กลางเดือนมีนาที่ผ่านมา อากาศกรุงเทพฯ ร้อนมากกกกก ร้อนจนพิมไม่เจริญอาหาร กินอะไรก็ไม่อร่อย เลยคิดว่าไม่ได้การล่ะ ต้องไปหาที่หลบร้อนสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ
หลังจากปรึกษากับคุณสามีแล้ว พิมตัดสินใจว่าจะไปสัมผัสธรรมชาติและลมเย็นๆ ที่เขาใหญ่เน๊าะคะ พอดีกับช่วงนั้นมีคนชวนพิมไป Thames Valley Khao Yai ตอนแรกพิมก็ไม่รู้ว่า Thames Valley Khao Yai เป็นโรงแรมหรือรีสอร์ทแบบไหน แต่พอลองไปเปิดในดูใน Google โอ้วว...ว.วว ต้นไม้เขียวไปทัั้งบริเวณโรงแรม ก็เลยไม่รอช้า ตัดสินใจรับคำชวนของเค้าทันทีเลยค่ะ
Thames Valley Khao Yaiเป็นโรงแรมเก๋ๆ ที่มาในคอนเซป English-style countryside hotel หรือสไตล์ชนบทอังกฤษนะคะ ตัวโรงแรมจะตั้งอยู่บนถนนธนะรัตน์ ถ้ามาจากทางถนนมิตรภาพ เลี้ยวซ้ายเข้าธนะรัตน์ โรงแรมจะอยู่ทางด้านขวาเลยปาลิโอมาประมาณ 2 กม. ค่ะ
เนื่องจากว่าโรงแรมเค้าให้เข้าเช็คอินตอนบ่าย 2 โมง ก็เป็นปกติของโรงแรมทั่วไปเน๊าะ แต่ว่าพิมไปถึงเร็วนิดนึง ประมาณเที่ยงกว่าๆ ได้ ระหว่างรอเช็คอินก็เลยขอแว๊บไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร The Castle ของโรงแรมก่อนนะคะ
ร้านอาหาร The Castle เป็นร้านอาหารของโรงแรมที่ให้บริการครบทั้ง 3 มื้อเลยค่ะ ไม่ว่าจะมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ...... สำหรับมื้อนี้ ด้วยความพิมที่ไม่ได้กินข้าวเช้ามาก่อน ก็เลยแอบจัดมาหลายจานนิดนึงนะคะ
จานแรก ... ผัดไทเสริฟพร้อมกับส้มตำไทยและแคบหมู รสชาติผัดไทอร่อยดีค่ะ เป็นผัดไทแบบสามรส เปรี้ยว หวาน เค็ม รสชาติจัดจ้าน กลมกล่อม แต่ไม่เปรี้ยวมาก บีบมะนาวไปอีกสักชิ้นดีงามเลยค่ะ
ต่อมาเป็นสปาเกตตี้ไส้อั่วนะคะ โรยหน้าด้วยพาร์เมซานชีส และเสริฟคู่กับขนมปังกระเทียม รสชาติเผ็ดนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ จากมะเขือเทศ เค็มจากพาร์เมซานชีส อร่อยดีค่ะ
ถัดมาเป็นพอร์คช๊อบ จานโปรดของคุณสามี เรียกว่าถ้าได้ไปร้านไหน แล้วเค้ามีให้สั่ง คุณสามีพิมก็ต้องสั่งมากินตลอดเลยนะคะ .... ทีนี้พอร์คช๊อบเค้าชิ้นหนาดี แล้วก็ย่างมาแบบไม่สุกมากเกิน ยังนุ่มๆ อยู่ แถมยังมาพร้อมกับซอส 4 แบบ ดีงามเลยค่ะ ส่วนตัวพิมชอบซอสแจ่วที่สุด เพราะพิมชอบอาหารรสจัดจ้าน กินอาหารรสจัดจ้านแล้วรู้สึกว่าตัวเองเจริญอาหารนะคะ แต่ว่าคุณสามีพิมจะชอบซอสพริกไทยดำมากว่า เค้าว่ามันเข้ากันดีอ่ะค่ะ ^^
ส่วนจานนี้เป็น น้ำตกแซลมอนนะคะ เสริฟมาพร้อมกับผักสด ... จากที่ได้ชิม เชฟเค้าน่าจะเอาแซลมอนไปกริลล์นะคะ แล้วเอามาคลุกเคล้ากับเครื่องน้ำตก ทำออกมาแล้วรสชาติเป็นน้ำตกจริง ๆ แบบว่าแซ่บจนไม่คิดว่าเป็นอาหารโรงแรมเลยค่ะ แต่ว่าตอนกิน ต้องตักให้มีน้ำติดขึ้นมาพอประมาณด้วยนะคะ ไม่งั้นถ้ากินเซลมอนอย่างเดียว จะจืดไปนิดนึงค่ะ
จานถัดมาเป็นสปาเกตตี้ ... ถ้าพิมจำไม่ผิดจะเป็นพริกกระเทียมนะคะ รสชาติจัดจ้านมาก พิมนี่เลิฟเลยค่ะ
ส่วนจานสุดท้ายสำหรับมื้อนี้เป็นผัดกะเพราเนื้อริบอาย เสริฟพร้อมกับข้าวกล้องค่ะ ตัวเนื้อนี่นุ่มมาก รสชาติก็เป็นผัดกะเพราสไตล์ไทย ๆ แต่ไม่เผ็ดมาก คุณสามีพิมชอบเลยค่ะ (จริง ๆ พิมก็ชอบนะ แต่คุณสามีชอบมาก เลยไม่ได้ขอแบ่ง >_<)
ปิดท้ายด้วยสมูทตี้อร่อย ๆ คนละแก้ว ... เพื่อน ๆ คนไหนที่มาพักที่นี่หรือผ่านมาแถวนี้ พิมแนะนำเลยค่ะว่า ต้องมาทานสมูทตี้ของที่นี่นะคะ อร่อยจริง เพราะปกติพิมกินสมูทตี้ที่อื่น จะเหลือตลอด แต่สมูทตี้ของที่นี่ พิมกินหมดรวดเดียวเลยอ่ะค่ะ ^_^
จบมื้อกลางวัน ก็ได้เวลาเช็คอินพอดีเลยค่ะ
วันนี้หวยออกมาเป็นห้อง 401 นะคะ ^_^
ตอนแรกพิมก็คิดว่าคงเดินไกล T___T เพราะรีสอร์ทค่อนข้างกว้าง แต่เอาเข้าจริง ๆ ข้ามสะพานด้านหน้าข้างขวามือไป ก็เจอตัวตึกเลยอ่ะค่ะ (ภายในรีสอร์ท เข้าได้เฉพาะแขกที่มาพักนะคะ บุคคลภายนอกเข้าไม่ได้จ้า)
พูดถึงห้องพักแล้ว ห้องพักของที่นี่จะมี 10 แบบด้วยกันนะคะ ของพิมจะเป็นแบบ Deluxe upon Thames ค่ะ ^_^
ภายในห้องก็จะถูกจัดแต่งสไตล์อังกฤษโทนสีขาวน้ำตาล ให้ความรู้สึกสบายๆ และผ่อนคลายมากเลยนะคะ (แต่ละห้อง การจัดแต่งคล้าย ๆ กัน แต่ธีมต่างกัน เช่น ธีมขนมอบ , ธีมนักเดินทาง)
อีกด้านก็จะเป็นโซนนั่งเล่น มีเพดานโค้งๆ มีแสงไฟสีเหลือง ๆ เวลาไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น ให้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งผิงไฟด้วยเลยอ่ะค่ะ
ส่วนท้ายเตียงด้านขวาก็จะเป็นห้องน้ำที่มีการแยกโซนเปียกกับโซนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจนนะคะ และมีโซนสำหรับแต่งตัวด้วยค่ะ
ส่วนท้ายเตียงอีกด้าน ก็จะมีประตูสำหรับเปิดออกมาสูดอากาศที่ระเบียงเล็กๆ ด้านหลังห้องนะคะ ซึ่งพิมว่าถ้ามาที่นี่ช่วงหน้าหนาวหรือหน้าฝน แล้วได้มานั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือตรงนี้ หรือนั่งคุยกับคนรักตรงนี้ ท่าทางจะฟินน่าดูเลยอ่ะค่ะ ^^"
หลังจากเช็คความเรียบร้อยในห้องกันสักพัก ก็ได้เวลาออกไปสำรวจโรงแรมกันแล้วอ่ะค่ะ ซึ่งจุดแรกที่พิมไปจะอยู่ใกล้ ๆ กับ lobby ก็คือ Rose Spa นะคะ
Rose Spa เป็น Spa ของ The Thames Valley เขาใหญ่นะคะ ตัว Spa จะมีบริการนวดหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทย นวดอโรมา นวดเท้า นวดคอบ่าไหล่ หรือจะเป็นแบบฟูลคอร์ส สามารถให้บริการได้ครั้งละ 4 คน (2 ห้อง) โดยถ้าหากเป็นแขกที่มาพักที่นี่อยู่แล้ว และมาใช้บริการ ก็จะได้ส่วนลดอีก 20-30% อ่ะค่ะ ซึ่งตอนไป พิมก็แอบเมื่อยอยู่นะคะ เพราะไม่ได้นวดนานแล้ว แถมระยะหลัง ๆ ถ้าไม่ยืนทำครัวทั้งวันก็จะนั่งทำงานอยู่หน้าคอมส์ทั้งวัน เพราะงั้นก็เลยเมื่อยมากนิ๊ดดดนึง >_< ถ้าไม่ติดว่ามีนัดกิน Afternoon Tea ต่อ ก็คงได้ใช้บริการอยู่อ่ะค่ะ ^^
ถัดจาก Rose Spa สำหรับคนที่ชอบว่ายน้ำ ที่ The Thames เค้าก็มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ไว้บริการแขกที่มาพักนะคะ ซึ่งสระเนี่ยความลึกมากสุดจะอยู่ที่ 125 เมตร และสะอาดมาก น่าเสียดายว่าวันนั้นคุณสามีพิมไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำไปด้วย ก็เลยอดค่ะ >_<
ถัดจากสระว่ายน้ำ ด้านหลัง Rose Spa ก็จะเป็นฟิตเนสที่มีเครื่องเล่นอยู่หลายชนิด เพื่อนๆ คนไหนที่มาพักที่นี่และติดการออกกำลังกาย ก็แวะมาใช้บริการกันได้นะคะ
หลังจากเดินชมวิวรอบ ๆ โรงแรมเสร็จแล้ว ก็ได้เวลา Afternoon Tea พอดีเลยค่ะ (อะไรมันจะเหมาะเจาะประมาณน๊านนนน) พิมกับคุณสามีก็เลยเคลื่อนตัวมาที่ร้าน Clotted Cream Tea Room ซึ่งเป็นร้านขนมของทางโรงแรมนะคะ ^_^
ตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะนั่งกินขนม นมเนย ชากาแฟแบบเบา ๆ ที่ตรงเทอเรซด้านนอกค่ะ เพราะว่าวิวสวยมาก แต่วันที่พิมไปอากาศร้อนมากกกกถึงมากที่สุด ประมาณ 41 องศา ก็เลยคิดว่านั่งกินด้านในที่มีแอร์สักหน่อยน่าจะดีกว่านะคะ
ซึ่งที่นี่นอกจากจะมีขนม มีของว่างอร่อย ๆ แล้ว ก็ยังมีเครื่องดื่มที่น่าสนใจมากมายหลายตัวเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นชาร้อน กาแฟร้อน หรือเครื่องดื่มแบบเย็นๆ
สำหรับคนที่อยากจะสั่งชาร้อน แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกชาอะไรดี เพราะที่นี่มีชาให้เลือกเยอะมาก เพื่อนๆ ก็สามารถที่จะดมกลิ่นชาจากในขวดตัวอย่างที่ทางร้านเค้าเตรียมไว้ให้ก่อนได้นะคะ
และหลังจากได้ดมกลิ่นชาแบบเบา ๆ แล้ว พิมก็ขอเลือกเป็น Thames Garden Tea ชาที่มีส่วนผสมหลักเป็นชากุหลาบ ซึ่งเป็นชาที่พิมชอบมากๆ เลยอ่ะค่ะ โดยน้องพนักงานเค้าก็จะแสดงวิธีการชงชาต่อหน้าเราเลย ตอนแรกก็ดูเหมือนไม่มีอะไรนะคะ แต่ดูไปดูมา เพลินมาก และรู้สึกได้เลยว่าน้องเค้าตั้งใจชงชาอร่อย ๆ ให้เราจริงๆ อ่ะค่ะ ^_^
ส่วนคุณสามีกับเพื่อนร่วมโต๊ะพิม ไม่ค่อยถนัดของร้อน ก็เลยสั่งเป็นชามะนาว และก็ชาเขียวปั่นนะคะ ซึ่งเท่าที่พิมได้ชิมเล็ก ๆ ก็รสชาติเข้มข้นทั้งสองอย่างเลยอ่ะค่ะ
นอกจากชากาแฟแล้ว แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ของหวานค่ะ วันนี้จัดมาเป็น Afternoon tea set นะคะ ซึ่งก็จะมีขนมหลากหลายชนิดด้วยกัน
แต่ที่พิมชอบที่สุดใน set นี้ก็เห็นจะเป็นสโคนค่ะ สโคนของที่นี่เนื้อแน่นแต่ไม่เหนียว แล้วก็หอมนมเนย ซอสสตรอเบอรี่ กับคอทเทจครีมที่ให้มาด้วยก็หวานพอประมาณ กินคู่กับสโคน กำลังพอดีเลยนะคะ
แต่ที่ชอบมากที่สุดของที่่สุด ก็คือโทสต์สังขยาชาไทยค่ะ แบบว่าอร่อยเว่อร์เวิงมาก ตัวโทสต์เป็นขนมปังที่ถูกอบมาแบบกรอบนอกนุ่มใน โรยด้วยไอซิ่งนิดหน่อยพองาม แล้วเสริฟคู่สังขยาชาไทย พอกินด้วยกันแล้ว อร่อยดีงามเลยนะคะ ถ้าใครไปที่นี่ พิมอยากให้ลองเมนูนี้จริงๆ ค่ะ
หลังจากทาน afternoon tea กันเรียบร้อยประมาณ 4 โมงเย็นกว่าๆ พิมก็ไปเดินชมบรรยากาศภายในโรงแรมต่อนะคะ (เดินย่อย >_<) คือบรรยากาศที่นี่สวยมากอยู่แล้ว แต่ว่าช่วงเกือบ ๆ 5 โมงเย็น ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก แสงแดดที่เคยเจิดจ้าจะ soft ลง ทำให้บรรยากาศภายในรีสอร์ทชวนฝันมาก เหมือนเดินอยู่ในสวนในประเทศอังกฤษจริงๆ เลยค่ะ พิมก็เลยเดินถ่ายรูปเพลินเลย ..... พอเสร็จก็กลับเข้าไปที่ห้องพักนะคะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็กะว่าจะนอนเล่น อ่านหนังสือชิลด์ ๆ สักสองสามชั่วโมง ค่อยออกไปทานข้าวเย็นต่อ แต่นอนไปนอนมา ด้วยความที่เตียงก็สบาย อากาศในห้องโปร่งโล่ง แอร์ก็เย็นกำลังดี เลยเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกตัวอีกทีปาเข้าไป 3 ทุ่มแล้วนะคะ >_< เลยรีบปลุกคุณสามีให้ไปกินข้าวมื้อเย็นกันดีกว่าค่ะ
สำหรับมื้อเย็น (จริงๆ ต้องเรียกมื้อค่ำเน๊อะ) พิมก็ฝากท้องไว้ที่ The Castle เหมือนเดิมค่ะ แต่ขอสั่งเมนูที่แตกต่างจากเมื่อกลางวันสักหน่อย เผื่อจะได้ลองลิ้มชิมรสดูว่านอกจากเมนูแนะนำแล้ว ที่นี่เค้ามีอะไรอร่อยถูกใจพิมอีกบ้างอ่ะค่ะ
เริ่มแรกที่เมนู fish and chips เมนูโปรดของคุณสามี ... ตัวปลาทอดมาแบบไม่อมน้ำมันดีค่ะ รสชาติกลางๆ ไม่จืดไม่จัด ส่วนซอสนอกจากทาทาร์ซอส ซอสมะเขือเทศแล้ว ก็ยังมีถั่วลันเตาบดอีกด้วยค่ะ ซึ่งเจ้าตัวถั่วลันเตาบดนี่แหละค่ะเป็นจุดเด่นของเมนูนี้เลย กินคู่กันแล้วดีงามค่ะ
ต่อมาก็เป็นต้มยำน้ำข้นกุ้งแม่น้ำนะคะ ... รสชาติต้มยำของที่นี่จะเปรี้ยวนำ แต่ไม่มาก เค็มเผ็ดตามแบบกลมกล่อม รสชาติเป็นแบบขายคนไทย โดยรวมแล้วพิมว่าโอเคเลย แต่ถ้าแกะเปลือกกุ้ง (เช่นแกะเฉพาะส่วนตัวกุ้ง) หรือผ่าหลังกุ้งมาให้สักหน่อย จะโอเคกว่านี้ค่ะ
ส่วนจานนี้เป็นข้าวผัดเนื้อเค็มของพิมนะคะ รสชาติใช้ได้ เนื้อเค็มให้มาเยอะดี แต่ขอติอยู่สองอย่าง คือ น้ำมันเยอะไปหน่อย และผัดข้าวมายังไม่ทั่วเลย สังเกตุจากข้าวที่บางส่วนยังเป็นสีขาวอยู่ ทำให้รสชาติบางคำเข้ม บางคำอ่อนอ่ะค่ะ
ต่อมาจานสุดท้ายก็เป็นข้าวหน้าไข่ข้นของคุณสามีนะคะ จานนี้ข้าวนุ่ม ไข่ก็นุ่ม เสริฟมาพร้อมพริกน้ำปลา ซอสมะเขือเทศ และซอสเหยาะจิ้ม แต่ว่าแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย เพราะคุณสามีว่ารสชาติอร่อยกำลังดีค่ะ
ปิดท้ายมื้อค่ำด้วย Mojito ของพิม และแตงโมปั่นของคุณสามีนะคะ รสชาติทั้งสองอย่างเข้มข้นมาก โดยเฉพาะ Mojito กินเสร็จ กลับห้องพัก หลับสบายเลยค่ะ ^_^
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมตื่นเอาตอนประมาณเกือบ 9 โมงเช้านะคะ ปกติถ้าอยู่บ้านพิมจะตื่นประมาณ 7 โมงค่ะ แต่ว่าห้องพักของที่นี่สบายเหลือเกิน เตียงนุ่มกำลังดี นอนแล้วไม่ปวดหลัง หมอนก็ไม่หนาไม่บางจนเกินไป ผ้าห่มก็เนื้อนุ่ม ทำให้นอนเพลินมากๆ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เกือบ 9 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้วอ่ะค่ะ >_<
พอรู้สึกตัวตื่นก็เลยรีบปลุกคุณสามี (เหตุการณ์เหมือนเมื่อคืนเลย - -") เพื่อให้ไปทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ เพราะพิมได้ข่าวมาว่า อาหารเช้าของที่นี่หลากหลายมากเลยค่ะ
เริ่มกันที่มุมแรกกับสลัด นม โยเกิร์ต ซีเรียล ผลไม้สด และน้ำผลไม้นะคะ ซึ่งสลัดของที่นี่เค้าก็จะมีน้ำสลัดให้เลือก 3-4 แบบ ทั้งใสทั้งข้น เพื่อนๆ สามารถเลือกชิมได้ตามความชอบเลยค่ะ
ถัดมาก็จะเป็นมุมขนมปังนะคะ ก็จะมีทั้งขนมปังก้อนและเดนิชหลายแบบค่ะ
ต่อมาก็จะเป็นมุมของน้ำเต้าหู้ที่มีเครื่องให้ใส่หลากหลายมากเลยนะคะ เช่น ลูกเดือย วุ้น เม็ดแมงลัก แล้วก็ยังมีปาท่องโก๋ ซาลาเปา มีนมข้นหวาน .... อีกด้วยค่ะ
จากอาหารเบาๆ มาต่อกันที่อาหารหลักหนักๆ ท้องกันบ้าง ซึ่งที่นี่ก็จะมีทั้งอาหารไทย และอาหารฝรั่งนะคะ อย่างถาดนี้ก็จะเป็นสปาเกตตี้ไวท์ซอสค่ะ
ถัดมาก็จะเป็นไก่อบราดน้ำเกรวี่นะคะ ไก่นุ่ม น้ำเกรวี่รสชาติเข้มข้นดีค่ะ
ส่วนถาดนี้ก็จะเป็นเบคอนนะคะ มีทั้งเบคอนแบบกรอบกับแบบนิ่มเลยค่ะ
ถัดมาก็จะเป็น Hash Brown กับ มะเขือเทศอบนะคะ แต่ตอนที่พิมไปถ่ายรูป มะเขือเทศหมดพอดี ก็เลยไม่มีมะเขือเทศให้ถ่ายรูปอ่ะค่ะ >_<
ส่วนถาดนี้เป็นแฮม ไส้กรอก ซึ่งไส้กรอกของที่นี่ก็จะมีทั้งไก่และหมูนะคะ
ส่วนอาหารไทย เมนูก็จะสลับ ๆ กันไปค่ะ อย่างวันที่พิมไป ก็จะเป็นกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา หมูผัดพริกไทยดำ และก็ข้าวผัดไข่นะคะ
แล้วก็ยังมีข้าวต้มพุ้ย กับข้าวต้มเครื่อง (หมู) ด้วยค่ะ ซึ่งข้าวต้มพุ้ย เค้าก็มีกับข้าวให้ 4 อย่างนะคะ
นอกจากอาหารที่ทำสำเร็จแล้ว ทีนี่เค้าก็ยังมี Station ไข่ด้วยค่ะ ซึ่งนอกจากออมเลต, scramble egg ที่มีกันทั่วทุกโรงแรมแล้ว ที่นี่เค้าจะมีไข่กระทะ มี poached egg และมีเซตอาหารเช้าอีกด้วยนะคะ ^_^
เดินดูอาหารเช้าจนทั่วไลน์แล้ว มาดูอาหารที่พิมและคุณสามีตักมาทานกันบ้างดีกว่าค่ะ ..... จานแรกขอบคุณสามีเป็นสปาเกตตี้ แฮม ไส้กรอก เบคอน และกะหล่ำปลีผัดน้ำปลานะคะ คุณสามีบอกว่ารสชาติโดยรวมดีเลยค่ะ ตัวไส้กรอกก็เป็นของคุณภาพดี มีความชุ่มอยู่ข้างใน และไม่เค็มเกินนะคะ
ส่วนของพิม มื้อเช้าชอบกินเป็นอาหารไทยๆ มากกว่าอาหารฝรั่ง ก็เลยตักข้าวต้มพุ้ยมานะคะ ซึ่งที่นี่เค้าจะใช้ข้าวกล้องมาทำเป็นข้าวต้มอ่ะค่ะ ก็จะมีความหนึบความหวานความหอม กินแล้วดีต่อสุขภาพและอยู่ท้องนานกว่าข้าวขาวด้วยนะคะ
ถัดมาเป็นของคุณสามีอีกจานค่ะ กับ Poached Egg หรือที่หลายคนเรียกว่าไข่ดาวน้ำ เสริฟมาพร้อมกับผักสลัด ขนมปังปิ้ง และซอสฮอลแลนด์เดส ..... นะคะ
ส่วนจานสุดท้ายนี่เป็นของสมาชิกร่วมโต๊ะพิมค่ะ เป็นชุดอาหารเช้าที่ประกอบไปด้วยไข่ดาว ไส้กรอก แฮชบราวน์ เห็ดผัดเนย ถั่วขาว มะเขือเทศย่าง และก็เบคอนนะคะ ...... ซึ่งถ้ากินหมดทุกอย่าง และต่อด้วยสลัดผักอีกสักจาน อิ่มไปถึงเที่ยงแน่ ๆ เลยค่ะ ^_^
เสร็จจากมื้อเช้า ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ... พิมก็กลับไปที่ห้องพักแป๊บนึงค่ะ ไปอาบน้ำ และเก็บกระเป๋า เพราะพิมมีนัดกับที่ spa ไว้ว่าวันนี้ 11 โมงเช้าจะไปนวดตัวนะคะ ^_^
ซึ่งสปาของที่นี่ก็จะมีบริการนวดสารพัดเลยค่ะ ทั้งนวดตัวแบบฟูลคอร์ส นวดอโรม่า นวดคอบ่าไหล่ และนวดเท้านะคะ
ตอนแรกพิมก็ตั้งใจว่าจะนวดแบบฟูลคอร์สเลยค่ะ (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.) แต่ดูเวลาแล้วคงไม่ทัน เพราะบ่ายสามพิมมีงานที่กรุงเทพฯ ต่ออีกงานนะคะ ก็เลยตัดสินใจเลือกเป็นนวดคอบ่าไหล่แทน พอได้หายเมื่อยค่ะ
แล้วหลังจากนวดเสร็จเรียบร้อย เมื่อกลับลงมาข้างล่าง น้องพนักงานเค้าก็เอาชาร้อนๆ มาเสริฟนะคะ ซึ่งชาของที่นี่หอมมาก หอมไม่แพ้ The Thames Garden Tea ที่พิมได้ชิมไปเมื่อวาน ..... จิบเพลิน ๆ หมดไป 3 แก้วเลยค่ะ ^^"
เสร็จจากนวดตัวแล้ว ก็ได้เวลาเช็คเอ้าท์พอดีเลยนะคะ
สรุป ..... 2 วัน ที่ Thames Valley Khao Yai บอกตามตรงว่าเป็นอะไรที่ประทับใจพิมและคุณสามีมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะในเรื่องของห้องพัก และเรื่องของอาหาร ถ้ามีโอกาสก็คิดว่าจะกลับมาพักอีกสักหลาย ๆ ครั้งนะคะ ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปในครั้งนี้ด้วย ... สวัสดีค่ะ ^_^
เช็คราคาห้องพักและดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
เวบ :: Thames Valley Khao Yai
FB :: https://www.facebook.com/ThamesValleyKhaoyaiHotel/?fref=ts