สมัยตอนพิมยังเด็ก ๆ สักสมัยประถมเนี่ย จำได้ว่าช่วงหลังเลิกเรียน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ เพราะหน้าโรงเรียน จะมีพ่อค้าแม่ค้าเอาของกินโน่นนี่มาขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นขาวแดงทอด ทอดมัน ไส้กรอกทอด หมูย่าง กุยช่ายทอด โตเกียว โรตีสายไหม รวมไปถึงขนมไข่นกกระทาด้วยอ่ะค่ะ
สมัยนั้นเนี่ย พิมจำได้ว่าพิมได้เงินไปกินโรงเรียนวันละประมาณ 3 บาทหรือ 5 บาทนี่แหละนะคะ ซึ่งเงินจำนวนนี้เนี่ย เป็นจำนวนเงินที่พิมแทบไม่ต้องเอาไปใช้จ่ายอะไรเลย เพราะข้าวเช้าก็จะกินไปจากบ้าน ส่วนข้าวกลางวัน แม่หรือไม่ก็น้าชายจะเอามาให้ถึงโรงเรียน ทั้งข้าว ขนม รวมถึงมาซื้อน้ำให้ด้วยอ่ะค่ะ (แม่พิมจะมีเวลาให้พิมเฉพาะตอนกลางวัน ส่วนเย็นต้องไปเตรียมของขาย และเช้าก็ต้องไปขายของนะคะ) เพราะงั้นเงินจำนวนที่แม่ให้พิมติดตัวมาโรงเรียน ก็เลยจะเหลือเต็ม ๆ พิมก็จะเก็บเงินจำนวนนี้ไว้กินโน่นกินนี่ในตอนเย็นอ่ะค่ะ
แล้วของกินตอนเย็นที่พิมชอบซื้อมากที่สุดก็เห็นจะเป็นทอดมันนะคะ ซึ่งทอดมันสมัยนั้นเนี่ย (ไม่รู้ว่าเฉพาะเจ้านั้นรึเปล่า) เค้าจะขายเป็นร้อย (ชิ้น - ชิ้นเล็กๆ) ร้อยละสิบกว่าบาทรึไงนี่แหละค่ะ คนนึงจะซื้อร้อยสองร้อย ก็ว่ากันไป แต่ด้วยความที่พิมมีตังค์น้อย ไปขอแบ่งซื้อเค้า 10 ชิ้น เค้าก็ให้นะคะ (นี่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้พิมชอบกินทอดมันมาจนถึงทุกวันนี้) แล้วนอกจากทอดมัน พิมก็ชอบไปกินลูกชิ้นทอด หมูย่าง โรตีสายไหม และขนมไข่นกกระทา สลับ ๆ กันไปอ่ะค่ะ
และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมาก็หลายปีแล้ว (ไม่ต้องนับปีหรอกเน๊าะคะ 5555) พิมก็อยากจะชวนเพื่อนๆ มารื้อฟื้นความหลังของพิม ด้วยการมาทำขนมไข่นกกระทากันอ่ะค่ะ ^_^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- มันเทศ ทั้งหัวประมาณ 700-800 กรัม
- แป้งมัน 150 กรัม
- แป้งท้าวยายม่อม 50 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม
- น้ำตาลทราย 130 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือสมุทรป่น 1/2 ช้อนชา
ถ้วย = ถ้วยตวงมาตรฐาน ส่วน ช้อนโต๊ะ-ช้อนชา = ช้อนตวงมาตรฐาน เพื่อน ๆ สามารถอ่านรายละเอียด สถานที่ซื้อ และวิธีการใช้ช้อนตวง ถ้วยตวง ได้ >> ที่นี่ << ค่ะ
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเลยก็ให้เราสังเกตุดูที่หัวมันนะคะ ว่ามีดินเกาะไหม มีสิ่งสกปรกติดมาไหม ถ้ามี...ก็ให้เอาไปล้างน้ำให้สะอาดซะก่อน แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ หรือถ้าเอาเร็ว ก็เอาผ้าสะอาดเช็ดให้แห้งอ่ะค่ะ
จากนั้นก็ปอกเปลือออกให้หมด อย่าลืมตัดจุกหัวท้าย และส่วนที่เสีย เช่น ส่วนที่เป็นหนอนกิน หรือจุดดำๆ ออกไปด้วยนะคะ
แล้วหั่นเป็นชิ้นประมาณ 1 * 1 นิ้ว นำไปล้างน้ำให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำค่ะ (เราจะใช้มันที่หั่นแล้ว ประมาณ 500 กรัม ถ้ามากน้อยไปกว่านี้ไม่เยอะ ก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่ถ้าเยอะ เช่นเกิน 60-70 หรือเป็นร้อยกรัม ก็แบ่งเอาไปทำเมนูอื่น เช่น แกงบวดมัน ดีกว่าอ่ะค่ะ)
ระหว่างรอมันสะเด็ดน้ำ ก็เอาน้ำใส่ที่ก้นรังถึง (พิมขอเรียกสั้น ๆ ว่า ซึ่้ง ล่ะกันเน๊าะ) แล้วไปตั้งไฟกลางค่อนไปทางแรงนะคะ
พอน้ำเดือดจัดก็ใส่มันลงไปนึ่งประมาณ 20 นาทีค่ะ
และพอมันเทศสุกดี ก็จะได้ออกมาเป็นหน้าตาประมาณนี้นะคะ แบบว่าจะนิ่มๆ และมีสีเหลืองเข้มกว่าตอนก่อนนึงอ่ะค่ะ ... เพื่อนๆ ลองเอานิ้วสัมผัส หรือจิ้มดูได้ แต่ระวังร้อนนะคะ ^_^
จากนั้นก็นำมันทั้งที่ยังร้อน ๆ อยู่นี่แหละค่ะ เทใส่กาละมัง แล้วก็ใช้ที่บดมัน ช้อน ส้อม หรือทัพพีก็ได้ บี้ๆ มันให้ละเอียดอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ ซึ่งมันที่ร้อน ๆ จะบี้ง่ายมากๆ เลยอ่ะค่ะ และพอมันละเอียดแล้ว ก็พักไว้จนกระทั่งมันอุ่นๆ นะคะ
และพอมันอุ่น ๆ ดี เราก็ใส่แป้งมัน แป้งท้าว แป้งสาลี น้ำตาล ผงฟู เกลือป่นลงไป
ห้ามใส่แป้งตอนมันยังร้อน เพราะแป้งจะสุกและแฉะ
แล้วก็นวดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ ซึ่งถ้านวดแล้วทำยังไงส่วนผสมก็ร่วน ไม่สามารถนวดให้เข้ากันได้ เพื่อนๆ ก็เติมหัวกะทิ หรือน้ำปูนใส .... ใส่ลงไปสักหน่อยนะคะ (พิมไม่ได้บอกไว้ในสูตร เพราะบางทีก็ใส่ บางทีก็ไม่ต้องใส่) โดยใส่ทีละ 1-2 ช้อนโต๊ะ แล้วนวด ถ้ายังนวดให้เข้ากันไม่ได้ ก็เติมลงไปอีก 1-2 ช้อนโต๊ะ จนกระทั่งนวดส่วนผสมให้เป็นก้อนได้อ่ะค่ะ ซึ่งตรงนี้พิมบอกตายตัวไม่ได้ว่าต้องใช้มากน้อยเท่าไหร่ ขึ้นกับความชื้นความแฉะของส่วนผสม บางครั้งพิมก็ใส่แค่ 4-5 ช้อนโต๊ะ บางวันก็ใส่เป็น 10 ช้อนโต๊ะ บางวันไม่ต้องใส่เลยก็มีนะคะ
น้ำปูนใส ทำให้ขนมกรอบมากขึ้น ส่วนน้ำกะทิ ทำให้นุ่มหอมมากขึ้น จะใช้อย่างใดอย่างนึงหรือผสมกันก็ได้ (พิมใช้ผสมกัน)
วิธีการทำน้ำปูนใส คือ ให้เราซื้อปูนแดงแบบที่ใช้กินกับหมากพลูมาจากตลาดสด ถุงนึงประมาณ 5-10-20 บาทค่ะ จากนั้นนำมาละลายในน้ำสะอาด แล้วเทใส่ขวดเปล่าเอาไว้ ตั้งทิ้ง 1 คืน หรือจนปูนตกตะกอน เหลือแต่น้ำใส ๆ ด้านบน ก็ตักน้ำส่วนนั้นมาใช้ เรียกว่า น้ำปูนใสนะคะ
และพอนวดส่วนผสมได้ที่ ก็จะออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้อ่ะค่ะ ซึ่งไม่ต้องให้ส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนเวลาปั้นบัวลอยนะคะ เอาแค่สามารถปั้นเป็นลูกได้ ไม่แตก ไม่แยกออกจากกัน ก็โอเคล่ะค่ะ
แล้วก็ปั้นส่วนผสมไว้เป็นลูกกลม ๆ แบบนี้นะคะ หรือถ้าชอบแบบต้นตำรับเลย ก็ปั้นให้เป็นทรงรี ๆ เหมือนไข่นกกระทาก็ได้อ่ะค่ะ
จากนั้นหันไปตั้งกระทะบนเตา โดยใช้ไฟกลางนะคะ ใส่น้ำมันลงไปปริมาณเยอะหน่อย (พิมใส่ 1 ลิตร สำหรับกระทะขนาดนี้) กะว่าให้ท่วมแป้ง และมีพื้นที่ให้ขนมไข่นกกระทาของเราลอยในน้ำมันได้จนกว่าจะสุกอ่ะค่ะ
พอน้ำมันร้อน ก็ใส่แป้งที่เราปั้นไว้แล้ว ลงไปทอดนะคะ ซึ่งตอนทอดเนี่ย ต้องใช้ไฟกลางค่อนมาทางอ่อนค่ะ เพราะถ้าใช้ไฟกลางอย่างเดียวเนี่ย ขนมจะไหม้ก่อนสุกนะคะ แต่ถ้าใช้ไฟอ่อน ขนมก็จะอมน้ำมัน กินแล้วไม่อร่อยอ่ะค่ะ
ในส่วนของวิธีการทอดไข่นกกระทะ ก็ต้องคอยคน และเอาตะหลิวรูหรือกระชอนโปร่งๆ กดไข่ให้จมลงในน้ำมันแบบหย่ม ๆ เป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้ขนมอมน้ำมัน และเพื่อให้แป้งขนมพองฟูนะคะ
และในช่วงสุดท้ายของการทอด ก็ให้เร่งไฟเตาขึ้นมาเป็นไฟกลางนิดนึง เพื่อทำให้ผิวขนมด้านนอกกรอบอ่ะค่ะ
และเมื่อทอดไปประมาณ 13-14 นาที เราจะได้ขนมไข่นกกระทาออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้
เวลาที่ใช้ในการทอด ถ้าทอดกระทะใหญ่กว่านี้ ปริมาณขนมมากกว่านี้ ก็อาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่านี้นะคะ
การที่ขนมจะกรอบนอกนุ่มใน หรือเหนียว นอกจากส่วนผสมแล้ว การทอดก็เป็นสิ่งสำคัญมาก
ก็ใช้กระชอนหรือตะหลิวโปร่งๆ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันได้เลยอ่ะค่ะ
และเมื่อขนมสะเด็ดน้ำมันดีแล้ว เราก็จะได้ขนมไข่นกกระทา ออกมาสวยน่ากินอย่างในภาพด้านล่างนี้เลยนะคะ ^_^ ซึ่งพิมขอบอกเลยว่า หอมหวาน กรอบนอกนุ่มใน อร่อยจนเผลอกินรวดเดียวไป 10 กว่าชิ้นเลยค่า T__T
ยังไงไปลองทำกินกันดูนะคะ .... ไม่ยาก ๆ..... เพื่อน ๆ อาจจะลองทำสักครึ่งสูตร หรือถ้าอยู่คนเดียว จะลองทำสัก 1 ส่วน 4 สูตรก่อนก็ได้ เพราะแค่เท่านั้นก็ได้ขนมเกือบครึ่งตะกร้าด้านบนแล้วอ่ะค่ะ (เยอะมาก ยิ่งปั้นลูกเล็ก ๆ ยิ่งได้เยอะมากกก)
ส่วนในมือพิมนี้ ขอแบ่งให้เพื่อน ๆ ทุกคนไปลองชิมกันเลยนะคะ ^_^ แล้วพบกับพิมในเมนูถัดไป สวัสดีค่าา