header



เมื่อประมาณ 14-15 ปีก่อน สมัยที่พิมกำลังเรียนปริญญาตรี  พิมมีโอกาสได้ไปร่วมงานเลี้ยงแต่งของพี่ที่ทำงานคนนึง (พิมเรียนไปทำงานไป) ที่เชียงใหม่  ซึ่งเป็นงานเลี้ยงแบบบ้านๆ ที่ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากอ่ะค่ะ  (แต่อบอวลไปด้วยความรักเพียบบบ) 

ด้วยความที่พี่เค้าและแฟนพี่เค้าเป็นคนเหนือแต้ๆ  ในงานแต่งของพี่เค้าก็มีเลยมีอาหารเหนือมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแกงโฮ๊ะ  น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู  ยำจิ้นไก่ ไส้อั่ว  น้ำเงี๊ยว แกงขนุน และอื่นๆ อีกหลายอย่าง รวมไปถึงแกงฮังเลด้วยอ่ะค่ะ   ซึ่งตอนก่อนไปเนี่ยพิมไม่รู้จักอาหารเหนืออะไรสักอย่างสักอย่างเลยนะคะ - -"  (ตอนนั้นยังไม่สนใจเรื่องการทำอาหาร)  รู้แต่ว่า อือ...อออ  แกงชามนี้กินแล้วอร่อยนะ  แบบว่าหมูนุ่มๆ  หอมเครื่องแกง  รสเปรี้ยวๆ หวานๆ แต่เผ็ดไม่มาก   คล้ายแกงมัสมั่นอะไรทำนองนี้อ่ะค่ะ     พอกลับกรุงเทพฯมา  ก็รู้สึกอยากกินอีก  แต่จำชื่อแกงไม่ได้สักนิดค่ะ   ครั้นจะถามพี่คนที่แต่งงาน เค้าก็ลาออกไปซะแล้ว เบอร์โทรติดต่อก็ไม่มี  เลยไม่รู้จะถามใคร  เพราะตอนนั้นที่ทำงานก็ไม่มีใครรู้จักเจ้าแกงนี้เลยค่ะ   แล้วช่วงนั้นถ้าจำไม่ผิด (ก็มันนานแล้วเน๊อะ) เหมือนว่างานจะยุ่ง ๆ ก็เลยลืมเจ้าแกงนี้ไปเลยเน๊าะคะ 

จนวันเวลาผ่านมาอีกสักประมาณ 2 ปีได้  พิมก็มีโอกาสไปงานแต่งของพี่ที่ทำงานอีกคน (เรียนจบ - ย้ายงานแหละ)  ที่ อ.ฮอด เชียงใหม่  แล้วที่งานก็มีเสริฟเจ้าแกงนี่ด้วยแหละค่ะ  ซึ่งตอนนั้นพอเห็นเจ้าแกงนี้ปุ๊บ ก็นึกได้ทันทีล่ะค่ะว่าเมื่อสัก 2 ปีก่อน  พิมเคยอยากกินแกงอันนี้มาก   พอมาคราวนี้พิมก็เลยไม่ยอมพลาดเหมือนเดิมแหละ  หลังจบงานก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ พิมก็เลยเข้าไปถามพี่เจ้าบ่าวซึ่งเป็นพี่ที่ทำงานว่าแกงนี้ชื่อว่าอะไร  มีวิธีทำยังไงบ้างเน๊าะคะ   พี่เค้าก็เลยพาไปที่ครัวหลังบ้าน แล้วให้ไปถามเอากับคุณป้าคนนึงที่เป็นคนทำเจ้าแกงนี้ และวันนั้นแหละก็ทำให้พิมรู้จักแกงฮังเลอย่างเป็นทางการอ่ะค่ะ

นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ผ่านมาก็ 10 กว่าปีแล้วเน๊าะคะ  จากจุดเริ่มต้นที่ได้คุยเรื่องแกงฮังเลกับคุณป้าคนนั้น  พิมก็ทำแกงฮังเลไปน่าจะหลายสิบครั้งได้แล้วอ่ะค่ะ  ซึ่งแกงฮังเลเนี่ยเป็นแกงที่ดูเหมือนจะทำง่ายนะคะ  แค่หมัก ต้ม ตุ๋น  แต่ว่าครั้งแรกๆ ที่พิมทำออกมา รสก็ยังไม่ค่อยถูกใจพิมสักเท่าไหร่  เปรี้ยวไปบ้าง ไม่กลมกล่อมบ้าง   พิมก็ลองปรับไปปรับมาเรื่อย ๆ  สุดท้ายแล้วก็ได้มาเป็นแกงฮังเลที่หน้าตาและรสชาติอย่างในปัจจุบันนี้  ก็ถือว่าโอเคสำหรับพิมเลยนะคะ  พิมก็เลยอยากจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ไปลองทำกันดูค่ะ 

116115117

:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::

- หมูสามชั้น (เลือกที่มันน้อยๆ) 600 กรัม
- หมูสันคอ  400  กรัม

- พริกแกงฮังเล 100 กรัม
- ผงฮินเล 1 ซอง
- ซีอิ๊วดำหวาน 1 ช้อนโต๊ะ 
- กระท้อน 2 ลูก  ประมาณ 350 กรัม
- ขิงแก่ซอย 2/3 ถ้วยตวง
- กระเทียมจีนแกะเปลือก 1/3 ถ้วยตวง
- หอมแดงไทยแกะเปลือก 1/3 ถ้วยตวง
- กระเทียมโทนดอง 1/2 ถ้วยตวง

- น้ำกระเทียมดอง 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ  (อาจจะใส่มากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นกับรสเปรี้ยวจากกระท้อนและความเปรี้ยวหวานของน้ำกระเทียมดอง) 

** พริกแกงฮังเล และผงฮินเล พิมซื้อมาจากเชียงใหม่ค่ะ  แต่ว่าในซุปเปอร์มาร์เกตหลายที่ และแผงขายพวกวัตถุดิบทำอาหารเหนือในตลาดสด พิมก็เห็นมีขายนะคะ **

** ถ้าหาผงฮินเลไม่ได้ ใช้ผงกะหรี่แทน 1 ช้อนโต๊ะค่ะ **

101

:: วิธีทำ ::

อันดับแรกเราก็นำหมูไปล้างให้สะอาด ซับด้วยผ้าให้แห้ง แล้วหั่นเนื้อหมูทั้งสามชั้นและสันคอให้เป็นชิ้นใหญ่หน่อยนะคะ  อย่างที่พิมหั่นก็หนา 1 นิ้ว กว้างประมาณ 2 นิ้วค่ะ 

102

 หั่นเสร็จก็เอาหมูทั้งหมดใส่ในกาละมัง  แล้วใส่พริกแกงฮังเล  ผงฮินเล และซีอิ๊วดำลงไป 

104

 คลุกเคล้า นวดเบา ๆ ให้พอเข้ากัน แล้วก็หมักเอาไว้ในตู้เย็นประมาณสัก 2 ชม. นะคะ 

105

พอครบ 2 ชม.  ก็นำหมูที่หมักไว้ลงไปผัดกับน้ำเปล่า (ไม่ต้องใส่น้ำมันนะคะ)  โดยใส่หมูลงในกระทะ  ใส่น้ำเปล่าลงไปประมาณ 1/2 ถ้วยกว่าๆ  เปิดไฟกลาง แล้วผัดไปผัดมาจนกระทั่งผิวนอกของหมูตึง ๆ และน้ำในกระทะแห้ง   ก็ปิดไฟเตา

108

ตักหมูใส่ลงในหม้อ  แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปประมาณสัก 3 ถ้วยนะคะ  

109

จากนั้น เอาหม้อตั้งเตาไฟ เปิดไฟกลาง รอจนเดือดก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน แล้วก็ตุ๋นหมูไปเรื่อย ๆ (เปิดฝาหม้อเผยอๆ) เป็นเวลาประมาณ 1 ชม. ค่ะ

110

ระหว่างที่ตุ๋นหมูอยู่บนเตา พอใกล้ๆ จะครบ 1 ชม. เราก็จะมาจัดการกับกระท้อนกันนะคะ   (ถ้าไม่ใส่กระท้อน จะใส่สับปะรดก็ได้ค่ะ)   โดยให้เราปอกเปลือกกระท้อน  แล้วล้างในน้ำเกลือกสักหน่อยเพื่อไม่ให้ดำ  ^_^

106

จากนั้นนำมาผ่าเป็น  4 หรือ 6 เสี้ยว   เอาไส้ออก แล้วหั่นเป็นชิ้นใหญ่อย่างในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ    

107

 พอตุ๋นหมูครบเวลาก็เปิดฝาหม้อ  ใส่กระท้อน หอมแดง กระเทียมจีน กระเทียมดอง และขิงลงไป 

111

แล้วปรุงรสด้วยเกลือป่น  (ไม่ใส่น้ำปลานะคะ เพราะพิมรู้สึกว่ามันจะคาว)  น้ำกระเทียมดอง  และน้ำตาลปี๊บ   ส่วนน้ำมะขามเปียกเรายังไม่ใส่นะคะ  เพราะเราไม่รู้ว่ากระท้อนจะทำให้รสแกงฮังเลของเราเปรี้ยวหวานมากน้อยแค่ไหน  ไว้เดี่ยวไปสักพัก ชิมดู หากขาดเปรี้ยวไป เราค่อยเติมอ่ะค่ะ 

112

จากนั้นก็ปิดฝาหม้อแบบเผยอๆ  แล้วเคี่ยวต่อเป็นเวลาอีกประมาณ 1 ชม. หรือจนกระทั่งเหลือน้ำแกงขลุกขลิก  แต่ระหว่างที่เคี่ยว พอผ่านไปสักครึ่ง ชม. ก็ให้เราลองตักน้ำแกงในหม้อมาชิมดูนะคะ  หากขาดรสอะไรไป เช่น ขาดรสเปรี้ยวก็เติมน้ำมะขามเปียก ขาดรสหวานก็เติมน้ำตาลปี๊บ ขาดรสเค็มก็เติมเกลือ .... ปรุงตามที่ชอบเลยค่ะ 

113

 แล้วพอครบเวลา 1 + 1 ชม. เราก็จะได้แกงฮังเลออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ 

115

ซึ่งพิมขอบอกว่า หมูนุ่มมากกกกกค่ะ  โดยเฉพาะสามชั้น  นุ่มแบบที่เราเอาช้อนจิ้มลงไปเนื้อหมูก็แยกออกจากกันเลย  แต่ว่าไม่ยุ่ยนะคะ  เวลาเคี้ยวก็ยังคงรู้สึกว่าเป็นเนื้อหมูอยู่อ่ะค่ะ  .. แล้วเวลากินแต่ละคำ ก็จะได้กลิ่นหอมจากกระท้อน จากขิง  ได้รสเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวานกลมกล่อม  ได้เคี้ยวหอม เคี้ยวกระเทียมที่เป็นชิ้น ๆ มันอร่อยมากเลยอ่ะค่ะ 

116

ส่วนเพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบทานสามชั้น  ไม่ชอบทานหมูมันๆ  ก็เปลี่ยนเป็นหมูเนื้อแดงได้นะคะ แต่พิมว่าความอร่อยมันจะไม่เท่าสามชั้นอ่ะค่ะ   ... ยังไงลองไปทำกันดูน๊า ติดขัดก็ฝากคำถามไว้  แล้วพิมจะมาตอบให้เรื่อย ๆ นะคะ  ^_^ 

117



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก