วันนี้เป็นวันที่ 4 ของภารกิจ Low Carbon @ Destination เกาะหมากแล้วนะคะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ตอนที่ 2 และตอนที่ 3 ตามไปอ่านได้เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.1 และ เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.2 และ เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.3
วันนี้เนื่องจากว่าเป็นวันเกือบจะสุดท้ายของทริปเกาะหมาก เราก็เลยวางแผนกันเอาไว้ว่าช่วงเย็น ๆ เราจะมีการจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ บนเกาะค่ะ โดยให้เพื่อนๆ แต่ละกลุ่ม (จากทั้งหมด 4 กลุ่ม) ได้เข้ามาแสดงฝีมือ มาโชว์ผลงานของตัวเองว่าใน 3 วันที่ผ่านมา พวกเราทำอะไรที่น่าสนใจอันไหนไปบ้างแล้วอ่ะนะคะ ซึ่งในงานก็จะมีการจัดเลี้ยงอาหารด้วย แน่นอนว่างานนี้ #ครัวบ้านพิม ก็จะต้องมีส่วนรวมด้วย ^_^ (สายอาหารนี่เน๊าะ) เพราะงั้นแล้วเช้าวันนี้เราก็เลยต้องเตรียมตัวไปหาวัตถุดิบกันที่แหลมสนล่ะค่า
พูดถึงแหลมสนแล้ว หลายคนอาจจะงง ๆ ว่ามันคืออะไร แหลมสนเป็นแหลม (มุมนึงของเกาะที่มีลักษณะแหลมยื่นไปในทะเล) ที่ตั้งอยู่อยู่บริเวณทิศตะวันออกของทางเกาะหมากนะคะ ที่นี้เนี่ย ทุกเช้าจะมีชาวประมงที่เค้าทำอวนปูม้า เอาปูมาขายค่ะ (คือบ้านเค้าอยู่ตรงนี้กันนะคะ ^^) เรียกว่ามากันแบบสด ๆ เป็น ๆ เลย และเราก็จะซื้อเจ้าปูนี่แหละค่ะ ไปทำอาหารสำหรับงานปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้นะคะ ส่วนว่าจะเป็นเมนูอะไร จะหน้าตาแบบไหน เดี๋ยวไว้ตามชมกันช่วงเย็น ๆ ของวันนี้ดีกว่าค่า ^_^
จากแหลมสน เรามีนัดกับพี่กวางและพี่เล็ก ที่พลับพลารีสอร์ทซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแหลมสนเท่าไหร่นะคะ
พลับพลารีสอร์ท เป็นรีสอร์ทนึงที่อยู่บนเกาะหมากค่ะ ที่รีสอร์ทแห่งนี้เนี่ยนอกจากจะติดอันอับในเรื่องของความสวย ห้องพักดีงาม แพคเกจราคาไม่แพงแล้ว เรื่องอาหารก็ยังไม่เป็นรองใครอีกด้วยนะคะ ^_^
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ !! แล้ววันนี้พิมมาทำอะไรที่พลับพลารีสอร์ท ... คืองี้ค่ะ วันนี้เนี่ยพิมได้รับภารกิจที่ชื่อว่า "ท้าดวลเมนูเจ้าถิ่น" นะคะ แต่จริงๆ แล้วเนี่ย ไม่ได้จะมาท้าดวลอะไรเค้าเลยค่ะ ฮ่ะๆ แต่ว่าจะมาขอเรียนรู้วิธีการทำ #ก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมาน จากพี่เล็กและพี่กวาง ซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้นะคะ
พูดถึงปูหนุมาน หลายคนที่ไม่ใช่คนในพื้นทีอาจจะทำหน้างง ๆ ว่า เอ๊ะ !! คือปูอะไร ทำไมเกิดมาไม่เคยได้ยินชื่อเลย ?? พิมก็จะเล่าให้ฟังอย่างนี้ค่ะ .... ปูหนุมานเป็นปูทะเลพื้นถิ่นของเกาะหมากนะคะ ปกติปูชนิดนี้จะชอบอาศัยอยู่แถวๆ ริมทะเลบริเวณชายหาดที่เป็นทราย ปูชนิดนี้เนี่ยมีขนาดตัวเท่าปูแป้น แต่เนื้อน้อยกว่าเยอะมาก และมีความพิเศษที่กระดอง คือ เป็นกระดองปูที่เราสามารถเคี้ยวและกลืนได้อย่างสบาย ๆ เลยอ่ะค่ะ
ปูหนุมานเนี่ยเมื่อก่อนจะมีเยอะมากค่ะ เรียกว่าพอตกกลางคืน ก็ออกมาเดินกันให้ขวักไขว่เลย แต่ในปัจจุบันอาจจะด้วยประชากรเกาะหมากที่เพิ่มขึ้น อาจจะด้วยมีคนต่างถิ่นย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น และอาจจะด้วยเรื่องของดินฟ้าอากาศ ก็เลยทำให้ประชากรปูหนุมานเนี่ย ลดน้อยลงไปอย่างน่าใจหายเลยนะคะ เรียกว่าถ้าเมื่อก่อนในเวลา 1 ชม. จับปู ได้สัก 1 ถังสี เดี๋ยวนี้ก็จับได้แค่ 1 ถุงแกงอ่ะค่ะ
ว่าแล้วเพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาลงมือทำก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมานกันดีกว่าค่ะ ซึ่งเครื่องของก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมานเนี่ย โดยทั่ว ๆ ไป ก็จะคล้ายๆ ๆ กับ เส้นจันท์ผัดปูของทางจันทบุรีนะคะ แต่ว่าจะอร่อยแตกต่างกันที่ตัวน้ำซอสที่ใช้ผัดนี่แหละค่ะ เพราะว่าน้ำซอสของทางพลับพลาเนี่ย เป็นน้ำซอสสูตรเด็ดที่ทางพี่เล็กปรุงขึ้นเอง ดังนั้นแล้วความอร่อยเนี่ยการันตีได้จากประสบการณ์ในการทำอาหารมายาวนานหลายปีของพี่เล็กเลยอ่ะค่ะ ^_^
วิธีการทำ #ก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมาน ก็ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากมากนะคะ อันดับแรกเลยพี่เล็กบอกว่าเราจะต้องเอาปูที่ทำเสร็จ (หมายถึงแยกชิ้นส่วนแล้ว) ไปเคี่ยวในซอสจนได้รสชาติที่กลมกล่อมและกระดองปูกรอบ ก็ตักขึ้นพักไว้ก่อนค่ะ จากนั้นก็ตั้งกระทะบนเตาไฟนะคะ ใส่ปูพร้อมน้ำซอสลงไป ตามด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยว (เส้นจันท์) ผีดให้ทุกอย่างเข้ากัน และจนเส้นนิ่ม ก็ปิดไฟเตา ตักขึ้นใส่จานได้เลยนะคะ
ก็จะได้ออกมาเป็น #ก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมาน หน้าตาแบบในภาพนี้เลยอ่ะค่ะ ซึ่งก๋วยเตี๋ยวผัดปูแบบนี้เนี่ยจะทานคู่กับไข่เจียวหั่นฝอย ถั่วงอกดิบ กุยช่าย หัวปลี และถ้าใครชอบเปรี้ยวมากหน่อย จะบีบน้ำมะนาวใส่ลงไปด้วยก็เข้ากันดีเลยนะคะ ^_^
เมนูก๋วยเตี๋ยวผัดปูแบบนี้ มีอยู่ในรายการอาหารที่สามารถสั่งได้ของทางพลับพลาด้วย แต่ว่าจะเปลี่ยนจากการใช้ปูหนุมานเป็นปูม้าแทน เนื่องจากปัจจุบันปูหนุมานหายากมากจ้า
จากก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมาน พี่เล็กกับพี่กวางบอกว่า มาถึงพลับพลารีสอร์ท ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารอร่อยแล้ว จะไม่กินข้าวที่นี่กันสักมื้อเลยรึ .... ด้วยความเกรงใจมากๆๆๆ (จริงเหรออออ ^^) ก็เลยบอกพี่เล็กกับพี่กวางไปว่า งั้นมื้อกลางวันนี้เราขอฝากท้องไว้ที่พลับพลารีสอร์ทสักมื้อนะคะ พี่เล็กกับพี่กวางก็ยินดีเลยค่า แถมยังจัดอาหารอื่น ๆ มาเสริมทัพให้พวกเราได้อิ่มอร่อยกันอีกมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดก้ามปู ที่เนื้อปูสดและหวานหอมมากกกกก
ยำกุ้งสดกับตะไคร้ ที่แบบว่าเนื้อกุ้งเด้งมากเลยอ่ะค่ะ แล้วก็ยังมีไก่ต้มข่า (ไม่ใช่ต้มข่าไก่นะคะ คนละอย่างกัน) ที่น้ำใส ๆ หอมกลิ่นข่าสุด ๆ ไปเลยค่า
และที่เรียกได้ว่าทีเด็ดสุดของสุดๆ สำหรับอาหารที่พลับพล่า ก็คือ ไอศกรีมมะพร้าวนะคะ ซึ่งไอศกรีมอันนี้เนี่ย พี่เล็กเป็นคนคิดค้นสูตรเองและทำเองกับมือ โดยวัตถุดิบหลัก คือ มะพร้าวอ่อนสด ๆ กะทิคั้นสด ๆ ที่หาได้จากบนเกาะนี้เลยค่า ^_^ (อร่อยขนาดต้องขอเบิ้ล 3 ฮ่ะๆ)
และนอกจากไอศรีมกะทิสดแล้ว ที่นี่ก็ยังมีขนมอร่อยอีกอย่างนึงค่ะ นั่นก็คือ ข้าวโพดย่างน้ำกะทิ คือโดยเนี่ยเราจะเจอแต่แกงบวดข้าวโพด ไม่ก็ข้าวโพดต้มฝานแล้วใส่น้ำแข็งใสอะไรประมาณนี้เน๊าะคะ แต่ที่นี้เนี่ยเค้าจะฉีกแนวไปค่ะ ไม่ใช้ข้าวโพดต้ม ไม่ใช้ข้าวโพดสด แต่จะใช้ข้าวโพดที่เก็บใหม่ ๆ จากบนเกาะหมาก แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อน ๆ จนกระทั่งสุกหอม ก็จะค่อยนำมาฝานใส่ลงไปในน้ำกะทิหอม ๆ เติมน้ำแข็งลงไปนิดหน่อย ก็จะได้เป็นขนมข้าวโพดย่างน้ำกะทิแสนอร่อย สูตรของพี่เล็กเรานั่นเองนะคะ ..... ซึ่งใจจริงพิมก็อยากจะเบิ้ลอันนี้อยู่เหมือนกันนะคะ เพราะว่าหอมมาก และก็หวานกำลังพอดี ^^ แต่ท้องเริ่มรับไม่ไหวแล้ว กินทุกสิ่งทุกอย่างไปเยอะมากแล้ว กลัวจะไปทำกิจกรรมต่อไปไม่ได้ ก็เลยขอหยุดไว้แค่ถ้วยเดียวก่อนค่า
จากพลับพลารีสอร์ท หลังจากกินข้าวผัดปู ก๋วยเตี๋ยวผัดปูหนุมาน และไอศกรีมอร่อยๆ กันจนพุงป่องเต็มที่แล้ว ^_^ เราก็ต้องมาทำกิจกรรมเบา ๆ ทำเพื่อย่อยอาหารในท้องกันสักหน่อยดีกว่าเน๊าะคะ กับการออกเรือไปตอกหอยนางรมที่เกาะผี ที่เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญในวันนี้ของพิมด้วยอ่ะค่า
การเดินทางไปตอกหอยนางรมที่เกาะผี เราจะต้องมาขึ้นเรือที่อ่าวพระนะคะ และด้วยความที่อ่าวนี้เนี่ยไม่มีท่าเรือ เพราะงั้นแล้วหนทางที่เราจะไปขึ้นเรือได้ คือ เราจะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปที่เรืออ่ะค่ะ
ส่วนเรือที่จะพาเราไปยังเกาะผี จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบลำเล็กที่หน้าตาคล้ายเรือหางยาว กับแบบลำใหญ่หน่อยที่หน้าตาคล้ายเรือประมงชาวบ้านนะคะ โดยที่แบบแรกเนี่ยจะเป็นเรือลำเล็ก เพราะงั้นถ้าเจอกระแสลมแรงหน่อย อาจจะเมาเรือได้ แต่มีข้อดีคือสามารถเข้าไปจอดจนชิดฝั่งได้เลย แต่ถ้าเป็นเรือลำใหญ่ ข้อดีคือไม่ค่อยโคลง แต่ปัญหาคือมันเข้าไปจอดชิดฝั่งไม่ได้ จะต้องจอดห่างออกจากฝั่งมาประมาณสัก 10 กว่าเมตร แล้วค่อยว่ายน้ำเข้าไปที่เกาะ แต่ที่สำคัญกว่า คือ ที่รอบ ๆ เกาะนี้นอกจากจะมีปะการังเยอะมากแล้ว ก็ยังมีหอยเม่นเยอะมากด้วยค่ะ T___T เยอะขนาดที่ว่าอยู่กับเป็นกระจุก 3 ตัว 5 ตัว แทบทุกตารางฟุตเลยนะคะ เพราะงั้นแล้วตอนที่เราว่ายน้ำเข้าไป เราจะต้องพยายามว่ายแบบนอนราบไปกับน้ำ และอย่าตั้งตัวตรงในน้ำ และถ้ามีรองเท้า outdoor ที่สามารถหุ้มเท้าได้ แนะนำว่าให้ใส่ไปได้วเลยค่ะ จะได้ช่วยปกป้องเท้าของเราจากหอยเม่นนะคะ
โอเคค่า ........ เมื่อพร้อมแล้ว เราไปขึ้นเรือกันเลยจ้า
และหลังจากนั่งเรือมาประมาณ 15 นาที (พิมเลือกขึ้นเรือใหญ่ T___T เป็นการตัดสินใจที่พลาดมากๆ ฮือๆ) เราก็จะมาถึงจุดจอดเรือใหญ่แล้วนะคะ ซึ่งจากจุดนี้เนี่ยเราจะต้องว่ายน้ำเข้าไปที่เกาะอีกประมาณ 10 กว่าเมตรค่ะ ^_^ (แต่ถ้าขึ้นเรือเล็กมา ก็เข้าไปจอดเทียบเกาะได้เลยจ้า)
และเมื่อถึงเกาะแล้ว เราก็จะเจอกับดงหอยนางรมขนาดใหญ่ ที่มีให้เราตอกกินนับล้านๆ ตัวเลยอ่ะค่า (สีขาว ๆ ที่เกาะอยู่ตามหิน คือหอยนางรม) แต่ว่าหอยนางรมของที่นี่เนี่ยจะเป็นหอยแบบตัวไม่ใหญ่นะคะ ไม่เหมือนของทางสุราษฎร์ แต่ความอร่อยไม่แพ้กันเลยอ่ะค่ะ
หอยที่นี่ถึงจะตัวเล็ก แต่รสชาติเต็มปากเต็มคำ ที่สำคัญสดมากๆ ขนาดพิมที่ปกติแล้วไม่กินหอยนางรมเลย เพราะรู้สึกว่ามันดิบ แหยะๆ ดูแล้วไม่น่าอร่อย (ล้วนแต่คิดไปเอง แห๊ะๆ) แต่พอได้ลองตอกหอยที่นี่และได้กลิ่น กลับรู้สึกอยากกินสุด ๆ ขนาดเผลอเอาเข้าปากโดยไม่รู้ตัว และพอได้กิน ก็รู้สึกว่ามันหวานอร่อยมากๆ จนในที่สุดแค่พิมคนเดียว ตอกหอยกินไปเกือบสามสิบตัวเลยค่า >_<
พี่อึ่ง เจ้าของร้าน Sweet Cake ซึ่งเป็น Security ประจำเกาะหมาก และได้ไปเกาะผีกับพิมด้วย เล่าให้พิมฟังว่า วิธีเช็คว่าหอยนางรมที่ซื้อตามตลาดหรือตามร้านอาหาร มันสดจริงไหม ให้กินกับยอดกระถินนะคะ ถ้าหอยสดจริง เวลากินรวมกับยอดกระถิน หอยจะหวานหอมอร่อยมาก ๆ เลยค่ะ แต่ถ้าหอยไม่สด ความหวานความหอมมันก็จะลดลงไปตามเวลานะคะ ^_^
และเพื่อให้การกินหอยนางรม อร่อยมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเราจะต้องมีหอมเจียวและก็น้ำจิ้มอ่ะค่ะ ซึ่งน้ำจิ้มที่พี่อึ่งทำมาให้เราทุกคนได้กินกัน เป็นน้ำจิ้มแบบคนตราด ที่เรียกกันว่า "น้ำพริกเกลือ" นะคะ น้ำจิ้มสูตรนี้เนี่ย จะใช้วิธีการตำพริกขี้หนูสวนที่เด็ดมาสด ๆ ใหม่ ๆ ตำรวมกับกระเทียมไทยกลีบเล็ก (ไม่เอาเปลือก) แล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว กับเกลือป่น ไม่ใส่น้ำปลานะคะ ชิมให้ออกรสเปรี้ยวเผ็ดเค็มตามชอบ เราก็จะได้น้ำพริกเกลืออร่อย ๆ มากินคู่กับหอยนางรมแล้วอ่ะค่ะ
และนอกจากหอยนางรมแล้ว ที่เกาะนี้ก็ยังมีหอยอื่น ๆ อีกด้วยนะคะ เช่นหอยที่อยู่ในมือพิม ที่หน้าตาคล้ายหอยเสียบ แต่ไม่ใช่หอยเสียบอ่ะค่ะ แล้วก็ยังมีหอยที่เนื้อคล้ายหอยเปาฮื้อ แต่ตัวเล็กกว่า ซึ่งพิมลองแคะเอามากินสด ๆ ดูแล้ว อร่อยไม่แพ้กับหอยเปาฮื้อจริง ๆ เลยอ่ะค่ะ ^_^
หลังจากเดินตอกหอยนางรมบนเกาะผีอยู่เกือบสองชั่วโมง ก็ได้เวลาที่เราจะไปทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อแล้วอ่ะค่ะ ซึ่งครั้งนี้โชคดีนิดนึงตรงที่เรือเล็กเค้าสงสารพิม T__T เค้าเห็นว่าพิมตอกหอยนางรมจนเหนื่อยแบบไม่มีแรงจะว่ายน้ำกลับแล้ว (จริง ๆ น๊าา) ก็เลยขับเรือเล็กมาจอดเทียบใกล้ ๆ กับเกาะ แล้วรับพิมกับเพื่อนๆ ไปขึ้นเรือใหญ่อีกทีอ่ะค่ะ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณพี่คนขับเรือเล็กมากๆ เลยนะคะ ไม่งั้นพิมได้นอนเป็นพะยูนอืดอยู่ที่เกาะผี เพราะว่ายน้ำกลับไปไม่ไหวแน่ ๆ เลยค่า
จากเกาะผี เรากลับมาอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวกันที่มากะธานีรีสอร์ทก่อนนะคะ
เสร็จแล้วเราก็จะมาเรียนทำปลาเค็มหลนกันต่อค่ะ ซึ่งเมนูปลาเค็มหลนเนี่ย ถือได้ว่าเป็นเมนูเอกลักษณ์ของทางมากะธานีรีสอร์ทเลยนะคะ ซึ่งวิธีทำปลาเค็มหลนของทางมากะธานีก็จะเป็นสูตรแบบโบราณ โดยจะเอาปลาอินทรีเค็มไปยีรวมกับหมูสับในหัวกะะทิ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บมากน้อยตามชอบ ถ้าไม่เค็มก็อาจจะเติมเกลือป่นหรือน้ำปลาเพิ่ม เสร็จแล้วก็ใส่หอมแดงซอย พริกชี้ฟ้าแดง ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน รอเดือดอีกที เป็นอันเสร็จเรียบร้อยล่ะค่า
ก็จะได้ออกมาเป็นปลาเค็มหลนพร้อมผักสด หน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ ซึ่งเพื่อนๆ คนไหนที่อยากชิมปลาเค็มหลนสูตรโบราณต้นตำรับของทางมากะธานีรีสอร์ท ก็สามารถไปสั่งทานได้ที่ร้านอาหารของทางมากะธานีเลยนะคะ ชุดละเท่าไหร่พิมไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ จัดเต็มเหมือนที่ทำให้พิมดูในวันนี้เลยอ่ะค่ะ ^_^
จากมากะธานี ... พิมตรงดิ่งไปที่ลานกิจกรรมร้านพี่บอล (ร้านกาแฟ ขนม) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมากะธานีสักเท่าไหร่ เรียกว่าอยู่ในระยะเดินได้นะคะ เหตุที่มาร้านนี้ เพราะค่ำคืนนี้ ซึ่งเป็นค่ำคืนสุดท้ายก่อนที่พิมและพวกเราเหล่า bloggers Low Carbon ทุกคนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ .. ได้มาร่วมปาร์ตี้เล็ก ๆ เพื่อแสดงถึงสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาตลอด 4 วัน และแสดงผลงานเกี่ยวกับ Low Carbon Destination @ Koh Mak ให้แขกเหรือ ผู้เข้าชมงาน รวมถึงผู้ใหญ่หลาย ๆ คนทั้งจากบนเกาะ และจากหน่วยงาน อพท. ได้ร่วมชมกันอ่ะค่ะ ซึ่งในงานนี้ก็จะมีการแสดงระบำชาวเกาะจากเด็ก ๆ บนเกาะนะคะ ซึ่งขอบอกเลยว่าเด็ก ๆ น่ารักมากค่ะ แล้วก็ยังมีการแสดงร้องเพลงจากคุณอาท ถมยา หนุ่มรูปหล่อแถมยังมีน้ำเสียงไพเราะอีกด้วยนะคะ แล้วก็มีการฉายสไลด์แสดงผลงานของแต่ละกลุ่ม Bloggers ว่า 4 วันที่ผ่านมา ได้ไปทำอะไรกันมาบ้าง ซึ่งขอบอกว่าออกมาดีงามทุกกลุ่มเลยอ่ะค่ะ
และที่ขาดไม่ได้สำหรับงานปาร์ตี้ก็คืออาหารเน๊าะคะ วันนี้นอกจากพวกชีสเค้ก บราวนี่ ขนมปัง คัสตาร์ดเค้ก แยมโฮมเมด รวมถึงกาแฟอร่อยๆ จากร้านพี่บอลแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องมีอาหารฝีมือพิมอยู่ด้วยอย่างแน่นอนค่ะ
ซึ่งวันนี้เนี่ยอาหารที่พิมทำมาร่วมงานก็คือ "ปูผัดมะนาว" ที่มีวัตถุดิบหลักเป็นปูม้าสด ๆ ที่ได้มาจากแหลมสนเมื่อเช้านี้นะคะ ... ใจจริงแล้วเนี่ย ตอนแรกพิมคิดจะทำหลายเมนูเลยค่ะ ทั้งปูม้าอบวุ้นเส้น หลนปูม้า ปูม้าผัดพริกเกลือ ปูม้าผัดกระเทียมพริกไทยนะคะ แต่เอาจริง ๆ เวลทำมีแค่ครึ่งชั่วโมง ได้มาเมนูเดียวก็ดีงามแล้วค่า T__T
แล้วนอกจากเบเกอรี่ของร้านพี่บอล ปูม้าผัดมะนาวของพิม ไข่เจียวปูของพี่เล็ก ปูเค็มหลนของพี่สิทธี (มากะธานี) คนอื่นๆ ที่มาร่วมงานอีกหลายคน ก็ช่วยกันทำอาหารมาร่วมแจมในงานด้วยนะคะ ซึ่งขอบอกว่าอร่อยทุกอย่างเลยค่า ^_^
หลังจากปาร์ตี้เมื่อคืนเสร็จเรียบร้อย เช้ามาวันนี้พวกเรามีโอกาสได้ตื่นสายมานั่งชมนกชมไม้ ชมวิวทะเลสวย ๆ หน้าที่พักกันนิดนึง ก่อนจะกลับเข้าไปที่พักเพื่อเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า และออกมาเช็คเอ้าท์นะคะ ^_^
และหลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว ก่อนจะขึ้นเรือเพื่อกลับไปยังตัวเมืองตราด พิมและพี่เล็กรวมถึงทีมงานก็ขอแวะไปที่เกาะหมากรีสอร์ทนิดนึง เพื่อไปดูแปลงผักออร์แกนิคของทางรีสอร์ทอ่ะค่ะ
พูดถึงผักออร์แกนิคแล้ว ทางเกาะหมากรีสอร์ทเค้าก็มีปลูกไว้หลายอย่างมากเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นมะละกอที่มีทั้งพันธุ์แขกดำ เรดเลดี้ แล้วก็มะละกอสีทองอ่ะค่ะ
นอกจากนั้นก็ยังมีพวกผักสวนครัวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพริก มะเขือ แตง ฟักทอง ข้าวโพด สะระแหน่ บวบ มีผักสลัดอย่างเรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค มีกล้วยหอม เมล่อน หม่อน แล้วก็ยังมีปลูกข้าวไรซ์เบอรี่อีกด้วยนะคะ ซึ่งพืชผลทั้งหมดเนี่ยรวมถึงข้าว ส่วนนึงจะถูกนำไปใช้ทำอาหารเพื่อเสริฟให้ลูกค้าของรีสอร์ท และอีกส่วนนึงก็จะขายให้กับผู้คนรวมถึงร้านอาหารที่อยู่บนเกาะอ่ะค่ะ ^_^
เสร็จธุระจากเกาะหมากรีสอร์ท เราก็ได้เวลาเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือมากะธานีเพื่อกลับบ้านกันแล้วนะคะ (แต่ไม่ใช่เรือในภาพด้านล่างนะ ฮ่าๆ) ความรู้สึกตอนนี้ ... บอกเลยค่ะว่าอดใจหายไม่ได้
ถึงตรงนี้พิมขอย้อนเวลากลับไปนิดนึ ถึงตอนก่อนจะมาเกาะหมากนะคะ
ตอนแรกที่พิมรู้ว่าตัวเองจะต้องมาเกาะหมาก ตอนนั้นสมองว่างเปล่ามากเลยค่ะ เพราะไม่รู้เลยว่าเกาะหมากมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ แต่พอได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะหมาก 5 วัน ได้มีโอกาสไปเดินคุยกับคนในเกาะ ไม่ว่าจะเป็นพี่อึ่ง พี่เอก พี่เรือง พี่หมู พี่เล้ง รวมถึงพี่ ๆ น้อง ๆ อีกมากมายหลายคน ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชนที่ใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย ไปไหนมาไหนก็ทักทายกันเหมือนญาติพี่น้อง ได้ทำกิจกรรมหลากหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในแบบ Low Carbon เช่น ตอกหอยนางรม เล่น Disc Golf และเรียนทำอาหารใหม่ ๆ ...... อยากบอกว่า มันรู้สึกมีความสุขจริง ๆ นะคะ
งานนี้พิมก็ต้องขอขอบคุณทาง อพท. ขอบคุณ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขอบคุณพี่อ๋อง Go Travel Photo ขอบคุณเพื่อนๆ Bloggers ขอบคุณทีมงาน Travel Channel และขอบคุณผู้คนบนเกาะหมากทุกคนเลยค่ะ ที่ทำให้มีทริปดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นมา ขอบคุณจริง ๆ เป็นทริปที่อยู่ในความทรงจำของพิมอีกหนึ่งทริปเลยนะคะ ^__^
แล้วพบเจอกับพิมกับทริปดี ๆ แบบนี้อีกในครั้งถัดไปค่ะ ส่วนวันนี้พิมขอตัวไปนอนฝันถึงเกาะหมากอีกสักรอบสองรอบก่อนนะคะ ....... สวัสดีค่า ^_^
การไปเกาะหมากในครั้งนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในนาม อพท. และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม .... ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ทำให้ครัวบ้านพิมได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ช่วยดูแลพวกเราในครั้งนี้ และขอบคุณคนเกาะหมากทุกคนที่ช่วยกันดูแลและทำให้เกาะหมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบ Low Carbon อย่างยั่งยืนนะคะ
สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่ << เลยค่ะ
อ่านตอนที่ 1 ได้ที่นี่เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.1
อ่านตอนที่ 2 ได้ที่นี่เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.2
อ่านตอนที่ 3 ได้ที่นี่เลยจ้า >> เมื่อฉัน ... ตกหลุมรักเกาะหมาก ep.3