ช่วงนี้คุณสามีพิมมีปัญหาเรื่องขับถ่ายค่ะ จากที่เคยถ่ายง่าย ๆ ทุกวันกลายเป็นถ่ายยากซะนี่ คุณสามีพิมก็เลยไปปรึกษาหมอที่รู้จักกันว่าจะทำยังไงดี
เริ่มต้นคุณหมอก็สอบประวัติคุณสามีพิมล่ะค่ะ ก็พบว่าคุณสามีพิมเนี่ยไม่ค่อยชอบทานผักเอาซะเลย แบบว่าผักไอ้โน่นก็ไม่อร่อย ผักไอ้นี่ก็เหม็น เรียกว่าผักในโลกใบนี้คุณสามีพิมทานได้ไม่กี่อย่างเองค่ะ และนอกจากไม่ค่อยทานผักแล้ว คุณสามีพิมก็ยังไม่ทานผลไม้เลยสักชนิดค่ะ ด้วยเหตุผลว่ามันหวาน .... สมัยก่อนเคยยอมทานฝรั่งกรอบๆ ลองกองเปรี้ยว ๆ แคนตาลูปแข็ง ๆ บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ยอมทานเลยสักอย่าง แถมนิยมชมชอบแต่เนื้อสัตว์ ก็เลยเป็นสาเหตุหลักนี่แหละค่ะที่ทำให้คุณสามีพิมเริ่มมีปัญหาในเรื่องของการขับถ่าย
ดังนั้นคุณหมอก็เลยแนะนำให้คุณสามีพิมเนี่ยลดการทานเนื้อสัตว์ลงบ้าง และทานผักและผลไม้ให้มากขึ้นค่ะ อย่างน้อยก็ให้มีเล็กน้อยในทุก ๆ มื้อ และถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทานโยเกิร์ตด้วย เพราะโยเกิร์ตเนี่ยช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้อ่ะค่ะ
ซึ่งในเรื่องของผักก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร คุณสามีก็ยอมทานมากขึ้นค่ะ เพราะพิมเองก็พยายามเปลี่ยนเมนูจากผักไปเรื่อยๆ เค้าก็เลยยังไม่เบื่อ แต่ในส่วนของโยเกิร์ตนี่สิค่ะ คุณสามีทานไปได้แค่ 2 วันก็เริ่มบ่นว่าเบื่อแล้วอ่ะค่ะ แถมในส่วนของผลไม้นี่ คุณสามีพิมก็ยังไม่ยอมทานเหมือนเดิมค่ะ โดยให้เหตุผลว่านอกจากหวานแล้วก็ยังเละ ๆ นิ่ม ๆ ไม่อร่อย T___T
ดังนั้นก็เลยเป็นหน้าที่ของคุณภรรยาอย่างพิมค่ะที่จะต้องพยายามแปรรูปโยเกิร์ตกับผลไม้ให้อยู่ในรูปแบบอย่างอื่น เพื่อให้คุณสามีทานได้โดยไม่เบื่อ และหนึ่งในเมนูที่พิมลองทำแล้วคุณสามีชอบมาก จนขอวันละ 2 รอบ ก็คือเมนู Strawberry yogurt smoothie ซึ่งพิมจะนำมารีวิวให้ดูกันในวันนี้นี่แหละค่ะ ^___^
:: ส่วนผสม ::
- สตรอเบอรี่แช่แข็ง หรือสตรอเบอรี่สดหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
- น้ำสตรอเบอรี่ 1/4 ถ้วย
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
- น้ำเชื่อมสำเร็จรูปมิตรผล 1/4 ถ้วย ....... (พิมแนะนำยี่ห้อนี้นะคะ เพราะว่าหวานกำลังดี และมีกลิ่นหอมชวนทานอ่ะค่ะ)
- น้ำมะนาว 1 + 1/4 ชต.
- เกลือป่น 1/2 ชช.
- น้ำแข็งป่น 3 ถ้วย
ถ้วย = ถ้วยตวง
ชต. = ช้อนตวงแบบช้อนโต๊ะ หรือ ช้อนกินข้าวแบบช้อนสั้น
ชช. = ช้อนตวงแบบช้อนชา
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเลย เรามาดูสตรอเบอรี่ที่เราใช้ในวันนี้ก่อนนะคะ ... สำหรับเพื่อนๆ ที่หาสตรอเบอรี่สดได้ พิมก็แนะนำให้ใช้สตรอเบอรี่สดค่ะ ตัดขั้วออกแล้วหั่นไว้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นะคะ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ใช้สตรอเบอรี่แช่แข็งอย่างที่พิมใช้นี่ก็ได้อ่ะค่ะ ส่วนน้ำสตรอเบอรี่..ถ้าเพื่อนๆ ใช้สตรอเบอรี่แช่แข็ง เวลาที่เราเอาสตรอเบอรี่มาตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องให้คลายน้ำแข็ง มันก็จะมีน้ำสตรอเบอรี่ออกมาอย่างในภาพนี่เลยนะคะ เราก็ใช้น้ำสตรอเบอรี่จากตรงนี้ได้เลย แต่ถ้าใช้สตรอเบอรี่สด ก็ใช้เป็นน้ำสตรอเบอรี่ 100% ที่วางขายอยู่ก็ได้อ่ะค่ะ
ส่วนโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพื่อนๆ สามารถเลือกใช้ยี่ห้อตามที่ชอบได้เลยนะคะ ไม่จำกัดยี่ห้อค่ะ / ส่วนน้ำเชื่อม พิมแนะนำเป็นน้ำเชื่อมสำเร็จรูปของมิตรผลนะคะ เพราะนอกจากจะสะดวกในการใช้งาน ไม่ต้องมานั่งเคี่ยวน้ำเชื่อมเองแล้ว น้ำเชื่อมของมิตรผลก็ยังมีความใส สะอาด และหวานหอมอีกด้วยอ่ะค่ะ ซึ่งน้ำเชื่อมเค้าก็มีทั้งแบบถุงแบบขวด เพื่อน ๆ ก็เลือกซื้อมาใช้ได้ตามสะดวกเลยนะคะ
เมื่อเราเตรียมส่วนผสมหรือวัตถุดิบต่าง ๆ พร้อมแล้ว ก็มาลงมือทำสมูทตี้กันเลยดีกว่าค่ะ ^__^ .... เริ่มต้นด้วยการใส่สตรอเบอรี่ของเราลงในโถปั่นนะคะ
ตามด้วยน้ำสตรอเบอรี่แท้ ๆ 100%
ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ
เกลือป่น (เกลือทะเลธรรมดานะคะ ไม่ใช่เกลือไอโอดีน)
น้ำมะนาวที่คั้นสด ๆ ใหม่ๆ (หากชอบเปรี้ยว อาจจะเพิ่มเป็นสัก 1.5 หรือ 2 ชต.)
น้ำเชื่อมมิตรผล (ถ้าชอบหวานมาก อาจจะเพิ่มเป็น 1/3 ถ้วย)
และก็น้ำแข็งป่น (ถ้าเครื่องปั่นของใครมีกำลังวัตต์สูง ๆ สามารถปั่นน้ำแข็งก้อนโตได้ ก็ใช้น้ำแข็งยูนิคแทนน้ำแข็งป่นได้เลยนะคะ)
แล้วก็นำไปปั่นค่ะ ... ใช้เวลาไม่นาน ^__^
ปั่นเสร็จได้ออกมาเป็นแบบนี้
ก็เทใส่แก้ว ให้มีปริมาณพอประมาณ ^__^ แล้วเราก็จะได้ Strawberry Yogurt Smoothie ออกมาหน้าตาแลดูน่าทานแบบนี้นะคะ
ขอบอกว่ารสชาตินั้นนุ่มนวลมาก มีรสชาติของโยเกิร์ตและรสชาติของสตรอเบอรี่อยู่อย่างเต็มเปี่ยม ... ใครที่ชอบทั้งโยเกิร์ตและชอบทั้งสตรอเบอรี่ น่าจะชอบเมนูนี้แน่นอน ... ก็ลองไปทำกันดูนะคะ เป็นอีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มที่ทำไม่ยาก และเมื่อทานแล้วยังดีต่อสุขภาพมาก ๆ ด้วยอ่ะค่ะ ^____^
:: ประโยชน์ของโยเกิร์ต ::
1.โยเกิร์ตย่อยง่าย เพราะน้ำตาลแลคโตสเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดการแพ้นมหรือท้องเสียถูกเปลี่ยนเป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนนม ที่ชื่อ เคซีน ซึ่งเป็นโปรตีนย่อยยาก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโตสและโปรตีนเคซีน
2.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยยับยั้งจุลชีพที่ไม่เป็นมิตรในลำไส้ โดยกรดแลคติคจะช่วยต่อต้านจุลชีพที่อาจให้โทษต่อร่างกาย เช่น เชื้อซัลโมเนลา, อี โคไล, โคลินแบคทีเรีย ทำให้เชื้อเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างกายได้ เราจึงควรทานโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีกลุ่มแบคทีเรียที่ดีอาศัยอยู่ภายในลำไส้
3.เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะมีโปรตีนมากกว่าในนม ร้อยละ20 และยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมไปได้ดี
4.ร่างกายดูดซึมแคลเซียมดีขึ้น กรดแลคติคในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวช่วยทำให้การย่อยแคลเซียมในนมดีขึ้นและทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมง่ายขึ้น
5.ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ท้องเดิน และแผลในกระเพาะอาหาร จากการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยเด็กหายจากอาการท้องเสียเร็วขึ้น หลังจากได้ทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว
6.เป็นแหล่งวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามิน บี1(ไรโบฟลาวิน) แบคทีเรียในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวยังช่วยสังเคราะห์วิตามินบี และวิตามินเค ในลำไส้
7.ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะแลคโตบาซิลัสช่วยควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้
8.ช่วยป้องกันมะเร็ง โดยแลคโตบาซิลัสสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง ทั้งยังสามารถจับกับโลหะหนัก และกรดน้ำดีซึ่งมีพิษ แลคโตบาซิลัสช่วยยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรทได้ (สารไนเตรทเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง) และแลคโตบาซิลัสยังช่วยเปลี่ยนสารฟลาโวนอยด์จากพืชให้เป็นสารต้านมะเร็งได้
ข้อมูลจาก http://www.goodhealth.co.th