เมื่อราว 6 ปีก่อน พิมมีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่คุณสามีเป็นเวลาประมาณ 1 ปีค่ะ และในระหว่างปีที่อยู่นั้นพิมได้มีโอกาสไปเดินที่ตลาดนัดเล็กๆ แบบบ้านๆ ที่หน้าบ้านยายของคุณสามีอยู่บ่อยครั้ง
ที่ตลาดนัดแห่งนั้นโดยส่วนใหญ่มีแต่ร้านขายของกินที่มาสำเร็จแล้วค่ะ เช่น ร้านขายอาหารใต้ (มีเกือบสิบร้าน) ร้านขายไก่ไร้กระดูกทอด ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด ร้านขายกุ้งทอดแบบปักษ์ใต้ ร้านขายพวกน้ำโซดา ร้านขายไส้กรอกอิสานย่าง ร้านขายผลไม้หั่นเป็นชิ้น ๆ และอีกมากมาย รวมๆ แล้วก็อร่อยแทบทุกร้านอ่ะค่ะ แต่มีอยู่ 2 ร้านที่อร่อยเป็นพิเศษ จนถึงขนาดมีลูกค้ามายืนรอต่อคิวซื้อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือร้านขายขนมหวานอ่ะค่ะ
ที่ร้านขายขนมหวานร้านที่พิมพูดถึงเนี่ย เค้าจะขายขนมหวานหลายอย่างมากค่ะ เช่น สังขยา หม้อแกง ขนมด้วงปักษ์ใต้ (ที่เป็นแป้งข้าวเหนียวปั้นทอดฉาบด้วยน้ำตาลทราย) หม้อแกง ขนมชั้น โดยรวมๆ ก็จะเป็นขนมถาด ๆ ซึ่งขนมอื่นก็โอเคค่ะ พิมเคยซื้อมากินอยู่ประจำ ก็ใช้ได้ แต่มีขนมอยู่ 2 ขนมนั่นก็คือ ขนมหัวล้าน กับขนมโคกะทิ หรือที่บางคนเรียกว่าขนมโคน้ำ ที่พิมชอบมากเป็นพิเศษขนาดที่ว่าถ้าได้ไปก็จะซื้อติดไม้ติดมือกลับมาบ้านแทบทุกครั้งเลยอ่ะค่ะ ^__^
และเมื่อพูดถึงขนมหัวล้านกับขนมโคกะทิ .... บางคนอาจจะบอกว่ามันคืออย่างเดียวกัน แต่พิมบอกตามตรงว่าสำหรับตัวพิมนั้น ... พิมไม่แน่ใจว่ามันเหมือนกันหรือเป็นขนมอย่างเดียวกันไหมอ่ะค่ะ เพราะจากที่พิมเคยซื้อกินจากที่พิมเคยคุยกับแม่ค้าขายขนมหวานที่ตลาดแถวหน้าบ้านยาย (บ้านส้อง) "ขนมหัวล้าน" .. จะเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำที่มีสีจากสมุนไพร เช่น ใบเตย อัญชัน หรือแป้งข้าวเหนียวดำ ปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้ด้วยถั่วทองกวนกับหัวกะทิและน้ำตาล ทาน้ำมัน วางบนใบตอง แล้วนำไปนึ่งจนสุก ... พอสุกก็ทานในแบบนั้นเลยอ่ะค่ะ ส่วนขนมโคกะทิ ... ก็จะเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำลอยดอกมะลิ ปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้ด้วยมะพร้าวทึนทึกผัดกับน้ำตาล (เหมือนไส้ขนมต้ม แต่จะผัดให้แฉะกว่าเล็กน้อย) อย่างที่พิมกำลังจะรีวิววิธีทำให้ดูในวันนี้น่ะค่ะ
ดังนั้นแล้ว ...ในเรื่องของชื่อว่าขนมสองชนิดนี้คือขนมอย่างเดียวกันไหม พิมจึงไม่ขอยืนยันนะคะ แต่ถ้าเป็นอย่างเดียวกันแต่เรียกไม่เหมือนกัน ส่วนหนึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ขึ้นอยู่กับจังหวัดด้วยอ่ะค่ะ ^__^
แต่ก่อนที่เราจะไปลงมือทำขนมชนิดนี้กัน พิมขออธิบายอย่างนี้ก่อนนะคะว่าเนื่องจากขนมชนิดนี้มีขั้นตอนหลักๆ ในการทำอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนนั่นก็คือ การทำไส้ , การทำน้ำกะทิสำหรับราด และการทำตัวขนม .... ซึ่งทั้งหมดนี้พิมทยอยทำทีละส่วน ดังนั้นแล้วพิมจึงไม่มีรูปส่วนผสมแบบรวมๆ มาให้ดูนะคะ แต่จะแสดงรูปส่วนผสมให้ดูในขั้นตอนการทำแต่ละส่วนเลยอ่ะค่ะ
เริ่มต้น ..... เราก็มาทำไส้ขนมกันก่อนนะคะ
:: ส่วนผสม "ไส้ขนม" ::
- มะพร้าวทึนทึก (อย่าให้แก่มาก) ขูดเป็นเส้นฝอย 2 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าวอย่างดี 200 กรัม
- น้ำลอยดอกมะลิ 3 ชต.
ป.ล. หากน้ำตาลหวานมากอาจจะลดปริมาณน้ำตาลลง และถ้าน้ำตาลหวานน้อย อาจจะต้องเพิ่มปริมาณน้ำตาลนะคะ
:: วิธีทำ "ไส้ขนม" ::
เริ่มต้นก็ให้เราผสมมะพร้าว + น้ำตาล + น้ำลอยดอกมะลิ .... รวมกันในกระทะทอง หรือในภาชนะที่เราจะใช้ผัดไส้นะคะ
ป.ล. สีของไส้ขนม ขึ้นอยู่กับสีของน้ำตาลที่เลือกใช้
แล้วก็นำไปตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลาง คนด้วยพายไม้เป็นระยะจนน้ำตาลละลายหมด
จากนั้นก็หรี่ไฟลงเหลือไฟอ่อน แล้วผัดไส้ไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งไส้มะพร้าวแห้งประมาณนี้ ... ก็ดับไฟเตา
แล้วตักขึ้นใส่ชามใบย่อม ๆ พักไว้ให้เย็นค่ะ
อันดับต่อมา ...... เราก็มาทำน้ำกะทิสำหรับราดกันต่อนะคะ
:: ส่วนผสม "น้ำกะทิ" ::
- หัวกะทิ 2 ถ้วย (คั้นจากมะพร้าวขูดขาว 500 กรัม)
- น้ำตาลทรายขาว 3 ชต.
- แป้งข้าวโพด 2 ชช.
- เกลือป่น 1 ชช.
- ใบเตย 5 ใบ ล้างสะอาด มัดรวมกัน
:: วิธีทำ "น้ำกะทิ" ::
เริ่มต้นก็ให้เทกะทิ เกลือ และแป้งข้าวโพด รวมกันในกระทะทองหรือหม้อใบเล็ก ๆ สักใบนะคะ
แล้วคนจนแป้งข้าวโพดละลายหมด ไม่มีเหลือเป็นเม็ดๆ
ก็ใส่น้ำตาลทรายและใบเตยที่ล้างสะอาดแล้วลงไป คนพอน้ำตาลละาย
ก็นำไปตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟอ่อน คนตลอดจนกระทั่งเดือดปุดๆ และข้นขึ้น ก็ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
แล้วตั้งพักไว้ให้เย็น
ต่อมาเราก็มาทำอย่างสุดท้ายนั่นก็คือ ตัวขนม ....... นะคะ
:: ส่วนผสม "ตัวขนม" ::
- แป้งข้าวเหนียวขาว 1 + 1/3 ถ้วยตวง
- น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย + 1.5 ชต.
ป.ล. หากเพื่อน ๆ ต้องการให้แป้งมีสีสัน ก็สามารถใช้พวกน้ำสีจากสมุนไพรเช่น เขียวจากใบเตย ส้มจากแครอท ฟ้า-ม่วงจากอัญชัน แทนน้ำดอกมะลิได้อ่ะค่ะ
:: วิธีทำ "ตัวขนม" ::
เริ่มต้นก็เทแป้งข้าวเหนียวที่เราเตรียมไว้ใส่ในกาละมังใบย่อม ๆ สักใบที่เราจะใช้นวดแป้งอ่ะนะคะ แล้วก็เทน้ำลอยดอกมะลิใส่ลงไป (ไม่ต้องใส่ดอกมะลิลงไปด้วยนะคะ ^___^) นวดๆ ให้เข้ากันดี ...... โดยเวลาเทเนี่ย ให้ค่อยๆ เทไปนวดไปนะคะ แป้งจะได้เหนียวนุ่ม
นวดเสร็จได้ออกมาแบบนี้ ก็พักแป้งไว้สัก 5 นาทีค่ะ
ระหว่างนั้น ด้วยความที่พิมอยากได้ขนมที่มีสีหวาน ๆ พิมก็เลยนวดแป้งเพิ่มมาอีก 2 สีตามในภาพด้านล่าง นั่นคือ สีชมพู กับสีฟ้าอ่อน โดยสีชมพูพิมใช้น้ำหวานเฮลบลูบอยด์ และสีฟ้าอ่อน ใช้สีจากการแช่ดอกอัญชันในน้ำร้อนอ่ะค่ะ (แป้งกับน้ำที่ใช้นวดอีก 2 สีนั้น นอกเหนือจากในสูตรที่ให้ไว้ด้านบนนะคะ) วิธีการนวดก็นวดแบบเดียวกัน สัดส่วนแป้งกับน้ำที่ใช้ก็สัดส่วนเดียวกันนะคะ ... นวดเสร็จแล้วก็พักแป้งไว้เหมือนกันค่ะ ^__^
แล้วระหว่างพักแป้ง ก็หันไปตั้งหม้อน้ำที่เราจะใช้ต้มแป้ง (ตัวขนม) บนเตาไฟกันค่ะ ........ โดยการเอาน้ำใส่ในภาชนะที่เราจะใช้ต้มแป้ง (พิมใช้กระทะทอง) ให้มีความสูงประมาณ 4 นิ้ว + ใส่ใบเตยที่ล้างสะอาดแล้วสัก 3-4 ใบลงไป (ในรูปยังไม่ได้ใส่) แล้วนำภาชนะนั้นไปตั้งบนเตาไฟ เปิดไฟกลาง
รอจนน้ำเดือดจัด ก็ปั้นแป้งข้าวเหนียวที่เรานวดไว้เป็นก้อนกลมๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสัก 2 ซม. (พิมกะๆ เอานะคะ ไม่ได้วัดเป๊ะๆ) แผ่แป้งออกให้เป็นแผ่นบาง ใส่ไส้มะพร้าวที่เราผัดกับน้ำตาลไว้ หุ้มด้วยแป้งให้มิด ปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ อีกรอบ
แล้วก็ใส่ลงไปต้มในหม้อน้ำเดือดที่เราตั้งบนเตาไฟไว้อ่ะค่ะ ...... ซึ่งตอนที่ใส่แป้งไปตอนแรก แป้งจะจมลงก้นหม้อ/ก้นกระทะทองเลย เพราะว่าแป้งมีน้ำหนักมาก แต่สักพักพอแป้งเริ่มสุก แป้งจะค่อย ๆ ลอยขึ้นมาค่ะ จนกระทั่งลอยถึงผิวน้ำ ก็ปล่อยให้ลอยอยู่สัก 1 นาที แล้วค่อยช้อนขึ้นด้วยทัพพีโปร่งๆ เอาแต่แป้งหรือตัวขนมของเราอ่ะค่ะ โดยตอนช้อนพยายามให้สะเด็ดน้ำมากที่สุด
แล้วก็เอาไปใส่ในกะทิที่เราเตรียมเอาไว้ ............ เมื่อถึงตรงนี้ เป็นอันว่าเราทำขนมโคกะทินี่เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับทานได้แล้วนะคะ
ทีนี้เวลาเสริฟหรือเวลาตักใส่ถ้วยไปทาน .... ก็ให้เราโรยงาขาวที่คั่วจนหอมสักเล็กน้อยนะคะ เพื่อความสวยงามและกลิ่นหอมมากขึ้น ... แล้วเราก็จะได้ขนม "โคกะทิ" หน้าตาน่าทานออกมาอย่างในภาพด้านล่างนี่อ่ะค่ะ
ป.ล. ต้นฉบับเค้าไม่ได้โรย แต่พิมอยากโรยอ่ะค่ะ ^__^
ซึ่งพิมขอบอกเลยว่าขนมชนิดนี้เป็นขนมที่ทั้งหน้าตา รสชาติและรสสัมผัสชวนฝันมากเลยค่ะ คือ จะว่าไงดีล่ะ แบบว่ามันนุ่มนวลไปหมดเลยทั้งสีสันและรสชาติอ่ะค่ะ โดยเฉพาะในส่วนของไส้ขนมซึ่งพิมใช้มะพร้าวทึนทึกที่เนื้อมะพร้าวยังนุ่มละมุนอยู่ เอามาผัดกับน้ำตาลมะพร้าวแท้ ๆ ที่หอมหวาน .... ทำให้ไส้ขนมนั้นออกมาอร่อยจริงๆ ค่ะ
ยิ่งเมื่อมาได้เจอกับแป้งของตัวขนมที่นุ่มนวล ไม่กระด้าง มาเจอกับกะทิที่รสชาติเค็มเล็กน้อย หวานนิดๆ มันก็เลยยิ่งทำให้ขนมโคกะทิของเรานั้นอร่อยมากขึ้นอีกอ่ะค่ะ
ยังไงหากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจ ...... ก็ลองเอาไปทำกันดูนะคะ เพราะขนมชนิดนี้ดูเผิน ๆ อาจจะหลายขั้นตอนหน่อย แต่ว่าแต่ละขั้นตอนนั้นเป็นขั้นตอนที่ไม่วุ่นวายและใช้เวลาในการทำไม่มาก ...... พิมก็เลยอยากให้ทุกคนได้ลองทำกันดู .... แล้วยังไงเจอกันใหม่ในเมนูถัดไปนะคะ ^___^