สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้พิมจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเที่ยวเชียงรายกันนะคะ โดยทริปนี้เนี่ยพิมวางแผนเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ด้วยงบประมาณสำหรับ 2 คนไม่เกิน 13,000 บาทค่ะ ซึ่งในงบหมื่นสามเนี่ย รวมทุกอย่างตั้งแต่ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเช่าเหมารถพร้อมคนขับ 4 วัน ค่าที่พัก 3 คืน ค่าอาหารตลอด 4 วัน และค่าใช้จ่ายกระจุกกระจิกเล็กๆ น้อยๆ ด้วยน่ะค่ะ ........ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจทริปนี้ ก็เก็บเสื้อผ้าพับใส่กระเป๋าแล้วหิ้วตามพิมมาเลยจ้า ^__^
ทริปนี้เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินดอนเมืองค่ะ ซึ่งตอนแรกที่พิมจองตั๋วเครื่องบินไว้ พิมจองไฟล์ทแรกของวันเลยซึ่งจะออกเดินทางประมาณเกือบ 7 โมงเช้าแล้วถึงเชียงราย 8 โมงนิดๆ แต่อยู่ดีๆ ทางแอร์เอเชียก็ทำการเลื่อนเวลาบินซะงั้นค่ะ เป็นเที่ยวบินเดิมแต่ออกเดินทางเอา 9 โมงครึ่งและกำหนดจะถึงเชียงรายตอนเกือบๆ 11 โมง ทำเอาแผนการเดินทางที่พิมวางไว้รวมถึงรถที่จองไว้รวนหมดเลยค่ะ เพราะเวลามันหายไปตั้งเกือบ 3 ชม. ในที่สุดเลยตัดสินใจตัดสถานที่บางสถานที่ในวันแรกออกไป เพื่อให้ทุกอย่างมันกลับมาพอดีกับเวลาที่มีน่ะค่ะ
ว่าแล้ว ....... เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราก็เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองกันเลยนะคะ ^___^ ซึ่งคราวนี้เรามาก่อนเวลากันเกือบ 2 ชม. (ถึงสนามบินตอน 07.45 น.) เพราะกลัวเฉียดตกเครื่องเหมือนคราวก่อนที่ไปเชียงใหม่อ่ะค่ะ >_<"
ซึ่งตอนจะลงจากแท๊กซี่ พิมก็บอกให้พี่แท๊กซี่เค้าจอดที่ประตู 1 เลยค่ะ เพราะว่าใกล้เคาเตอร์แอร์เอเชียดี และหลังจากจ่ายเงินค่าแท๊กซี่เป็นที่เรียบร้อย พิมก็เดินเข้ามาด้านในค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้จะมีตู้คีออสอยู่ด้านหน้า หากใครยังไม่ได้เช็คอินมาล่ะก็ เช็คอินได้ตรงจุดนี้เลยนะคะ
และหลังจากนั้นเราก็เดินเลี้ยวขวาเข้าไปตรงซอกที่ผู้ชายใส่เสื้อดำปกเสื้อแดงเดินออกมานะคะ ซึ่งกรณีคนที่จะโหลดกระเป๋าลงใต้ท้องเครื่อง ให้เอากระเป๋าวางบนสายพานตรงที่น้องผู้ชายใส่เสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงินขาวเหลืองนั่งอยู่เลยนะคะ แล้วพอสแกนเสร็จ น้องเค้าก็จะถามเราว่า "ใบไหนโหลดครับ" เราก็ชี้บอกเค้าไป แต่ถ้าไม่มีอะไรโหลด ก็เดินผ่านจุดนี้เข้าไปด้านในไปได้เลยค่ะ
จากนั้นเราก็เดินตามทางไปเรื่อย ๆ ค่ะ ผ่านจุดให้แวะถ่ายรูปข้างทาง 2-3 จุด ผ่านช่องออกผู้โดยสารต่างประเทศ แล้วเราก็จะไปเจอช่องออกของผู้โดยสารภายในประเทศอยู่ทางด้านซ้ายมือนะคะ ซึ่งตรงจุดนี้เราก็จะต้องแสดงตั๋วโดยสารหรือ Boarding Pass รอบที่ 1 ค่ะ (แล้วไปแสดงอีกทีตอนเค้าเรียกขึ้นเครื่อง)
พอแสดงเสร็จ .... ก็เดินไปถึงจุดตรวจและสแกนกระเป๋า+ร่างกายของเรา+ของเหลวล่ะค่ะ ซึ่งตรงนี้มีหลายช่อง (ในภาพด้านล่าง พิมถ่ายหลังจากเดินเข้ามาแล้ว) ก็เลือกเอาตามสะดวกเลยค่ะจะเข้าช่องไหน สำหรับกระเป๋าใบใหญ่ กระเป๋าเดินทางก็ยกขึ้นวางบนสายพานได้เลย แต่ถ้าพวกกระเป๋าสะพายของคุณผู้หญิง กระเป๋ากล้อง กระเป๋าถือใบเล็ก ๆ กล้อง กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ แทบเล็ต นาฬิกา สร้อย แหวน พวงกุญแจ ถุงใส่ของกระจุกกระจิก ฯลฯ ของเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ ให้รวมใส่กระจาดก่อนวางลงบนสายพานนะคะ จะได้ไม่กระจัดกระจาย
ซึ่งตรงจุดนี้ถ้าเจ้าหน้าที่เค้าสแกนแล้วพบว่าเรามีของเหลวเกินที่ทางสนามบินกำหนด ก็จะถูกให้นำออกมาทิ้งนะคะ หรือไม่อย่างนั้นเค้าก็จะบอกให้เราโหลดทั้งกระเป๋าลงใต้ท้องเครื่อง ซึ่งขอบอกว่าค่าโหลดกระเป๋าหน้าสนามบินนี่ราคาสูงมากค่ะ เพราะงั้นถ้าของเหลวนั้นไม่ได้ราคาสูงมาก ทิ้งน่าจะดีกว่าโหลดนะคะ
และพอผ่านจากจุดแสกนมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงล่ะค่ะ ระยะทางตั้งแต่จุดสแกนไปจนถึงเกท ก็จะมีพวกร้านอาหาร (ซึ่งราคาสูงพอควร) ร้านกาแฟ เซเว่น และร้านขายของต่าง ๆ มากมายค่ะ (แต่ที่สุวรรณภูมิมีเยอะกว่าดอนเมืองหลายเท่า)
ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อเลือกหา หรือถ้าหิวก็สามารถเลือกกินได้ตามใจชอบเลยค่ะ
แต่เนื่องจากว่าพิมไม่มีอะไรจะซื้อ แถมกินข้าวมันไก่จากหน้าปากซอยบ้านมาแล้ว ก็เลยแวะแต่ 7-11 ซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งของในเซเว่นสนามบินแม้จะราคาแพงกว่าข้างนอก แต่เมื่อเทียบกับร้านอาหารอื่นๆ ที่ราคาสินค้าแพงกว่าร้านข้างนอกเกือบเท่าตัวหรือเกินเท่าตัว ..... ก็นับว่าราคาถูกมากค่ะ อย่างพวกไส้กรอก บิ๊กไบท์ ขนมต่างๆ แพงกว่าข้างนอกไม่กี่บาทเองค่ะ ถือว่าโอเคเลยในกรณีหิว ๆ หรืออยากหาอะไรรองท้องอ่ะนะคะ
และแล้วหลังจากพิมเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ในสนามบินเป็นเวลาเกือบ 1 ชม.ครึ่ง ... ประมาณ 9 โมงกว่าๆ สายการบินแอร์เอเชียเค้าก็ประกาศให้คนที่จะบินไปกับเที่ยวบิน FD 3203 ขึ้นเครื่องได้แล้วอ่ะค่ะ
ซึ่งที่นั่งของพิมกับคุณสามีในวันนี้ก็คือ A25 กับ B25 ค่ะ ที่นั่งประจำเวลาเราเดินทาง
หลังจากรอไม่นานประมาณ 10 กว่านาที ผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องมาก็นั่งกันอย่างเรียบร้อยแล้วอ่ะค่ะ
เวลา 09.24 น. เป็นเวลาที่เครื่องบินเริ่มทะยานขึ้นท้องฟ้า
ผ่านกลุ่มเมฆที่ขาวสวยและฟูฟ่องราวกับปุยนุ่น
จนกระทั่งเวลาประมาณ 10.46 น. เราก็เดินทางถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงจังหวัดเชียงรายกันแล้วอ่ะค่ะ ซึ่งท้องฟ้าที่เชียงรายวันนี้แจ่มใสมาก แถมแดดแรงสุด ๆ ไปเลย >_<
เมื่อเครื่องบินจอดสนิท ผู้โดยสารบนเครื่องก็ทยอยลุก หยิบสัมภาระของตัวเอง และเดินลงจากเครื่องค่ะ
ซึ่งวันนี้พิมแอบโชคดีที่ได้ลงเครื่องแบบเดินผ่านงวง (ช้าง) ไม่ต้องเดินลงกลางสนามบินเหมือนทุกที ^__^
และเมื่อเดินเข้าไปในตัวอาคารสนามบิน เราก็จะพบกับป้ายข้อความต้อนรับผู้ที่มาเยือนเมืองเชียงรายตั้งอยู่สูงเด่นเป็นสง่า ซึ่งตอนแรกพิมก็แอบคิดว่า อืม...ม.ม.ม เค้าคงติดตามมารยาทแหละ แต่คิดไปคิดมามันให้ความรู้สึกที่ดีมากเลยนะคะเนี่ย ^__^ เหมือนกับว่าเค้าดีใจที่เรามาเที่ยวบ้านเค้าอะไรทำนองนี้ ...... ส่วนด้านซ้ายมือ ก็เป็นสายพานที่คอยรับเป๋าที่โหลดมาอ่ะค่ะ
ซึ่งพอเดินเข้าในอาคาร คุณสามีพิมก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงค่ะ ระหว่างนี้พิมก็ขอแอบถ่ายรูปตัวเองหน่อย 555555 เป็นพยานไว้ว่ามาเชียงรายจริง ๆ น่ะค่ะ (แต่ไม่ได้มีอะไรในรูปที่แสดงว่าอยู่เชียงรายเล๊ยยยยยยยยยย)
จากนั้นเมื่อคุณสามีเข้าห้องน้ำเรียบร้อย เราสองคนก็เดินออกมาตามทางเพื่อไปยังทางออกและไปยังจุดจอดรถค่ะ ซึ่งระหว่างทางเราก็เจอกับแผ่นป้ายแผนที่เมืองเชียงรายค่ะ ซึ่งก็มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจอยู่บนแผนที่เยอะมาก ใครที่สนใจวันหลังหากได้มีโอกาสไปสนามบินเชียงรายก็อย่าลืมแวะไปอ่านดูนะคะ
และจากจุดด้านบน เราก็จะเดินผ่านประตูทางออกชั้นแรกแรก จากประตูแรกเลี้ยวซ้ายก็จะเจอกับจุดบริการรถเช่าเยอะแยะมากมายหลายเจ้าค่ะ ซึ่งใครที่เดินทางมาเชียงรายแล้วไม่รู้จะเดินทางไปไหนต่อไปนยังไง ก็สามารถใช้บริการรถเช่าเหล่านี้ได้นะคะ (แต่นั่นหมายความว่าต้องขับรถได้อ่ะค่ะ)
แต่สำหรับพิมงานนี้ขับรถไม่ได้ ก็เลยต้องเช่าเหมารถแบบมาพร้อมกับคนขับเลย ซึ่งตอนแรกพิมติดต่อคุณอีกคนนึงไว้ แต่เค้าไม่สะดวกกระทันหัน ก็เลยให้พี่เสกสรรค์กับรถยนต์คู่กายของพี่เค้า Toyota Altis มาแทนอ่ะค่ะ
ซึ่งหลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ทักทายกันพอให้รู้จักกันเบื้องต้นแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวแล้วล่ะค่ะ ^__^
สำหรับจุดแรกของวันนี้ที่พี่เสกสรรค์พาพิมกับคุณสามีไปก็คือ สวนตุงและโคมในตัวเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน "นครเชียงราย...นครแห่งดอกไม้งาม" อ่ะค่ะ ....... ซึ่งสถานที่ตั้งของสวนตุงเนี่ย เมื่อก่อนเคยเป็นเรือนจำมาก่อน แต่ต่อมาเมื่อมีการย้ายเรือนจำออกไป และได้ทำการปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นสวนสาธารณะแทน ซึ่งร่องรอยของเรือนจำเก่า เช่น กำแพงเรือนจำ อะไรพวกนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่อ่ะค่ะ
ป.ล. จริง ๆ พิมวางแผนการเดินทางมาแล้วคร่าวๆ ว่าวันไหนจะไปไหนบ้าง แต่พอเอาเข้าจริงมันมีบางสถานที่ ๆ เราไม่รู้ว่าก่อนเลยว่ามันมี ได้เพิ่มเข้ามา โปรแกรมก็ต้องปรับเปลี่ยนไปบ้างอ่ะค่ะ
สวนตุงในเวลาปกติเนี่ย เค้าก็จะเป็นเหมือนสวนสาธารณะค่ะ มีทางวิ่งออกกำลังกาย ลานออกกำลังกาย มีสวนหิน มีลานกิจกรรม มีสนามเด็กเล่น แล้วก็ยังมีพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องแต่งกายของชาวเขาหลายชนเผ่า เป็นที่รวบรวมศิลปหัตกรรมของชาวเชียงราย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาหาความรู้
แต่ในบางช่วงเวลาเช่นช่วงที่พิมไป สวนตุงก็จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวนดอกไม้ เพื่อให้เข้ากับ งาน "นครเชียงราย...นครแห่งดอกไม้งาม" แทนอ่ะค่ะ
โดยงานที่พิมว่าเนี่ย เค้าจัดกันตั้งแต่วันที่ 15 ธันวา 2555 จนถึง 23 กุมภาพันธ์ 2556 (ไม่รู้ว่าจัดทุกปีหรือเปล่านะคะ) ซึ่งตอนก่อนพิมไปเนี่ย พิมนึกว่างานเค้าเลิกไปแล้วค่ะ ก็เลยไม่ได้บรรจุสถานที่นี้เอาไว้ในโปรแกรม แต่พอไปถึงพี่เสกสรรค์บอกว่ายังมีอยู่นะ และควรจะไปซะวันนี้เลย เพราะกว่าถ้าไปวันสุดท้ายที่พิมจะกลับเนี่ย ไม่รู้จะเหลือดอกไม้สวยๆงามๆ ให้ชมมากน้อยสักขนาดไหนอ่ะ ... ก็เลยตัดสินใจไปก็ไปค่ะ
สำหรับไฮไลท์ของงานนี้ในปีนี้ก็คือ สวนดอกลิลลี่ กับ สวนดอกทิวลิป ซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมากมาย (ถึงขนาดลุยเข้าไปในแปลงปลูกซึ่งเค้าห้ามเข้า) อ่ะค่ะ
ดอกลิลลี่ของที่นี่ก็มีมากมายหลายชนิด หลายสายพันธุ์
...... และหลายสี
แต่โดยส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นโทนชมพูซะมากค่ะ หวาน ๆ ^_^
ซึ่งตัวพิมเองเนี่ย ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นดอกลิลลี่ของจริงเลยค่ะ ... มีครั้งนึงเคยซื้อหัวลิลลี่จากสวนจตุจักรไปปลูก 2 หัวกะว่างามแน่นอน ฮ่ะๆ (เคยปลูกแกลดิโอลัสแล้วมันงาม) แต่ที่ไหนได้ ปลูกไปปลูกมาเน่าซะงั้นไม่ทันได้เห็นแม้กระทั่งต้นมันเลยอ่ะค่ะ >_<' ดังนั้นพอได้มาเจอทุ่งลิลลี่แบบนี้ก็เลยสุดแสนจะประทับใจมากกกกกกค่ะ
ถัดจากทุ่งลิลลี่ ... เดินมาอีกนิดเราก็จะเจอกับทุ่งทิวลิปนะคะ
ซึ่งเจ้าทุ่งนี้นี่แหละค่ะที่มีผู้คนทั้งชาวบ้านชาวเมืองและนักท่องเที่ยวไทยและเทศให้ความสนใจกันมากที่สุด ชนิดที่บางคนกล้าก้าวขาข้ามเข้าไปในโซนที่เค้ากั้นด้วยโซ่ไว้ (ว่าห้ามเข้า) เพื่อที่จะขอให้ได้ใกล้ชิดกับดอกทิวลิปแบบสุดๆ เลยอ่ะค่ะ >_<"
สำหรับเจ้าดอกทิวลิปเนี่ย ... เห็นพี่เสกสรรค์ (พี่ที่ขับรถพาพิมกับคุณสามีเที่ยว) บอกว่าช่วงตอนเปิดงานใหม่ ๆ งามกว่านี้เยอะ เพราะเค้าพ่นละอองไอน้ำเหนือหมู่มวลดอกทิวลิปตลอด เพื่อให้ช่วยลดอุณหภูมิในบริเวณนี้ลง
แต่หลัง ๆ บางช่วงเครื่องก็ทำงานบางช่วงเครื่องก็ไม่ทำงาน ก็เลยทำให้บางวันต้นดอกทิวลิปแอบโงนเงนล้มระเนระนาดเพราะอุณหภูมิที่สูงเกินที่ต้นทิวลิปจะทนไหวอย่างในภาพด้านล่างนี่อ่ะค่ะ (เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าพันธุ์สีแดง ต้นจะอ่อนแอสุด)
ซึ่งสำหรับทิวลิปเนี่ย ก็ไม่อยากจะเม้าท์เลยค่ะว่าพิมก็เพิ่งจะเคยเห็นต้นเป็นๆ ดอกเป็นๆ ของเค้าจากที่นี่เป็นที่แรก แบบว่ามันสวยมาก คือจะว่าไงดีอ่ะ มันทั้งดูบอบบาง แข็งแรงในเวลาเดียวกัน อีกทั้งสีก็สดสวย แดงก็แดงแปร๊ด เหลืองก็เหลืองอ๋อย ส้มก็ส้มสว่าง ชมพูก็ชมพูหวานเจี๊ยบเลยอ่ะค่ะ แบบว่าเห็นแล้วก็อยากซื้อไปปลูกที่บ้านสักสิบหัว แต่ไม่เอาอ่ะ กลัวซ้ำรอยเหมือนกะลิลลี่ (ที่สำคัญถึงออกดอกก็คงจะแคระแกรน ไม่งามอย่างนี้)
จากทุ่งดอกทิวลิปและลิลลี่ ... ใกล้ ๆ กันทางสวนตุงเค้าจัดมุมกำแพงดอกไม้ที่สวยงามมากไว้ให้คนมาเที่ยวได้ถ่ายภาพ
ซึ่งตรงจุดนี้ก็เป็นจุดยอดฮิตมาก ใครไปใครมาก็ต้องแชะภาพตลอดเลยค่ะ (พิมและคุณสามีก็ด้วย อิอิ)
ถัดจากกำแพงดอกไม้ด้านบน เดินผ่านลานกิจกรรมและพิพิธภัณฑ์มาอีกฟากนึงของสวนตุง ก็จะมีซุ้มทางเดินดอกกล้วยไม้ตระกูลหวายหลากสีที่เป็นซุ้มยาวพอควรเลยค่ะ ..... โดยซุ้มเนี่ยจะเริ่มตั้งแต่ทางเข้าด้านหน้าสวนตุง แล้วก็ทำเป็นแบบโค้งๆ มายังด้านในเกือบ ๆ ถึงลานกิจกรรม ซึ่งภายในซุ้มเนี่ย หากใครเดินเข้าไปจะรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยค่ะ เพราะว่าภายในมีแต่ดอกกล้วยไม้ หันไปทางไหนก็เจอแต่ดอกไม้กล้วย ซึ่งมันสวยมากๆ แถมนะคะสวยอย่างเดียวไม่พอ กล้วยไม้บางพันธุ์ด้านในก็ยังมีกลิ่นหอมอีกด้วยอ่ะค่ะ
แต่เสียอย่างเดียว คือ ณ วันที่พิมไป มันเริ่มโทรมพอควรแล้วค่ะ บางส่วนกระถางกล้วยไม้หายไปเป็นช่อง ๆ บางส่วนก็ใบเหลืองเป็นแถบๆ อาจจะเพราะวันเวลาที่ผ่านไป อาจจะเพราะดูแลรักษาไม่ดีพอ และอาจจะเพราะฝีมือคนที่ไปเที่ยวชมด้วย .... ยังไงใครที่ไปเที่ยวชมสถานที่สาธารณะแบบนี้ก็ช่วย ๆ กันรักษาสถานที่เหล่านี้ด้วยนะคะ จะได้คงความสวยงามไว้ให้คนที่มาเที่ยวหลัง ๆ ได้ชมด้วยอ่ะค่ะ
และสุดท้าย ........ก่อนที่เราจะออกจากสวนตุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน "นครเชียงราย...นครแห่งดอกไม้งาม" พิมก็ขอแวะที่จุดขายไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวแบบเป็นต้น ๆ ซะหน่อยนะคะ
ซึ่งที่จุดนี้เนี่ยก็มีขายไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวที่สวยงามหลายชนิดค่ะ อย่างในภาพด้านล่างนี่ก็มีหน้าวัว กระถางละ 90 บาท มีฟิโลใบมะละกอ กระถางละ 80 บาท
มีดอกทิวลิปกระถางละ 150- พริมโรสกระถางละ 120- พิมูล่ากระถางละ 80-
มีไซคาเมน กระถางละ 150- (เจ้าต้นนี้ดอกแปลกดีค่ะ คือ ตอนตูม ดอกจะชี้ลงข้างล่าง แต่พอบาน กลีบดอกจะชี้ขึ้นข้างบน)
มีโอซาก้า (เฟิร์น ??) กระถางละ 90 -
และก็มีดอกลิลลี่กระถางละ (ต้นละ) 120 บาทด้วยอ่ะค่ะ
ซึ่งทั้งหมดนี่ ... อยากบอกว่าใจจริงพิมน่ะอยากซื้อต้นโอซาก้าสักต้นจังเลยค่ะ ชอบมากไม้ใบยาวๆ ที่ขอบใบหยัก ๆ แบบนี้ แต่น่าเสียดายว่าวันนี้เป็นวันที่พิมเพิ่งเริ่มต้นเดินทางเที่ยวเชียงรายเป็นวันแรก อีกตั้ง 4 วันกว่าพิมจะกลับกรุงเทพฯ แถมรถที่พิมใช้เดินทางท่องเที่ยวก็ไม่ใช่รถตัวเอง จะซื้อจะขนอะไรก็ควรจะต้องเกรงใจเจ้าของรถเค้าด้วย เพราะงั้นก็เลยต้องตัดใจไว้ไปหาเอาที่ JJ แถวบ้านก็ได้ค่ะ
แล้วหลังจากที่พิมใช้เวลาเดินทาง + ตระเวนเชียงรายมาครึ่งวัน ... พิมกับคุณสามีก็เริ่มหิวซะแล้วค่ะ ดังนั้นในรีวิวคราวถัดไป พิมจะมารีวิวร้านอาหารมื้อแรกของพิมที่ได้กินที่เชียงรายนะคะ ซึ่งขอบอกว่าลำขนาดเจ้า ^__^ ส่วนว่าพิมได้กินอะไรไปบ้าง แต่ละอย่างเป็นยังไง ไว้มาติดตามกันในตอนถัดไปนะคะ ^___^