เมนูนี้เป็นอะไรที่พิมอยากทำกินมาหลายอาทิตย์แล้วค่ะ แต่ไม่ค่อยสบโอกาสเอาซะเลย วันนี้ขาดโน่น วันนั้นขาดนี่  ก็เลยไม่ได้ทำซะที.... จนวันนี้ได้ฤกษ์ดีมีเพื่อนบ้านเอาถั่วฝักยาวที่ปลูกเองมาให้  ก็เลยไปค้นๆ ตู้เย็น เจอหมูสามชั้นที่ซื้อไว้เมื่อวันอังคาร เจอพริกแกงที่แม่ตำเอาไว้เมื่อวันจันทร์  ไปดูๆ ใบมะกรูดที่ต้น ก็กำลังงามพอดี ... เพราะงั้นก็กลายมาเป็นเมนูนี้จนได้อ่ะค่ะ

... สำหรับเมนูจานนี้ แต่แรกพิมตั้งใจจะทำเป็นแบบผัดขิงกากหมูค่ะ  คือเอากากหมูมาโขลก ๆ รวมกับพริกแกง แล้วเอาไปผัดให้ออกรสหวานๆ เค็มๆ ใส่ถั่วฝักยาวที่ลวกแล้วลงไปผัดอีกหน่อย  อะไรประมาณนั้น  แต่เนื่องจากว่าพักนี้คอเลสเตอรอลพิมเริ่มสูงค่ะ  เลยคิดว่างดเว้นกากหมู (ซึ่งเป็นของชอบ) ไปสักระยะจะดีกว่า (แต่ดั๊นนน กินหมูสามชั้นนะเนี่ย >_<") .... เพราะงั้นผัดพริกขิงของในวันนี้ก็เลยไม่มีกากหมูค่ะ  (แต่ไว้วันหลังจะทำมาให้ดูนะคะ แบบกรอบๆ เลย)  กลายเป็นประมาณว่าผัดพริกหมูกับถั่วฝักยาวสไตล์ผัดพริกขิงนะคะ  ซึ่งหากใครสนใจก็ตามมาดูกันเลยจ้า

แต่จะว่าไปแล้ว เมนูผัดพริกขิงนี่ถือเป็นเมนูที่พิมชอบฝังใจมาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะคะ  เหตุผลเพราะสมัยก่อนที่ยังไม่ค่อยมีน้ำมันพืชใช้กัน  ชาวบ้านโดยทั่วไปเค้าก็จะนิยมใช้น้ำมันหมูอ่ะนะคะ  แล้วทีนี้พอเจียวมันหมู ได้น้ำมันหมูเสร็จ มันก็จะมีกากหมูหลงเหลืออยู่  เค้าก็จะเก็บๆ ใส่ถุงมัดปากเอาไว้   แล้วประจวบเหมาะกับอาหารหลัก ๆ ในสมัยก่อนมักจะเป็นแกง เพราะนั้นการตำพริกแกงในสมัยก่อนมันก็เป็นเรื่องธรรมดา  แล้วเวลาตำในบางทีมันเหลือ  ที่บ้านพิม (หรือแม้กระทั่งบ้านอื่นบางบ้าน) เค้าก็จะเอากากหมูลงไปโขลกรวมกับพริกแกง  ปรุงรสให้หวานเค็ม  เอามาผัดรวมกันให้แห้งๆ หน่อย  เก็บไว้คลุกข้าวกินได้นานเป็นเดือนเลยค่ะ  แล้วหากวันไหนอยากให้มันมีผัก ๆ ก็ไปเด็ดเอาผักบุ้งในท้องนามาล้างน้ำให้สะอาด เด็ดเป็นท่อนสั้น ๆ  แล้วก็เอามาผัดรวมกัน กลายเป็นผัดพริก (ขิง) ผักบุ้ง  ซึ่งก็อร่อยมากเลยค่ะ

แต่มาในปัจจุบัน .... ผัดพริกขิงผักบุ้งดูท่าจะได้รับความนิยมลดน้อยลงไป  และผัดพริกของแบบใช้ถั่วฝักยาวกลับได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น  อาจจะเพราะความกรอบ เคี้ยวแล้วรู้สึกมีอะไรกรุบ ๆ ของถั่วฝักยาวซึ่งหาไม่ได้ในผักบุ้ง .... เลยทำให้คนนิยมผัดพริกขิงถั่วฝักยาวมากกว่าผักบุ้งก็เป็นได้นะคะ  แต่ส่วนตัวพิม ไม่ว่าจะเป็นผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ถั่วพู หรือผัดพริกขิงเฉย ๆ พิมชอบทั้งนั้นล่ะค่ะ ขอให้ได้กินก็พอ .. ที่สำมะคัญเวลากิน ต้องอย่าลืมเอาไข่เค็มมาแอ้มด้วยสักหน่อย  จะอร่อยมากๆ เลยค่า ... ยังไงหากเพื่อน ๆ ก่อนอื่นก็ลองมาดูหน้าตากันก่อนนะคะ  ว่าหน้าตาเป็นแบบประมาณนี้เลย

ดูหน้าตาไปแล้ว มาดูส่วนผสมกับวิธีทำกันต่อเลยค่ะ

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::

- หมูสามชั้น ที่มีมันน้อย ๆ 200 กรัม
- ถั่วฝักยาว 150 กรัม
- พริกแกงเผ็ดแบบหยาบ 3 ชต.
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- น้ำมันสำหรับผัด 2 ชต.
- น้ำตาลปี๊บ 2 ชต. / น้ำตาลทรายนิดหน่อย
- น้ำปลาดีๆ 1 ชต.
- น้ำซุปที่ไม่ได้ปรุงรส  1/4 ถ้วย  ..... (ไม่มีในภาพ)

ป.ล. ปริมาณน้ำปลา บางทีอาจจะต้องใส่มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความเค็มของพริกแกง

 

:: รายละเอียดส่วนผสมและวิธีทำ ::

เริ่มต้นก็มาดูที่ถั่วฝักยาวของเราก่อนนะคะ ... ถั่วฝักยาวเนี่ย ให้เราเลือกใช้ถั่วฝักยาวชนิดที่ฝักแน่น ๆ (เล็กก็ไม่เป็นไร)  อย่าเอาแบบถั่วพอง ๆ มาเด็ดขาดนะคะ และหากจะทำวันนี้ ก็ค่อยซื้อวันนี้หรือจะซื้อเมื่อวานก็ได้  เพราะถั่วฝักยาวเนี่ยถ้าซื้อมาทิ้งไว้หลายวัน (รวมถึงผักทุกชนิด)  ความสดกรอบของมันก็จะลดลงไปด้วยอ่ะค่ะ เพราะงั้นจะใช้ค่อยซื้อ ดีกว่านะคะ

ก็เอาถั่วฝักยาวมาล้างน้ำให้สะอาด (จะแช่น้ำเกลือ แช่น้ำล้างผักก็ได้ค่ะ)  แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ   ... พอสะเด็ดน้ำดีก็เอามาหั่นไว้เป็นท่อนสั้น ๆ ยาวประมาณ 1 นิ้วนะคะ และก็พักไว้ก่อนค่ะ

จากนั้นก็มาจัดการกับหมูกันต่อ .. สำหรับหมูเนี่ย พิมเลือกใช้หมูสามชั้นนะคะ  เพราะพิมคิดว่าผัดประเภทนี้ใช้หมูสามชั้นจะอร่อยที่สุดแล้วค่ะ .... ก็ให้เราเลือกเอาหมูสามชั้นที่มีชั้นไขมันน้อยหน่อย  มีชั้นเนื้อมากหน่อย .... ไม่งั้นหากเราเลือกที่มีชั้นไขมันหนา ๆ เวลากินมันจะเลี่ยน ทำให้ความอร่อยของอาหารมันลดลงไปอ่ะค่ะ

ก็เอาหมูสามชั้นมาล้างทำความสะอาด   หั่นส่วนหนังทิ้งไป  แล้วก็ค่อยเอามาหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณสัก 1 ซม. แบบในภาพอ่ะค่ะ  (แล้วก็พักไว้ก่อน)

ส่วนใบมะกรูดก็ล้างให้สะอาด แล้วซอยละเอียดๆ เอาไว้นะคะ  ... อ้อ ๆ ใบมะกรูดเนี่ยให้เลือกแบบกลางแก่กลางอ่อนนะคะ  อย่าเลือกอ่อนไปจะไม่หอม  แต่หากใบแก่ไป ก็จะกระด้าง กินแล้วเป็นกากอีกน่ะค่ะ

ส่วนพริกแกง (ไม่มีภาพตรงนี้)  หากซื้อเค้าก็ให้เราบอกแม่ค้าว่าเอาพริกแกงเผ็ดแบบละเอียดนะคะ  แล้วก็มาตำกระเทียมเพิ่มใส่ไปอีกสัก 1/2  หัว  (พริกแกงที่ซื้อเค้า จะใส่กระเทียมน้อย เพราะกระเทียมแพง ดังนั้นเราจะต้องมาเพิ่มกระเทียมหน่อย เพื่อให้พริกแกงมีความหอมมากขึ้น) ....   แต่หากใช้วิธีโขลกเอาเองก็โขลกหยาบๆ ให้ยังพอเห็นเม็ดพริกบ้างก็พอค่ะ

เมื่อเตรียมเครื่องปรุงและส่วนผสมเสร็จ ก็มาลงมือทำกันเลยดีกว่าค่ะ .. เริ่มต้นก็ด้วยการตั้งกระทะเปล่า ๆ บนเตาไฟ  แล้วพอกระทะเริ่มร้อน ก็ใส่หมูสามชั้นลงไปคั่ว ๆ จนกระทั่งผิวนอกของสามชั้นออกเหลืองนิด ๆ ก็ตักขึ้นพักไว้อ่ะค่ะ

จากนั้นก็ใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปในกระทะใบเดิม  .. (ตั้งเตา ใช้ไฟกลางๆ)  พอน้ำมันเริ่มร้อน ก็ใส่พริกแกงลงไปผัด

ก็ผัดไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งพริกแกงส่งกลิ่นหอมอ่ะค่ะ (ตอนแรกมันจะฉุนๆ แต่ตอนหลังพอผัดได้ที่ กลิ่นจะหอมไปตามธรรมชาติ)

ป.ล. ถ้าพริกแกงแห้งไป เติมน้ำซุปได้ทีละน้อยๆ

ก็ใส่หมูที่เราตั่้วไว้เมื่อตะกรี้ลงไปผัดค่ะ

แล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ กับน้ำปลา  .... ให้ออกรสหวานนำนิดๆ  แล้วก็เค็ม-เผ็ดตาม

เมื่อชิมรสได้ที่  ก็ผัดต่อไปอีกสักพัก  (กะว่าให้รสชาติและกลิ่นพริกแกงซึมเข้าไปในเนื้อหมู)  ซึ่งระหว่างผัดนี่ ก็สามารถเติมน้ำซุปได้เป็นระยะ ๆ ค่ะ

สุดท้ายเมื่อผัดไปจนได้ที่  (น้ำแกงเหลือขลุกขลิก)  ก็ใส่ถั่้วฝักยาวกับใบมะกรูดลงไป  แล้วก็ผัดให้เข้ากันดีค่ะ   .... ซึ่งถ้าหากว่าชอบถั่วฝักยาวกรอบๆ หน่อย  พอผัดเข้ากันดีแล้ว นับ 1-10 ในใจ ก็ปิดไฟเตา ตักใส่ชามได้เลย    แต่ถ้าชอบถั่วฝักยาวนิ่ม ๆ หน่อย  ก็อาจจะผัดและทิ้งไว้ในกระทะสัก 2-3 นาที หรือมากกว่านี้จนกระทั่งถั่วสุกนิ่มตามต้องการ  (ระหว่างนี้ ถ้าในกระทะแห้ง เติมน้ำสะอาดลงไปทีละน้อยได้ค่ะ)  ก่อนจะปิดไฟเตาอ่ะค่ะ

ป.ล. หากจะผัดทิ้งไว้นานๆ   ผัดแล้วยังไม่กินเลย  แนะนำว่าให้เอาถั่วฝักยาวไปลวกในน้ำเดือดจัดให้สุกเสียก่อน   (ใช้เวลาแค่อึดใจ)  แล้วพอถั่วสุกก็รีบตักลงมาแช่ในน้ำแข็ง หรือน้ำที่เย็นจัดมากๆ  ก่อนจะนำถั่วที่สะเด็ดน้ำดีแล้วไปผัดให้เข้ากับพริกแกง   ... ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ถั่วฝักยาวของเพื่อนๆ  คงความกรอบ และสีเขียวสดสวยไว้ได้จนกระทั่งถึงเวลาทานอ่ะค่ะ

สุดท้าย ... ท้ายสุดแล้ว เราก็จะได้ผัดพริกถั่วฝักยาวกับหมูสามชั้น สไตล์ผัดพริกขิงอย่างในภาพนี้อ่ะนะคะ ...  ซึ่งจะเป็นกับข้าวจานที่มีรสหวานนำหน่อยๆ   (ต่างจากผัดพริกธรรมดา ที่มีรสเผ็ดเค็มนำ) ....  ซึ่งหากคนที่ไม่ชอบกับข้าวที่มีรสหวานเลย ก็คงจะไม่ชอบอาหารจานนี้อ่ะค่ะ

แต่พิมขอบอกว่ามันอร่อยมากเลยนะคะ  ยิ่งถ้าเวลากิน ได้กินกับข้าวสวยร้อนๆ  เน๊าะ แบบว่าเอาผัดนี่ลงไปคลุกกับข้าวเลย และก็แอ้มด้วยไข่เค็มสักหน่อย ... โอ้โหหห มันอร่อยมาก แบบชนิดเอาเสต๊กมาแลกก็ไม่ยอมเลยค่ะ

หากเพื่อนๆ  สนใจก็ลองไปทำดูนะคะ ทำไม่ยาก วัตถุดิบก็หาง่าย .... ลองดูค่ะ ^^