และหลังจากที่เราเดินชมทุ่งดอกกระเจียวกันมาเกือบ 2 ชม. ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับ กทม. กันแล้วค่ะ
...... แต่ก่อนจะกลับ ตามธรรมเนียมก็ต้องมีการช๊อปปิ้งซื้อของขวัญของฝากกันสักหน่อยอ่ะค่ะ ซึ่งตรงด้านล่างบริเวณใกล้ที่ทำการอุทยานหรือใกล้จุดซื้อตั๋วก็จะมีของฝาก ของที่ระลึกของ อช. ป่าหินงาม + ทุ่งดอกกระเจียวขายมากมายเลยอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็น CD เพลงเกี่ยวกับป่าหินงามโดยศิลปินในภาพด้านล่างนี้ที่คุณสามีพิมเค้าสนใจมากเลยอ่ะค่ะ
อย่างที่พิมเคยเล่าในตอนอื่นๆ ที่ผ่านมา (หรือไม่เคยเล่า แอบงง ฮ่ะๆ) ..... ว่าคุณสามีพิมเค้าเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีค่ะ โดยเฉพาะกีต้าร์นี่ชอบมาก เห็นร้านกีต้าร์ที่ไหนไม่ได้ต้องแวะเข้าไปเสมอครั้งละอย่างน้อยเป็นชั่วโมง ดังนั้นพอคุณสามีพิมเค้าเห็นพี่ศิลปินคนนี้ (ชื่อ นาท ซูดาน) เล่นกีต้าร์ แถมยังแต่งเพลงเอง ร้องเองอีกต่างหาก แล้วยังเป็นเพลงเกี่ยวกับขัยภูมิ เกี่ยวกับทุ่งดอกกระเจียว คุณสามีพิมเค้าก็เลยสนใจมากๆๆๆๆ เลยค่ะ
สนใจขนาดเข้าไปดูสินค้าของพี่เค้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ (แต่เผอิญใส่ไม่ได้สักตัว) กระเป๋าผ้า และก็ CD อ่ะค่ะ
และหลังจากคุณสามีพิมเค้าดูสินค้าของพี่เค้า คุยกับพี่เค้าอยู่สักพัก คุณท่านก็อุดหนุนสินค้าของพี่เค้ามา 2 ชิ้นค่ะ (แต่ไม่อยากเม้าท์เลยว่า อุดหนุนมาเฉย ๆ ตั้งแต่กลับถึงกรุงเทพฯ จนกระทั่งถึงวันนี้ 2 อาทิตย์แล้ว คุณสามียังไม่เคยเปิดฟังสักครั้ง มีแต่พิมที่เปิดฟังไปแล้ว 2 ครั้งอ่า >_<")
และก่อนที่จะเดินออกจากร้าน คุณสามีก็ขอถ่ายรูปกับพี่เค้าไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยอ่ะค่ะ ซึ่งพี่เค้าก็ยินดีจ้า (และหลังจากนั้นก็มีฝรั่งที่มาชมทุ่งดอกกระเจียว มาขอถ่ายรูปกับพี่เค้า หลายคนเลยค่ะ)
จากนั้นพวกเราก็เดินไปดูสินค้าอื่นตามทางเรื่อย ๆ ค่ะ
.. ก็ไปเจอกับร้านขายเสื้อยืดสัญลักษณ์อุทยานนะคะ แต่ว่าเค้ามีสูงสุดแค่ไซด์ L ซึ่งพิมกับคุณสามี และคนที่บ้านพิมใส่ไม่ได้เลยสักกะคน ก็เลยอดอุดหนุนจ้า
แล้วเราก็เดินกันต่อไปเรื่อย ๆ อีกนิดนึงก็จะเจอกับร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับดอกกระเจียว ต้นกระเจียวเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจที่ทำจากเม็ดมะค่า (คนขายเค้าว่างั้นนะคะ) ... ซึ่งพี่คนขายบอกว่าถ้าหากเราซื้อไปใช้แล้วเบื่อ อย่าทิ้งลงถังขยะนะคะ ให้ทิ้งลงบนพื้นดินแทน แล้วมันจะเติบโตกลายเป็นต้นมะค่าอ่ะค่ะ ....... แหมมมม เก๋ไก๋ จริงๆ อ่ะ ก็เลยถอยมาซะแผงนึงค่ะ ฮ่ะๆ
แล้วนอกจากพวงกุญแจเม้ดมะค่า ก็ยังมีกางเกงที่ทำจากผ้าฝ้าย ผ้าพื้นเมือง มีดอกกระเจียวแบบพวงกุญแจ และก็มีต้นดอกระเจียวประดิษฐ์สีสันสวยงามแบบในภาพอ่ะค่ะ
ซึ่งพิมขอบอกว่าราคาของขที่ระลึกของที่นี่ไม่แพงเลยค่ะ อย่างพวงกุญแจนี่อันละ 10 บาท โหลละ 100 หรืออย่างต้นดอกกกระเจียวต้นเล็กสุด สูงประมาณคืบกว่าๆ ก็แค่ต้นละ 25 บาท 4 ต้นร้อยเองค่ะ ส่วนต้นที่อลังการใหญ่ ๆ ก็แค่ต้นละร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง ถูกมากๆ เลยจ้า
หลังจากเดินช๊อปปิ้งอยู่พักนึง พิมกับคุณสามีก็ได้ข้าวของมาประมาณนี้อ่ะค่ะ ซึ่ง 80% ไม่อยากเม้าท์เลยค่ะว่าเป็นของคุณสามีอ่ะ ไม่ว่าจะจะเป็นหมวกหมีแพนด้าบนหัวของเค้า หมวกหมีอีกแบบในถุง ต้นดอกกระเจียวหลายต้น พวงกุญแจหลายอัน และของกระจุ๊กกระจิ๊กอีกหลายอย่างที่อยู่ในถุงน่ะค่ะ .... ส่วนของพิมมีแต่หมวก 2 ใบในมือขวาของคุณสามีเท่านั้นเองจ้า ซึ่งตรงนี้พิมแอบขำ ๆ คุณสามีนะคะ เพราะว่าตอนก่อนที่เราจะมาเนี่ย พิมบอกเค้าว่าเราจะมาอย่างประหยัดนะ จะไม่ใช้เงินสิ้นเปลืองอ่ะ คุณสามีเค้าก็อืม ๆ โอเค ย้ำๆ เราจะใช้เงินกันอย่างประหยัด ...... แต่พอมาถึงที่จริง ๆ แล้ว เค้าก็ลืมเรื่องประหยัดไปซะสนิทเลยค่ะ เดินไปช๊อปๆๆ ค่ะ ท้ายสุดก็ได้ของมาตามนี้ล่ะ แล้วพอพิมถามว่าไหนว่าจะใช้กันอย่างประหยัด เค้าก็หัวเราะแห๊ะๆ บอกว่าก็เค้าไม่เคยมาที่แบบนี้นี่นา มันก็เลยตื่นใจ เห็นอะไรก็อยากซื้อไปฝากที่บ้านไปซะหมด ..... พิมก็เลยยิ้มๆ ค่า ^_^
และหลังจากที่เราช๊อปกันเสร็จ ก็ได้เวลาที่เราจะต้องไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านกันแล้วค่ะ
ซึ่งตอนที่เดินกลับขึ้นไปบนรถ คุณสามีพิมเค้าก็ใส่หมวกหมีแพนด้าขึ้นไปด้วยค่ะ คนบนรถก็เลยต่างพากันมองคุณสามีเป็นตาเดียวกัน แล้วก็พูดว่า ..... น่ารักจริงเลยอ่ะ ........ ฮ่ะๆ ไม่รู้จะดีใจแทนคุณสามีดีไหมนะเนี่ย ^^
จากนั้นทัวร์ของเราก็เดินทางออกจาก อช. ป่าหินงามตอนประมาณ 16.25 น. ค่ะ และหลังจากออกจากป่าหินงามไปได้สัก 2 โล ก็จะผ่านกับดงขายของฝาก จำพวกผักผลไม้พื้นบ้าน ทัวร์ ขสมก. เค้าก็เลยจอดให้เราช๊อปปิ้งกันอีกรอบอ่ะค่ะ ........ ซึ่งตรงส่วนนี้พิมไม่ได้ซื้ออะไรเลยสักอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคอแลนที่เปรี้ยวปรี๊ดอย่างในภาพ ถูกมากกำละ 10 บาทเอง แต่พิมไม่ชอบกิน คุณสามีไม่ชอบ แม่ไม่ชอบ น้องไม่ชอบ ก็เลยไม่ซื้อค่ะ
หรืออย่างเจ้าลูกอะไรก็ไม่รู้ กลมๆ สีม่วง ๆ ที่คนขายบอกว่ารสคล้ายลูกหว้า พิมก็ไม่ได้ซื้อค่ะ (เพราะไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วจะกินได้ไหม ฮ่ะๆ)
ส่วนฟักทองลูกเล็กๆ นี่ตอนแรกพิมว่าจะซื้อไปทำสังขยาในลูกฟักทองนะคะ แต่ว่าราคาแพงกว่าที่กรุงเทพฯ ซะอีกค่ะ ก็เลยไม่ได้ซื้ออ่ะ
น้อยหน่านี่ก็งามมากค่ะ แต่เป็นน้อยหน้าเนื้อซะส่วนใหญ่ ซึ่งพิมไม่ค่อยชอบ พิมชอบน้อยหน่าหนังมากกว่า ก็เลยไม่ได้ซื้ออีกล่ะจ้า ....... (แล้วมีอะไรมั่งเนี่ย ที่พิมชอบ >_<")
ข้าวโพดหวานนี่ ขอบอกว่าคนบนรถที่ไปทัวร์ ขสมก. เดียวกับพิม ซื้อกันเยอะเลยค่ะ เค้าว่าสดดี พิมก็ว่าสดดีเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อ ฮ่ะๆ
ส่วนหน่อไม้ต้มที่ขายเป็นถุง ๆ และหน่อไม้ดองที่ขายเป็นขวด ๆ นี่พิมก็ไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะว่าที่บ้านสวนของแม่พิมมีกอไผ่เยอะ ไม่ว่าจะไผ่ตง ไผ่ป่า ไผ่รวก ซึ่งให้หน่อไม้ที่รสอร่อยทั้งนั้น ก็เลยไม่ได้อุดหนุนอีกแล้วจ้า (ที่สำคัญไม่รู้เค้าต้มไว้นานแค่ไหนแล้ว ใส่สารกันบูดหรือเปล่า และหน่อไม้ดองนี่ใส่สารกัดขาวไหม อะไรทำนองนี้แหละค่ะ)
แต่จะว่าไป ไอ้โน่นพิมก็ไม่อยากซื้อ ไอ้นี่พิมก็ไม่อยากได้ แต่ไอ้ที่พิมอยากได้อยากซื้อก็มี ....... นั่นก็คือสะตอของโปรดพิมอ่ะค่ะ แต่อาจจะเพราะว่าทั้งพิมและคุณสามีอยู่ในช่วงกำลังเพลีย+ง่วงสุดฤทธิ์ ก็เลยสื่อสารกันผิดพลาดเล็กน้อย ทำให้อดซื้อสะตอพวงนี้กลับกรุงเทพฯ เลยค่า เสียดายมากๆ อ่ะ
แล้วหลังจากที่เราช๊อปปิ้งกันเสร็จเรียบร้อยทั้งสองที่ ....... ประมาณเกือบ 5 โมงเย็น ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันจริง ๆ แล้วค่ะ ^__^
แต่ระหว่างเดินทางกลับ ทาง ขสมก. เค้าก็ได้จอดพักที่ร้านอาหารร้านนึงที่ อ.ลำนารายณ์ จ.ลพบุรี ตอนประมาณเกือบ 6 โมงเย็น เพื่อให้เราแวะทานข้าวเย็นและซื้อของฝากกันอีกรอบน่ะค่ะ
ซึ่งอาหารที่ร้านนี้ พิมไม่รู้ว่าเป็นยังไง อร่อยไหม เพราะไม่ได้กิน แต่คุณสามีพิมบอกว่ารสชาติดีค่ะ และไม่แพงเท่าไหร่
แล้วหลังจากที่คุณสามีกินเสร็จ พิมก็ชวนคุณสามีไปหาซื้อของกินไปฝากที่บ้านพิมกันค่ะ ซึ่งของฝากที่เป็นของกินของที่ร้านนี้มีเยอะมาก
ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงหยี 4 รส (เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด) ขนมเปี๊ยะสารพัดไส้ สารพัดยี่ห้อ คุ๊กกี้เมล็ดทานตะวัน คุ๊กกี้ปลาช่อน คุ๊กกี้องุ่น
คุ๊กกี้ตัวหนอนไส้สับปะรด ไข่เค็มดินสอพอง ไข่เค็มดองน้ำเกลือ ไข่เยี่ยวม้า มะม่วงกวน โมจิ
ปลาร้าแบบเป็นไห ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม มะขามหวาน กาละแมแบบห่อเป็นข้าวต้มมัดเล็กๆ
กุนเชียงหมู กุนเขียงปลา ปลาร้า ปลาส้ม น้ำพริกปลาร้าสับ สมุนไพรสำหรับดองยา น้ำพริกกระปุก
กระเทียมโทนดอง ท๊อฟฟี่กะทิสด ถั่วทอดชนิดต่างๆ กาละแมเสวย
ทุเรียนทอด คุ๊กกี้สิงคโปร์ หมูหยอง หมูแผ่น ข้าวกล้อง-ข้าวตังหน้าหมูหยอง
รวมไปถึงกะหรี่ปั๊บที่ทางร้านเค้าโฆษณาว่าเป็นของดีประจำร้าน ประมาณว่าคุณภาพสุดยอด และทำใหม่สดทุกวัน ..... ซึ่งด้วยความที่พิมไม่รู้จะซื้ออะไรกลับไปเป็นของฝากให้ที่บ้านดี เพราะว่าของฝากที่เป็นของกินของที่นี่ 99% ไม่มีระบุวันผลิตและวันหมดอายุ .... ก็เลยทำให้พิมตัดสินใจซื้อกะหรี่ปั๊บนี่แหละค่ะกลับไปเป็นของฝากที่บ้าน (เพราะเค้าโฆษณาว่าทำสดใหม่ทุกวัน ไม่มีของค้าง)
จากนั้นเมื่อซื้อของฝากเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันอย่างจริง ๆ แล้วอ่ะค่ะ
18.40 น. เป็นเวลาที่พวกเราเดินทางออกจากร้านขายของฝากด้านบน ซึ่งน้องพนักงาน ขสมก. ประจำรถบอกว่า ถ้าตอนเข้ากรุงเทพฯ รถไม่ติดเท่าไหร่ เราก็จะถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ทุ่มค่ะ
ด้วยความที่คุณสามีพิมเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน แถมคืนก่อนจะมาก็ไม่ได้นอน ก็เลยทำให้ระหว่างเดินทางกลับ คุณสามีพิมเค้าก็หลับยาวววววตั้งแต่ลพบุรีจนถึงกรุงงเทพฯ โดยไม่รู้ตัวค่ะ
และแล้วหลังจากเราใช้เวลาเดินทางกันมาเกือบจะทั้งวัน เราก็กลับมาถึงกรุงเทพฯ กันตอนเวลาประมาณเกือบ ๆ 3 ทุ่มค่ะ ซึ่งพอรถจอดที่อู่บางเขน เราก็พบว่ารถเมล์ทัวร์ของสายอื่นๆ ก็กำลังทยอยกันกลับเข้ามาในอู่เช่นกันค่ะ ........ (ก็อาจจะแปลได้ว่า ไม่ว่าจะไปทัวร์ไหน ๆ ของ ขสมก. ก็จะกลับเข้ามาที่อู่บางเขนตอนเวลาประมาณนี้เหมือน ๆ กันหมดอ่ะ)
และหลังจากลงจากรถ ขสมก. ทัวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิมกับคุณสามีก็จะต้องไปต่อรถสาย 95 เพื่อกลับบ้านกันอีกทอดนึงค่ะ
... ซึ่งช่วงหลังจากนี้ไป พิมไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูแล้วนะคะ แบบว่าพิมก็งอมเต็มทนแล้วเหมือนกัน ฮ่ะๆ เพราะงั้นพิมขอจบทริปพาเที่ยวชัยภูมิไว้แค่ตรงนี้ล่ะกันจ้า แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า วันหน้านะคะ ......... ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจ้า
-------------------------------------------------------------------------
ป.ล. เกือบลืม ด้วยความที่พิมไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนคุณสามี ระหว่างนั่งรอรถสาย 95 เพื่อที่จะกลับบ้าน พิมก็เลยเกิดอาการหิวขึ้นมาค่ะ ก้เลยแกะกะหรี่ปั๊บที่เพิ่งซื้อตะกี้ขึ้นมา กะว่าจะกินให้อร่อยซะหน่อย แต่ปรากฎว่าพิมกลับโดนกะหรี่ปั๊บทำพิษค่ะ เพราะว่าทั้งกล่องที่ซื้อมา เสียทุกชิ้นค่ะ ไส้ข้างในไม่ว่าจะไส้เผือก ไส้ถั่ว ไส้ไก่นี่ เปลี่ยนสี เปลี่ยนลักษณะ รวมถึงรสชาติก็เปลี่ยนไปหมดแล้วค่ะ ..... แบบว่าเป็นกะหรี่ปั๊บที่เก่าเก็บสุดๆ ไม่รู้เก็บมาตั้งแต่ชาติไหนแล้ว รู้แต่เสียดายเงินมากๆ เลยค่ะ ....... เพราะงั้นหากเพื่อน ๆ คนไหนไปลพบุรี ผ่านร้านนี้แวะร้านนี้ (ร้านที่มีหน้าร้านเป็นที่ว่างโล่ง ๆ แบบในภาพที่พิมถ่ายมา และก็มีร้านข้างๆ เป็นร้านขายเครื่องปั้นดินเผา และพวกเครื่องปั้นที่เป็นรูปสัตว์อ่ะค่ะ) ก็อย่าเผลอไปซื้อกะหรี่ปั๊บหรือขนมที่ร้านนี้เด็ดขาดเลยนะคะ ไม่งั้นจะเสียดายเงิน และเสียความรู้สึกแบบพิมอ่ะจ้า