วันก่อนอยู่ดี ๆ น้องชายพิมก็เดินเอากล้วยน้ำว้าห่าม ๆ มาให้พิมหวีนึงค่ะ เข้าใจว่าน่าจะเป็นกล้วยที่เหลือจากน้องชายเอามาให้นกกินนะคะ >_< พิมก็เลยถามคุณน้องชายว่าเอามาให้ทำอะไร คุณเธอก็บอกว่าทำอะไรก็ได้ที่เป็นของกินอ่ะค่ะ
ตอนแรกพิมก็ตั้งใจว่าจะทำกล้วยบวดชีนะคะ แบบว่าอยากกินกล้วยบวดชีที่ใส่ถั่วคั่วมาหลายวันแล้ว แต่ปรากฎว่าพอไปค้นตู้เก็บของแห้ง ไม่มีถั่วที่พิมจะใช้สักเม็ดเลยค่ะ T___T ก็เลยเดินออกมาในสวนนอกตัวบ้าน กะจะมาบอกน้องว่าไม่มีถั่วนะ จะทำอะไรดี ปรากฎว่าไปเจอมะพร้าวแก่ที่แม่ตัดมาจากบ้านสวนเมื่ออาทิตย์ก่อนเหลืออยู่สองสามลูก แล้วก็เจอพวกแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวโพด วางอยู่บนโต๊ะในครัว ก็เลยเปลี่ยนใจจากกล้วยบวดชีมาทำกล้วยแขกแทนอ่ะค่ะ และหลังจากพิมเข้าไปขลุกอยู่ในครัวครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้ #กล้วยแขก ที่หน้าตาน่าทานออกมาอย่างนี้นะคะ ... หลายคนเห็นแล้วอาจจะรู้สึกอยากทาน เพราะงั้นเราไปดูสูตรกับวิธีทำกันเลยจ้า
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
- แป้งข้าวโพด 25 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ผงฟู 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวขูดขาว 200 กรัม
- งาขาว (ไม่ต้องคั่ว) 50 กรัม
- หัวกะทิ 270 มิลลิลิตร
- น้ำปูนใส 100 มิลลิลิตร
- กล้วยน้ำว้า ที่เปลือกเหลืองแกมเขียว 1 หวี (ประมาณ 15 ลูกใหญ่)
- เผือก มันเทศ เช่น มันไข่ มันแครอท มันม่วง น้ำหนักรวมกันประมาณ 1000 กรัม
- น้ำมันสำหรับทอด
** คำว่า ถ้วย หมายถึง ถ้วยตวง / วิธีใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง (ช้อนโต๊ะ ช้อนชา) ดูได้ >> ที่นี่ <<
** สูตรนี้ทำได้เยอะ ถ้าใครอยากลองทำดูก่อน หรือกินแค่ 2-3 คน ทำสักครึ่งสูตรก็พอค่ะ
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเรามาผสมแป้งที่จะใช้ชุบกล้วย ชุบมันทอดกันก่อนนะคะ
ก็ให้เราผสมแป้งข้าวโพด + แป้งข้าวเจ้า + ผงฟู + เกลือป่น + น้ำตาลทราย ลงในกาละมังหรือหม้อใบโตสักใบค่ะ แล้วก็คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันนะคะ ^_^
จากนั้นก็ใส่หัวกะทิ กับน้ำปูนใสลงไปค่ะ
แล้วก็คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี จนไม่เหลือแป้งให้เห็นเป็นเม็ดๆ นะคะ
สุดท้ายก็ใส่มะพร้าวขูดขาว กับงาขาว (ไม่ต้องคั่ว) ลงไป แล้วคนให้เข้ากันอีกที ก็เป็นอันว่าเราได้แป้งสำหรับไว้ชุบกล้วย ชุบมันแล้วอ่ะค่ะ ^_^ ....... ถึงตรงนี้พักไว้ก่อนนะคะ
ต่อมา เราจะมาจัดการกับกล้วย มัน และเผือกกันต่อค่ะ
สำหรับมันที่พิมเลือกใช้วันนี้เป็นมันเทศพันธุ์นึง เรียกว่ามันแครอทนะคะ จริง ๆ พิมอยากจะได้เป็นมันไข่มากกว่า แต่แถวบ้านพิมไม่มีขายเลย >_< ก็เลยเอาเป็นมันแครอทมาแทนอ่ะค่ะ (จริง ๆ มันแครอท หายากกว่ามันไข่ อีกน๊าาา)
ก็ให้เราเอามันเทศทั้งเปลือกไปล้างน้ำให้สะอาดก่อนนะคะ เผื่อว่ามีขี้โคลนมีดินติดอยู่ เวลาปอกจะได้ไม่เลอะหัวมันอ่ะค่ะ พอล้างเสร็จก็พักไว้ให้สะเด็ดน้ำหรือเช็ดด้วยผ้าให้แห้งนะคะ จากนั้นก็เอามาปอกเปลือกออกให้หมด หั่นให้เป็นชิ้นยาวสัก 2 นิ้ว หนาสักเกือบๆ 1 ซม. (อย่าหนาเกิน เวลากินจะทอดจะสุกยาก แต่ถ้าบางเกิน เวลากินก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงเนื้อมัน) แล้วก็เอาไปล้างน้ำสัก 1-2 ครั้งเพื่อเอายางออก เสร็จแล้วก็เทใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำอ่ะค่ะ
ส่วนเผือกก็ให้ทำแบบเดียวกับมันนะคะ แต่ไม่ต้องเอาไปล้างก่อนปอกเปลือก เพราะเปลือกของเผือกจะมีสารอย่างนึง ที่เวลาโดนน้ำแล้วมาโดนผิวเรา จะทำให้เกิดอาการคัน ซึ่งถ้าไม่แพ้ก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าแพ้ขึ้นมาล่ะก็ ลำบากเลยค่ะ เพราะงั้นแล้วสำหรับเผือก ไม่ต้องล้างก่อนปอกเปลือกนะคะ .. แบบว่าปอกได้เลยจ้า
ส่วนกล้วยน้ำว้า ให้เลือกใช้กล้วยที่เปลือกเป็นสีกระดังงา ประมาณว่าสีเหลืองอมเขียวนะคะ คือกล้วยที่เริ่มสุกแล้ว แต่ยังไม่สุกมากจนเกินไป ก็ให้ตัดกล้วยออกมาจากหวีทีละลูก ปอกเปลือก แล้วก็ฝานกล้วยตามแนวยาวเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/2 ซม. หรือหนากว่าเล็กน้อยอ่ะค่ะ ซึ่งถ้ากล้วยลูกอ้วนๆ แบบในภาพที่พิมใช้ หนึ่งลูกก็จะฝานได้ประมาณ 3 ชิ้นค่ะ แต่ถ้าอ้วนกว่านี้ ก็อาจจะฝานได้สัก 4 ชิ้นนะคะ
และเมื่อฝานกล้วย หั่นเผือก หั่นมันเสร็จแล้ว ก็ให้เราเอากล้วย เผือก มัน ที่จะทอดในกระทะแรก ใส่ลงไปไว้ในกาละมังแป้งเลยอ่ะค่ะ
จากนั้นหันมาตั้งหม้อหรือกระทะก้นลึกบนเตาไฟ ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงไปให้สูงสักประมาณ 3-4 นิ้ว แล้วก็เปิดไฟกลางนะคะ .... พอน้ำมันร้อน แต่ไม่ต้องให้ร้อนจัดมาก ก็หยิบกล้วย เผือก มัน แต่ละชิ้น ลงชุบกับแป้ง แล้วหย่อนใส่ลงไปในหม้อทอดค่ะ
น้ำมันที่ใช้ทอดกล้วย พิมใช้น้ำมันมะพร้าวนะคะ ถ้าใช้น้ำมันปาล์ม กล้วยจะหอมและกรอบไม่นานเท่าใช้น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันปาล์มผสมน้ำมันมะพร้าว
เคล็ดลับนึงที่จะทำให้กล้วยแขก มันทอดของเราหอมมากขึ้น ก็คือ การนำเอาใบเตยที่ล้างสะอาดและเช็ดให้แห้งแล้ว หั่นเป็นท่อนสั้น ใส่ลงไปทอดในน้ำมันประมาณสักแป๊บนึง จนกระทั่งใบเตยกรอบ ก็ตักทิ้งไปค่ะ เราก็จะได้น้ำมันหอม ๆ ไว้สำหรับทอดกล้วยนะคะ
พอแป้งในหม้อเริ่มเซตตัวเกาะกับกล้วย ก็ให้เอาที่คีบ หรือไม้แหลมสำหรับจิ้มกล้วยทอดอันใหญ่ ๆ (มีขายตามตลาดสด) หรือทัพพีที่มีรู ลงไปคนในหม้อ เพื่อให้กล้วยทอดแต่ละชิ้นแยกตัวออกจากกัน ไม่เกาะกันเป็นก้อนนะคะ แล้วก็ทอดกล้วย มัน เผือก ไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น คนบ้างเป็นระยะ
จนกระทั่งกล้วยมีสีเหลืองอย่างในภาพด้านล่าง ก็ใช้กระชอนตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันได้เลยอ่ะค่ะ
แล้วเราก็จะได้กล้วยทอด (กล้วยแขก) มันทอด เผือกทอด ออกมาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ ซึ่งกล้วยแขกตามสูตรที่พิมทำเนี่ย จะหวานไม่มาก แล้วก็กรอบพอประมาณ แต่ไม่กรอบแข็งอ่ะค่ะ ซึ่งเป็นรสชาติและรสสัมผัสที่พิมว่ากำลังดี แต่หากใครทำแล้วรู้สึกว่าอ่อนหวานไป ครั้งหน้าก็เติมน้ำตาลเพิ่มได้นะคะ
เคล็ดลับอย่างนึงในการทำกล้วยแขกให้อร่อย ก็คือการเลือกกล้วยค่ะ บางคนถึงกับบอกว่าเลือกกล้วยผิดนี่เททิ้งทั้งกระทะเลยก็มีนะคะ T__T (ส่วนวิธีการเลือกมัน ไม่มีอะไรมาก แค่เลือกที่ไม่มีแมงกิน ไม่มีดินเกาะเปลือกมาเยอะ ก็โอเคแล้วค่ะ)
โดยกล้วยที่จะนำมาทำกล้วยแขกเนี่ย ให้เลือกกล้วยที่สุกแล้วแต่ยังห่ามอยู่นะคะ คือ กล้วยที่มีสีเปลือกเหลืองผมเขียวนิดๆ อ่ะค่ะ แม้ว่าความหวานส่วนนึงของกล้วยแขกจะมาจากความหวานของกล้วย (กล้วยยยิ่งสุกงอมยิ่งหวาน) แต่ถ้ากล้วยสุกเกิน เวลาทอดก็จะอมน้ำมัน และไหม้ง่าย ที่สำคัญชิ้นกล้วยจะงอ ทอดออกมาแล้วไม่สวยนะคะ แต่ถ้าหากเลือกกล้วยที่ดิบไป หรือกล้วยจำบ่ม (กล้วยที่ตัดมาแบบไม่ค่อยแก่ แล้วเอามาบ่ม) กล้วยทอดที่ได้จะฝาด บางทีก็แข็ง กินไม่อร่อยอ่ะค่ะ
ความกรอบของแป้งกล้วยทอด มันทอด นอกจากจะอยู่ที่น้ำมันที่ใช้ทอดแล้ว ก็ยังอยู่ที่ความเข้มข้นของน้ำปูนใสอีกด้วยนะคะ ถ้าอ่อนไป แป้งก็จะไม่ค่อยกรอบ แต่ถ้ามีความเข้มข้นมากไป แป้งก็จะแข็งเกินอ่ะค่ะ
ยังไงเพื่อน ๆ ลองไปทำทานกันดูนะคะ แล้วพบกับพิมใหม่ในความอร่อยถัดไป สวัสดีค่า ^_^
:: เพิ่มเติม "วิธีทำน้ำปูนใส" ::
น้ำปูนใส ได้จากการเอาน้ำเปล่า/น้ำสะอาด ไปคนผสมกับ ปูนแดง หรือปูนขาว ในอัตราส่วนประมาณปูน 1 ส่วน น้ำ 10-20 ส่วน แล้วตั้งทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน จนปูนตกตะกอน แล้วน้ำใส ๆ ที่อยู่ด้านบนก็จะเรียกว่าน้ำปูนใสอ่ะค่ะ
** โดยปกติพิมจะตักปูนใส่ขวดน้ำเปล่าแบบ 1.5 ลิตร แล้วเติมน้ำสะอาดลงไปจนเกือบเต็มขวด เขย่าให้ปูนกับน้ำเข้ากัน แล้วก็ตั้งทิ้งไว้ 1 คืน พอเช้าก็เทเอาน้ำใส ๆ ด้านบนมาใช้นะคะ
ซึ่งเมื่อเรานำผัก ผลไม้ไปแช่ในน้ำปูนใสเนี่ย จะทำให้ผักและผลไม้มีเนื้อสัมผัสที่แข็งขึ้น ป้องกันการเปื่อยยุ่ยนะคะ หรือถ้าเอาไปเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร เช่น ผสมในแป้งชุบทอด ก็จะทำให้แป้งนั้นกรอบแข็งขึ้นด้วยอ่ะค่ะ
นอกจากช่วยเรื่องความกรอบความแข็งแล้ว น้ำปูนใสยังช่วยล้างยาฆ่าแมลง ล้างโลหะหนักที่ตกค้าง และช่วยต้านการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้ป้องการอาหารบูดเน่าได้ประมาณนึงด้วยนะคะ
...................
ส่วนปูนขาวคืออะไร ... ปูนขาวได้มาจากการเผาหินปูนหรือเปลือกหอยค่ะ ซึ่งปูนขาวชนิดนี้จะเป็นคนละอย่างกับปูนขาวที่ใช้ในการก่อสร้างนะคะ
ส่วนปูนแดง ที่นิยมเอามากินกับหมากพลู ได้จากการเอาปูนขาวผสมกับขมิ้นค่ะ โดยขมิ้นจะลดความเป็นด่างของปูนขาว ทำให้เวลากิน (หมากพลู) แล้วปูนไม่กัดปากนะคะ โดยทั้งปูนแดงและปูนขาว หาซื้อได้ตามร้านขายหมาก พลู ในตลาดสดทั่วไป ถุงนึง 10-20 บาทค่ะ (ส่วนใหญ๋จะมีเฉพาะปูนแดง)
ส่วนอัตราส่วนในการใช้แบบคร่าวๆ ถ้าเอามาแช่ผักผลไม้ให้กรอบ ใช้ปูน 1 ส่วนต่อน้ำสัก 15-20 ส่วน แต่ถ้าเอาไปผสมแป้งให้กรอบ ใช้ปูน 1 ส่วน ต่อน้ำสัก 10 ส่วนนะคะ (สัดส่วนโดยประมาณแบบคร่าวๆ)