"ผัดวุ้นเส้นโป๊ะแตก" หลายคนฟังชื่อแล้วอาจจะงง ๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่ จะผัดวุ้นเส้น หรือผัดโป๊ะแตก ... ถ้าอยากรู้ ก็ตามพิมเข้ามาดูข้างในกันเลยค่ะ
เรื่องมันเกิดขึ้นว่า ........ หลายเดือนก่อนมีอยู่วันนึงค่ะไปช่วยแม่ขายของที่ตลาดนัดแถวบ้านค่ะ แล้วทีนี้ก็เกิดหิวข้าวมาก เลยเดินไปที่ร้านอาหารตามสั่งแถวตลาด (ก็แถวบ้านพิม) นั่นแหละค่ะ ตั้งใจว่าจะไปสั่งราดหน้าเส้นใหญ่กินล่ะ แบบว่าชอบมาก ๆ เลยราดหน้าเนี่ย แต่ระหว่างรอคิวอยู่ พี่ลูกสาวเจ้าของร้านเค้าก็ผัด ๆ อะไรสักอย่างก็ไม่รู้ค่ะอยู่ในกระทะให้ลูกค้าคนนึงที่มาก่อนหน้าพิม พอผัดเสร็จพี่เค้าก็ตักมาโปะจานข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพิม พิมก็มอง....ปุ๊บ อุ๊บบ น่ากินมากเลยอ่ะ นี่มันผัดอะไรกันเนี่ย (นึกในใจ) ก็เลยเอ่ยปากถามพี่เค้าไปว่า "พี่ปูค่ะนี่ผัดอะไรอ่ะ" พี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า "ผัดโป๊ะแตกจ๊ะ" พิมก็เลยพยักหน้า อืมๆ แล้วก็บอกพี่เค้าไปว่า "พี่ค่ะ จัดแบบนี้มา 1 จานเลยค่ะ"
แล้วก็หลังจากได้ชิมผัดโป๊ะแตกของพี่ปูในวันนั้น ขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลยค่ะ ผัดโป๊ะแตกของพี่ปูอร่อยมาก..ก.ก.ก กินกี่ที ๆ (3 ที) ก็ไม่เบื่อไม่เลี่ยนเลยค่ะ แต่นะ...ข้อเสียที่สำคัญอย่างนึงของผัดโป๊ะแตกร้านพี่ปูก็คือ พี่เค้าผัดแห้งเกินไปค่ะ แล้วพอเวลาไปเจอกับข้าวสวย (ข้าวธรรมดา ที่ไม่ใช่ข้าวหอม) ที่หุงไว้นานแล้ว ไม่ร้อน+ไม่นิ่ม เวลากินมันก็จะแอบติดคอพอประมาณน่ะค่ะ ครั้นพิมจะไปบอกพี่เค้าว่าเออ...อ มันอย่างนั้นอย่างนี้นะ ก็ใช่ที่ค่ะ ก็เลยคิดว่าในเมื่อชอบกินนักก็หัดทำกินเองดีกว่า
และหลังจากวันที่ตัดสินใจว่าพิมจะลองหัดทำผัดโป๊ะแตกแบบพี่ปูดูจนถึงวันนี้ กี่วันกี่อาทิตย์ไม่รู้ รู้แต่พิมทำกินอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 ครั้งค่ะ >_<" เรียกว่าทำจนคุณสามีพูดว่า "ทำไอ้นี่อีกแล้วเหรอเนี่ย" แต่คุณสามีก็กินนะคะ คุณสามีบอกว่าผัดวุ้นเส้นแบบนี้อร่อยดี กินได้ไม่เบื่อ อีกทั้งช่วงนี้เศรษฐกิจแอบฝืดเคือง (ฮ่าๆ) ลงทุนซื้อวัตถุดิบทำอาหารจานนี้ 100 กว่าบาท แต่ทำออกมาได้ประมาณ 4 จานใหญ่ ๆ (ชนิดที่จานนึงกินเล่น ๆ ไม่ต้องกินข้าว 2 คนก็อิ่ม) อย่างในภาพเลยอ่ะค่ะ
และในโอกาสที่วันนี้ (เมื่อวาน) ทำกินกันอีก พิมก็เลยขอถ่ายภาพหน้าตากับวิธีทำผัดวุ้นเส้นโป๊ะแตกจานนี้มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันนะคะ (เผื่อใครสนใจอยากเอาไปลองทำกันเน๊าะ)
ป.ล. เดิมที่ร้านเค้าเรียกว่าผัดโป๊ะแตกเฉย ๆ แต่พิมคิดว่ามันจะไปซ้ำกับชื่ออาหารอย่างอื่น ก็เลยขอเพิ่มคำว่าวุ้นเส้น กลายเป็น "ผัดวุ้นเส้นโป๊ะแตก" แทนนะคะ ... และพิมเข้าใจเอาเองว่าคำว่า "โป๊ะแตก" ของทางร้านเค้า หมายถึงมีอะไรก็เอามาใส่รวม ๆ กันอ่ะค่ะ (ไม่ได้หมายถึงอาหารทะเล)
ป.ล. ส่วนผสมกับเครื่องปรุงรสของสูตรที่พิมทำกินเอง กับที่ร้านเค้าขายจะคล้ายกันนะคะ แต่จะไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะถึงพิมจะอยากกินผัดโป๊ะแตกแบบร้านพี่เค้า แต่ก็อยากกินในสไตล์ที่ตัวเองชอบอ่ะค่ะ
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- วุ้นเส้นแช่น้ำแล้ว สรงให้สะเด็ดน้ำ 130 กรัม ............... (ใช้วุ้นเส้นสดแทนก็ได้ค่ะ แต่ไม่เหนียวนุ่มเท่าเอาวุ้นเส้นแห้งมาแช่น้ำนะคะ)
- เนื้ออกไก่ 100 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ไข่เป็น 1 ฟอง
- กระเทียมสับ 1.5 ชต. ............ (พิมขอเขียนว่า 1.5 ชต. แทน 1 1/2 ชต. เพราะคิดว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า)
- พริกขี้หนูแดงเม็ดใหญ่ 5-6 เม็ด ........... (หรือตามชอบ)
- กะหล่ำปลี 80 กรัม
- ผักกาดขาว 2 ใบใหญ่
- มะเขือเทศลูกใหญ่ 1 ลูก ............. (แต่วันนี้ไม่มีลูกใหญ่ ขอใช้มะเขือเทศสีดาแทน)
- หอมใหญ่ 50 กรัม
- ขึ้นฉ่าย 2 ต้นใหญ่
- ซอสหอย 2 ชต.
- ซีอิ๊วขาว 2 ชต.
- ซอสปรุงรส 1 ชต.
- น้ำตาลทราย 1/2 ชต.
- พริกไทยดำป่น ............. ปริมาณตามชอบ พิมใส่ประมาณ 1/3 ชช.
ป.ล. สูตรนี้ผัดออกมาแล้วได้จานเบ้อเร่อชนิดกินเปล่าๆ 2 คนก็ยังอิ่มค่ะ เพราะงั้นถ้าใครกินคนเดียว ทำสักครึ่งสูตรก็พอนะคะ
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเลยเราก็จะต้องมาเตรียมส่วนผสมกันซะก่อนนะคะ
เริ่มต้นด้วยการเอาอกไก่ที่เราซื้อมาไปทำความสะอาดค่ะ แล้วก็มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ไม่ต้องให้บางมากนะคะ .... สำหรับคนที่ไม่ชอบอกไก่ จะใช้เนื้อไก่ส่วนอื่น เช่น สะโพก น่อง ก็ได้ค่ะ หรือถ้าไม่ชอบไก่ หรือไม่มีเนื้อไก่อยู่ในบ้านจะใช้เนื้อสัตว์อย่างอื่น เช่น หมู หมึก กุ้ง เนื้อปู ก็ได้เช่นกันค่ะ .. เพราะว่าพิมเองก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่นกัน ^^ (ก็ชื่อว่าผัดโป๊ะแตกนี่นาเน๊าะ)
จัดการเนื้อสัตว์เสร็จแล้ว ก็มาจัดการผักกันต่อนะคะ .... สำหรับผักเนี่ย โดยส่วนใหญ่พิมจะใส่ผักกาดขาว กะหล่ำ หอมใหญ่ มะเขือเทศนะคะ แต่หากเพื่อน ๆ มีผักอย่างอื่นอยู่ในตู้เย็น เช่น เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู ข้าวโพดอ่อน แครอท ถั่วแขก หรือผักอะไรก็ได้ที่คิดว่าจะเข้ากัน และกลิ่นไม่แรงมาก ก็จับมาใส่รวม ๆ กันได้
สำหรับผักกาดขาวก็หั่นให้เป็นชิ้นย่อม ๆ แบบในภาพนะคะ .... พิมถ่ายภาพวิธีการหั่นมาให้ด้วย เผื่อว่าใครเพิ่งเริ่มหัดทำกับข้าว ไม่รู้ว่าจะหั่นยังไง จะเริ่มตรงไหน จะได้หั่นได้อ่ะค่ะ
กะหล่ำปลี (ใช้ประมาณ 1/4 หัวของหัวขนาดย่อมๆ) ... ก็หั่นไว้เป็นชิ้นย่อม ๆ เช่นกันค่ะ
หอมใหญ่ พิมใช้ประมาณ 1/4 หัวใหญ่ ..... ปอกเปลือก แล้วก็หั่นไว้เป็นเสี้ยว ๆ แบบในภาพนะคะ (ใส่หอ
มะเขือเทศ ... ปกติพิมใช้มะเขือเทศท้อนะคะ แต่วันนี้ไม่มี มีแต่มะเขือเทศสีดา ก็ขอใช้แทนล่ะกันค่ะ ... นำมาหั่นเป็นเสี้ยว ๆ แบบนี้นะคะ จะเสี้ยวเล็กหรือเสี้ยวใหญ่ก็ตามชอบเลยค่ะ
ป.ล. สามารถใช้มะเขือเทศชนิดอื่นแทนได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นท้อ สีดา ราชินี เพียงแต่รสชาติเมื่อผัดเสร็จแล้วอาจจะแตกต่างกันไปนิดหน่อย ตามความหวานเปรี้ยวของมะเขือเทศชนิดนั้น ๆ นะคะ
ขึ้นฉ่าย (ผักสุดท้ายที่เราต้องเตรียมล่ะ) .... อันนี้ถือว่าเป็นผักที่พิมขาดไม่ได้สำหรับเมนูนี้เลยค่ะ ก็ตัดโคนออก ล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นท่อนสั้นๆ ประมาณ 1 นิ้วค่ะ
และเมื่อล้าง+หั่นผักทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ให้รวมไว้ในกาละมังใบย่อม ๆ สักใบนะคะ .... ทุบพริกขี้หนูพอแตกใส่ลงไปด้วยค่ะ
ตามด้วยวุ้นเส้น และก็เครื่องปรุงรสทั้งหมด (ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส ซอสหอย และก็น้ำตาล)
ได้ออกมาเป็นแบบนี้ .......... ก็พักไว้ก่อนนะคะ
จากนั้นก็หันไปตั้งกระทะบนเตาไฟ เปิดไฟกลาง ๆ นะคะ ใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ สัก 3 ชต. พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่กระเทียมลงไปเจียวให้เหลืองหอม
พอกระเทียมเหลืองดี ก็ใส่ไก่ที่เราหั่นไว้แล้วลงไปค่ะ เหยาะซีอิ๊วขาว (นอกเหนือจากในสูตร) ลงไปนิดนึงสัก 2-3 หยด (เพื่อให้ไก่มีรสชาติ) แล้วก็ผัดจนไก่สุก เหลืองนิดหน่อย
ก็ใส่ไข่ที่ตีให้พอเข้ากันแล้วทั้ง 2 ฟองลงไป........ รอจนไข่เริ่มสุกสักนิดนึง (แต่ไม่ต้องรอให้สุกมากนะคะ) ก็ใช้ปลายตะหลิวยี ๆ ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ อ่ะค่ะ
ป.ล. สาเหตุที่พิมใส่ทั้งไข่ไก่และไข่เป็ด เพราะรู้สึกว่าถ้าใส่ไข่ไก่อย่างเดียว เนื้อไก่มันจะนุ่มไปค่ะ แต่ถ้าใส่ไข่เป็ดอย่างเดียว เนื้อไข่จะแข็งไป ... เลยใส่ทั้งสองอย่าง ผลออกมาดีเลยค่ะ แต่ว่าถ้าใครไม่มีไข่เป็ด จะใส่ไข่อย่างใดอย่างนึง 2 ฟองเลยก็ได้นะคะ
จากนั้นก็เร่งไฟแรงขึ้นสักนิด .... เทผัก+วุ้นเส้นที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไป ผัด 3-4 ที ให้เข้ากัน แล้วก็รอนิดนึงให้ผักสุกนะคะ (จะสุกมากสุกน้อยแค่ไหน ก็ตามชอบของเพื่อนๆ เลยค่ะ) ก็โรยพริกไทยป่นกับขึ้นฉ่ายลงไป
ผัดให้เข้ากันอีกที ... ก็เป็นอันใช้ได้ ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
สุดท้ายก็ตักขึ้นใส่จาน ... ค่ะ และแล้วเราก็จะได้ผัดวุ้นเส้นโป๊ะแตกออกมาหน้าตาแบบนี้นะคะ
ขอบอกว่ารสชาติถูกปากพิมกับคุณสามีมากเลยค่ะ ทำกินอาทิตย์ละหลายวันมาจะ 2-3 เดือนแล้ว คุณสามียังไม่เบื่อเลย (เอ๊ะ !! หรือว่าเค้าเบื่อ แต่เค้าไม่บ่นเนี่ย ฮ่ะๆ)
อ้อๆ เกือบลืมบอกไป.... อาหารจานนี้รสเค็มนำนิด ๆ เผ็ดหน่อย ๆ หอมคึ่นช่าย พริกไทย ไม่มีรสหวานจากน้ำตาลอ่ะค่ะ แต่จะมีรสหวานแทรกจากกะหล่ำปลีและหัวหอมแทน ..... ใครชอบก็ลองเอาไปทำดูค่ะ
หากจะทำให้เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่ไม่กินเผ็ด .... ก็ไม่ต้องใส่พริกนะคะ แต่รสก็จะไม่จัดจ้าน ไม่สมชื่อผัดโป๊ะแตกอ่ะค่ะ
ยังไงก็ลองไปทำกันดูนะคะ ^^