สัปดาห์ที่แล้วพิมทำขนมฝรั่งลงเวบกันไปหนึ่งเมนู เพราะงั้นสัปดาห์นี้เรามาเปลี่ยนอารมณ์ ด้วยการทำขนมไทยเพื่อต้อนรับวันสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงกันบ้างดีกว่าค่ะ
วันสงกรานต์เนี่ย ถือได้ว่าเป็นวันปีใหม่ของไทยเราเน๊าะคะ ซึ่งตามกำหนดการณ์แล้วเนี่ย ก็จะมีด้วยกัน 3 วัน คือ วันที่ 13 ถือเป็นวันมหาสงกรานต์ ประมาณว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่า (อารมณ์เหมือน 31 ธันวา) เป็นวันสะอาดใหญ่ วันที่ชาวบ้านจะช่วยกันชำระล้างร่างกาย และจิตใจให้ใสสะอาด ก็เลยมีการเริ่มสาดน้ำวันนี้เป็นวันแรกอ่ะค่ะ ส่วนวันต่อมาวันที่ 14 เมษา วันนี้ถือเป็นวันเนา คือวันที่ตามวัด ตามหมู่บ้าน จะมีการจัดขบวนแห่สงกรานต์ ก่อพระเจดีย์ทราย ขนทรายเข้าวัด ทำนองนั้นนะคะ ส่วนวันที่ 15 ถือเป็นวันเถลิงศก อารมณ์ก็ประมาณว่าเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่อย่างจริง ๆ อ่ะค่ะ ซึ่งในวันนี้เนี่ย ก็จะเป็นวันที่ชาวบ้านในสมัยก่อน จะตื่นแต่เช้าไปเข้าวัดทำบุญ สรงน้ำพระ สรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เพื่อขอพร ประมาณนี้นะคะ
พูดถึงสงกรานต์แล้ว หลายคนก็จะรู้เลยว่า ช่วงสงกรานต์เป็นช่วงที่มีอากาศร้อนมาก ๆ เพราะงั้นแล้วอาหารที่นิยมทำกินกันในช่วงวันสงกรานต์ ก็เลยจะเป็นอาหารที่หวานหอม ทานแล้วรู้สึกเย็นชื่นใจ ทำนองนั้นอ่ะค่ะ ถ้าเป็นของคาว เค้าก็จะนิยมทำเป็นข้าวแช่ แต่ถ้าเป็นของหวาน ก็จะเป็นพวกกาละแม ข้าวเหนียวแดง และก็ข้าวเหนียวแก้วนะคะ
เพราะงั้นวันนี้ พิมก็เลยอยากจะมาทำขนมสำหรับวันสงกรานต์นี้ให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน เผื่อใครอยากจะเอาไปลองทำทานดูในวันสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงอ่ะค่ะ ^_^
:: ส่วนผสม "ข้าวเหนียวแก้วใบเตย (สีเขียว)" ::
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 3/4 ถ้วย
- กะทิอัมพวา 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- น้ำคั้นจากใบเตย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปูนใส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทรป่น 1/8 ชช.
:: ส่วนผสม "ข้าวเหนียวแก้วสีส้ม" ::
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู (ข้าวเก่า) 3/4 ถ้วย
- กะทิอัมพวา 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- น้ำต้มบีทรูท 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปูนใส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทรป่น 1/8 ชช.
:: ส่วนผสม "ข้าวเหนียวแก้วอัญชัน (สีฟ้า)" ::
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู (ข้าวเก่า) 3/4 ถ้วย
- กะทิอัมพวา 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- น้ำต้มอัญชัน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปูนใส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือสมุทรป่น 1/8 ชช.
- งาขาวคั่ว สำหรับข้าวเหนียวแก้วแต่ละสีอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ
** ถ้วย ถ้วยตวง ช้อนตวง ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ดูรายละเอียด วิธีการใช้ ได้ >> ที่นี่ <<
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเนี่ย เรามาดูที่ข้าวเหนียวกันก่อนนะคะ ... สำหรับข้าวเหนียว ถ้าเป็นไปได้ให้เพื่อน ๆ เลือกใช้เป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงู เพราะว่าจะมีเม็ดยาว เรียว สวยกว่าข้าวเหนียวพันธุ์อื่น แต่ถ้าหาไม่ได้ จะใช้ข้าวเหนียวทั่วไปก็ได้อ่ะค่ะ
เมื่อได้ข้าวเหนียวมาแล้ว ก็ให้เราเอาข้าวเหนียวไปล้าง (ภาษาบ้านๆ เรียกว่า ซาว) ในน้ำสะอาดสัก 4-5 รอบ จนกว่าน้ำจะใสนะคะ ซึ่งตอนที่เราล้างข้าวเหนียวเนี่ย ถ้าเรามีสารส้ม ให้เราเอาสารส้มมาขัดกับข้าวเหนียวเบา ๆ เพื่อให้ยางข้าวเหนียวหลุดออกบ้าง เม็ดข้าวจะได้มีความใสมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีก็ขัดเบา ๆ ด้วยการหยิบเอาข้าวเหนียวมาถูกัน พอได้ค่ะ จากนั้นก็แช่ข้าวเหนียวไว้ในน้ำสะอาดประมาณ 4 ชม. นะคะ (พิมใช้เป็นข้าวกลางเก่ากลางใหม่)
และเมื่อครบเวลาแล้ว ก็ให้เราล้างข้าวเหนียวด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ ก่อนจะเทใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ
และพอข้าวเหนียวสะเด็ดน้ำดีแล้ว ก็ให้เราเอาไปนึ่งบนน้ำเดือดจัด ไฟแรง เป็นเวลาประมาณ 25-30 นาที หรือจนกระทั่งข้าวเหนียวสุกดี แต่ไม่ต้องถึงกับสุกจนเม็ดข้าวบาน .... ก็ปิดไฟเตาได้เลยนะคะ
จากนั้นเอาข้าวเหนียวเทใส่ภาชนะที่มีฝาปิด #เทแบบข้าวเหนียวยังร้อนๆ แล้วก็เทกะทิอัมพวาลงไปตามสัดส่วนด้านค่ะ
ใช้ไม้พายคนข้าวเหนียวกับกะทิให้เข้ากัน แล้วปิดฝาภาชนะให้สนิทนะคะ
ผ่านไปประมาณ 20 นาที เปิดฝาหม้อมาคนกะทิที่เหลือก้นหม้อกับข้าวเหนียวให้เข้ากันอีกที แล้วปิดฝาต่ออีกประมาณ 20 นาที .... พอครบเวลาเราก็จะได้ข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิ #ที่ไม่ใส่น้ำตาล ออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้อ่ะค่ะ
** พิมทำ 3 สี เพื่อความสะดวก ก็เลยแยกมูนเป็น 3 หม้อ แต่ถ้าใครไม่มีหม้อหลายใบ ก็มูนรวมกันในหม้อเดียวได้เลยนะคะ
ต่อมาให้เราเทข้าวเหนียวเรามูนใส่ในกระทะก้นลึกค่ะ #ไม่จำเป็นต้องเป็นกระทะทอง ..... ตามด้วยน้ำตาลทราย น้ำปูนใส เกลือป่น และก็น้ำใบเตยนะคะ
** พิมจะกวนข้าวเหนียวแก้วทีละสี โดยเริ่มจากสีเขียวใบเตยก่อน แต่เพื่อนๆ จะสะดวกกวนสีไหนก่อนก็ตามชอบเลย ไม่จำเป็นต้องทำตามพิมอ่ะค่ะ
** ถ้าใครสะดวกกวนในหม้อที่มูนข้าวเหนียวเลย ก็ได้เช่นกันนะคะ
เอากระทะขึ้นตั้งเตาไฟ โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรง ซึ่งตอนแรกจะกวนลำบากนิ๊ดดดนึง เพราะข้าวเหนียวยังจับตัวเป็นก้อนอยู่ แต่พอน้ำตาลโดนความร้อน น้ำตาลจะละลาย ส่วนผสมในกระทะก็จะเหลว ทำให้กวนง่ายขึ้นอ่ะค่ะ ^_^ และจากนั้นก็ให้เรากวนส่วนผสมในกระทะไปเรื่อย ๆ นะคะ จากข้าวเหนียวเหลว ๆ ก็จะเริ่มแห้งขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นมันวาวเหมือนแก้วมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดเมื่อผ่านไปประมาณ 5 นาที #สำหรับส่วนผสมปริมาณเท่านี้ ข้าวเหนียวแก้วของเราก็ได้ที่ ...... ให้เราปิดไฟเตา และตักข้าวเหนียวแก้วใส่ชามพักไว้ก่อนนะคะ
หลังจากตักข้าวเหนียวแก้วใบเตยใส่ชามพักไว้แล้ว ต่อมาเราก็จะมากวนข้าวเหนียวแก้วอัญชัน กับข้าวเหนียวแก้วบีทรูทกันต่อค่ะ หากเพื่อน ๆ ใช้กระทะใบเดิมในการกวน ก็เอาไปล้างให้สะอาดก่อนนะคะ แล้วก็กวนด้วยวิธีเดียวกันเหมือนกับข้าวเหนียวแก้วใบเตยเลย
และเมื่อกวนข้าวเหนียวแก้วทั้งสามสีเสร็จเรียบร้อย เราก็จะได้ข้าวเหนียวแก้วออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้เลยอ่ะค่ะ
** หลังจากข้าวเหนียวแก้วเย็นสนิทแล้ว จะมีความแห้งและเหนียวมากขึ้นกว่าตอนกวนเสร็จใหม่ ๆ เพราะนั้นแล้วให้เพื่อน ๆ เผื่อความเหนียวตรงนี้ไว้ด้วย อย่ากวนจนเหนียวมากเกิน ไม่งั้นตอนข้าวเหนียวเย็นดีแล้ว จะแห้งและแข็งเกินไปนะคะ
และพอถึงเวลาจะเสิร์ฟ ก็ตักข้าวเหนียวแก้วใส่กระทงใบตองที่กลัดด้วยไม้กลัด..กระทงเล็ก ๆ หรือถ้วยแก้วใบเล็ก แล้วโรยงาขาวคั่วนิดหน่อยพอให้สวยงามและมีกลิ่นหอมมากขึ้น เท่านี้เราก็จะได้ขนมหวานแบบไทย ๆ ที่ทั้งหน้าตาสวยงาม หอม แล้วก็อร่อยแล้วอ่ะค่ะ
ขนมชนิดนี้เนี่ย ความอร่อยอยู่ตรงที่ข้าวเหนียวต้องมีความหนึบนิด ๆ #ไม่เหลวเละ และก็มีความใสวาวเหมือนแก้วนะคะ ซึ่งการนึ่งข้าวเหนียวให้สุกพอดี การใส่น้ำปูนใส และการกวนด้วยไฟกลางค่อนไปทางแรง .. จะทำให้ขนมชนิดนี้มีทั้งความสวยและความอร่อยเลยอ่ะค่ะ
ยังไงลองไปทำทานกันดูน๊าาา แล้วพบกับพิมใหม่ในเมนูถัดไป สวัสดีค่า ^__^
:: เพิ่มเติม ::
สีจากอัญชัน ใบเตย และบีทรูท .... มีวิธีการทำตามนี้นะคะ
อัญชัน ... ใช้อัญชันสดหรือแห้งก็ได้ ล้างน้ำเปล่าเบา ๆ เอาใส่หม้อ เติมน้ำร้อนจัดลงไป หรือไม่งั้นก็เติมน้ำเปล่า แล้วเอาไปตั้งไฟให้ร้อน พอน้ำร้อน อัญชันจะคายสีออกมา จนน้ำกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มอ่ะค่ะ #ปริมาณดอกอัญชันกับปริมาณน้ำ ไม่ตายตัว เอาตามความเข้มของสีที่ชอบ สำหรับน้ำอัญชัน 1 ช้อนโต๊ะที่พิมใช้ในวันนี้ พิมใช้อัญชันสดแบบกลีบซ้อน 5 ดอกใหญ่นะคะ
ใบเตย ... ใช้ใบเตยหอมที่แก่ ๆ หน่อย ล้างให้สะอาด เช็ดด้วยผ้าให้แห้ง หั่นฝอยประมาณ 1/3 ถ้วย แล้วนำไปโขลกในครกให้ละเอียด เอาออกมาผสมน้ำประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วคั้น+กรองด้วยผ้าขาวยาง เอาเฉพาะน้ำสีเขียว ๆ ไว้ 1 ช้อนโต๊ะ
บีทรูท ... ปอกเปลือกบีทรูททั้งหัว หั่นเป็นแว่นหนาครึ่งเซ็นต์ 2 แว่น วางในถ้วย เติมน้ำร้อนจัด หรือใส่หม้อ เติมน้ำเปล่าลงไปสัก 1/4 ถ้วย ตั้งไฟให้ร้อน พอน้ำร้อน บีทรูทจะค่อยคายสีแดงออกมา จนน้ำกลายเป็นสีแดงจัด ก็กรองเฉพาะน้ำเอาไว้ใช้นะคะ