากเข้ามาดูเข้ามาชม ก็ติดต่อสอบถามรายละเอียดเรื่องวัน เวลา และค่าใช้จ่ายได้ที่ ป้าวิรัตน์ 098-796-4221 เลยค่ะ ^_^
นอกจากอาหารจากสับปะรดแล้ว วันที่พิมไปพิมก็มีโอกาสได้ชิมน้ำสับปะรดคั้นสดจากสับปะรดนางแล ชีสทาร์ตสับปะรดนางแลนางผึ้ง และพายสับปะรดจากสับปะรดภูแลทั้งลูก จากร้าน "ฮักนะภูแลพาย" นะคะ บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะชีสทาร์ตกับพายสับปะรด คืออร่อยมากกกค่ะ ชีสทาร์ตแป้งบางร่วน หอมชีสเบาๆ ไส้ที่เป็นสับปะรดกวนก็ทำมาจากสับปะรดนางแลกวนผสมกับน้ำผึ้งและไซรับที่ทำจากสับปะรดแท้ๆ ไม่ได้ใส่น้ำตาลหรือแบะแซนะคะ ส่วนพายสับปะรดเค้าใช้สับปะรดภูแลทั้งลูกมาเป็นไส้พาย (ไม่ได้ add น้ำตาลเพิ่ม) ห่อด้วยแป้งพายบาง ๆ แล้วเอาไปอบจนสับปะรดมีความฉ่ำหวาน กัดเข้าไปแต่ละคำนี่ฟิน ๆ เลยค่ะ
ถ้าใครไปเชียงรายแล้วนึกไม่อออกว่าจะซื้ออะไรกลับไปฝากคนที่บ้านดี พิมแนะนำชีสทาร์กับพายสับปะรดของฮักนะภูแลเลยค่ะ หาซื้อได้ที่ร้านสุจินต์หมูยอ ของฝากจังหวัดเชียงราย และร้านอาหารมาลองต้อะ ตรงแยกสนามบินแม่ฟ้าหลวงนะคะ ส่วนใครที่อยู่ไกลแต่อยากลองชิม ก็เข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ที่เพจ >> ฮักนะภูแลพาย เลยจ้า
ก่อนจะออกจากชุมชนป่าซาง เราก็แวะไปกินกาแฟที่ร้านกาแฟหน้าชุมชนกันสักหน่อยค่ะ แบบว่าโด๊ปนิ๊ดดนึง เพราะเมื่อช้าตื่นตั้งแต่ตี 4 นะคะ 😄😄
ที่ร้านนี้เค้าจะมีกาแฟ Signature อยู่ ชื่อว่ากาแฟป่าซาง เป็นกาแฟอาราบิก้าคั่วกลาง แล้วนำมาชงผสมกับน้ำสับปะรดนางแล และไซรับสับปะรดค่ะ วิธีกินจะมี 2 แบบ แบบแรกคือคนผสมกันเลย จะได้รสชาติขมนิด ๆ จากกาแฟ และหวานเปรี้ยวเข้มๆ จากสับปะรด ปน ๆ กันไป อร่อยดีนะคะ เหมาะมากกสำหรับคนที่ไม่ชอบกินกาแฟสดอย่างพิม ส่วนอีกวิธีคือ กินเป็นเลเยอร์ เริ่มจากน้ำสับปะรด+ไซรับสับปะรดก่อน ก็จะได้รสชาติหวานเปรี้ยวที่เคลือบลิ้นไว้ แล้วค่อยตามด้วยกาแฟอีกทีค่ะ
เพจ >> ร้านกาแฟป่าซาง
พูดถึงเชียงราย นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกสับปะรดที่สำคัญของไทยแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งปลูกชาพันธุ์ดีอีกด้วยนะคะ
จากไร่สับปะรดที่บ้านป่าซางวิวัฒน์ เราขับรถต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงไร่ชาฉุยฟุงค่ะ
ที่นี่นอกจากจะมีบรรยากาศไร่ชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตาติด 1 ใน 3 อันดับไร่ชาที่มีวิวสวยที่สุดในประเทศไทยแล้ว เค้าก็ยังมีคาเฟ่ที่ขายเครื่องดื่ม อาหารและขนมขนมที่ทำจากช่าอีกด้วยค่ะ ^_^
ด้วยความที่ทริปนี้พิมไปกันหลายคนเน๊าะ พวกเราก็เลยลองสั่งอาหารและขนมมาชิมกันหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรลชาเขียว เครปเค้กชาเขียว ซาลาเปาชาเขียว ชีสเค้กชาเขียว เค้กชาเขียว ยำชาเขียวกับทูน่า และก็ใบชาทอดกรอบนะคะ ตัวพิมได้ชิมเฉพาะอาหารคาวกับเครื่องดื่ม และชีสเค้ก 1 อัน แต่เท่าที่ได้ชิม บอกเลยว่าคุณภาพสมราคา เมนูอาหารคาวที่ทำจากใบชา รสชาติกลมกล่อมมาก ไม่มีความขมหรือเหม็นเขียวใบชาเลย ตัวของทอดก็ทอดมาแบบไม่อมน้ำมัน มีความกรอบจริงจังแต่กรอบเบา ๆ ส่วนขนมและเครื่องดื่มที่ทำจากชา ก็มีความหอมชาอย่างที่ควรจะเป็น โดยรวมแล้ว OK ทุกอย่าง สั่งได้เลยค่ะ
พิกัดไร่ชาฉุยฟง >> https://goo.gl/maps/4JkjCgxoG17r5UPF8
จากไร่ชาฉุยฟุง ขับรถต่อมาอีกประมาณ 45 นาที เราก็จะถึงไร่ชา 101 นะคะ ด้วยความที่คืนนี้เราจะไปพักกันที่ดอยแม่สลอง แล้วไร่ชา 101 อยู่ตรงทางขึ้นดอย เราก็ขอแวะไปชิมชาร้อน ๆ ของที่นี่กันสักหน่อยค่ะ
จะว่าไปแล้วไร่ชา 101 เป็นไร่ชาแห่งแรกบนดอยแม่สลองที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมไร่ได้นะคะ พิมไม่แน่ใจว่าเค้าเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าครั้งแรกที่พิมไปดอยแม่สลองเมื่อประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว ก็ได้เดินลงไปชมไร่ชาที่นี่แล้วค่ะ
พิกัดไร่ชา 101 >> https://goo.gl/maps/Dgnwm8djPheLCdAM6
ที่นี่นอกจากจะมีไร่ชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตาแล้ว (เห็นว่าพื้นที่กว่า 300 ไร่) เค้าก็ยังมีบริการให้เช่าชุดชาวเขาสำหรับเอาไปเป็นพร๊อบถ่ายรูปด้วยนะคะ (สำหรับคนไซส์ปกติเท่านั้น ส่วนไซส์พิมหมดสิทธิ์จ้า 😂😂) เค้าก็ยังมีบริการชาร้อนสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วยนะคะ ซึ่งถ้าใครชอบชาตัวไหน ไม่ว่าจะเป็นอู่หลงก้านอ่อน อู่หลงเบอร์ 12 15 อู่หลงแดงนม ชาเก๊กฮวย ชาหอมหมื่นลี้ ฯ รวมไปถึงลูกอมชาอู่หลง ก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านได้ค่ะ
จากไร่ชา 101 ถ้าพิมจำไม่ผิดตอนนั้นมันประมาณ 5 โมงเย็นได้แล้วค่ะ พวกเราก็เลยพากันไปเช็คอินที่บ้านพักก่อน ซึ่งคืนนี้เราพักกันที่ "ภูเมฆตะวัน รีสอร์ท แม่สลอง" ซึ่งเป็นบ้านพักที่อยู่ในเขตแม่สลองนอก และอยู่ห่างจากไร่ชา 101 ประมาณ 3 นาทีได้นะคะ #คือใกล้มากกก ^_^
บ้านพักของที่นี่ก็จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน แบบแรกก็คือบ้านเป็นหลัง ๆ อย่างในภาพด้านล่าง และอีกแบบก็คือ ห้องพักที่อยู่บนตึกค่ะ ราคาโดยเฉลี่ยแล้วถ้าเป็นหน้าหนาวก็อยู่ที่ 1000 กว่าบาทต่อคืน (รวมอาหารเช้า) ถ้าเป็นหน้าร้อนหรือตั้งแต่ปลายมกราเป็นต้นไป ก็อยู่ที่หลักร้อยปลาย ๆ เท่านั้นเองนะคะ
เสร็จจากการเช็คอินที่พักแล้ว เราก็ออกไปหาอะไรกินกันสักหน่อยค่ะ คืนนี้เราฝากท้องกันที่ร้านอาหารที่ชื่อว่า "คุ้มนายพล" ที่อยู่บนดอยแม่สลองนะคะ
ร้านนี้เนี่ยเค้าขายอาหารจีนยูนนานค่ะ มีทั้งขาหมู หมั่นโถว ไก่ดำตุ๋นยาจีน สามชั้นทรงเครื่อง (เคาหยก) หมูผัดผักกาดดองสไตล์ยูนนาน ผัดปวยเล้ง ยอดถั่วลันเตา เต้าหู้ทรงเครื่อง ผัดหมี่ ฯ ประมาณนี้นะคะ มีทั้งแบบสั่งเป็นจานๆ ราคาจานนึงก็ 150-250-350 บาท ขึ้นกับว่าเป็นจานเล็กหรือจานใหญ่ค่ะ แต่ถ้าใครไปกันหลายคน แล้วไม่อยากสั่งเอง ก็สามารถให้ทางร้านเค้าจัดมาได้เลยนะคะ มีตั้งแต่ราคาโต๊ะละ 2500 / 3500 / 4500 ไปจนถึง 5000 บาท ขึ้นกับชนิดและปริมาณอาหารค่ะ ^_^ ซึ่งโต๊ะแพง ๆ ก็จะมีอาหารพิเศษ ที่ปกติไม่ได้อยู่ในเมนูของร้าน อย่างเช่น เป็ดกรอบยูนนาน ออเดิร์ฟแบบยูนนาน กะพงน้ำแดง ฯ ประมาณนี้นะคะ)
รสชาติอาหารของที่นี่ สำหรับพิมรู้สึกว่าโอเคเลยค่ะ กลมกล่อมดี ไม่เผ็ด กินได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเห็ดหอมอบซีอิ๊ว กับผัดหมี่ยูนนานคืออร่อยจนอยากสั่งเพิ่มเลยนะคะ แต่ด้วยความที่อากาศมันอาจจะเย็นมาก (วันที่พิมไป 15-16 องศา) อาหารออกมาจากครัวแป๊บเดียว ก็ไม่ค่อยร้อนแล้ว นี่ถ้าอาหารร้อนตลอด (ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ^_^) ก็คงจะฟินมากเลยค่ะ
** อีกร้านอาหารบนดอยแม่สลองที่พิมอยากแนะนำ คือ ร้านอิ่มเก่า เป็นร้านที่พิมไปกินประจำทุกครั้งที่แวะมาที่นี่นะคะ ขาหมูยูนนาน หมั่นโถว กับผัดหมี่อร่อยมากค่ะ
จบจากมื้อค่ำก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนนะคะ ทริปนี้เนี่ยคุณสามีพิมไม่ได้มาด้วย เพราะนั้นคืนนี้พิมก็นอนคนเดียวค่ะ ห้องกว้างขวางแถมอากาศยังเย็นยะเยือก เสื้อกันหนาวก็ไม่ได้เอามา ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับฝันดีไหม ..... แต่ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^_^