สัปดาห์นี้เรามาหัดทำขนมหวานแบบไทย ๆ ที่นิยมทานกันในหน้าร้อนดีกว่าเน๊าะคะ ^_^
ขนมหวานชนิดนี้มีชื่อว่า "รวมมิตรน้ำกะทิ" ค่ะ ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ สมัยนี้จะรู้จักกันไหม และรู้จักส่วนผสมทุกอย่างที่อยู่ในกาละมังนี้ไหม ^_^ เมนูนี้เนี่ยตอนพิมยังเด็กๆ ที่บ้านพิมเค้าจะนิยมทำกันมากเลยค่ะ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนๆ แบบว่าตื่นเช้ามาน้าชายก็ไปสอยมะพร้าวมาขูดแล้วคั้นเป็นน้ำกะทิ แม่กะน้าสาวก็ช่วยกันปั้นแป้งทำเส้นลอดช่องบ้าง ทำตัวครองแครงบ้าง ยายก็ไปเด็ดข้าวโพดที่อยู่ในสวนมาต้ม เสร็จแล้วก็ไปสอยขนุนแก่หอม ๆ มาแกะเอาแต่เนื้แล้วฉีกไว้เป็นเส้นๆ พอต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ ก็เอามารวมกันในกาละมัง และกลายเป็นรวมมิตรน้ำกะทิอย่างในภาพด้านล่างนี้อ่ะค่ะ
แต่ว่ามาในยุคปัจจุบันนี้เนี่ย ถ้าเราอยู่ในกรุงเทพฯ หรืออยู่ตามบ้าน คอนโดที่ไม่ได้มีพื้นที่ไม่ได้มีเรือกสวนไร่นา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำแบบพิมในสมัยก่อนเน๊าะคะ ที่พอจะทำได้ก็คือ เช้าไปตลาด หาซื้อเครื่องรวมมิตรทุกอย่างที่แผงขายเครื่องขนมหวาน แล้วนำมาลวกใส่กาละมัง กลายเป็นรวมมิตรเพื่อทานกันในบ้านอ่ะค่ะ ซึ่งก็สะดวกสบายประมาณนึง แต่ทีนี้เนี่ยหากว่าอยู่บ้านคนเดียว หรือสองสามคน แต่อยากกินรวมมิตรอร่อยๆ ครั้นจะไปซื้อเครื่องที่ตลาดสดอย่างละถุงสองถุง พอมารวมกันมันก็เยอะเกินกว่าจะกินหมดได้ เพราะงั้นวันนี้พิมก็เลยขอเอาสูตรรวมมิตรแบบง่าย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ เป็นสูตรที่พิมว่าเพื่อนๆ หลายคนน่าจะทำตามได้ไม่ยากนะคะ และเมื่อทำเป็นแล้ว ทีนี้จะทำแค่พอกิน 3 คน หรือ 10 คน ก็ไม่ใช่ปัญหาแหละค่ะ
เราไปดูส่วนผสมกับวิธีทำกันเลยดีกว่านะคะ ^_^
:: ส่วนผสมทั้งหมด ::
- ลอดช่องสิงคโปร์ (ตามสูตรด้านล่าง)
- ทับทิมกรอบ (ตามสูตรด้านล่าง)
- ครองแครงแก้ว (ตามสูตรด้านล่าง)
- ขนุนสุกฉีกเป็นชิ้น 1 ถ้วย
- ลูกชิด 1 ถ้วย
- ข้าวโพดเหลืองต้มแกะเม็ด 1 ถ้วย
- กะทิอบควันเทียนตราชาวเกาะ กล่องใหญ่ 2 กล่อง
- น้ำเชื่อม (ตามสูตรด้านล่าง)
- น้ำแข็งป่น มากน้อยตามชอบ
:: ส่วนผสม “น้ำเชื่อม” ::
- น้ำตาลทรายขาว 4 ถ้วย
- น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย
- ใบเตยหอม 7 ใบ มัดรวมกัน
:: ส่วนผสม “ลอดช่องสิงคโปร์” ::
- แป้งมันสำปะหลัง ½ ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 2 + ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำใบเตยคั้น 1/3 ถ้วย
:: ส่วนผสม “ครองแครงแก้ว” ::
- แป้งมันสำปะหลัง ½ ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 2 + ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำอัญชัน 1/3 ถ้วย
ความเข้มข้นของน้ำอัญชันตามชอบเลยค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้คือ สีของตัวครองแครงจะเข้มมากหรือเข้มน้อยเท่านั้นเองค่ะ
:: ส่วนผสม “ทับทิมกรอบ” ::
- แห้วดิบหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1 ถ้วย
- แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
- น้ำหวานสีแดง 3 ช้อนโต๊ะ
:: วิธีทำ ::
เริ่มแรกเรามาทำน้ำเชื่อมกันไว้ก่อนเลยนะคะ ก็ให้เราเทน้ำตาลทราย กับน้ำลอยดอกมะลิ (เอาแต่น้ำนะคะ ดอกมะลิไม่เอา) ใส่ลงในหม้อใบย่อม ๆ ใบนึง ใช้ช้อนหรือทัพพีคนให้น้ำตาลกับน้ำเข้ากัน แล้วใส่ใบเตยมัดลงไปค่ะ (ใบเตยตัดปลายแหลมๆ ให้ดูเรียบร้อย ล้างสะอาด เช็ดให้แห้งแล้วก็จับมัด ๆ นะคะ)
นำหม้อขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลาง พอเดือดก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อนค่ะ แล้วเคี่ยวไปจนกระทั่งเหลือน้ำเชื่อมในหม้อประมาณ 2/3 จากของเดิม ก็ปิดไฟเตา แล้วพักไว้ให้เย็นนะคะ
ต่อมาเราก็จะมาทำตัวลอดช่องกันค่ะ .... ก็ให้เรานำน้ำใบเตยใส่ถ้วยทนความร้อน แล้วนำเข้าไมโครเวฟจนเดือด (หรือจะนำไปใส่หม้อตั้งเตาไฟก็ได้นะคะ) พอเดือดแล้วก็ให้เอามาเทใส่กาละมังที่มีแป้งทั้งสองอย่างอยู่ (คนแป้งให้เข้ากันก่อน ค่อยเทน้ำเดือดใส่) แล้วรีบใช้พายไม้คนแป้งกับน้ำเดือดให้เข้ากันอย่างรวดเร็วค่ะ จากนั้นพักแป้งไว้แป๊บนึง พอให้อุ่น ๆ ก็หยิบแป้งออกมานวดให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน (จะนวดในกาละมังเดิม หรือจะเอาออกมานวดบนโต๊ะก็ได้นะคะ) หากระหว่างนวดแป้งติดมือ ก็ให้ทามือด้วยแป้งมันเป็นระยะ ๆ ค่ะ จนกระทั่งแป้งมีสีเสมอกันก็ใช้ได้ล่ะนะคะ
จากนั้นนำแป้งนวล (แป้งมันนอกเหนือจากในสูตร) มาโรยบนโต๊ะที่เราจะใช้คลึงแป้งค่ะ หยิบก้อนแป้งออกมา แล้วค่อย ๆ ใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งออกให้เป็นแผ่นบางนะคะ โดยให้มีความหนาสักประมาณ 1/4 ซม. ค่ะ
พอแป้งบางได้ที่ และบางเสมอกัน ก็ตัดแป้งเป็นแผ่น ให้ด้านนึงมีขนาด 3 นิ้ว ส่วนอีกด้านยาวเท่าไหร่ก็ได้ แต่ก็ไม่ควรให้ยาวมากนะคะ เดี๋ยวจะหั่นเป็นเส้นลำบาก
จากนั้นก็ตักแป้งให้เป็นเส้น ๆ แบบในภาพค่ะ ตัดเสร็จโรยแป้งมันลงไปไม่ต้องมาก แล้วก็เคล้าให้เส้นกระจายๆ ออกจากกัน (แป้งจะช่วยทำให้เส้นไม่ติดกัน) เราก็จะได้เส้นลอดช่องสิงคโปร์ออกมาอย่างในภาพด้านล่าง ก็พักไว้ก่อนนะคะ
ต่อมาเราก็จะมาทำตัวครองแครงแก้วกันค่ะ ซึ่งตัวครองแครงแก้วก็จะมีวิธีการผสมแป้งเหมือนลอดช่องสิงคโปร์เลยนะคะ
เพียงแต่หลังจากที่เรานวดแป้งเสร็จแล้ว ให้เรานำมาปั้นเป็นก้อนเล็กๆ แล้วกดกับพิมพ์ครองแครงแทนการตัดเป็นเส้นเท่านั้นเองค่ะ
พิมพ์ครองแครงหาซื้อได้ได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ และในซุปเปอร์มาร์เกตหลาย ๆ ที่
แล้วเราก็จะได้ตัวครองแครงแก้วออกมาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ และหากว่ามีแป้งเหลือ เราก็นำมาคลึงบาง ๆ แล้วตัดเป็นเส้นให้เหมือนเส้นลอดช่องสิงคโปร์ก็ได้เช่นกันค่ะ
ต่อมาเราก็จะมาทำตัวทับทิมกรอบกันนะคะ ก็ให้เราเอาแห้วที่หั่นไว้เป็นชิ้นใส่ลงในกาละมัง แล้วใส่น้ำหวานสีแดงลงไปกะว่าพอเคล้าให้สีแดงเคลือบแห้วได้ทั่ว ๆ จากนั้นก็พักไว้ประมาณ 10 นาที เทน้ำแดงส่วนที่เหลือทิ้งไป แล้วใส่แป้งมันลงไป ใช้ช้อนคลุก ๆ ให้แป้งเคลือบแห้วทั่ว ๆ ก็ใช้ได้ค่ะ
เมื่อเราทำตัวแป้งทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาต้มแป้งให้สุกล่ะนะคะ เราก็เอาน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ปริมาณน้ำในหม้อให้สูงประมาณสัก 4 - 5 นิ้ว
แล้วพอน้ำเดือดเราก็หรี่ไฟลงสักหน่อย ให้พอเดือดเล็กน้อย ไม่ต้องให้เดือดแรง แล้วก็ใส่เส้นลอดช่องสิงคโปร์ลงไปต้มเป็นอันดับแรกค่ะ
เส้นลอดช่องสิงคโปร์เนี่ย แต่เดิมแป้งสุกอยู่บ้างแล้ว เพราะงั้นต้มเพียงแค่แป๊บเดียว พอเส้นแป้งลอดขึ้นมา และมีความใส
ก็ตักขึ้นล้างในน้ำเย็นจัดเลยนะคะ
ต่อมาก็ใส่ตัวครองแครงลงไปต้มต่อเลยค่ะ ต้มให้ตัวครองแครงลอยขึ้นมา และมีความใสวาว ก็ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นจัดเหมือนกับลอดช่องสิงคโปร์นะคะ (ครองแครงจะใช้เวลาต้มนานกว่าลอดช่องสิงคโปร์นิดนึง เพราะแป้งหนากว่าค่ะ)
และอย่างสุดท้ายที่เราจะต้องต้มให้สุกก็คือ ทับทิมกรอบค่ะ แต่ก่อนจะต้มทับทิมกรอบ ให้เราหรี่ไฟลงเป็นไฟกลางค่อนไปทางอ่อนนะคะ แล้วก็ค่อยใส่เม็ดทับทิมกรอบลงไปต้มค่ะ ต้มจนกระทั่งเม็ดทับทิมกรอบลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ และแป้งมีความสุกใส ก็ตักขึ้นล้างในน้ำเย็นจัดเช่นกันค่ะ
และเมื่อเราต้มเครื่องรวมมิตรทุกอย่างสุกเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะผสมเครื่องทุกอย่างรวมกันให้กลายเป็นรวมมิตรแล้วล่ะค่ะ
ก็ให้เราหาหม้อใบย่อม ๆ หรือกาละมังงามๆ มาสักใบนะคะ แล้วตักตัวครองแครงที่ต้มสุกแล้วใส่ลงไป (ตักให้สะเด็ดน้ำ) ตามด้วยลูกชิด ข้าวโพด เส้นลอดช่องสิงโปร์สีเขียว
ทับทิมกรอบ เส้นลอดช่องสิงคโปร์สีฟ้า ขนุนฉีก และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ กะทิอบควันเทียนชาวเกาะค่ะ จริงๆ ใส่อะไรก่อนหลังก็ได้นะคะ ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ขอให้ใส่ครบล่ะกันค่ะ แล้วก็คนส่วนผสมให้เข้ากัน หากกะทิน้อยไป ก็สามารถเติมเพิ่มได้อีกตามใจชอบเลยนะคะ
แล้วเราก็จะได้รวมมิตรน้ำกะทิออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี่เลยค่ะ
พอถึงเวลาจะทาน เราก็ตักรวมมิตรใส่ถ้วยนะคะ ตามด้วยน้ำเชื่อมใบเตยตามลงไป ปริมาณมากน้อยเท่าความหวานที่ชอบ ตามด้วยน้ำแข็งป่นไม่ต้องมาก อาจจะโรยด้วยขนุนฉีกอีกสักหน่อย (ถ้ามีเหลือ) แล้วเราก็จะได้รวมมิตรอร่อย ๆ ทาน แบบที่ทำได้ไม่ยากแล้วล่ะค่ะ
ยังไงลองไปทำทานกันดูนะคะ หากมีอะไรติดขัดตรงไหนก็ถามพิมไว้ได้ แล้วพบกับพิมใหม่ในเมนูอร่อยๆ ถัดไป สวัสดีค่ะ