หลายคนอาจจะคิดว่า #กะทิ เอามาทำได้แค่ขนมไทย ๆ วันนี้พิมเลยจะเอากะทิมาทำขนมฝรั่งให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันบ้าง จะเป็นเมนูอะไร จะหน้าตาน่ากินมากสักแค่ไหน ไปดูกันเลยค่า
เมนูที่พิมจะเอามาทำให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันในวันนี้เนี่ย ก็คือ เมนู สโคนบลูเบอรี่นะคะ ... แต่ดั้งเดิมเนี่ย ในส่วนของของเหลวเค้าจะใช้วิปปิ้งครีมค่ะ แต่มีอยู่ช่วงนึงที่พิมไม่สามารถออกนอกบ้านไปซื้อวิปปิ้งครีมได้ พิมก็เลยลองเอากะทิมาใช้แทน ปรากฎว่าเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังอร่อยเหมือนกับสโคนทั่ว ๆ ไปอีกด้วยอ่ะค่ะ เพราะนั้นแล้วด้วยความที่กะทิ โดยเฉพาะกะทิขวดหาง่ายกว่าวิปปิ้งครีม วันนี้พิมก็เลยอยากจะเอาสโคนสูตรนี้มาสาธิตให้เพื่อน ๆ ได้ดู เผื่อใครอยากจะไปลองทำกันนะคะ ^_^
:: ส่วนผสม ::
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- แป้งเค้ก 50 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทรายป่น 50 กรัม
- เนยจืดเย็นจัด หั่นชิ้นเล็ก 85 กรัม
- กะทิอัมพวา 80 มิลลิลิตร
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
- บลูเบอรี่สด 1 ถ้วย
:: ส่วนผสม "Lime Glaze" ::
- ไอซิ่ง 1/2 ถ้วย
- น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/2 ถึง 1 ช้อนโต๊ะ (ตอนแรกใส่ไปครึ่งช้อนก่อน ถ้าส่วนผสมยังไม่เหลว ค่อย ๆ เติมน้ำอีก แต่ไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ)
** อ่านรายละเอียดการใช้ถ้วย ถ้วยตวงของแห้ง ถ้วยตวงของเหลว ช้อนโต๊ะ ช้อนชา ช้อนตวง ได้ >> ที่นี่ <<
:: วิธีทำ ::
เริ่มต้นเลย ให้เราเตรียมอ่างผสมไว้ 2 ใบนะคะ จะขนาดเท่ากัน หรือว่าใบนึงใหญ่ อีกใบเล็กก็ได้อ่ะค่ะ ^_^
ในอ่างใบใหญ่ ... ให้เราผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ + แป้งเค้ก + ผงฟู + เกลือ + น้ำตาล แล้วคนให้เข้ากันนะคะ #ไม่ต้องร่อนแป้งจ้า
จากนั้นก็ใส่เนยลงไป
แล้วใช้ที่สับเนย (หาซื้อได้ตามแผนกเครื่องครัวในห้าง / ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ อันละประมาณร้อยกว่าบาท ถ้าไม่มีก็ใช้ส้อมสองอันตัดไปตัดมา) .... สับเนยให้เข้ากับแป้ง จนแป้งมีลักษณะคล้ายทรายเปียก ๆ และไม่เหลือเนยที่เป็นก้อน ๆ .... เสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนอ่ะค่ะ ^^
** ในส่วนของเนยเนี่ย ย้ำนิ๊ดดดดดนะคะว่า ต้องเป็นเนยเย็นจัด ถ้าเนยเริ่มนิ่มหรือว่าเริ่มละลายแล้วเนี่ย ใช้ไม่ได้น๊า ต้องเอาไปแช่ให้เย็นจัดอีกทีก่อนเอามาใช้อ่ะค่ะ
ต่อมาในอ่างผสมใบที่สอง ให้เราผสมกะทิอัมพวา ซึ่งเป็นกะทิแท้ 100% + ไข่ไก่ + กลิ่นวนิลา แล้วคนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากันนะคะ #ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟูนะจ๊ะ
พอเข้ากันดีแล้ว ก็เทใส่ลงในกาละมังแป้ง
แล้วเคล้าด้วยพายยางให้พอเข้ากันอ่ะค่ะ
จากนั้นก็ใส่บลูเบอรี่ลงไป แล้วเคล้าด้วยพายยางอีกครั้งให้พอเข้ากันนะคะ
** ในส่วนของบลูเบอรี่เนี่ย ระวังนิ๊ดดดดนึง ถ้าบลูเบอรี่เปียกน้ำ ซับด้วยกระดาษอเนกประสงค์ให้แห้งก่อน ไม่งั้นอาจจะทำให้โดว์สโคนของเราแฉะเละ ขึ้นรูปไม่ได้อ่ะค่ะ
พอส่วนผสม (โดว์) เข้ากันแล้ว #ไม่ต้องให้เข้ากัน100% ก็เทโดว์ลงบนโต๊ะที่โรยด้วยแป้งสาลีอเนกประสงค์เล็กน้อย #เพื่อไม่ให้โดว์ติดพื้นโต๊ะ แล้วจัดการตะล่อมโดว์ให้เป็นทรงกลม ความหนาประมาณ 1.5 นิ้ว .... ถึงตรงนี้ถ้ารู้สึกว่าโดว์แฉะเกินไป ดูท่าทางแล้วจะตัดเป็นชิ้นยาก หลังจากปั้นโดว์เป็นทรงกลมแล้ว ก็ให้เอาโดว์ไปแช่ในตู้เย็นสัก 15-20 นาทีก่อนนะคะ
จากนั้นก็จัดการเอามีด หรือที่ตัดแป้ง ตัดโดว์ให้ได้ 8 ชิ้นเท่า ๆ กัน แล้วก็นำไปวางเรียงบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษไขอีกทีอ่ะค่ะ
นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 205 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที
** วางถาดอบที่ชั้นล่าง แต่ไม่ต้องถึงกับชั้นล่างสุด
พอสโคนของเราสุกและมีสีเหลืองสวยดี ก็เอาออกจากเตามาพักไว้ให้เย็นนะคะ
พอสโคนของเราเย็นสนิทดีแล้ว ก็ให้เราผสมน้ำตาลไอซิ่ง + น้ำมะนาว + น้ำเปล่า แล้วคนจนเป็นครีมเหลว ๆ แบบในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ #เรียกว่ากลาเซ่ #อย่าผสมทิ้งไว้นานๆไม่งั้นมันจะแห้ง
จากนั้นเทใส่ถุงที่ตัดปลายข้างนึงเป็นรูเล็ก ๆ แล้วโรยกลาเซ่ลงบนสโคนของเรา มากน้อยตามชอบนะคะ #ชอบหวานมากก็โรยมากชอบหวานน้อยก็โรยน้อย
พักไว้จนกลาเซ่เซตตัว ... ก็หยิบใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับชาร้อน ๆ สักแก้วนึง เท่านี้เราก็จะมีขนมอร่อย ๆ ที่ทานได้ทุกเวลาแล้วอ่ะค่ะ ^_^
สโคนสูตรนี้เนี่ย เป็นสูตรที่พิมทำกินค่อนข้างบ่อย บางครั้งเวลาไม่มีบลูเบอรี่สด พิมก็ใส่เป็นเบอรี่สดอย่างอื่น หรือไม่ก็ผลไม้แห้งอย่างสตรอเบอรี่ มะเขือเทศเชอรี่ แครนเบอรี่อบแห้ง ไม่ก็ลูกเกด อะไรประมาณนี้นะคะ #พิมชอบสโคนผลไม้ที่มีรสอมเปรี้ยวอมหวาน เพราะนั้นแล้วถ้าเพื่อนๆ ทำสโคนสูตรนี้ แต่ไม่มีบลูเบอรี่ จะลองปรับเปลี่ยนเป็นผลไม้สดอย่างอื่น หรือผลไม้แห้งก็ได้อ่ะค่ะ
ส่วนเครื่องดื่มที่นิยมเอามากินกับสโคนอันนี้เนี่ย #หรือสโคนสูตรอื่นๆ ก็มักจะเป็นเครื่องดื่มร้อน เช่น กาแฟร้อน หรือชาร้อนนะคะ แต่ส่วนตัวพิมแล้วเนี่ย ชอบกินกับชาร้อนมากกว่า เพราะรู้สึกว่าชาร้อน ๆ มันช่วยขับรสสโคนให้เด่นขึ้น ละมุนขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ชุ่มคอด้วยอ่ะค่ะ ซึ่งชาที่พิมชอบเอามากินกับสโคน ก็จะเป็นชาที่มีรสขมนิด ๆ อย่าง ชาอู่หลง หรือไม่ก็ชาที่ออกรสเย็น ๆ อย่าง ชาเทพธาโร หรือไม่ก็ชาที่มีรสเปรี้ยวหน่อยอย่างชากระเจี๊ยบ ... แต่ไม่ว่าจะชาไหน กินกับสโคนสูตรนี้ ก็อร่อยทั้งนั้นเลย ยังไงไปลองทำทานกันดูนะคะ แล้วพบกับใหม่ในเมนูถัดไป สวัสดีค่ะ ^_^