หลังจากคืนที่ 2 ผ่านไปด้วยความสุขกายสบายใจ เช้าวันถัดมาซึ่งเป็นวันที่ 3 หรือวันสุดท้ายของทริปหัวหินในครั้งนี้ พิมก็ตื่นมาอย่างมีความสุขมากๆ ค่ะ
แต่อาจจะเพราะคืนก่อนนอนไม่ค่อยหลับ แถมเมื่อวานก็ตะลอนทั้งวัน แล้วเมื่อคืนก็ยังนอนดึกมาก (ประมาณเกือบตีหนึ่ง) เช้าวันนี้พิมก็เลยตื่นสายค่ะ จริง ๆ ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอนประมาณตี 5 กะว่าจะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะะลหัวหิวซะหน่อย แต่ปรากฎว่ารู้สึกตัวอีกทีก็ 9 โมงกว่าๆ แล้วน่ะค่ะ T__T ก็รีบปลุกคุณสามีเลยบอกเค้าว่าจะ 10 โมงแล้ว ตื่นเถอะ เดี๋ยวอดไปทะเล คุณสามีก็เลยรีบตื่นตามค่ะ เล้วก็อาบน้ำ แต่งตัว พร้อมหยิบข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ (ก็พวกอุปกรณ์กล้องนั่นแหละ) เดินลงจากห้องออกมาที่หน้าโรงแรมกันค่ะ
จากหน้าโรงแรมเราเลี้ยวขวาเดินไปตามทางเท้าริมฟุตบาท เพื่อไปหาอะไรกินเป็นอาหารเช้ากันก่อนค่ะ
เราก็เดินเรื่อย ๆ นะคะมาถึงตรงสี่แยก พิมไม่รู้ว่าเค้าเรียกสี่แยกอะไร แต่แยกนี้จะอยู่กลางตลาดโต้รุ่งและมีคิวรถบัสสีส้มไปปราณบุรีด้วยอ่ะค่ะ
จากสี่แยกเราก็เลี้ยวขวาแล้วเดินมาเรื่อย ๆ อีกนิดนึงก็จะเห็นว่าทางด้านขวามือเป็นตลาดสดนะคะ แล้วที่หน้าทางเข้าตลาดสดก็จะมีร้านอาหารร้านนึงซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านไม้ที่เป็นตึกแถวมีอายุหน่อย ขายพวกข้าวหมูแดงซึ่งพิมชอบมาก กับข้าวมันไก่ ไก่ทอด ซึ่งคุณสามีก็ชอบมากเช่นกัน เราสองคนก็เลยตัดสินใจเลือกที่จะกินที่ร้านนี้ค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะอร่อย
พอเข้าไปนั่งในร้าน คุณสามีก็สั่งข้าวมันไก่ทอดกับไก่ย่างค่ะ ..... ซึ่่งขอบอกว่าตอนเค้ายกมาเสริฟนี่ น้ำลายพิมแทบจะไหลหยดแหมะ ๆ ลงพื้นเลย แบบว่าน่ากินมาก โดยเฉพาะตรงหนังไก่ย่าง ^^"
ส่วนของพิมสั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบค่ะ (ถ้าข้าวหมูแดงเฉย ๆ จะไม่มีหมูกรอบ) .... ก็น่ากินมากไม่แพ้ข้าวมันไก่ย่างไก่ทอดของคุณสามีเหมือนกัน
แล้วก็ตามด้วยโอเลี้ยงเพื่อเพิ่มพลังสักแก้ว ... ซึ่งตั้งแต่กินโอเลี้ยงที่หัวหินมาประมาณ 4 แก้ว ไม่ว่าจะจากข้างทาง ร้านรถเข็น ร้านแบบเป็นร้าน ๆ ... โอเลี้ยงร้านนี้อร่อยที่สุดแล้วค่ะ แต่ว่าปริมาณน้ำน้อยไปนิดนึง ส่วนปริมาณน้ำแข็งนี่อัดแน่นมาเต็มแก้ว ชนิดดูดน้ำโอเลี้ยงหมด น้ำแข็งยังไม่ยุบแก้วเลยค่ะ - -"
กินเสร็จก็จ่ายค่าเสียหายไป 104 บาท แล้วก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปชายเลที่เขาตะเกียบด้วยรถสองแถวเล็กที่จอดอยู่แถวๆ นั้นอ่ะค่ะ (ค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาย)
ระหว่างทาง ผ่านหน้า Market Village ที่พิมมาเดินเล่นและกินสุกี้ที่ MK กับครอบครัวคุณสามีเมื่อวันก่อน ..... ก็มีผู้โดยสารในรถลงกันเยอะเลยค่ะ
จากนั้นรถสองแถวก็ขับต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงบริเวณเขาตะเกียบค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้เนี่ยพิมยอมรับว่าแอบเอ๋อนิดนึงค่ะ แบบว่าไม่เคยมาหัวหินไม่เคยมาเขาตะเกียบเลย แต่จากที่สอบถามคนที่ตลาดเมื่อเช้านี้เค้าจะบอกว่านั่งสองแถวมาแป๊บเดียวพอถึงสี่แยก (อะไรสักอย่าง) บอกให้สองแถวจอดแล้วเดินตรงเข้าไปหน่อยก็จะเป็นทะเลแล้ว หรือถ้าไม่อยากนั่งสองแถวก็เดินเอาก็ได้ ไม่ไกลเท่าไหร่ .. แต่ว่าอันนี้เนี่ยระยะทางตั้งแต่พิมขึ้นรถสองแถวมาจนถึงตรงนี้ มันไม่ใช่ระยะที่จะเดินได้สบาย ๆ แล้วค่ะเพราะว่าหลายกิโลมาก ก็เลยแอบงง ๆ ว่าตกลงพิมมาถูกทางไหมเนี่ย ก็เลยถามคุณป้าท่านนึงที่นั่งอยู่ในรถสองแถวว่าแยกที่จะลงแล้วเดินไปทะเลคือตรงไหนเหรอค่ะ อีกไกลไหม >_<" (คือในสองแถวตอนนี้เหลือพิม คุณสามี กับคุณป้าท่านนั้น) คุณป้าก็ยิ้มให้แล้วตอบว่า "ไม่ไกลหรอกหนู ทะเลอยู่หน้าบ้านป้าเลย เดี๋ยวลงรถพร้อมป้าแล้วเดินตามป้าไปนะ" .... ซึ่งพอพิมได้ยินคุณป้าบอกอย่างนั้นก็แอบดีใจค่ะว่าเราไม่หลงทางแล้ววววว
แล้วหลังจากนั้นเราก็นั่งรถต่อไปอีกนิดค่ะ พอถึงสามแยกอะไรสักอยาง >_<" เราก็ลงรถกัน จ่ายค่ารถคนละ 10 บาท
แล้วเราก็เดินตามคุณป้าต้อย ๆ เข้ามาในซอย ๆ นี้อ่ะค่ะ ซึ่งตอนนั้นยังมองไม่ออกว่าทะเลมันจะอยู่ตรงไหน
ป.ล. ขอเม้าท์นิดนึงค่ะว่าระหว่างที่เดินมา พิมช่วยคุณป้าเค้าหิ้วของด้วยค่ะ แบบว่าคุณป้าซื้อกับข้าวเยอะมากเลย ทั้งไข่ ผัก เนื้อสัตว์ ผลไม้ แม้บ้านคุณป้าจะเข้าซอยไปไม่ลึกเท่าไหร่ แต่การที่เจ้าบ้านเค้ามีน้ำใจให้เราช่วยชี้ทางเรา หากเราช่วยอะไรเค้าได้ก็ควรแสดงน้ำใจตอบแทนอ่ะค่ะ
แต่พอเดินมาจนถึงสุดทาง ........... ก็ต้องร้องว้าวววววววววววววว ทะเลค่ะทะเล ทะเลจริง ๆ ด้วย แถมบรรยากาศแจ่มมากกกก ^__^
ที่ว่าแจ่มก็คือ ทะเลตรงนี้มันเป็นทะเลแบบโล่ง ๆ ไม่มีเตียงผ้าใบเรียงราย ไม่มีร้านขายส้มตำ ไม่มีร้านขายอาหารทะเลน่ะค่ะ บรรยากาศของทะเลก็เลยแบบว่าโล่งๆ
โล่วชนิดที่ ....... มองซ้ายก็เห็นทะเลแบบสุดลูกหูลูกตา มองขวาก็เห็นทะเลแบบกว้างใหญ่ ^__^ (แถมทรายก็ละเอียดมากด้วยนะคะ เดินด้วยเท้าเปล่าก็ไม่ระคายเท้าเลย)
(ขยับภาพไกลออกไปอีกนิด ให้เห็นทรายกับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่)
แถมด้วยความที่พื้นทรายค่อนข้างละเอียด ปูลมก็เลยอาจจะชอบ (เดาเอาล้วน ๆ หุหุ) ก็เลยมาทำรังขุดรูกันอยู่แถวนี้เต็มไปหมดเลยค่ะ เรียกว่าเดินไปทางไหนก็เจอแต่ปูลมกับรูปูลมเต็มไปหมด ^__^
ว่าแล้วเมื่อเรามาถึงทะเลตรงชายหาดเขาตะเกียบ ก็ขอถ่ายรูปคุณสามีกับเขาตะเกียบไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยค่ะ
จากนั้นเราก็เดินเล่นกันเรื่อยเปื่อยเป็นเวลาประมาณเกือบครึ่ง ชม. ค่ะ
อ้อ แถว ๆ นี้มีเรือประมงด้วยนะคะ ทั้งแบบเรือที่มีหลังคากับเรือหางยาวแบบนี้อ่ะค่ะ
จนพอเดินเล่นไปสักพักแดดก็เริ่มร้อนมาก (ก็ใกล้เที่ยงแล้วอ่ะค่ะ) คุณสามีก็เริ่มเหนื่อยและหิวน้ำ พวกเราก็เลยเดินขึ้นไปที่วัดเขาตะเกียบเพื่อจะหาที่นั่งพักและหลบแดดกันอ่ะค่ะ
ซึ่งตรงจุดที่นั่งพักชมวิวของทางวัดเนี่ย เค้ามีตู้แช่เครื่องดื่มไว้สำหรับขายให้นักท่องเที่ยวด้วย คุณสามีพิมก็เลยอุดหนุนชาเขียวมะนาวของโออิชิเค้ามาขวดนึง และหย่อนเงินใส่ตู้ทำบุญไปอีกส่วนนึงอ่ะค่ะ ^__^
ซึ่งจากจุดชมวิวจุดนี้เนี่ย เราสามารถมองเห็นน้ำทะเลที่มีสีสวยอย่างอย่างในภาพนี้ได้อ่ะค่ะ (ไม่รู้ตรงจุดชมวิวจุดอื่นจะเป็นไหมอ่ะนะคะ)
นั่งพักเหนื่อยกันสักพัก พิมก็ชวนคุณสามีเดินไปไหว้พระกันค่ะ แต่คุณสามีบอกว่าเดินไม่ไหวแล้ว >_<" พิมก็เลยเดินไปคนเดียว
จากจุดนั่งพัก (ด้านหลังเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) เดินขึ้นบันไดมาสักหน่อยก็จะถึงจุดไหว้พระค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้เนี่ยหากใครอยากจะทำบุญตามวันเกิด ทางวัดเค้าก็มีจัดส่วนนี้ไว้ให้ด้วยนะคะ
แล้วตรงจุดนี้ ทางวัดเค้าก็ยังมีการวางม้าหินไว้ให้นักท่องเที่ยวที่มาสักการะบูชาพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ ได้นั่งชมวิวทะเลหัวหินแบบงาม ๆ กันด้วยอ่ะค่ะ
พิมเองก็นั่งชมวิวที่จุดนี้อยู่พักนึงเหมือนกัน จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 11 โมงครึ่งกว่าๆ ก็เห็นว่าเป็นเวลาที่ควรจะกลับไปโรงแรมแล้วอ่ะค่ะ
พิมก็เลยเดินกลับไปหาคุณสามีค่ะ แล้วก็บอกคุณสามีว่ากลับกันเถอะ ใกล้เวลาเช็คเอ้าท์แล้ว (โรงแรมนี้เค้าให้เช็คเอ้าท์เลทได้ถึงบ่ายโมง)
คุณสามีก็เลยลุกจากที่นั่ง แล้วเดินกลับไปตามทางเดินที่เดินขึ้นมาเมื่อตะกี้นี้อ่ะค่ะ
ระหว่างทางเดินกลับ ก็ผ่านเตียงไม้สำหรับนอนตากลมของรีสอร์ทแห่งนึงที่ตั้งอยู่แถว ๆ นั้น ก็เห็นชาวต่างชาติที่เป็นผู้หญิงใส่บิกีนี่มานอนอาบลมกันเยอะเลยค่ะ (พิมไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากนะคะ เพราะคิดว่ามันเป็นการเสียมารยาทอ่ะ)
แล้วจริง ๆ ตอนขากลับเราจะเดินย้อนกลับไปทางซอยบ้านป้าที่เป็นคนแนะนำเรามาที่ชายหาดเขาตะเกียบนี่ก็ได้ค่ะ แต่...ไม่อยากเดินซ้ำทางเดิม อยากเห็นอะไรที่แปลกใหม่บ้าง เลยเลือกเดินกลับอีกซอยที่อยู่ข้าง ๆ กันแทนค่ะ ซึ่งปรากฎว่าบางช่วงซอยที่ทางเดินเป็นพื้นทราย (ทรายเดียวกับทะเล) มันก็ยังเดินโอเค แต่พอเข้าไปในซอยลึกเข้าๆ ถนนเริ่มไม่ค่อยดีแล้วค่ะ บางจุดเป็นพื้นดินมีน้ำขังก็เดินลำบากอยู่ ยังไงหากเพื่อนๆ นั่งรถสองแถวมาแบบพิมแนะนำว่าให้กลับทางเดิมกับที่พิมเดินมาจะดีที่สุดเลยอ่ะค่ะ ^__^ (แต่ซอยนี้อาร์ทดี ฮ่ะๆ)
และจากซอยในภาพด้านบน เมื่อเราเดินออกจากซอยแล้วก็ให้เราเลี้ยวขวาเดินไปตามถนนนะคะ (ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเข้าไปที่หมู่บ้านชายทะเลที่จะขายพวกของทะเลอ่ะค่ะ)
จนถึงสามแยกที่เราลงรถสองแถวก็ให้เราเลี้ยวซ้ายอีกที ก็จะเจอคิวรถสองแถวสีเขียววิน หัวหิน-เขาตะเกียบ แบบนี้อ่ะค่ะ ... ก็ให้เราถามพี่คนขับที่มักจะนั่งคุยกันเป็นกลุ่มอยู่แถว ๆ หลังรถว่าคันไหนออก แล้วเราก็ขึ้นไปนั่งรอบนรถได้เลยค่ะ
สักพักเมื่อถึงเวลา รถก็จะเริ่มออกวิ่ง
ซึ่งจากเขาตะเกียบกลับมาหัวหินด้วยรถสองแถว (ซึ่งจอดแวะรับส่งคนตามรายทาง) จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็จะถึงหัวหิน หรือที่หน้าโรงแรมที่พิมพักอยู่อ่ะค่ะ ^__^
ป.ล. โรงแรมนี้มีบริการรถเช่าด้วยนะคะ ซึ่งไม่ใช่บริการตรงจากทางโรงแรม แต่เป็นบริการเสริมที่ทางโรงแรมเค้ามีข้อตกลงไว้กับบริษัทที่ให้บริการรถเช่าแถวนั้นอ่ะค่ะ ซึ่งจากที่คุณสามีพิมสอบถาม เค้าบอกว่าถ้าพักที่นี่แล้วเช่ารถผ่านเค้า ไม่มีค่ามัดจำ ไม่มีการกันวงเงินบัตรเครดิต แค่เพียงบัตรประชาชนและก็มีกะตังค์ค่าเช่ารถก็พอแล้วอ่ะค่ะ เพราะงั้นหากใครสนใจลองไปติดต่อดูนะคะ แต่ค่าเช่าจะแพงกว่าเช่าตรงหรือซื้อคูปองจากในเนตอยู่ประมาณนึงเลยนะคะ
และเมื่อกลับถึงโรงแรม มันก็ประมาณเที่ยงนิด ๆ แล้ว พิมกับคุณสามีก็รีบขึ้นไปบนห้องเพื่อจัดการเก็บข้าวของ และอาบน้ำอาบท่าก่อน จะแต่งตัวและกลับลงเช็คเอ้าท์อ่ะค่ะ ....... จากนั้นพิมก็ให้คุณสามีนั่งอยู่ที่ล๊อบบี้โรงแรมพร้อมกระเป๋าสัมภาระก่อน แล้วพิมก็เดินไปจองตั๋วรถตู้ที่คิวรถอยู่ถัดจากโรงแรมไปไม่ถึงยี่สิบก้าวอ่ะค่ะ เป็นรถตู้หมอชิต-หัวหิน ราคาที่นั่งละ 180 บาท แต่เนื่องจากพิมมีสัมภาระด้วยเป็นเป้ใบใหญ่และของฝากที่บ้านอีกหลายถุงหูหิ้ว ก็เลยไม่อยากนั่งแบบอึดอัด เลยจองที่นั่งเพิ่มอีก 1 ที่เป็น 3 ที่อ่ะค่ะ
แล้วเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งก็ได้เวลาที่พิมและคุณสามีเดินทางกลับจากหัวหินเข้าสู่กรุงเทพฯ ล่ะค่ะ ซึ่งตลอดทางพิมหลับตลอด >_<" และมาตื่นอีกทีก็ตอนอยู่บนทางด่วนใกล้จะถึงหมอชิตแล้ว (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูประหว่างทางมาฝากเพื่อน ๆ อ่ะค่ะ
และเมื่อลงรถตู้ที่หมอชิต พิมกับคุณสามีก็ต่อรถแท๊กซี่กลับบ้านกันค่ะ ซึ่งก็ถึงบ้านเวลาประมาณ 5 โมงเย็นกว่าๆ อย่างสวัสดิภาพ
งานนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางครอบครัวคุณสามีมากๆ เลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ น้องสาวคนโต น้องสาวคนเล็ก และที่สำคัญก็ต้องขอบคุณคุณสามีด้วยค่ะ ...... แม้การเดินทางในครั้งนี้จะมีอะไรที่ไม่เป็นดั่งใจและมีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่เมื่อเดินทางไปกับคนที่เรารัก ทุกอย่างก็แก้ไขได้
แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ ^__^