วันที่ 3 ของทริป Low Carbon Destination @ เกาะหมาก ก็เริ่มขึ้นแบบสบาย ๆ นะคะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 และตอนที่ 2 ตามไปอ่านได้เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.1 และ เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.2
เช้าวันนี้พิมตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่งเลยค่ะ หลังจากผุดขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีแล้ว ก็ลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวงามๆ มานั่งกินข้าวเช้าแบบเบา ๆ ที่ด้านหน้าของโรงแรมนะคะ ^_^
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็นั่งรถตรงดิ่งไปที่มุมนึงของเกาะ ไปชมวิถีชาวบ้านที่เค้าเก็บมะพร้าวเอามาปอกเปลือกทำเป็นมะพร้าวแก่ มะพร้าวทึนทึก และเนื้อมะพร้าว รวมไปถึงถ่านกะลามะพร้าวส่งไปขายยังบนฝั่งตราดนะคะ
ซึ่งตอนแรกเนี่ย พิมกะว่าจะไปถ่ายรูปตอนพี่ ๆ น้า ๆ เค้ากำลังปอกเปลือกมะพร้าวกันนะคะ กะว่าน่าจะได้ภาพที่ได้อารมณ์ชาวสวนดี ^_^ แต่พอไปถึงที่ ขนาดไปถึงตั้งแต่ 7 โมงนิด ๆ ปรากฎว่าเค้าปอกของวันนี้กันไปหมดแล้วอ่ะค่ะ เพราะปอกตั้งแต่ตี 1 ตี 2 .. ด้วยความที่พิมคงจะทำหน้าสงสัย >_< ประมาณว่าทำไมถึงต้องตื่นขึ้นมาปอกตั้งแต่ฟ้ายังมืดมิดขนาดนั้น ลุงๆ เค้าก็เลยบอกว่า เพราะหลังเที่ยงคืนไปแล้ว อากาศจะเย็นสบาย มีลมพัดเรื่อย ๆ ไม่ร้อน ที่สำคัญคือไม่มียุง ก็เลยเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ สำหรับการออกมาปอกมะพร้าวเลยน่ะค่ะ
แล้วพิมก็เลยถามว่า มะพร้าวพวกนี้เนี่ย มันขึ้นเองหรือว่าใช้วิธีปลูกเอา ลุงเค้าก็บอกว่าเมื่อก่อนมันขึ้นเองตามธรรมชาติค่ะ แต่ตอนนี้ก็มีปลูกบ้าง เพื่อทดแทนต้นที่ตาย ๆ ไป แต่ก็ยังเป็นการปลูกแบบไม่มีรูปแบบ คือ นึกจะปลูกให้ขึ้นตรงไหน ก็เอาลูกมะพร้าวที่งอกแล้วไปวางไว้ตรงนั้น กลบ ๆ ดินหน่อย เดี๋ยวอีกสักพักก็จะงอกเป็นต้นมะพร้าวขึ้นมานะคะ ^_^
ว่าแล้ว ....... พิมก็เลยขอมะพร้าวที่งอกแล้วจากคุณลุงเค้าต้นนึง เพื่อเอาไปเป็นของที่ระลึกฝากแม่ค่ะ ^^
จากโซนมะพร้าว เรากระดึ๊บ ๆ ไปต่อกันที่สะพานอ่าวนิดเลยนะคะ เพราะช่วงเช้าๆ สักประมาณ 8 -9 โมงที่สะพานอ่าวนิดเนี่ย จะมีเรือประมงชาวบ้านเข้ามาจอดเทียบท่าเพื่อขายพวกอาหารทะเลต่าง ๆ ที่จับมาได้อ่ะค่ะ โดยเค้าจะออกเรือกันตอนกลางคืนนะคะ แล้วพอหาได้ ก็เอากลับเข้ามาขายกันสด ๆ เช้าวันนั้นเลยค่า
ซึ่งของทะเลที่เค้าหามาได้ ก็มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแชบ๊วย กุ้งหางม่วง ตัวเล็กตัวใหญ่ปน ๆ กันไป
มีพวกปลาทะเล อย่างปลาอินทรี ปลาสาก ปลาทรายแดง ปลากระบอก ปลาอื่น ๆ อีกมากมาย และมีพวกหอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ ด้วยนะคะ
ซึ่งพอใกล้เวลาเรือจะเข้ามาจอดเทียบท่า ก็จะมีเจ้าของร้านอาหารหลาย ๆ ร้าน และชาวบ้านบนนั้นที่ไม่ได้ทำอาชีพประมง มายืนรอซื้อเลยอ่ะค่ะ บางอย่างอันไหนที่ฮอตฮิตมากๆ ถึงกับมีการประมูลให้ราคากันเลยค่า ^_^
ในเรื่องของราคา ถ้าเทียบกับความสด ความอร่อยแล้วก็ถือว่าราคาถูกเลยนะคะ อย่างหอยเชลล์ เค้าจะขายโลละประมาณ 100 หรืออย่างกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ ๆ ที่เราซื้อกันที่กรุงเทพฯ 800 ที่นี่ก็จะประมาณ 500 หรืออย่างปลาอินทรี ก็จะอยู่ที่โลละ 200 กว่าบาทเท่านั้นเองค่ะ ที่สำคัญ ทำอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้จากบนเกาะและรอบ ๆ เกาะ ก็ถือได้ว่าช่วยลดโลกร้อน ลดการใช้คาร์บอนด้วยนะคะ ^_^
จากสะพานอ่าวนิด เราเขยิบถอยหลังมาหน่อยนึง เพราะเรามีนัดกับพี่อึ่งและพี่หมู เจ้าของร้านสวีทเค้ก ร้านขนมอร่อย ๆ บนเกาะหมากอ่ะค่ะ
ที่ร้านสวีทเค้กของพี่หมูเนี่ย มีขนมอร่อย ๆ อยู่หลายอย่างนะคะ แต่ขนมตัวที่อร่อยมาก และใคร ๆ ก็ต่างพูดถึงกัน ก็คือ ฮันนี่โทสต์ผลไม้สด ที่พี่หมูลงมือนวดแป้งขนมปังเอง อบเอง แถมยังใช้น้ำผึ้ง และผลไม้สด ๆ เก็บใหม่ๆ จากบนเกาะอีกด้วยอ่ะค่ะ ^_^
ว่าแล้วพี่หมูก็ลงมือทำฮันนี่โทสต์สูตรเด็ดของพี่หมู ให้เราได้ดูกันนะคะ เริ่มจากนำขนมปังที่พี่หมูทำไว้ ออกมาหั่นครึ่ง บั้งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ แต่ไม่ต้องให้ขาดออกจากกัน ทาเนย แล้วก็นำเข้าไปอบในเตาให้เนยละลายอ่ะค่ะ
เสร็จแล้วก็เอาออกมาตบแต่งด้วยผลไม้สด เช่น มะม่วง มะละกอ สับปะรด มะเฟือง ตะขบ .... ตามแต่ที่จะหาได้จากบนเกาะในวันนั้น ๆ เน๊าะคะ แล้วก็ท๊อปปิ้งด้วยไอศกรีมลูกโต ๆ ที่พี่หมูบอกว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์แสนอร่อย ฝีมือคนบนเกาะแห่งนี้ กับอัลมอนด์สไลด์ .. เราก็จะได้ฮันนี่โทสต์ที่ทั้งหน้าตาดี๊ดีและอร่อยออกมาแล้วค่า
จะว่าไป ตอนแรกที่พี่หมูบอกว่าจะทำฮันนี่โทสต์จากผลไม้บนเกาะ พิมนี่นึกไม่ออกเลยนะคะว่าพี่หมูจะใช้ผลไม้อะไร ตอนเอาออกมาก็ยังแอบแปลก ๆ ใจค่ะ แต่พอได้ลองกินจริง ๆ ขอบอกเลยว่าฮันนี่โทสต์ของพี่หมูกับผลไม้บนเกาะ 4 อย่างนี่เข้ากันได้อย่างอร่อยมาก ๆ ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งผลไม้จากต่างประเทศเลยนะคะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหน พิมแนะนำให้ลองมาชิมกันดูเองเลย น่าจะดีกว่าจ้า
จบจากมื้อขนมหวาน พวกเราก็นั่งทำงานจุกจิกแถวนั้นกันอยู่สักพักค่ะ แล้วอยู่ดี ๆ พี่อึ่ง แฟนของพี่หมูก็มาบอกกับเราว่า ตอนเช้าที่เค้าพาพิมไปดูเรือประมงที่มาเทียบท่าที่อ่าวนิด พี่เค้าแอบซื้อปลาสากตัวใหญ่มาด้วยตัวนึงอ่ะค่ะ พี่อึ่งบอกว่าจะเอาปลาสากนี่แหละ มาทำอาหารจานเด็ดจานนึงให้พวกเราได้กินกัน ชนิดที่ถ้าไปกินเมนูนี้ที่อื่น จะต้องนึกถึงฝีมือของพี่อึ่งอย่างแน่นอน แต่พี่อึ่งก็ไม่ได้บอกพิมนะคะว่าจะเป็นเมนูอะไร พี่อึ่งบอกว่าให้คอยลุ้นเอา แล้วเดี๋ยวตอนที่เรากลับมากินมื้อค่ำที่นี่ พี่อึ่งจะทำมาให้ชิมค่า
แล้วนอกจากปลาสากแล้ว พี่อึ่งก็ยังไปแอบซื้อกุ้งหางม่วง และก็หอยเชลล์มาอีกด้วยนะคะ พี่อึ่งบอกว่าถ้ามื้อกลางวันยังไม่รู้จะไปกินอาหารกันที่ไหน พี่อึ่งกับพี่หมูขอเป็นเจ้าภาพเอง ... ก็จัดไปค่าา ^_^
และสำหรับเมนูที่พึ่อึ่งกับพี่หมูบอกว่าจะทำเลี้ยงพวกเรา ก็คือเมนูผัดไทสูตรอร่อยของพี่หมูนะคะ ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับที่พี่หมูทำขายที่ร้าน พี่หมูบอกว่าทั้งฝรั่งทั้งคนไทยหลายคน เวลามาที่ร้าน จะชอบสั่งเมนูนี้ค่ะ เพราะนอกจากจะอร่อย รสชาติดี เส้นเล็กนุ่มแล้ว พี่หมูก็ยังผัดให้ในปริมาณเยอะ เรียกว่าทั้งอิ่มทั้งอร่อยเลยค่า
พี่หมูเล่าให้ฟังว่า ปกติแล้วเวลาผัดขาย พี่หมูจะผัดทุกอย่างรวมกันในกระทะเดียวเลยนะคะ แต่เผอิญว่าวันนี้เนี่ยพี่หมูต้องผัดเลี้ยงคนจำนวนเยอะ ก็เลยขอแยกผัดไข่ กับหอยเชลล์กระทะนึง ผัดกุ้งกับซอสกระทะนึง แล้วค่อยผัดเส้น ซอส กับผักอีกกระทะนึง
และสุดท้ายก็เอามาจัดใส่จานรวมกัน ได้ออกมาเป็นผัดไทที่หน้าตาดีแบบนี้เลยค่ะ ^_^
เพราะนั้นแล้ว มื้อนี้พิมและทุกคนก็ต้องขอบคุณพึ่อึ่งกับพี่หมูมาก ๆ เลยนะคะ ผัดไทอร่อยจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่มีแต่คนติดใจอ่ะค่า ^_^
จากร้านสวีทเค้ก .. พวกเราพากันไปไหว้พระที่วัดเกาะหมากต่ออ่ะค่ะ ซึ่งวัดนี้เนี่ยอยู่ห่างจากร้านสวีทเค้กไม่ไกล ประมาณว่าเดินได้สบายๆ และเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเกาะหมาก (จะว่าไปคือ มีวัดเดียวบนเกาะ ^_^) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2490 ลองนับนิ้วมือดูเล่น ๆ ก็ปาเข้าไปเกือบ 70 ปีแล้วนะคะ
ที่วัดนี้เนี่ยนอกจากจะมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่ใช้ปลูกมานานนับร้อยปีแล้ว ก็ยังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ยืนประดิษฐานอยู่ริมทะเล และหันหน้าเข้าทะเล จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของวัดอีกด้วยอ่ะค่ะ
หลังจากไหว้พระ และเดินเล่นชมความงามภายในบริเวณวัดอยู่สักพัก เราก็เริ่มหิวกันอีกแล้วค่า ^_^ ก็เลยชวนกันไปชิมเบอร์เกอร์อร่อย ๆ ที่ร้าน Wildheart ของคุณเมนะคะ
พูดถึงคุณเมแล้ว หลายคนอาจจะงง ๆ ว่า เอ๊ะ คุณเมเป็นใคร แล้วทำไมเราจะต้องไปกินเบอร์เกอร์ที่ร้านคุณเมกันด้วยอ่ะ
คุณเมเป็นชายหนุ่มรูปงามคนนึงค่ะ ที่มีความรักในการทำอาหาร และรักอยากจะให้คนอื่นได้ทานอาหารอร่อย ๆ จากฝีมือเค้านะคะ คุณเมก็เลยลงมือปลูกพืชผักหลายชนิด ทั้งโหระพา กะเพรา สะระแหน่ พริกขี้หนู พริกหยวก พริกชี้ฟ้า ผักสลัด มะเขือพวง มะเขือยาว มะเขือเปราะ ฟักทอง ถั่วฝักยาว และผักอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อเอามาใช้ในการทำอาหารของเค้า ทั้งทำกิน ทำขายอ่ะค่ะ
ส่วนเบอร์ฌกอร์ที่คุณเมแนะนำ คุณเมบอกว่าอยากให้ลองเบอร์เกอร์ลาบหมูนะคะ ถือได้ว่าเป็นเมนู signature ของร้านคุณเมเลย เพราะว่าเป็นเบอร์เกอร์ที่มีรสชาติของความเป็นไทยที่จัดจ้าน และมีกลิ่นหอมของสมุนไพร ซึ่งสมุนไพรที่เอามาใช้ทำลาบเนี่ย คุณเมเก็บสด ๆ มาจากในสวนแบบจานต่อจานเลยอ่ะค่ะ
และนอกจากเบอร์เกอร์แล้ว คุณเมเค้าก็ยังมีเมนุเครื่องดื่มอร่อย ๆ ที่ใช้วัตถุดิบสด ๆ จากบนเกาะมาเสริฟให้เราชิมอีกด้วยนะคะ เช่น น้ำสับปะรด น้ำเมลอน น้ำมะนาว ซึ่งหลังจากพิมได้ชิมอย่างละนิดละหน่อยแล้ว ขอบอกเลยค่ะว่าเด็ดทุกเมนู สั่งเมนูไหนก็ไม่ผิดหวังค่่ะ ^_^
จากร้านคุณเม เราแวะกลับไปนั่งเคลียร์งานที่โรงแรมกันอยู่สักพักนึงนะคะ แล้วหลังจากนั้นพอบ่ายแก่ ๆ หน่อย เราก็พากันขึ้นหลังรถกระบะเพื่อจะไปรอชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่ Pano Resort ซึ่งอยู่อีกด้านนึงของเกาะหมากอ่ะค่ะ
จุดชมพระอาทิตย์ตกบนเกาะหมาก จะว่าไปแล้วก็มีหลายจุดอยู่ด้วยกันนะคะ แต่จุดที่คนนิยมไปดูกันมากจุดนึงก็คือ ที่ริมทะเลหน้า Pano Resort อ่ะค่ะ
ซึ่งที่ Pano Resort เนี่ย นอกจากจะมีจุดชมวิวพระอาทิตย์งาม ๆ แล้ว ก็ยังมีบ้านพักแบบงาม ๆ อีกด้วยนะคะ
บ้านพักของที่ Pano Resort จะเป็นบ้านพักแนวสบาย ๆ ชิว ๆ รับลมทะเลประมาณนั้นค่ะ ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำตัวบ้าน พื้น ผนังห้องพัก และเฟอร์นิเจอต์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้ทั้งหมดเลยนะคะ ซึ่งสำหรับคนที่ชอบอะไรแบบไม้ ๆ อย่างพิมนี่ขอบอกเลยค่ะว่าชอบมาก ถึงขนาดอยากจะขอแบบบ้้านเอากลับไปปลูกที่บ้านสวนของพิมที่จันทบุรีบ้างเลยอ่ะค่ะ ^_^
แล้วนอกจากบ้านพักที่นี่จะสวยแล้ว น้ำทะเลที่หน้า Pano Resort นี่ก็ใสมากเลยนะคะ
เพราะงั้นระหว่างที่เรานั่งรอเวลาชมพระอาทิตย์ตกดิน พวกเราก็เลยขอเล่นน้ำกันสักหน่อยอ่ะค่ะ (คือจริง ๆ อยากเล่นน้ำตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้วนะคะ แต่ไม่มีโอกาส อ่ะๆ) ซึ่งน้ำทะเลที่อื่นจะเป็นยังไงพิมไม่แนใจ แต่น้ำทะเลที่นี่นอกจากใสแล้วก็ยังสะอาดมาก เล่นอยู่เป็นนานสองนาน ยังไม่รู้สึกว่าเหนียวตัวเลยนะคะ ^_^
แล้วหลังจากที่เราเล่นน้ำกันอยู่ประมาณสัก 2 ชม. พอราวๆ 17.30 น. พระอาทิตย์ก็เริ่มตกแล้วอ่ะค่ะ แต่เหมือนว่าวันนี้พระอาทิตย์จะตกช้ามาก.ก.กก.ก..ก กว่าพระอาทิตย์จะหล่นลงถึงผิวน้ำก็เลยปาเข้าไปเกือบ ๆ 18.30 น. เลยนะคะ ซึ่งคนที่นี่เค้าบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ บางคนรอกันจนถึงทุ่มนึงก็มีอ่ะค่ะ ฮ่าๆ (ตั้งกล้องรอกันจนเบื่อเลยอ่ะ >_<)
พอดูพระอาทิตย์ตเริ่มทำงานอีกรอบล่ะนะคะกเรียบร้อยแล้ว ท้องพิมก็ ^_^ มื้อค่ำวันนี้พิมนัดกับพี่อึ่งและพี่หมูเอาไว้ที่ร้าน Sweet Cake ว่าพี่อึ่งจะทำเมนูอร่อย ๆ เด็ด ๆ ให้ทานหลายเมนูเลยอ่ะค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นซุปหัวปลา ทะเลผัดพริกขี้หนู และที่เด็ดสุดก็คือ ซาซิมิปลาสาก ที่พี่อึ่งการันตรีหนักหนาว่า ไปทานที่ไหนก็ไม่มีอร่อยเท่าที่นี่แน่นอนเลยอ่ะค่า ^_^
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากลองทานกับข้าวฝีมือพี่อึ่ง ลองทานเบเกอรี่หรือฮันนี่โทสต์แสนอร่อยฝีมือพี่หมู ก็ลองแวะไปชิมกันได้นะคะ ....... ส่วนวันนี้พิมก็ขอตัวกลับเข้าที่พักไปอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนกอนล่ะค่า แล้วพรุ่งนี้เจอกันใหม่กับทริปเกาะหมากวันที่ 4 นะคะ ^_^ สวัสดีค่าาา
การไปเกาะหมากในครั้งนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในนาม อพท. และ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม .... ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ทำให้ครัวบ้านพิมได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยดูแลพวกเราในครั้งนี้ และขอบคุณคนเกาะหมากทุกคนที่ช่วยกันดูแลและทำให้เกาะหมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบ Low Carbon อย่างยั่งยืนนะคะ
สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่ << เลยค่ะ
อ่านตอนที่ 1 ได้ที่นี่เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.1
อ่านตอนที่ 2 ได้ที่นี่เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.2
อ่านตอนสุดท้ายได้ที่นี่เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.4