ระยะหลัง ๆ พิมทำแต่อาหารคาวและขนมไทยลงเวบ จนมีสมาชิกเวบหลายคนบ่นว่าพิมไม่ค่อยทำขนมฝรั่งบ้างเลย  วันนี้พิมก็เลยขอเปลี่ยนโหมดมาทำขนมฝรั่งบ้างค่ะ ^__^ 

และสำหรับขนมฝรั่งที่พิมจะนำมาเสนอเพื่อน ๆ ในวันนี้ก็เป็นขนมประเภทที่เค้าเรียกกันว่า "Trifle" ค่ะ   ซึ่งคำว่า Trifle เนี่ยก็หมายถึงขนมที่มีส่วนประกอบของเนื้อขนมเค้ก ซอสคัสตาร์ด ผลไม้สดหรือเยลลี่ผลไม้ และมีการจัดเรียงเป็นชั้นๆ  อย่างน้อย 3 ชั้นอ่ะค่ะ   

Trifle นั้นก็มีชื่อเรียกแยกย่อยกันไปตามชนิดของผลไม้ที่นำมาใช้  เช่น ถ้าใช้บลูเบอรี่อย่างเดียวก็จะเรียกว่า  Blueberry Trifle  ถ้าใช้สตรอเบอรี่อย่างเดียวก็จะเรียก  Strawberry Trifle  หรือถ้าใช้แอ๊ปเปิลอย่างเดียวก็เรียก  Apple Trifle  แต่ถ้าใช้ผลไม้ 2 อย่าง เช่นกล้วยกับองุ่น  ก็จะเรียกว่า  Banana and Grape Trifle  แต่ถ้าใช้ผลไม้หลายๆ  อย่างเหมือนที่พิมใช้ในวันนี้ ก็จะเรียกว่า  Mixed Fruit Trifle  หรือ Fruit Trifle  อ่ะค่ะ  ^__^ 

ซึ่งเจ้าขนมชนิดนี้เนี่ยพิมไม่แน่ใจว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศอะไร แต่เพื่อนที่อยู่อังกฤษเคยเล่าให้พิมฟังว่า  สมัยเค้าไปเรียนต่อที่อังกฤษปีแรกๆ  เจ้าของบ้านที่เค้าไปพักอยู่ด้วยชอบทำขนมนี้มาก  เรียกว่าทำทุกวันเลย  แถมเพื่อนที่เป็นคนอังกฤษที่เรียนด้วยกันก็ชอบทำขนมนี้กันมาก  เพราะว่าเป็นขนมที่ทำง่าย แต่อร่อยอ่ะค่ะ  

ว่าแล้วก็ไปดูหน้าตาขนมชนิดนี้กันดีกว่าเน๊าะค่ะ ^__^ 

ดูหน้าตาไปแล้ว ก็มาดูส่วนผสมกันเลยค่ะ ...... ส่วนผสมก็จะมีตามด้านล้างนี่นะคะ

 :: ส่วนผสม ::

- เค้กหั่นเป็นชิ้นเล็ก  (ตามสูตรด้านล่าง)
- ซอสคัสตาร์ด  (ตามสูตรด้านล่าง)
- สตรอเบอรี่  4 ลูกใหญ่ 
- กีวี  1 ลูกใหญ่
- ส้มแมนดารินในน้ำเชื่อม 1 ถ้วยขนาด  350 กรัม 
- วิปปิ้งครีม   

เพิ่มเติม ส่วนผสมทุกอย่าง  เพิ่มลดได้ตามความชอบ

อันดับแรก .... เรามาทำซอสคัสตาร์ดกันก่อนนะคะ เพราะว่าซอสตัวนี้เนี่ย หลังจากทำเสร็จแล้ว เราจะต้องใช้เวลาในการพักไว้ให้หายร้อนถึงจะนำมาใช้งานได้อ่ะค่ะ 

:: ส่วนผสม  "ซอสคัสตาร์ด"  :: 

- ไข่แดง (ไข่ไก่) 2 ฟอง
- นมสดรสจืด 1 ถ้วย
- น้ำตาลทรายบริสุทธิ์มิตรผล 1/4 ถ้วย ............. (พิมเลือกใช้แบบขวดเพราะเทง่ายดีอ่ะค่ะ)
- แป้งข้าวโพด 1 ชต.
- กลิ่นวนิลา 1/2 ชช.

:: วิธีทำ  "ซอสคัสตาร์ด"  :: 

เริ่มต้นก็ให้เราเทนมใส่ลงในหม้อใบเล็ก ๆ สักใบ แล้วนำไปตั้งเตา เปิดไฟกลางค่อนมาทางอ่อน  ...... เราจะต้มนมให้อุ่นๆ กันค่ะ  

ระหว่างรอนมร้อน ก็หันมาเทไข่แดงที่เราเตรียมไว้ลงในกาละมังสำหรับผสมค่ะ  ตีไข่แดงให้แตกด้วยตะกร้อมือ ใส่น้ำตาลทรายบริสุทธิ์มิตรผลลงไป  คนให้เข้ากันจนกระทั่งไข่มีสีอ่อนลง  ก็ใส่แป้งข้าวโพดตามลงไป คนให้เข้ากันอีกที

แล้วก็ค่อย ๆ เทนมที่อุ่นๆ ลงไป (อย่าให้ร้อนจัดหรือเดือด จะมีอุณหภูมิสูงเกิน)  โดยตอนเทให้เททีละน้อยนะคะ  และก็คนด้วยตะกร้อมือตลอด (มือนึงเท  มือนึงคน)  ย้ำๆ  ..... ห้ามเทนมพรวดเดียวหมดหม้อเด็ดขาด ไม่งั้นไข่จะสุก  แล้วเราจะได้ไข่แดงหวานแทนคัสตาร์ดซอสอ่ะค่ะ - -"  

 พอผสมนมกับไข่แดงเข้ากันดีแล้ว ก็เทส่วนผสมกลับไปในหม้อเหมือนเดิม

แล้วนำไปตั้งเตา เปิดไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไข่สุก แป้งสุก และข้นเป็นอันใช้ได้ ปิดไฟเตาเลยค่ะ  

แล้วเติมกลิ่นวนิลาที่เตรียมไว้ลงไป คนด้วยตะกร้อมือพอเข้ากันอีกครั้ง ก็เทใส่กล่องหรือภาชนะที่เราจะใช้เก็บซอส  พักให้หายร้อน  ปิดหน้าด้วยฟิล์มใสหรือกระดาษไข (ปิดแบบแนบฟิล์ม/กระดาษไปกับหน้าซอส เพื่อไม่ให้หน้าซอสแห้ง) แล้วนำเข้าตู้เย็นไว้จนถึงตอนจะใช้งานค่ะ 

ระหว่างนั้นก็หันมาทำตัวเค้กกันต่อค่ะ 

:: ส่วนผสม "ตัวเค้ก" :: 

- แป้งเค้ก 1 ถ้วย + 1/3 ถ้วย
- น้ำตาลทรายบริสุทธิ์มิตรผล 3/4 ถ้วย
- ไข่ไก่ 4 ฟอง  (เบอร์ 1)
- เนยสดจืดละลาย 3 ชต.
- เกลือป่น 1/8 ชช. 

:: วิธีทำ "ตัวเค้ก" :: 

อันดับแรกก็ร่อนแป้งที่เราเตรียมไว้กับเกลือป่นรวมกันนะคะ 

ร่อนเสร็จ ก็พักเอาไว้ก่อน 

หันมาตีไข่กับน้ำตาลทรายบริสุทธิ์มิตรผล 

จนกระทั่งไข่ฟูเป็นครีม มีสีขาวนวล ก็ใส่แป้งที่เราร่อนไว้แล้วลงไป ผสมให้เข้ากันด้วยพายยางหรือตะกร้อมืออย่างเบามือ  

พอเข้ากันดี ก็เทเนยละลาย (ที่อุ่นๆ) ใส่ลงไป  

'

ผสมให้เข้ากันดีอีกที   

ก็เทใส่ถาดขนาด 10 * 15 นิ้วที่รองด้วยกระดาษไข (แต่ไม่ต้องทาอะไรเลย)   แล้วนำไปอบด้วยไฟ 180 องศาเซลเซียส  เป็นเวลาประมาณ 10 นาที 

พอครบเวลาหรือเค้กสุก ก็นำออกจากเตา 

นำมาคว่ำบนตะแกรง ลอกกระดาษออก แล้วพักไว้ให้หายร้อน 

พอหายร้อนก็นำมาหั่นไว้เป็นชิ้นเล็ก ๆ อย่างในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ  

เมื่อส่วนของเค้กพร้อม  ส่วนของซอสพร้อม ต่อมาก็มาจัดการกับผลไม้ที่เราจะใช้ในเมนูนี้กันต่อนะคะ 

อย่างแรก ...... ส้มแมนดารินในน้ำเชื่อมค่ะ  ถ้าในเมืองไทยเค้าจะมีขายเป็นกระปุกเป็นขวด (มีขายตามซุปเปอร์มาร์เกตทั่วไป พิมซื้อที่ max value)   กระปุกเล็กสุดน้ำหนักกี่กรัมพิมจำไม่ได้แต่ราคา 30 กว่าบาทค่ะ  ส่วนในภาพนี่เป็นกระปุกขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 350 กรัม ราคา 50 กว่าบาท  และขนาดใหญ่สุดที่พิมเคยเห็นเป็นแบบขวด หนักราวๆ 900 กว่ากรัม ราคาประมาณร้อยกว่าบาทอ่ะค่ะ

ถ้าทำบ่อย พิมแนะนำให้ซื้อขวดนะคะ เพราะถูกกว่า ^__^ 

ก็นำส้มออกมาจากกระปุกมาหั่นเป็นชิ้น  (เฉพาะเนื้อ น้ำไม่เอา)  กลีบไหนใหญ่ก็หั่น 3 กลีบไหนไม่ใหญ่นักก็หั่น 2 กลีบไหนเล็กไม่ต้องหั่นก็ได้ค่ะ 

ต่อมาก็เป็นสตรอเบอรี่นะคะ ..... สำหรับในเมืองไทยตอนนี้เนี่ย (มิถุนา 56) ไม่ใช่หน้าสตรอเบอรี่ค่ะ เพราะงั้นแล้วก็ต้องพึ่งสตรอเบอรี่นำเข้าจากต่างประเทศ  กล่องนี้ราคาเกือบ 200  บาท    แม้จะราคาสูง แต่สดมากเหมือนเพิ่งเด็ดจากต้นเลยอ่ะค่ะ 

 ก็นำสตรอเบอรี่มาตัดขั้วออก ล้างน้ำ ซับน้ำให้แห้ง ผ่าครึ่ง แล้วหั่นไว้เป็นชิ้นเท่า ๆ กับส้มอย่างในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ 

และผลไม้อย่างสุดท้ายที่เราจะต้องเตรียม ก็คือ กีวี่ ..... ในภาพเป็นกีวี่นำเข้าจากนิวซีแลนด์ค่ะ ลูกละ 25 บาท 

 ก็นำกีวี่มาปอกเปลือกนะคะ  ผ่าครึ่งตามแนวตั้ง   ผ่าแต่ละชิ้นเป็นอีก 3 ส่วน แล้วหั่นไว้เป็นชิ้นอย่างในภาพอ่ะค่ะ 

และเมื่อเราเตรียมส่วนผสมทุกอย่างครบเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาจัดขนมของเราใส่ถ้วยแล้วล่ะค่ะ ^__^    โดยภาชนะที่นิยมใช้กับ Trifle  ก็มักจะเป็นภาชนะที่เป็นแก้วใส เพื่อให้มองเห็นผลไม้และส่วนผสมที่อยู่ด้านในแก้วได้   หากจะทานกับเพื่อน ๆ หลายคน อาจจะจัดใส่ในอ่างแก้วหรือชามแก้วใบใหญ่ ๆ  แต่สำหรับวันนี้พิมขอจัดเป็นแบบ 1 คน 1 แก้วนะคะ ดังนั้นแล้วก็เลยขอใช้แก้วเล็กแทนอ่ะค่ะ 

เริ่มต้นเราก็เอาเค้กที่เราหั่นไว้หย่อนลงไปที่ก้นแก้วสัก 4-5 อัน หรืออาจจะมากน้อยกว่านี้ตามขนาดแก้ว   ราดด้วยซอสคัสตาร์ดประมาณ 1-2 ชต.   ใส่ผลไม้ทั้งสามอย่างตามลงไป  ใส่เค้ก ราดด้วยคัสตาร์ด  ใส่ผลไม้ ...  ทำสลับอย่างนี้ไปจนเต็มแก้ว

สุดท้ายก็ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีม และใบมิ้นท์เล็กน้อยพองาม ......... แล้วเราก็จะได้  Mixed Fruit Trifle  ที่หน้าตาแลดูน่าทานอย่างในภาพด้านล่างนี่อ่ะค่ะ   ^___^ 

ซึ่งขอบอกว่าขนมหวานชนิดนี้เนี่ยเป็นขนมหวานที่พิมชอบมากค่ะ  เพราะว่าเป็นขนมหวานที่ทานแล้วไม่ค่อยเลี่ยน  เนื่องจากมีส่วนที่เป็นผลไม้ค่อนข้างเยอะ ... แต่แนะนำว่าหลังจากจัดลงถ้วยเสร็จแล้ว ควรนำไปแช่ให้เย็นก่อนทาน จะอร่อยมากกว่าไม่แช่เยอะเลยอ่ะค่ะ  

และในส่วนของผลไม้ เพื่อนๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามชอบค่ะ  แต่แนะนำว่าขอให้เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนำเล็กน้อยจะทานแล้วรู้สึกอร่อยกว่าผลไม้ที่มีรสหวานนำนะคะ  เนื่องจากรสเปรี้ยวของผลไม้จะไปตัดกับรสหวานของซอสคัสตาร์ด ทำให้รสชาติเข้ากันอย่างบอกไม่ถูกเลยอ่ะค่ะ   ^___^ 

ยังไงก็ไปลองทำกันดูนะคะ ติดขัดตรงไหนก็แว๊บมาฝากคำถามไว้ได้ค่ะ ถ้าพิมสะดวกจะเข้ามาตอบให้จ้า