วันนี้พิมจะมาชวนทุกคนทำ "ข้าวเหนียวมูนกลอย" กันค่า เป็นหนึ่งในขนมไทยที่พิมชอบกินมากกกก และด้วยความที่ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีใครทำขายแล้ว พิมก็เลยอยากจะเอามาทำให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน เผื่อใครอยากลองทำตามค่ะ 😊
แต่ก่อนจะไปดูสูตรกับวิธีทำเนี่ย พิมก็อยากจะพูดถึงกลอยนิดนึง เผื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนจะยังไม่รู้จักกลอยกันนะคะ 😊
กลอย .. เป็นไม้เถาชนิดนึงที่มีหัวอยู่ใต้ดินเหมือนพวกมันเทศ มันฝรั่ง ส่วนที่เราเอามากินก็คือส่วนหัวของกลอย ซึ่งก็จะมีทั้งหัวที่เนื้อในเป็นสีขาวที่เรียกว่ากลอยข้าวเจ้า และเนื้อในเป็นสีเหลืองที่เรียกว่ากลอยข้าวเหนียวค่ะ
แต่ว่ากลอยเนี่ย ไม่ใช่ว่าขุดหัวขึ้นมาปุ๊บแล้วจะเอาไปหั่นต้มแกง หรือเอาไปทำขนมได้ทันทีเหมือนมันเทศนะคะ เพราะว่าในหัวกลอยมีสารพิษตัวนึงที่เรียกว่าไดออสคอรีน (Dioscorine) ปะปนอยู่ด้วย (ในมันเทศ มันฝรั่ง .. ไม่มี) ซึ่งเจ้าพิษตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้คนกินคันที่ปาก ลิ้น คอ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่า ไปจนถึงหมดสติได้ค่ะ เพราะงั้นเราจึงจำเป็นจะต้องเอากลอยไปกำจัดพิษออกก่อน และเอามาทำให้สุก 100% ก่อนถึงจะกินได้นะคะ
สารพิษไดออสคอลรีนที่อยู่ในหัวกลอย จะว่าไปแล้วก็เป็นสารพิษที่ละลายในน้ำได้ดีมาก ๆ เพราะงั้นในสมัยโบราณเค้าก็จะกำจัดพิษของกลอยด้วยกรเอากลอยมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ใส่ถุงตาข่าย แล้วไปวางไว้ในที่น้ำไหล 3-4 วันค่ะ ซึ่งในระหว่างการแช่ ก็จะมีการนวดกลอยไปด้วย เพื่อให้พิษที่อยู่ในกลอยไหลผ่านไปกับน้ำนะคะ แต่ว่าในบางพื้นที่เค้าจะนิยมเอากลอยที่หั่นชิ้นแล้วไปหมักในน้ำเกลือแทน โดยจะหมักในน้ำเกลือประมาณ 3-4 วัน ระหว่างหมักก็เปลี่ยนน้ำเกลือทุกวัน มีการนวดกลอยทุกวันเพื่อรีดพิษกลอยออกไปให้หมดค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าแม้แต่ละพื้นที่แต่ละบ้านจะมีวิธีการเตรียมกลอยที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวม ๆ แล้วคือยุ่งยากมาก ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ แต่ต้องใช้คนที่เชี่ยวชาญและมีความรู้เท่านั้นนะคะ เพราะงั้นใครที่อยากจะทำข้าวเหนียวมูนกลอย กลอยนึ่งคลุกมะพร้าว กลอยน้ำกะทิ ฯ พิมแนะนำให้ซื้อกลอยสดหรือกลอยแห้งที่เค้าทำสำเร็จมาแล้วดีกว่า แค่เอามาแช่น้ำ ล้างน้ำ 4-5 ครั้ง แล้วเอาไปนึ่ง/ต้มให้สุก ก็พร้อมกินแล้วค่ะ
สำหรับกลอยสดที่พิมซื้อมาทำขนม พิมเคยลองซื้อมาจากสารพัดที่เลยนะคะ ทั้งในเฟส ในเนต ใน shopee lazada แต่ร้านที่คุณภาพคงที่ที่สุด กลอยเป็นชิ้นสวยที่สุด พิมแนะนำร้านนี้ใน Shopee >> https://shope.ee/7pG6YEfSyn ใครสนใจก็ลองดูได้เลยค่ะ 😊😊
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 250 กรัม
- กลอยสด 250 กรัม
- หัวกะทิ 325 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
- เกลือสมุทรป่น 10 กรัม
- มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น 150 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- งาขาว 75 กรัม
- กะทิ 350 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 10 กรัม
- เกลือสมุทรป่น 4 กรัม
*** ส่วนผสมตามสูตร ทำเสร็จแล้วจะได้ข้าวเหนียวมูนกลอย ประมาณ 9 กล่องแบบในภาพ
:: วิธีทำ ::
จะทำข้าวเหนียวมูนกลอย อย่างแรกที่เราต้องมีก็คือกลอยค่ะ 😊 ... สำหรับกลอยที่พิมใช้ในเมนูนี้เป็นกลอยสดที่ซื้อมาจากในเนตนะคะ ซึ่งกลอยสดในความหมายของพิม คือ กลอยที่หั่นเป็นชิ้นบาง และผ่านการล้างพิษมาแล้วค่ะ 😊
เมื่อเราได้กลอยสดมาแล้ว ให้เราเอากลอยไปล้างน้ำเปล่า 4 - 5 ครั้ง จนน้ำใส แล้วเทกลอยใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำนะคะ จากนั้นแบ่งกลอยออกมาตามปริมาณที่ต้องการใช้ ส่วนที่เหลือก็เก็บใส่กล่องหรือถุงแช่ตู้เย็นไว้ ถ้าแช่ช่องธรรมดาจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน แต่ถ้าแช่ฟรีซจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน - 1 ปีเลยค่ะ
กลอยสดที่พิมซื้อมาในแต่ละครั้งเนี่ย จะมีขนาดใหญ่/เล็ก และสีขาว/เหลืองไม่ค่อยเท่ากันในแต่ละครั้งนะคะ บางทีก็มีสีขาวเยอะมาก บางทีก็มีสีขาวปนเหลืองอย่างละครึ่ง บางทีก็ขาวบ้าง เหลืองอ่อนบ้าง เหลืองเข้มบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละรอบที่เค้าออกไปขุดกลอย เค้าได้กลอยแบบไหนมามากน้อยกว่ากันค่ะ แต่ไม่ว่าจะกลอยอันไหน ทุกกลอยใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่กลอยข้าวเหนียวจะมีความนุ่มหนึบและอร่อยมากกว่ากลอยข้าวเจ้านิดนึงนะคะ 😊😊
เมื่อจัดการกลอยเรียบร้อยแล้ว มาดูในส่วนของข้าวเหนียวกันบ้างค่ะ
ในส่วนของข้าวเหนียว พิมใช้เป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากจังหวัดเชียงรายนะคะ พิมจะเอาข้าวเหนียวมาขัดกับสารส้มก่อน 3 ครั้ง เพื่อที่เวลามูนเสร็จแล้ว เม็ดข้าวจะได้มีความใสแวววาว สวยสะท้อนแสงไฟค่ะ 😊
สำหรับวิธีขัดข้าวก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ให้เราเอาข้าวเหนียวใส่กะละมังใบโตหน่อย ใส่น้ำเปล่าลงไปพอท่วมข้าว แล้วใช้สารส้มแบบก้อน วนไปวนมาในกะละมังสัก 30 รอบให้ก้อนสารส้มถูกับเมล็ดข้าว พอน้ำขุ่นจัด ๆ ก็หยุดขัดข้าว เทน้ำทิ้ง เติมน้ำใหม่ลงไป แล้วทำแบบเดิมอีกสัก 2 ครั้งนะคะ
พอขัดข้าวครบ 3 ครั้ง ก็ให้ล้างข้าวในน้ำเปล่าอีก 3-4 ครั้ง หรือจนกว่าน้ำซาวขาวใส ก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ ... ถึงตรงนี้ก็ให้เทน้ำล้างข้าวครั้งสุดสุดท้ายทิ้ง แล้วเติมน้ำใหม่ลงไปให้ท่วมข้าวเยอะนิดนึง ก่อนจะแช่ข้าวไว้ข้ามคืน หรือประมาณ 6-8 ชม. นะคะ
พอแช่ข้าวครบเวลา ก็ล้างข้าวด้วยน้ำเปล่าอีกสักรอบเพื่อขจัดกลิ่นข้าวที่แช่ค้างคืน ก่อนจะเทข้าวใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำค่ะ
ระหว่างนี้เราก็จะมาทำน้ำกะทิสำหรับมูนข้าวเหนียวและกลอยกันนะคะ 😊😊
ให้เราหยิบหม้อใบย่อม ๆ มาใบนึง ใส่หัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือตามสูตรลงไป แล้วยกหม้อขึ้นตั้งตั้งเตา เปิดไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ พอน้ำตาลละลายหมดก็ปิดไฟเตา ยกหม้อลงได้เลยค่ะ
*** ถ้ามีใบเตยหอมสัก 2-3 ใบ ก็ล้างให้สะอาด มัดรวมกัน แล้วใส่ไปในหม้อด้วยนะคะ 😅
จากนั้นตั้งหม้อซึ้งบนเตา เปิดไฟแรงนิดนึง พอน้ำเดือดก็เอากลอยขึ้นนึ่งเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ** อย่าลืมเอาผ้าขาวบางรองด้วยน๊า
พอนึ่งกลอยไปประมาณ 20 นาที ให้เปิดฝาซึ้ง แล้วเทข้าวเหนียวลงไปนึ่งรวมกับกลอยนะคะ
หลังจากนึ่งข้าวเหนียวไป 15 นาที ให้เราเปิดฝาซึ้งอีกรอบ แล้วใส่มะพร้าวทึนทึกลงไปรวมกับข้าวเหนียวและกลอยค่ะ แล้วนึ่งต่อไปอีก 10 - 15 นาที ถ้าข้าวเหนียวใหม่ก็ 10 นาที ข้าวเหนียวเก่าก็ประมาณ 15 นาทีนะคะ
พอครบเวลา ก็ปิดไฟเตา - เปิดฝาซึ้ง แล้วใช้ทัพพีตักเฉพาะมะพร้าวทึนทึกออกมาก่อนค่ะ ไม่ต้องตักให้หมด 100% ก็ได้ เหลือติดข้าวเหนียวติดกลอยไว้บ้างก็ไม่เป็นไรนะคะ ส่วนข้าวเหนียวกับกลอยให้เทใส่ในกะละมังน้ำกะทิที่เราทำไว้ในตอนแรก แล้วใช้พายคนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ก่อนจะปิดฝาพักไว้สัก 20 นาทีค่ะ
พอครบ 20 นาที ก็เปิดฝากะละมังออก แล้วใส่มะพร้าวทึนทึกลงไปครึ่งนึงนะคะ คนด้วยพายให้เข้ากันดี ปิดฝาต่ออีก 10 นาที .... พอครบเวลา เราก็จะได้ข้าวเหนียวมูนกลอยพร้อมกินล่ะค่ะ 😊😊
จริง ๆ กินข้าวเหนียวมูนกลอยแบบนี้กินเฉย ๆ ก็อร่อยมากแล้วนะคะ แต่ถ้าอยากให้อร่อยมากขึ้น เราจะต้องราดด้วยหัวกะทิข้น ๆ ที่มีรสเค็มนิด ๆ เพื่อให้ไปตัดกับรสหวานของข้าวเหนียวมูน และโรยด้วยงาคั่วผสมน้ำตาลอีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความหอม และ ชูรสให้มันหวานแหลมขึ้นนิดนึงค่ะ
วิธีทำหัวกะทิข้น ๆ สำหรับราดข้าวเหนียวมูนกลอย ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากนะคะ .. หยิบหม้อเล็ก ๆ มาใบนึง ใส่กะทิ แป้งข้าวเจ้า และเกลือป่นลงไป คนทุกอย่างให้เข้ากันดี ยกหม้อขึ้นตั้งไฟกลางค่อนมาทางอ่อน ระหว่างนั้นก็คนเรื่อย ๆ พอกะทิในหม้อเดือด และข้นขึ้นก็ปิดไฟเตา พักให้หายร้อนนิดนึง ก็จะได้กะทิสำหรับกินคู่กับข้าวเหนียวมูนกลอยแล้วค่ะ
ส่วนงาผสมน้ำตาล #เน้นงาไม่เน้นน้ำตาลเน้อออ ... ก็ให้เราเอางาขาวเทใส่กระชอน ล้างน้ำแบบผ่าน ๆ ให้พวกเศษฝุ่นผงหลุดออกไปก่อนนะคะ จากนั้นเทงาที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่กระทะ คั่วด้วยไฟอ่อนไปสักพักใหญ่ ๆ พองาสุกเหลือง เม็ดพอง ส่งกลิ่นหอม ก็ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
ตักงาในครกหรือเครื่องปั่น ตำหรือปั่นให้แหลกแบบหยาบ ๆ แล้วเอางามาผสมกับน้ำตาลที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน ก็จะได้น้ำตาลผสมงาไว้สำหรับโรยหน้าขนมแล้วนะคะ
ถึงเวลากิน เราก็ตักข้าวเหนียวกลอยใส่ถ้วย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดเส้นนิดหน่อย แล้วราดด้วยหัวกะทิข้น ๆ ที่ทำไว้ ตามด้วยน้ำตาลผสมงาตามที่ชอบ ... เราก็จะได้ข้าวเหนียวมูนกลอยอร่อย ๆ พิมกินล่ะค่ะ 😊
ข้าวเหนียวมูนกลอยสูตรนี้เนี่ย ตัวข้าวเหนียวมูนและกลอยจะออกหวานอยู่ แต่ไม่ได้หวานเจี๊ยบจ๊าบ พอกินคู่กับกะทิ และงาผสมน้ำตาล ก็จะรสชาติพอดี ๆ เลยนะคะ
ยังไงเพื่อน ๆ ที่ชอบกลอยแบบพิม ก็ลองไปทำกันดูน๊าาา เป็นขนมไทยที่พิมว่าทำไม่ยาก ถ้าใครเคยทำข้าวเหนียวมูนมาก่อนแล้ว บอกเลยว่าง่ายมาก ๆ ค่า ลองไปทำกันดูน๊า 😊😊😊😊
สำหรับข้าวเหนียวมูนกลอยในภาพนี้ พิมตักใส่กล่องไปแจกเพื่อนบ้านให้ได้ลองชิมกัน หลังจากที่ไม่ได้ทำมาซะนานค่ะ ซึ่งเพื่อนบ้านแทบทุกคนต่างก็ชมว่าอร่อย อยากให้ทำขาย เพราะงั้นถ้าใครทำข้าวเหนียวมูนกลอยสูตรนี้แล้วชอบ จะเอาสูตรไปทำขาย พิมก็ยินดีนะคะ แล้วเจอกันใหม่ในเมนูถัดไป สวัสดีค่า 😊😊