วันนี้เรามาทำขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นกันดีกว่า กับโมจิถั่วแดงร้อน ... ค่า
แต่ก่อนจะไปลงมือทำ พิมต้องขอบอกเพื่อน ๆ ไว้ก่อนนะคะ ว่าโมจิที่พิมทำในเมนูนี้เนี่ยเป็นโมจิแบบประยุกต์ ที่ใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำจนเหนียวเป็นก้อน แทนโมจิแบบดั้งเดิมที่ใช้ข้าวเหนียวนึ่งสุกมาตำๆ อ่ะค่ะ เพราะงั้นแล้วรสชาติ ความนุ่มหนึบเหนียว กลิ่นหอมอาจจะไม่เป๊ะเท่า แต่ก็อร่อยในอีกแบบนึง ยังไงไปลองดูสูตรและวิธีทำกันนะคะ ^_^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- ผงชาเขียว 2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย
- ถั่วแดงเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (สูตรนี้ไม่หวานมาก ถ้าต้องการหวานกว่าปกติ เพิ่มน้ำตาลไปได้อีกค่ะ)
- น้ำต้มถั่วแดง ประมาณ 8 - 10 ถ้วย
:: วิธีทำ ::
เริ่มแรกเนี่ย ... เรามาจัดการกับถั่วแดงกันก่อนนะคะ หลังจากที่ซื้อถั่วแดงมาแล้ว ก่อนใช้ ให้เทถั่วแดงใส่กาละมังก่อน แล้วลองเอานิ้วเขี่ย ๆ เม็ดถั่วแดงดู ว่ามีเม็ดไหนเสีย หรือมีมอดกินไหม หรือมีก้อนหินก้อนดินเล็ก ๆ ติดมาด้วยไหม ถ้ามีก็หยิบออกอ่ะค่ะ ...แล้วก็นำไปล้างน้ำเปล่าสัก 2 น้ำ ล้างเสร็จก็เอาถั่วแช่น้ำร้อนไว้ประมาณ 6 ชม. นะคะ (พิมใช้วิธีแช่ค้างคืน)
พอครบ 6 ชม. ก็นำถั่วมาล้างอีกครั้ง แล้วเทใส่กระชอนพักไว้ให้สะเด็ดน้ำอ่ะค่ะ
ระหว่างนั้น ...... หันไปตั้งหม้อน้ำ (หม้อเปล่า + ใส่น้ำตามปริมาณที่พิมบอกไว้ด้านบน) บนเตาไฟ โดยใช้ไฟกลางนะคะ พอน้ำเดือดจัด ก็เทถั่วใส่ลงไปเลยอ่ะคะ และถ้าใครอยากให้ถั่วเปื่อยนิ่มไว ๆ ก็ใส่ช้อนแสตนเลสลงไปสัก 2 - 3 คันนะคะ (ไม่มีอันตราย) เพราะตอนที่พิมเรียนวิทยาศาสตร์ ครูเคยบอกว่าช้อนแสตนเลส ถ้าเอาต้มไปในหม้อด้วย มันจะอมความร้อน และสะสมความร้อนไว้ ทำให้ถั่วแดงที่อยู่ในหม้อนิ่มไวขึ้นอ่ะค่ะ ^_^
แล้วก็ต้มถั่วแดงไปเรื่อย ๆ ประมาณสักชั่วโมงนึง หรือชั่วโมงกว่าๆ จนกระทั่งถั่วแดงสุกนิ่มตามชอบนะคะ (ลองเอาช้อนตักถั่วแดงขึ้นมา ถ้าบี้ให้เละได้โดยง่าย แปลว่าใช้ได้ล่ะค่ะ) .... และในระหว่างที่ต้มเนี่ย ถ้าหากน้ำในหม้อแห้ง ก็สามารถเติมน้ำเพิ่มไปได้อีกนะคะ
และพอถั่วแดงนิ่มได้ที่แล้ว ก็ใส่น้ำตาลลงไปได้เลยค่า แล้วก็หรี่ไฟลงเป็นไฟอ่อน ต้มต่อไปอีกสักประมาณ 10 นาที เพื่อให้ความหวานจากน้ำตาลซึมเข้าไปในถั่วแดง เป็นอันใช้ได้ ปิดไฟเตาได้เลยล่ะค่ะ
** ย้ำๆ !!! ต้องต้มถั่วแดงให้สุกนิ่มได้ที่ก่อนนะคะ คือ จะสุกแบบยังเป็นเม็ดอยู่ หรือจะสุกแบบถั่วเละไม่เป็นเม็ดแล้ว ก็เอาตามที่ชอบเลยค่ะ เพราะถ้าเราใส่น้ำตาลไปตอนที่ยังต้มถั่วแดงไม่ได้ที่ ความหวานของน้ำตาลจะไปรัดเมล็ดถั่ว ทำให้ต้มต่อยังไง ถั่วก็ไม่สุกไปมากกว่าในตอนแรกแล้วนะคะ
** หลังจากต้มถั่วแดงได้ที่แล้ว ก่อนจะใส่น้ำตาล หรือหลังใส่น้ำตาลก็ได้ ต้องให้มีน้ำในหม้อเหลืออยู่ด้วยอ่ะค่ะ จะให้มากกว่าในหม้อของพิมสักเล็กน้อยก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องไม่เหลือน้อยไปกว่าในหม้อของพิมในภาพด้านล่างนะคะ ...... อย่าให้น้ำในหม้อแห้ง หรือเหลือน้อยมาก เพราะว่าเดี๋ยวพอถั่วแดงเย็นตัวลง น้ำในหม้อมันจะแห้งไปกว่านี้อีกเยอะเลยอ่ะค่ะ เพราะงั้นถ้าใครชอบกินโมจิถั่วแดง แบบมีน้ำขลุกขลิก ให้เหลือน้ำในหม้อไว้เยอะนิดนะคะ แต่ถ้าน้ำเหลือน้อย ก็เติมน้ำเปล่าเพิ่มลงไปได้อ่ะค่ะ
เมื่อทำถั่วแดงเสร็จ ต่อมาเราก็มาทำโมจิกันนะคะ
ปกติโมจิที่พิมเคยเห็นเวลาดูรายการอาหารของญี่ปุ่น เค้าจะใช้วิธีตำข้าวเหนียวร้อน ๆ จนเละและเหนียวรวมกันเป็นก้อนเดียวเน๊าะคะ แต่ว่าวันนี้เนี่ย พิมขอทำแบบประยุกต์ (เพราะไม่สามารถตำได้ >_<) โดยการใช้แป้งข้าวเหนียวแทนอ่ะค่ะ
ก็ให้เราเอาผสมแป้งข้าวเหนียว ผงชาเขียว และำน้ำเปล่ารวมกันในชามใบโต ๆ ใบนึงนะคะ
แล้วก็นวดๆๆๆๆๆๆ ทุกอย่างให้เข้ากันค่ะ โดยนวดให้นานนิดนึง โมจิ (ประยุกต์) ของเราจะได้เหนียว ๆ เน๊าะคะ พอนวดได้ที่แล้วก็พักแป้งเอาไว้สักประมาณ 5 นาทีค่ะ (ระหว่างนี้หาผ้าชุบน้ำบิดหมาด หรือไม่ก็หาอะไรปิดไว้ด้วยนะคะ กันลม ไม่งั้นเดี๋ยวแป้งจะแห้งค่ะ)
พอครบ 5 นาทีแล้ว ก็หยิบแป้งขึ้นมาปั้นไว้เป็นก้อนกลม ๆ นะคะ ไม่ต้องให้ใหญ่มาก เอาให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสัก 1 ซม. ก็พอค่ะ
แล้วก็เอาไปต้มในน้ำเดือดนะคะ ..... โดยตั้งหม้อที่มีน้ำเปล่าบนเตาไฟก่อน ใช้ไฟกลาง พอน้ำเดือดก็ค่อยหย่อนแป้งลงไปต้มอ่ะค่ะ (ปริมาณน้ำในหม้อ ให้สูงประมาณ 3 นิ้ว)
แล้วก็ต้มไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งก้อนแป้งดีดตัวจากก้นหม้อขึ้นมาลอยอยู่บนผิวน้ำสักแป๊บ ก็ตักขึ้นใส่น้ำธรรมดาไว้ได้เลยนะคะ (เวลาที่ใช้ในการต้ม บอกไม่ได้แน่นอนค่ะ เพราะมันขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในหม้อ ความแรงของไฟ รวมไปถึงขนาดของก้อนแป้งด้วยนะคะ)
และเมื่อถึงเวลาจะทาน ... เราก็อุ่นถั่วแดงให้ร้อน ๆ หน่อยค่ะ หรือถ้าชอบแบบเย็น ก็ให้เอาไปใส่ตู้เย็นจนเย็นแทนนะคะ ....... ตักถั่วแดงใส่ถ้วยประมาณมากน้อยตามชอบ ตามด้วยโมจิชาเขียวที่เราทำไว้ประมาณสัก 3-4 ลูก เท่านี้เราก็จะได้โมจิถั่วแดงร้อนที่ทำได้ไม่ยาก แต่อร่อยสไตล์ญี่ปุ่นแล้วอ่ะค่ะ
โมจิถั่วแดงร้อนแบบนี้เนี่ย พิมชอบทำกินตอนช่วงหน้าฝนกับหน้าหนาวเน๊าะคะ แบบว่ากินตอนฝนกำลังตก ตอนหลังฝนตกใหม่ ๆ หรือตอนอากาศหนาว ๆ ควันออกปากนี่ ...... มีความสุขที่สุดเลยค่ะ ^_^
ความอร่อยของขนมอันนี้อยู่ที่ถั่วแดงต้องต้มให้ได้ที่และอยู่ที่ความหอมของชาเขียวนะคะ ที่สำคัญอย่าปั้นโมจิลูกใหญ่ เพราะว่าแป้งโมจิไม่มีรสชาติ ถ้าปั้นใหญ่เกิน มันจะไม่เข้ากับถั่วแดงอ่ะค่ะ ^_^
ยังไงลองไปทำทานกันดูนะคะ แล้วพบกับพิมใหม่ในเมนูอร่อยๆ เมนูถัดไป .... สวัสดีค่ะ ^_^