และหลังจากที่เราเก็บมังคุดกันเสร็จเรียบร้อย และน้องชายกำลังพิมเตรียมตัวเอาไปขาย พิมก็ขอตัวไปทำกิจกรรมอย่างอื่น หากเพื่อน ๆ อยากรู้ว่าพิมไปทำกิจกรรมอะไรต่อ ก็ตามมาเลยนะคะ ^^
ความเดิมตอนที่แล้ว http://www.pim.in.th/my-home/457--1.html
....... หลังจากที่เราเพลิดเพลินกับการเก็บมังคุดอยู่เกือบครึ่งวันเช้า ทำให้เราทุกคนไม่รู้สึกหิวกันเลยค่ะ (โดยเฉพาะพิมนี่ไม่หิวเลยสักนิด เพราะในขณะที่เค้าเก็บมังคุดกัน แต่พิมนี่เดินเก็บผลไม้กินไปเรื่อย ๆ ทั้งเงาะ ทั้งมังคุด ทั้งลองกองเลยค่ะ >_<") แต่พอเก็บมังคุดเสร็จ กลับเข้ามาที่บ้านกินน้ำกินท่าให้หายเหนื่อยกันสักหน่อย ทุกคนก็เพิ่งรู้สึกตัวกันค่ะว่าต่างคนต่างหิวมากๆ เลย (คือยังไม่มีใครได้กินข้าวเช้ากันสักคน นอกจากพิม) ..... เพราะนั้นแม่ก็เลยโยนหน้าที่ทำกับข้าวมื้อกลางวันวันนี้ (แต่มื้อแรกของวัน) มาให้ค่ะ .... ซึ่งขอบอกว่าไม่ใช่ไม่เต็มใจนะคะ แต่เต็มใจมาก ^__^ อุอุ
แต่นะ ... พอไปเปิดตู้เย็นแม่เพื่อจะหาเสบียงแล้วต้องแอบเครียดอย่างแรงเลยค่ะ ก็ในตู้เย็นแม่น่ะ แทบจะไม่มีเสบียงอะไรให้เอามาใช้ทำกับข้าวที่พอจะกินได้สัก 6 คนเลยน่ะค่ะ .... แบบว่าถ้าไม่นับขวดน้ำดื่มที่มีเป็นสิบๆ ขวดแล้ว ก็จะมีหอมใหญ่เล็ก ๆ 2 หัว แครอทประมาณ 1/3 ของหัวเล็ก ไข่เป็ด 2 ใบ ไข่ไก่ 1 ใบ เนื้อหมูกับเนื้อไก่อีกอย่างละหน่อย พริกแกงเผ็ดประมาณ 2 ขีด และปลาน้ำดอกไม้ตัวเล็ก ๆ ที่แข็งเป็นหินอยู่ในช่องแช่เข็งอีก 4 ตัว ..... เท่านั้นอ่ะค่ะ แบบว่าเห็นเสบียงแล้วเครียดเลย จะทำยังไงให้ออกมาเป็นกับข้าวชนิดกินกันได้หลาย ๆ คนภายในเวลาครึ่ง ชม. เนี่ย
หลังจากคิดอยู่ประมาณ 5 นาที ก็ตัดสินใจล่ะว่า จะทำผัดหมู+ไก่กับหอมใหญ่ล่ะ ปรุงให้มีรสเผ็ดนิดนึงจะได้ไม่เลี่ยน และก็จะเจียวไข่สักจาน อาศัยตีให้ฟู ๆ หน่อย ปริมาณจะได้เยอะ ๆ และก็กะว่าจะงัดปลาน้ำดอกไม้จากช่องแข็ง มาทำปลาน้ำดอกไม้ผัดพริกแกงอีกสักอย่างล่ะค่ะ จะได้มีพอที่จะกินกันได้หลาย ๆ คนอ่ะนะคะ
ว่าแล้ว ..... หลังจากวางแผนได้ว่าจะทำอะไรดี พิมก็เริ่มลุยล่ะค่ะเริ่มจากการหุงข้าวก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหลายคนอาจจะแอบงง ๆ นะคะว่า หน้าตาหม้อเป็นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าแต่ทำไมหุงบนเตาแก๊ส ก็ขอบอกว่าก่อนพิมมาได้วันเดียว ตัวหม้อหุงข้าวเพิ่งจะขอลาโลกไปเองค่ะ เพราะงั้นก็เลยเป็นหน้าที่พิมจะต้องหุงข้าวด้วยหม้ออันนี้ (คือขี้เกียจหุงแบบเช็ดน้ำเพราะหาไม่ขัดหม้อไม่เจอ) แต่ให้ออกมาเหมือนกับหุงด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าให้ได้ ........ ซึ่งวิธีการก็ไม่ยากเย็นอะไรค่ะ แค่เราซาวน้ำ ใส่น้ำเหมือนหุงข้าวหม้อไฟฟ้าตามปกติ แต่ว่าให้เพิ่มน้ำไปอีกสักหน่อยนึง (ของพิมในภาพเพิ่มไปประมาณ 3/4 ถ้วย) แล้วก็หุงด้วยไฟกลาง พอน้ำเดือดก็ลดไฟลงมาเหลือเกือบจะไฟอ่อน พอน้ำเริ่มแห้งก็ลดเหลือไฟอ่อน หุง (หรือจะเรียกว่า "ดง" ดี) ไปเรื่อย ๆ ไม่นานข้าวก็สุกพร้อมทานแล้วค่ะ ^__^
พอหุงข้าวสุกก็ปิดฝาหม้อข้าวเอาไว้ก่อน .... แล้วหันมาเริ่มทำกับข้าวอย่างแรกกัน ก็คือ "หมู+ไก่ผัดหอมใหญ่" และใส่แครอทเพื่อแต่งสีสัน+เพิ่มวิตามินไปนิดนึงค่ะ วิธีทำก็ง่ายๆ อีกนั่นแหละ ตั้งกระทะ พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่กระเทียมเจียวลงไปเจียว พอกระเทียมเริ่มเหลืองหอมดีก็ใส่เนื้อหมูกับไก่ลงไป พอหมูกับไก่สุกก็ใส่หอมใหญ่ แครอท ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลกะพริกไทยป่นนิดนึง (เครื่องปรุงรสที่บ้านสวนมีเท่านี้เองแหละค่ะ) และไม่ลืมที่จะทุบพริกขี้หนูสวนเม็ดสีเขียวแดงใส่ลงไปด้วยอีกประมาณ 10 เม็ดค่ะ .... แล้วเราก็จะได้กับข้าวง่าย ๆ ขึ้นมาอย่างนึงแล้วนะคะ
ต่อมาก็เริ่มทำเมนูที่ 2 ล่ะ ก็คือไข่เจียวนั่นเองค่ะ ... เมนูไข่เจียวสำหรับพิมเนี่ยก็ทำแบบง่ายมากๆ ไม่ต้องใส่อะไรให้เยอะแยะ (เพราะไม่มีอะไรให้ใส่) แค่ตีไข่เป็ดกะไข่ไก่ 3 ฟองให้เข้ากันดี (แต่ตีให้มันฟูเยอะ ๆหน่อย) ใส่หอมแดงซอยลงไปสัก 4-5 หัว ปรุงรสด้วยน้ำปลานิดนึง ตีให้เข้ากันอีกที แล้วหันไปตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันลงไปมากหน่อย แต่ไม่ต้องมากเท่าไหร่ พอน้ำมันร้อนก็เทไข่ที่เราตีไว้ลงไป เทสูง ๆ นะคะ จนหมดชาม แล้วก็ปล่อยทิ้งไว้สักแป๊บ พอไข่ด้านนึงเซ็ตตัวดีก็ค่อยกลับอีกด้านลงไปทอด พอทอดสุกดีทั้งสองด้านแล้วก็ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
แล้วเราก็จะได้ไข่เจียวออกมาหน้าตาน่าทานแบบนี้ล่ะค่ะ .. แบบว่ากรอบนอกนุ่มในมาก ๆ ขอบอก ^^
ส่วนกับข้าวอย่างสุดท้ายที่พิมทำก็คือ ปลาน้ำดอกไม้ทอดกรอบผัดพริกแกงค่ะ .... จริง ๆ แล้วจานนี้ควรจะทำเป็นจานแรกค่ะ แต่เนื่องจากว่าตอนเริ่มทำเนี่ย ปลาน้ำดอกไม้ยังแข็งเป็นแท่งหินอยู่ ก็เลยต้องทำอาหารอย่างอื่นไปก่อน แล้วระหว่างนั้นก็เอาปลาน้ำดอกไม้แช่น้ำอุ่นหน่อยค่อนไปทางร้อน เพื่อให้ปลาคลายตัวจากการเป็นน้ำแข็ง พอเราทำกับข้ว 2 อย่างเสร็จ ปลาน้ำดอกไม้ก็คลายจากน้ำแข็งแล้วล่ะค่ะ
พอปลาคลายตัวจากการเป็นน้ำแข็งแล้ว พิมก็เอาปลามาหั่นเป็นชิ้นนะคะ หั่นไม่ต้องหนามาก หนาสัก 2 ซม. กำลังดี แล้วเอาไปทอดให้กรอบ พอกรอบดีก็ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันค่ะ จากนั้นก็หันไปตั้งกระทะบนเตาไฟอีกรอบ ใส่น้ำมันสำหรับจะผัดพริกแกงลงไป พอน้ำมันร้อน ก็ใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอมนะคะ พอพริกแกงหอมดี ก็เติมน้ำซุป (พิมใช้น้ำสะอาดล่ะ เพราะน้ำซุปที่นี่ไม่มี) ลงไปนิดหน่อย ปรุงรสด้วยเกลือป่น น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ให้ได้รสเค็มเผ็ดหวานตามชอบ พอได้รสที่ชอบแล้วก็ใส่ปลาที่เราทอดไว้ลงไป โรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยอีกสักหน่อย ผัดให้เข้ากันดี แล้วเราก็จะได้ปลาน้ำดอกไม้ทอดกรอบผัดพริกแกงออกมาประมาณในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ
แล้วเมื่อพิมทำกับข้าวทุกอย่างเสร็จ ก็เป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในบ้านและเพื่อนบ้านล้างหน้าล้างมือกันเสร็จเรียบร้อยพร้อมรอกินกันแล้วอ่ะค่ะ .. พิมก็เลยจัดกับข้าวเป็นสำรับ แล้วก็ยกออกไปวางที่ระเบียงหน้าบ้าน พร้อมหม้อหุงข้าว จานชาม ช้อนส้อม และกระติกน้ำเย็นอ่ะค่ะ ..... หลังจากนั้นทุกคนก็มานั่งร่วมวงกินข้าวกลางวันด้วยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะกินเสร็จกันตอนประมาณบ่ายโมงอ่ะค่ะ (ยังกะเวลาพักกลางวันของพนักงาน office เลยนะเนี่ย)
แล้วหลังจากที่พวกเรากินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย และนั่งพักกันสักประมาณ 5 นาทีแล้ว พวกเราต่างก็เตรียมตัวที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองกันต่ออ่ะค่ะ
สำหรับแม่พิมและน้องสะใภ้พิม งานที่เค้าจะต้องทำเป็นอันดับต่อไปก็คือเก็บลองกองค่ะ ส่วนน้องชายพิมทั้ง 2 เค้าจะต้องอยู่คัดแยกทุเรียนที่สุกมากสุกน้อยออกจากกัน และส่วนพิมก็จะต้องคอยไปเดินสำรวจภายในสวนค่ะ ว่าปีนี้มีอะไรออกมางาม ๆ บ้าง ^^" ......... ว่าแล้วหลังจากพักให้หายเหนื่อยแล้ว ก็มาเริ่มลุยที่โซนต่อไปกันเลยค่ะ ซึ่งโซนที่พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันในช่วงถัดไปนี่ ก็คือ ส่วนของสวนลองกองนะคะ
และนี่ก็คือทางเข้าสวนลองกองจ้า (สวนหลังบ้านพิมเองแหละ) ทางเข้าอาจจะดูแห้งแล้งหน่อย เพราะว่าแม่พิมเค้าเพิ่งถอนต้นถั่วพูออกจากค้าง เพื่อที่จะลงปลูกถั่วพูชุดใหม่อ่ะค่ะ ^^
ที่สวนแปลงนี้นอกจากลองกองแล้ว แม่พิมเค้ายังปลูกผลไม้อื่นๆ อีกหลายอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมังคุด เงาะ แก้วมังกร กระท้อน มะม่วง มะตูม มะขามหวาน มะพร้าว ฯลฯ แต่หลัก ๆ แม่ก็จะปลูกลองกองนี่แหละค่ะมากที่สุดแล้วอ่ะ
พิมเคยไปเดินเล่นในสวนทั้ง 2 แปลง แล้วลองนับเฉพาะต้นลองกองดู โอ้ววว ... มีเป็นร้อยต้นเหมือนกันนะคะ แต่เสียดายว่าบางปีบางต้นก็ไม่ออกดอกให้ผลน่ะค่ะ โดยเฉพาะต้นที่ปีที่แล้วให้ผลผลิตเยอะมาก ๆ แม้ระหว่างปีจะบำรุงดียังไง ปีถัดมาผลผลิตก็จะให้น้อยหรือแทบไม่ให้เลย ... ก็ว่ากันไปนะคะ
ตอนช่วงที่พิมไปบ้านสวนเนี่ย ลองกองบางต้นก็สามารถเก็บผลผลิตได้แล้วอ่ะค่ะ แต่ว่าบางต้นก็ยังเป็นลูกอ่อนๆ สีเขียวๆ อยู่อย่างในภาพ และในขณะที่บางต้นก็เพิ่งออกดอกก็มีค่ะ
ลักษณะการออกดอกออกผลของลองกองจะออกเป็นช่อค่ะ โดยแต่ละช่อที่ออกบางทีก็จะห่างกันแบบในภาพบน แต่บางทีก็จะออกติดกันเป็นกระจุกแบบในภาพนี่อ่ะค่ะ ซึ่งถ้าออกช่อติดกันเป็นกระจุกมากๆ ชาวสวนอย่างแม่พิมก็ต้องคอยดึงช่อดอกที่อยู่ติดกันทิ้งไปบ้างบางส่วน เพื่อให้ผลลองกองแต่ละผลสามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่อ่ะค่ะ
ว่าแล้วพิมก็ขอถ่ายภาพลองกองต้นที่ดก ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กันสักหน่อยนะคะ ^__^ (ต้นไม่ดกเราก็ไม่ถ่ายค่ะ อิอิ) ซึ่งลองกองต้นในภาพเนี่ย เห็นผลสีเหลือง ๆ แบบนี้ เอาจริงก็ยังตัดไม่ได้นะคะ เพราะว่าเค้ายังไม่แก่จัดเต็มที่ หากตัดมาตอนนี้ก็คงจะได้ลองกองที่เปรี้ยวมากกว่าหวานอย่างแน่นอน
ส่วนพวงนี้ .... แก่เต็มที่แล้วค่ะ แต่เพื่อน ๆ อย่าถามพิมนะคะว่ารู้ได้ไงว่ามันแก่เต็มที่แล้ว เพราะพิมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน อาศัยเด็ดชิมเอาอย่างเดียว ^__^ ค่ะ
ปีนี้ลองกองก็เหมือนผลไม้ฤดูร้อนชนิดอื่นๆ ค่ะ ให้ผลผลิตช้ากว่าทุกปี เพราะนั้นราคาขายส่งหน้าสวนเมื่อตอนช่วงที่พิมไปหาแม่เมื่อสักเกือบสองอาทิตย์ที่แล้ว ลองกองที่มีช่อและผลขนาดในภาพบนยังอยู่ที่กิโลละ 45 บาทเลยอ่ะค่ะ
วิธีการเก็บลองกองนั้นไม่ยุ่งยากเหมือนผลไม้ชนิดอื่น แต่ต้องอาศัยความชำนาญและการทนุถนอมค่ะ ..... เพราะอย่างเงาะทุเรียน มังคุดเนี่ย เราสามารถยืนสอยจากโคนต้นได้เลย (ถ้าสูงพอนะคะ) แต่สำหรับลองกองเราใช้วิธีการสอยไม่ได้ค่ะ คนเก็บจะต้องปีนขึ้นไปบนต้น หรือปีนไปบนบันไดพร้อมกับถังใบย่อม ๆ ใบนึง แล้วใช้กรรไกรหรือมีดเลือกตัดมาทีละช่อๆ ที่แก่และหวานค่ะ แล้วพอตัดได้เต็ม 1 กระป๋อง คนตัดก็จะค่อย ๆ หย่อนกระป๋องลงมาให้คนที่อยู่ข้างล่าง เพื่อถ่ายลองกองออกจากกระป๋องลงสู่ลังที่กรุด้วยกระดาษอีกที (เพื่อกันลมเข้า ไม่งั้นลองกองจะเหี่ยวง่าย) แล้วก็จะค่อยส่งกระป๋องใบเดิมหรือใบใหม่ขึ้นกลับไปให้คนเก็บที่อยู่บนต้นอ่ะค่ะ (ยกเว้นลองกองที่อยู่ในระดับมือเก็บได้ ก็ไม่ต้องปีนบันไดขึ้นไปนะคะ)
วันนี้คนที่เป็นคนปีนต้นเก็บลองกองก็คือแม่พิม และก็น้าสวนข้างๆ บ้านพิมอ่ะค่ะ ส่วนน้องสะใภ้พิมกับพิมจะเป็นคนคอยรับอยู่ข้างล่างและก็เรียงลงลัง (วิธีการเรียงลงลังก็ต้องมีการเรียนรู้นะคะ ไม่ใช่นึกอยากจะเรียงก็เรียงได้เลยอ่ะค่ะ) .... แล้วระหว่างเรียงลองกองลงลังหมด และรอลองกองถังใหม่ที่จะแม่จะส่งมาให้พิมอีกรอบ พิมไม่รู้จะทำอะไรดี ก็เลยขอกินลองกองหวาน ๆ โชว์เพื่อน ๆ ไปพลาง ๆ ก่อนล่ะกันค่ะ ^__^ (ขอบอกว่าหวานมากจริง ๆ น๊าาาา)
พูดถึงลองกองแล้ว. ... ปีนี้มีลองกองอยู่ 3 ต้นที่พิมและคนทั้งบ้านเสียดายมากๆ ก็คือลองกอง 3 ต้นในภาพนี้อ่ะค่ะ เหตุที่เสียดายก็คือปีนี้ลอกกอง 3 ต้นนี้ให้ผลผลิตดกมากค่ะ แถมแต่ละพวงก็ทั้งลูกใหญ่ พวงยาว และรสชาติดีมากคือ หวานหอม ไม่หวานจืด
ซึ่งบางพวงยาวเกือบ 2 คืบมือของพิมเลยนะคะ แต่น่าเสียดายว่าเปลือกหรือผิวของลองกอง 3 ต้นนี้ไม่สวยเลยอ่ะค่ะ ซึ่งแม่พิม น้องชายพิม เค้าก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไรหรือเป็นเพราะอะไร แถมเป็นเฉพาะ 3 ต้นนี้ที่อยู่ติดกันด้วยนะคะ ต้นอื่นก็ไม่เป็น
แม่พิมเค้าก็เลยแอบเครียดเล็กน้อยค่ะว่า ทนุถนอมดูแลกันมาตลอดทั้งปี แทนที่พอถึงเวลาตัดขายได้ จะตัดแบบได้ราคาสักหน่อย แต่กลับต้องมาเสียราคาเพราะผิวไม่สวยอ่ะค่ะ (ส่วนนึงที่เป็นแบบนี้เพราะแม่พิมเค้าไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง ยาฆ่าเชื้อรา หรือยาอะไรเลย นอกจากสารบำรุงอ่ะค่ะ)
นี่ค่ะ ... ดูกันชัด ๆ พวงยาวลูกใหญ่ แต่ผิวก็ไม่สวยจริง ๆ อ่ะค่ะ >_<" (แต่รับประกันว่าหวานหอมมากค่ะ แต่อย่างว่าคนจะซื้อ เค้าก็ต้องดูที่ความสวยก่อนเน๊าะค่ะ)
แต่ว่านะคะถึงจะมีต้นที่ลูกไม่สวย (บ้าง) แต่ต้นที่ลูกสวย ๆ ผิวงาม ๆ ก็มีไม่น้อยเลยอย่างในภาพนี่อ่ะค่ะ ^^
สำหรับที่บ้านพิมเนี่ย ทุเรียน...ไม่เท่าไหร่ แต่ลองกองกับมังคุดคือความภาคภูมิใจของแม่พิมเลยอ่ะค่ะ ..... เพราะสมัยก่อนโน้นตอนแม่พิมเค้าทำสวนผลไม้ใหม่ ๆ ที่สวนพิมยังไม่ได้ปลูกลองกองค่ะ ปลูกแต่ทุเรียนกับเงาะสีชมพูและก็เงาะโรงเรียน กะผลไม้อย่างอื่นสะเปะสะปะไป ซึ่งตอนนั้นเนี่ยที่บ้านพิมก็ยังไม่มีรถ แล้วระหว่างทางนั่งรถโดยสารหวานเย็นจากหน้าถนนใหญ่มาเข้าบ้าน ผ่านสวนของคนอื่นที่เค้าปลูกลองกอง ก็จะเห็นลองกองของเค้ามีพวงใหญ่โตสวยงามมาก แม่พิมก็แอบทึ่งเล็กน้อย (จริงๆ ทึ่งมากเลยแหละ) พลางคิดในใจว่าเค้าทำยังไงกันนะ ถึงสามารถให้ลองกองมีพวงใหญ่โตสวยงามขนาดนั้นได้ แล้ววันนั้นแหละค่ะแม่พิมก็ทำสัญญากับตนเองเอาไว้ว่า สักวันนึงเค้าจะต้องทำลองกองให้ออกมาสวยอย่างนั้นให้ได้
ซึ่งจากวันนั้นมาจนวันเวลาผ่านไปประมาณ 7-8 ปี แม่พิมเค้าก็สามารถปลูกลองกองที่ให้ผลผลิตให้ช่อที่สวยงามอย่างนั้นได้อ่ะค่ะ ก็เลยถือได้ว่าลองกองเนี่ยเป็นความภาคภูมิใจมากๆ อย่างนึงของแม่พิมเลยล่ะค่ะ ^__^ (ส่วนพิมน่ะภาคภูมิใจในทุกอย่างที่เป็นแม่พิมอยู่แล้วล่ะค่ะ)
ก่อนจะจบกันไปในตอนที่ 2 นี้ .... พิมก็ขอฝากภาพลองกองต้นโปรดต้นสุดรักสุดหวงของพิมเอาไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ดูกันด้วยนะคะว่าเหตุใด พิมถึงรักถึงหวงถึงห่วงเจ้าลองกองต้นนี้มาก (ภาพนี้ของปีที่แล้ว ปีนี้ดูเพลิน ลืมถ่ายซะงั้นค่ะ) ........ ก็แหมมม !! จะไม่ให้รักมากได้ยังไงค่ะ (จริง ๆ ต้นอื่นก็รักทุกคนแหละค่า) ในเมื่อต้นนี้แม่พิมเพิ่งปลูกได้แค่ไม่กี่ปี แต่เค้ากลับให้ผลผลิตดกมาก.ก.ก.ก.ก.ก.ก.กก.ก. ถึงมากที่สุดอย่างที่เห็นในภาพเลยอ่ะค่ะ แถมช่อก็ยาว แน่น ลูกก็สวย ผิวก็งาม เรียกว่าแทบจะหาที่ติไม่ได้ ...... พิมก็เลยรักมาก ๆ เลยค่ะ อิอิ
และก็นี่ค่ะผลผลิตลองกองที่เก็บได้ในวันนี้ .... ไม่เยอะมาก ประมาณ 50 กว่าโลได้ ใครสนใจก็แวะมาชมมาชมกันได้ที่บ้านพิมเลยนะคะ ^___^ .......... แล้วเดี๋ยวเจอกันในตอนถัดไปจ้า