หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมา พิมนอนหลับอิ่มสบายมาเป็นหลายชั่วโมง เช้าวันนี้พิมก็เลยตื่นเร็วเป็นพิเศษนะคะ แต่ว่าไม่ได้ตื่นมาทำอะไรน๊าาาาา ตื่นมานอนดูฝนอ่ะค่ะ T__T
ตอนแรกที่วางแผนไว้ พิมกะว่าเช้าวันนี้เนี่ยพิมจะแต่งตัวสวย ๆ ไปเดินชิว ๆ ที่ตลาดเช้า ไปหาของกินพื้นบ้านอร่อย ๆ แถวถนนยมจินดานะคะ ^_^ แต่แล้วฝันพิมก็เกือบสลาย เพราะว่าพอสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตี 5 ครึ่งปุ๊บ อั้ยยะ !! ฝนกำลังตกหนักเลยค่า ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง จากเดินชิว ๆ เลยกลายเป็นนอนเล่นชิว ๆ ดูฝนตกไปเรื่อย ๆ แทนอ่ะค่ะ
แล้วพอประมาณเกือบ 8 โมงเช้า ฟ้าฝนก็เหมือนเริ่มเห็นใจพิม จากตกหนักก็เหลือแค่ตกปรอย ๆ แบบนับเม็ดได้เท่านั้นค่า ซึ่งตกแบบนี้ จิ๊บ ๆ สำหรับพิมมาก มีร่มแค่คันเดียวก็เดินไปซื้อขนมได้สบาย ๆ ค่ะ
จุดหมายแรกของพิมในวันนี้ก็คือ ร้านขายกล้วยปิ้งมันปิ้งที่อยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ระยองที่พิมไปมาเมื่อวานนี้นะคะ ซึ่งกล้วยปิ้งมันปิ้งร้านนี้เนี่ยนอกจากจะขายมานาน ขายไม่แพงแล้ว ก็ยังอร่อยมากเลยค่ะ สังเกตุได้จากตอนพิมไปยืนรอขนม แค่ประมาณ 10 นาที มีคนมาซื้อเกือบ 10 คนเลยจ้า
นอกจากกล้วยปิ้งมันปิ้งแล้ว ที่นี้เค้าก็ยังมีขนมมีของกินอย่างอื่นที่เป็นแบบบ้านๆ อีกด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงกวน ขนมขี้หนู ขนมเปียกปูน ข้าวเหนียวเหลืองหน้าปลา ข้าวเหนียวดำข้าว-เหนียวขาวหน้าสังขยา กระยาสารท ข้าวเม่าหมี่ ขนมไข่ สาเกชื่อม มะยมเชื่อม (แบบเม็ดแดงๆ) สาคูไส้หมู กะหรี่ปั๊บตัวเล็กๆ ที่ต้องกินคู่กับน้ำจิ้ม
และก็แน่นอนมีข้าวเกรียบอ่อน และข้าวเกรียบน้ำจิ้ม ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านของคนระยองด้วยค่า ^_^ พิมก็เลยจัดมาอย่างละ 2 กล่องเพื่อเอากลับไปกินที่โรงแรมนะคะ
จะว่าไป พิมกินข้าวเกรียบอ่อนที่อื่นมาหลายที่ แต่อยากบอกว่าข้าวเกรียบอ่อนของที่ร้านนี้อร่อยมากค่ะ คือ ตัวแป้งเค้าจะนุ่ม ไม่กระด้าง ส่วนไส้ที่เป็นมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยคลุกกับน้ำตาลทราย ก็หอมหวาน พอกินคู่กันแล้วรสชาติกำลังดี ๆ หวาน ๆ มัน ๆ เค็มนิดๆ อร่อยเลยอ่ะค่ะ และเท่าที่พิมเคยกินมา บางเจ้าในส่วนของไส้เค้าจะเพิ่มข้าวโพดต้มฝานใส่ลงไปด้วยก็มีนะคะ บางเจ้าก็ทำเป็นไส้เค็มมะพร้าวคลุก+เกลือ+น้ำตาลก็มี แต่พิมว่าไส้แบบโบราณดั้งเดิมที่มีแค่มะพร้าวกับน้ำตาลนี่อร่อยสุดแล้วอ่ะค่ะ แบบว่ามันกลมกล่อมโดยไม่ต้องปรุงอะไรเยอะนะคะ ^^
ส่วนข้าวเกรียบน้ำจิ้ม เท่าที่ถามคนทำ เค้าบอกตัวแป้งเป็นอย่างเดียวกันกับข้าวเกรียบอ่อนนะคะ แต่ว่าจะไม่ใส่สี (สีจากธรรมชาติ) ไม่ใส่งา ไม่ใส่น้ำตาล ออกมาเป็นแนวอาหารคาวไม่ก็อาหารว่าง รสชาติตัวแป้งจะจืด ๆ นุ่ม ๆ เวลาทานก็ทานคู่กับน้ำจิ้มรสหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ เผ็ดนิดๆ ที่มีกุ้งแห้งตำหยาบผสมลงไปด้วย พิมได้ลองชิมแล้ว ก็อร่อยและมีเอกลัษณ์ดี สมเป็นอาหารพื้นถิ่นของคนระยองเลยอ่ะค่ะ
หลังจากชิมข้าวเกรียบอ่อนกับข้าวเกรียบน้ำจิ้มพอรองท้องเบา ๆ แล้ว ก็ได้เวลาอาหารมื้อเช้าของพิมกับคุณสามีแบบจริง ๆ แล้วนะคะ
อย่างที่พิมบอกไว้เมื่อคืนว่าอาหารเช้าของที่นี่เค้ามีเอกลักษณ์มาก เป็นอาหารเช้าของโรงแรมในแนวที่พิมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยอ่ะค่ะ (เข้าใจว่าน่าจะมี แต่พิมยังไม่เคยเจอนะ) คืออาหารเช้าของที่นี่เค้ามีให้สั่งแบบเป็นเซตนะคะ ใน 1 เซต ก็จะมีอาหารจานหลัก 1 จาน + เครื่องดื่มร้อน/น้ำผลไม้ 1 แก้ว + ขนม 1 ชิ้น + น้ำเปล่า + ผลไม้ 1 จาน หรือถ้าใครอยากจะทานเป็นเครื่องดื่มเย็น เช่น โกโก้เย็น กาแฟเย็น ก็จะเป็นเซตอาหารจานหลัก 1 จาน + เครื่องดื่มเย็น 1 แก้ว + น้ำเปล่า + ผลไม้ 1 จานแทนนะคะ (คือตัดขนมออกไป) ซึ่งในส่วนของอาหารจานหลักเนี่ย ก็มีให้เลือกกว่า 300 เมนูเลยอ่ะค่ะ เรียกว่าถ้าเกิดมีเหตุให้ต้องพักที่นี่เป็นปี แล้วกินอาหารเช้าวันละ 1 เมนู ใน 1 ปีนี่ก็ยังไม่ซ้ำกันเลยนะคะ ฮ่ะๆ
ที่สำคัญอาหารเช้าของที่นี่ ไม่จำเป็นต้องกินตอนเช้าก็ได้อ่ะค่ะ เพื่อนๆ ที่มาพักสามารถจะมากินตอนที่เช็คอินเลยก็ได้ หรือจะกินตอนใกล้ ๆ จะเช็คเอ้าท์ก็ได้ ขอให้เป็นช่วงเวลาที่ครัวเค้าเปิดก็พอ หรือตอนมาพักยังไม่อยากกิน จะเก็บคูปองไว้มากินวันหลังก็ได้นะคะ หรือถ้ามาพักหลาย ๆ วัน แต่อยากกินแค่อาหารจานหลักกับเครื่องดื่ม ไม่อยากกินเค้ก ก็สามารถเก็บคูปองเค้กไว้แลกเค้กใส่กล่องกลับไปทานที่บ้านตอนวันกลับก็ได้ ขอเพียงอย่าให้ถึงวันหมดอายุก่อนแล้วกันอ่ะค่ะ ^_^
และด้วยความที่รายการอาหารของเค้ามีเยอะมากก พิมก็เลยเลือกอยู่นานนะคะกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะเอาอะไรดี สรุปแล้วพิมก็เลยสั่งเป็นข้าวหน้าปลาอินทรีย่างซีอิ๊ว ส่วนคุณสามีก็สั่งเป็นสปาเกตตี้คาโบนาร่าอ่ะค่ะ ในส่วนของรสชาติถ้าเป็นคาโบนาร่าจะรสชาติค่อนข้างฝรั่ง และใส่ชีสเยอะ ทั้งชีสในซอสและชีสที่โรยหน้า มาเจอกับพิมและคุณสามีที่ชอบชีส ก็เลยรู้สึกว่าอร่อยมากอ่ะค่ะ แต่ส่วนข้าวหน้าปลาอินทรีย่างเกลือ อาจจะเพราะไม่ใช่ปลาสด เป็นปลาที่ฟรีสไว้ ก็เลยเนื้อแข็งๆ นิดนึง แต่รสชาติโดยรวมก็โอเคอยู่นะคะ ไม่ผิดหวังค่ะ
อิ่มหมีพีมันจากมื้อเช้าเกือบจะเรียบร้อยแล้ว แต่ท้องยังมีที่ว่างอีกนิ๊ดดดดหน่อย ^^" หลังจากเช็คเอ้าท์แล้ว ก่อนจะเดินทางไกล ๆ กันต่อ พิมเลยแวะไปเติมพลังให้เต็มที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปลาเจ๊จิ๋ม ที่อยู่ห่างจากโรงแรมไปไม่ถึง 2 กม. อ่ะค่ะ
ตอนแรกเนี่ยพิมก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะมากินก๋วยเตี๋ยวปลาเจ๊จิ๋มนะคะ แต่มีคนในพื้นที่บอกว่าพิมก๋วยเตี๋ยวปลาร้านนี้อร่อย น้ำซุปก็หอม ลูกชิ้นก็ไม่คาว ก็เลยอยากลองซะหน่อยค่า
แต่เนื่องจากเช้าว่าเช้านี้พิมจัดหนักมาแล้วทั้ง 2 รอบ >_< รอบนี้ก็ขอแค่เบา ๆ หน่อยนะคะ เริ่มด้วยโอเลี้ยง ... เครื่องดื่มประจำตัวพิมที่พิมชอบกินมากกกกกกที่สุด กินแล้วสดชื่นที่สุด แถมช่วยในเรื่องการขับถ่ายด้วยน๊าา ^_^ ซึ่งปกติพิมกินโอเลี้ยงที่ไหนก็จะไม่ค่อยเจอถูกใจค่ะ บางร้านฝาด บางร้านขม บางร้านเปรี้ยว บางร้านหวานเหมือนเอาหางโอเลี้ยงชงใส่น้ำเชื่อมเข้มข้น - -" แต่ที่ร้านนี้โอเลี้ยงใช้ได้เลยนะคะ ไม่หวานมากและก็ไม่ขมมาก อร่อยอ่ะค่ะ
จากโอเลี้ยง ต่อกันแบบเบา ๆ ที่ #ลวกจิ้มรวมมิตรทะเล นะคะ ก็จะมีฮื่อก๊วย ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง เกี๊ยวปลา เนื้อปลาอินทรีลวก โรยมาด้วยกระเทียมเจียวและขึ้นฉ่าย จิ้มกับน้ำจิ้มแซ่บ ๆ ... อร่อยดีค่ะ เสียแต่ว่าเครื่องทุกอย่างลวกทิ้งไว้นานไปนิด แม้รสชาติโดยรวมจะอร่อย แต่ก็รู้สึกรสจะชืด ๆ ไปนิดนะคะ
ส่วนชามสุดท้ายที่พิมสั่งมาลองชิม ก็คือเกาเหลาทะเลรวมมิตรอ่ะค่ะ รสชาติน้ำซุปหอมอย่างที่เจ้าถิ่นเค้าบอกไว้จริง ๆ ส่วนกุ้งหมึกก็สด ลวกมาได้สุกกำลังดี สรุปแล้วร้านนี้โอเคนะคะ ^_^
กินอิ่มเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลุยกันล่ะค่า จุดหมายถัดไปของพิมอยู่ที่ป่าโกงกางแถว ๆ บริเวณพระเจเดีย์นะคะ ซึ่งเท่าที่พิมหาข้อมูลมาเค้าบอกว่าที่นี่นอกจากป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ก็ยังมีหอดูชมวิวที่สูงถึง 11 ชั้น ให้เราได้เดินขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้อีกด้วยค่ะ ^_^
แล้วระหว่างที่พิมกับคุณสามีขับรถผ่านไปเนี่ย ก็มีจุดนึงที่ต้องข้ามสะพานเฉลิมชัย ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างตั้งแต่ปี พ.ศง 2539 นะคะ
และที่สะพานนี้นี่แหละค่ะ มีเจ้าถิ่นบอกพิมว่าถ้าผ่านบริเวณนี้ช่วงหลังบ่ายโมงเป็นต้นไป อย่าลืมจอดรถลงไปดูเรือประมงนะ เพราะว่าเรือประมงสวยมาก ... ตอนแรกพิมก็งง ๆ ทำไมเรือประมงถึงสวย เรือประมงที่นี่มันแตกต่างจากเรือประมงที่อื่นตรงไหนเหรอ - -" ปรากฎว่าพอได้ไปและได้เห็น โอ้...อ เรือประมงที่นี่สวยจริง ๆ ค่ะ ไมไ่ด้สวยเพราะว่าเรือประมงที่นี่แตกต่างจากที่อื่น แต่สวยเพราะช่วงบ่ายท้องน้ำที่นี่จะเป็นสีเทา และท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้า ก็เลยช่วยขับสีของเรือประมงที่เดิมก็สดใสอยู่แล้วให้เด่นขึ้น ตรงนี้ก็เลยกลายเป็นจุดจอดเรือประมงที่สวยที่สุดอย่างที่เจ้าถิ่นเค้าบอกไว้จริง ๆ อ่ะค่า ^_^ ยังไงเพื่อนๆ คนไหนที่ผ่านมาแถวนี้ ลองไปจอดรถดูกันนะคะ
จากจุดจอดเรือ เราขับรถกันมาอีกหน่อยก็ถึงพระเจดีย์กลางน้ำของระยองแล้วอ่ะค่ะ
พระเจดีย์กลางน้ำระยอง มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังสูงประมาณ 10 เมตร แล้วก็ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำระยอง ซึ่งรายล้อมไปด้วยป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์นะคะ โดยเจดีย์นี้เนี่ยสร้างตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2416 ในสมัยพระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม หรือเกตุ ยมจินดา ผู้เป็นเจ้าเมืองระยองอ่ะค่ะ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อให้คนเดินเรือทราบว่าเมื่อเห็นเจดีย์นี้ คือเดินทางถึงเมืองระยองแล้วนะคะ แต่ด้วยความที่เจดีย์นี้อยู่คู่ชาวเมืองระยองมาเป็นเวลานับร้อยปี จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวระยอง และเป็นสิ่งที่ชาวระยองเคารพนับถือ กลางเดือน 12 ของทุกปี ก็เลยจะมีการจัดงานทอดกฐินและห่มผ้าเจดีย์กลางน้ำอ่ะค่ะ ^_^
และไม่ไกลจากพระเจดีย์กลางน้ำ ก็จะมีศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำและหอดูวิวเฉลิมพระเกียรติตั้งอยู่นะคะ
ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำเมืองระยองเช่นเดียวกับพระเจดีย์กลางน้ำอ่ะค่ะ ซึ่งที่นี่เนี่ยถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในเรื่องของระบบนิเวศป่าชายเลน และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติของชาวเมืองระยองนะคะ โดยตลอดเส้นทางเนี่ย เค้าก็จะมีการสร้างทางเดินเป็นไม้ระแนงยาว 400 เมตร เพื่อให้ประชาชน ผู้ที่สนใจ ได้เดินเข้าไปชมธรรมชาติได้ด้วยอ่ะค่ะ
โดยธรรมชาติรอบข้างระหว่างทางเดิน ก็จะมีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งต้นเล็กที่เพิ่งขึ้น ทั้งต้นใหญ่อายุนับร้อย ๆ ปีบ้างเน๊าะคะ ซึ่งต้นไม้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นต้นไม้ที่นิยมขึ้นในป่าชายเลน อย่างต้นโกงกาง ต้นแสมดำ ต้นแสมขาว ต้นโปรงขาว ต้นประสักดอกแดง ต้นโพทะเล อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ แล้วด้วยความที่ที่นี่มีต้นไม้เยอะมาก อากาศในนี้ก็เลยเย็นสบาย เดินเล่นชิว ๆ เป็นครึ่งค่อนชั่วโมง เหงื่อยังไม่ออกสักหยดเลยนะคะ เพราะนั้นใครอยากหาที่พักผ่อน อยากเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ ..... ลองมาที่นี่ดู รับรองไม่ผิดหวังค่ะ ^__^
แต่น่าเสียดายนิดนึง (จริง ๆ เสียดายมาก T__T) ตรงที่ว่าวันที่พิมไป มีเหตุบางอย่างทำขึ้นไปบนหอคอยไม่ได้ ก็เลยอดชมวิวสวย ๆ ของป่าชายเลนในมุมสูงเลยนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ระยองอยู่ใกล้แค่นี้ วันหลังว่าง ๆ ขับรถมาใหม่ก็ได้เน๊าะคะ ^_^
จากพระเจดีย์กลางน้ำ ตอนแรกพิมวางแผนเอาไว้ว่าจะตรงดิ่งไปเช็คอินที่พักคืนนี้เลย แต่คุณสามีบอกว่าเราแวะหาผลไม้สด ๆ ไว้สักหน่อยไหม เผื่อหิวตอนกลางคืนจะได้มีอะไรกินอ่ะค่ะ (แต่คุณเธอไม่เกินผลไม้นะ - -") เพราะนั้นพิมก็เลยบอกให้คุณสามีแวะตลาดตะพงก่อนนะคะ ซึ่งตลาดตะพงเนี่ยอยู่ในทางผ่านที่พิมจะไปที่พักพอดีเลยค่า
ตลาดตะพง หรือชื่อเต็มๆ ว่าตลาดกลางผลไม้เพื่อการเกษตรตะพง เป็นตลาดที่ตั้งอยุ่ริมถนนสุขุมวิท ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดระยองนะคะ ที่ตลาดนี้เนี่ยเมื่อสมัยก่อนตอนเค้าเปิดตลาดแรก ๆ (อย่าถามนะกี่ปีแล้ว เพราะคาดว่าถ้านับถ้วยนิ้วคงไม่พอแน่ ๆ ค่ะ T__T) มีขายแต่ผลไม้ตามฤดูกาล อย่างเงาะ ทุเรียน มังคุด ทุเรียน ลองกอง ลางสาด อะไรประมาณนี้นะคะ แต่ว่าปัจจุบันเนี่ย อาจจะเพื่อความหลากหลาย เพื่อการรองรับลูกค้ามากขึ้น ก็เลยมีการนำสินค้าอย่างอื่นเข้ามาขายเพิ่มด้วยอ่ะค่ะ
ซึ่งสินค้าที่นำเข้ามาขายเพิ่ม ก็จะมีทั้งอาหารสด อาหารสำเร็จ และอาหารทะเลแบบตากแห้ง ซึ่งถ้าเป็นอาหารทะเลตากแห้ง ส่วนใหญ๋ก็จะเป็นของที่ผลิตจากในจังหวัดระยองเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ปลาเค็ม ปลาหวานสามรส กะปิ น้ำปลา น้ำปลาปรุงรส หอยดอง ... อะไรพวกนี้มีหมดเลยอ่ะค่ะ
ส่วนของสด โดยส่วนใหญ่ก็จะมีเหมือนตลาดทั่วไปนะคะ แต่ที่พิมเห็นแตกต่างกว่าหน่อยก็คือ ตลาดที่นี่จะมีเนื้อปลาขูดสด ๆ ด้วยค่ะ ทั้งปลาอินทรี ปลาดาบ และก็ยังมีปลาอินทรีแช่น้ำปลาอีกด้วย (หั่นกันตรงนั้น แช่กันตรงนั้น) สนนราคาถ้าพิมจำไม่ผิด ก็อยู่ที่ประมาณขีดละ 40 บาทเท่านั้นค่า
แล้วนอกจากอาหารสด ของทะเลตากแห้งแล้ว เรื่องของผลไม้สดที่เป็นสินค้าดั้งเดิมของตลาดตะพงก็ยังมีอยู่เยอะเหมือนเดิมนะคะ ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงดิบ มะม่วงสุก สละเป็นช่อ สละแบบแกะเปลือกแล้ว สละลอยแก้ว เงาะ มังคุด ลองกอง รวมไปถึงทุเรียนหลากหลายพันธุ์อ่ะค่ะ
แต่ราคาโดยส่วนใหญ่... จะว่าไปแล้ว ก็แทบจะไม่แตกต่างจากตลาดนัดแถวบ้านพิมเลยนะคะ เพียงแต่จะมีความสดมากกว่า และความช้ำน้อยกว่า ส่งผลให้กินอร่อยกว่าก็เท่านั้นเองค่ะ ^^
และของดีอีกอย่างที่ตลาดตะพง ที่พิมว่าน่าสนใจมาก ก็คือทุเรียนทอดของกลุ่มแม่บ้านก้นหนองพัฒนานะคะ คือทุเรียนทอดที่อื่นเนี่ย เวลาเราไปซื้อเค้ามักจะใส่ถุงเอาไว้แล้วเน๊าะคะ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าทอดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทอดใหม่สดอย่างที่เค้าว่าจริง ๆ ไหมอ่ะ แต่ทุเรียนทอดของหมู่่บ้านนี้เค้าจะเอาทุเรียนมาหั่น และมาทอดสด ๆ กันให้เห็นที่ตลาดเลยจ้า แถมขายในราคาพอ ๆ กับทุเรียนทอดเจ้าอื่น ๆ ทั่วไปด้วย เพราะงั้นแล้วถ้าไปตลาดตะพงครั้งหน้า ลองดูทุเรียนทอดเจ้านี้นะคะ (ไม่ใช่หน้าม้าน๊า แค่ชอบเป็นพิเศษอ่ะค่ะ)
ส่วนถ้าใครไม่สะดวกแวะตลาดตะพง หรือรู้สึกว่าที่ตะพงมีตัวเลือกของพวกอาหารทะเล กับของจุ๊บจิ๊บพร้อมกินน้อยไป ก็สามารถมาจับจ่ายใช้เงินที่ #ตลาดบ้านเพ ได้ค่าา ^_^
ตลาดบ้านเพเป็นอีกตลาดนึงที่มีอายุตลาดเก่าแก่มากนะคะ สมัยพิมมาระยองใหม่ ๆ ตั้งแตเริ่มจำความได้ ที่ระยองนี่ก็มีตลาดบ้านเพแล้วอ่ะค่ะ แต่สมัยนั้นตลาดตลาดบ้านเพมีอยู่ตลาดเดียวนะคะ ขายพวกอาหารทะเลทั้งสดและแห้งเป็นหลัก แต่พอวันเวลาผ่านไปก็มีการขยับขยายตลาดให้ใหญ่มากขึ้น ก็เลยทำให้ตลาดบ้านเพกลายเป็นตลาดอาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้งที่พิมว่าใหญ่ที่สุดของจังหวัดระยองเลยอ่ะค่ะ
สิ่งที่ตลาดบ้านเพแตกต่างจากตลาดตะพงเอาที่พิมเห็นชัดก็มีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรกเลยคือ ตลาดบ้านเพส่วนที่เป็นตลาดเก่า ไม่ใช่แค่ตลาด แต่เป็นที่พักอาศัยของคนบ้านเพนะคะ ^_^ แถมบ้านที่อยู่ในตลาดเนี่ยก็จะเป็นบ้านไม้เก่าๆ เวลาพิมมาเดินทีไร ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปสมัยเด็กๆ ทุกที พิมก็เลยชอบตลาดบ้านเพตรงนี้แหละค่ะ
ส่วนอย่างสองคือ ตลาดที่นี่มีพวกของพร้อมกินอย่างทุเรียนทอด ผลไม้อบกรอบ ขนมคบเคี้ยว หมึกสารพัดรส และอาหารทะเลทั้งสดและแห้ง เช่น กุ้ง กั้ง ปู หมึก หอย ปลาอินทรีเค็ม ปลาทูเค็ม กุ้งแห้ง หอยแห้ง ฯลฯ มากกว่าตลาดตะพงนะคะ เพราะงั้นใครที่อยากซื้อของจำพวกนี้เยอะๆ พิมแนะนำให้มาตลาดบ้านเพเลยค่ะ แต่ถ้าซื้อน้อย ๆ ซื้อจากตลาดตะพง หรือตลาดสดในเมือง ก็พอๆ กันจ้า ^_^
จากตลาดบ้านเพ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังที่พัก พิมก็ขอแวะหาอะไรกินรองท้องสักนิดนะคะ ซึ่งตอนแรกพิมก็ไม่รู้อ่ะค่ะว่าจะไปกินร้านไหนดี เลยลอง search ดูใน google ก็พบว่าหลาย ๆ คนแนะนำก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ พิมก็เลยตัดสินใจลองมาทานดูอ่ะค่ะ
ร้านนี้เค้าชื่อว่าร้านก๋วยเตี๋ยวกั้งบ้านเพนะคะ แต่เอาจริง ๆ เค้าก็ขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารอย่างอื่นด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเต๊่ยวทะเล ก๋วยเตี๋ยวเนื้อปู ผัดไทกั้ง ผัดพริกเกลือทะเล มัสมั่น หมูผัดกะปิ หมูชะมวง และอื่น ๆ อีกมากมายนะคะ ส่วนสนนราคาของอาหารที่นี่ก็สูงกว่าร้านทั่วไปหน่อย ถ้าเป็นพวกก๋วยเตี๋ยวจะอยู่ที่ 100-200 แต่ถ้าเป็นอาหารจาน ๆ ก็จะอยู่ที่ 80-300 อ่ะค่า
จากร้านก๋วยเตี๋ยวกั้ง ก็ได้เวลาที่พิมจะเดินทางไปบ้านชานสมุทรโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นที่พักของพิมในคืนนี้แล้วอ่ะค่ะ
บ้านชานสมุทรโฮมสเตย์ เป็นโฮมสเตย์ที่อยู่แถว ๆ แม่น้ำประแสร์นะคะ แต่เดิมเนี่ยบ้านชานสมุทรเป็นบ้านของชาวประมงมากกว่า 30 ปีค่ะ ต่อมาพอชาวประมงเค้าเลิกกิจการ ก็เลยมีการปรับเปลี่ยนบ้านธรรมดา ให้กลายเป็นบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสชีวิตชาวประมงลุ่มน้ำประแสร์แทนนะคะ
พิมจำได้ว่าตอนที่พิมโทรมาติดต่อเรื่องห้องพัก เจ้าของชานสมุทรบอกพิมว่าที่ประแสร์เนี่ยไม่มีอะไรนะ ไม่มีห้าง ไม่มีร้านอาหารหรู ๆ ไม่มีผับเธค ไม่มีร้านกาแฟ ไม่มีร้านเบเกอรี่ ไม่มีที่เที่ยวใหญ่ๆ ดัง ๆ มีแต่ความเงียบสงบอย่างเดียวอ่ะค่ะ พิมก็เลยบอกว่านี่แหละคือสิ่งที่พิมกับคุณสามีต้องการนะคะ เพราะอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตก็วุ่นวายพออยู่แล้ว มีเวลาว่างมาเที่ยวมาพักผ่อน ก็อยากจะหาที่พักสงบ ๆ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และทำอะไรที่ไม่ค่อยได้ทำบ้างอ่ะค่ะ ^_^
บ้านชานสมุทรเป็นบ้านพักแบบโฮมสเตย์ที่เราไม่ต้องทำกิจกรรมอะไรร่วมกับเจ้าของบ้านนะคะ เพียงแต่เข้ามาพักผ่อนนอนหลับตามที่ชอบ โดยคิดซะว่าที่นี่เหมือนบ้านของญาติตัวเอง เครื่องดื่มอาหารทุกอย่างบริการตัวเอง (แต่ไม่รบกวนเจ้าของบ้าน) ..... ก็เท่านั้นเองค่ะ ^_^
บ้านชานสมุทรมีที่พักทั้งหมด 4 ประเภท คือแบบ 2 คน 4 คน 5 คน และ 8 คนนะคะ ซึ่งราคาห้องพักของที่นี่ก็จะรวมค่าอาหารเช้า (ข้าวต้มทะเล) ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนอาหารมื้ออื่นๆ หากเพื่อนๆ ไม่ได้ออกไปทานข้างนอก ก็สามารถสั่งทานได้ที่นี่เลยอ่ะค่ะ
เมื่อเอาข้าวของเก็บเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เพลียหน่อย ๆ เพราะเมื่อเช้าตื่นแต่เช้า พิมกับคุณสามีก็เลยแอบงีบไปประมาณ 20 นาทีค่า และพอตื่นมาก็ได้เวลาที่จะไปชมทุ่งโปรงทองพอดีเลยค่ะ
พิมเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินหรือเคยได้เห็นภาพทุ่งโปรงทองที่จังหวัดระยองกันมาบ้างแล้วนะคะ พิมก็คนนึงล่ะ จำได้ว่าตอนเห็นครั้งแรกนี่ถึงกับร้องโอ้โหเลยค่า และก็บอกกับตัวเองว่าสักวันพิมจะต้องมาที่นี่ให้ได้นะคะ
ทุ่งโปรงทอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่อยู่ในบริเวณปากน้ำประแสร์ ในอำเภอแกลางเน๊าะคะ ซึ่งแต่เดิมเนี่ยชาวบ้านในแถบนี้เค้าจะมีอาชีพทำประมง ทำการเกษตร เลี้ยงกุ้ง ทำสวนผลไม้ แต่ทำแบบไม่ได้ใส่ใจธรรมชาติ จนทรัพยากรธรรมชาติและป่าชายเลนแถวนี้ถูกทำลายเสื่อมโทรมลงอย่างมาก ทางเทศบาลปากน้ำประแสร์ก็เลยร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่่ช่วยกันพัฒนาและฟื้นฟูป่าชายเลนแห่งนี้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมอ่ะค่ะ
นอกจากการฟื้นฟูแล้ว ทางเทศบาลและชาวบ้านก็ยังได้ร่วมกันสร้างสะพานศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางประมาณ 2 กม. ไว้ให้ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาและเดินชมธรรมชาติ ความงามของทุ่งโปรงทองนะคะ
พูดถึงเรื่องการเข้าชมทุ่งโปรงทองแล้ว หลายคนที่ได้เข้าไปทุ่งโปรงทอง บางทีอาจจะไม่ได้เห็นทุ่งโปรงเป็นสีทองก็ได้นะ เพราะว่าแต่เดิมเนี่ยต้นโปรงจะมีใบสีเขียวอมทองค่ะ ดังนั้นหากเราเข้าไปชมทุ่งโปรงทองในช่วงเช้า เราก็จะเห็นทุ่งโปรงเป็นสีเขียวสดใสนะคะ แต่ถ้าเข้าชมทุ่งโปรงหลังบ่าย ก็จะได้เห็นทุ่งโปรงเป็นสีทองค่ะ แต่ถ้าเข้าชมช่วงสัก 4.30-5.30 โมงเย็น ก็จะเห็นทุ่งโปรงทองเป็นสีเขียวอมทองแบบที่พิมเห็นนี่นะคะ
นอกจากกิจกรรมเดินชมทุ่งโปรงทองแล้ว ที่นี่เค้าก็ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมหิ่งห้อยตามลำคลองแสมอีกด้วยนะคะ ซึ่งกิจกรรมชมหิ่งห้อยเนี่ย จะมีในช่วงตอนกลางคืน ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไปแล้วสนใจ ก็สามารถติดต่อได้ที่ชาวบ้านตรงบริเวณปากทางเข้าทุ่งโปรงทองได้เลยจ้า (ลำละ 400 บาท ต่อเที่ยว ไม่เกิน 8 คน)
จากทุ่งโปรงทอง เราแวะไปชมอนุสรณ์เรือรบประแสร์กันสักหน่อย ก่อนแวะไปหาข้าวเย็นทานนะคะ
#อนุสรณ์เรือรบประแสร์ ถือได้ว่าเป็นแลนมาร์คสำคัญของปากน้ำประแสร์เลยค่ะ ในอดีตสมัยปี 2494 เรือรบหลวงประแสร์ลำนี้ได้เข้ามาประจำการในกองทัพเรือไทยนะคะ โดยมีหน้าที่หลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นบรรทุกน้ำมัน รักษาอาณาเขต คุ้มกันเรือลำอื่น และเป็นเรือรบของกองทัพเรือไทยอ่ะค่ะ จนกระทั่งปี 2543 เรือรบประแสร์ทรุดโทรมลงมาก เนื่องจากถูกใช้งานอย่างหนัก จนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ก็เลยถูกปลดประจำการนะคะ และหลังจากนั้นไม่นานประมาณปี 2546 ทางเทศบาลตำบลประแสร์ ได้มีโครงการก่อสร้างอนุสรณ์เรือรบประแสร์ เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยมีการเคลื่อนย้ายเรือรบประแสร์มาตั้งแสดงไว้ที่นี่จนถึงปัจจุบันอ่ะค่า ^^
ที่อนุสรณ์เรือรบประแสร์แห่งนี้ นอกจากจะเปิดให้คนได้เข้าชมบริเวณรอบ ๆ แล้ว ด้านบนและด้านในเรือรบก็ยังเปิดให้เข้าชมด้วยนะคะ ทั้งห้องบัญชาการเรือด้านบนสุด ทั้งอาวุธประจำเรือต่างๆ นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถจับต้องได้ทั้งหมดเลยอ่ะค่ะ ^_^
และหลังจากที่เดินชมความงามของทุ่งโปรงทอง ความอลังการของเรือรบประแสร์แล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะไปหาข้าวมื้อเย็นทานกันล่ะนะคะ ซึ่งมื้อนี้พิมก็ขอฝากท้องไว้ที่ร้านครัวย่าฉิม ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ชาวบ้านแถวนี้บอกพิมว่าทำแกงส้มผักกระชับ และผัดผักกระชับ ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านของจังหวัดระยองได้อร่อยที่สุดร้านนึงเลยค่า
สำหรับอาหารจานแรกที่พิมสั่งไปวันนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นแกงส้มผักกระชับ เน๊าะคะ ... แต่จะว่าไงดีล่ะ คือก่อนหน้านี้พิมไม่เคยกินผักกระชับมาก่อนเลยอ่ะค่ะ จินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำว่ารสชาติเป็นยังไง จนมาได้กินผักกระชับที่ครัวย่าฉิมในวันนี้ อยากบอกว่าเป็นผักที่อร่อยสมกับการตามมากินที่ระยองจริง ๆ เลยนะคะ
ผักกระชับเป็นผักที่มีความกรอบและความเหนียวนิดๆ รวมทั้งความซ่าหน่อยๆ ในตัวของมันเองอ่ะค่ะ ซึ่งคุณป้าที่ครัวย่าฉิมได้เล่าให้พิมฟังว่า ผักกระชับเหมือนผักกระเฉด เวลาเอาไปทำให้สุก อย่าใช้เวลานาน ไม่งั้นมันจะเหนียวนะคะ เพราะงั้นแล้วเวลาเอาผักกระชับมาทำแกงส้ม ก็ตั้งน้ำแกงส้มให้เดือดจัดก่อน แล้วค่อยใส่ผักกระชับลงไป คน ๆ ให้เข้ากัน 2-3 ที ก็ปิดไฟเตาได้เลย แกงส้มผักกระชับถึงจะอร่อยเหมือนที่ครัวย่าฉิมทำให้กินอ่ะค่า ^_^
ถัดจากแกงส้มผักกระชับ (ซึ่งคุณสามีพิมกินไม่เป็น - -") พิมก็ขอสั่งหมึกผัดไข่เค็มมาลองต่อนะคะ เพราะพิมอยากรู้ว่าอาหารทะเลของที่นี่จะสดเหมือนกับที่โฆษณาไว้ไหมอ่ะค่ะ ซึ่งหลังจากที่พิมได้ชิมแล้วก็อยากจะบอกว่าหมึกของเค้าสดดีจริง ๆ นะคะ เด้งสู้ฟัน และมีความหวาน สมเป็นหมึกสดจริง ๆ อ่ะค่ะ ส่วนรสชาติก็กลมกล่อม ผัดมาได้เค็มหอมกำลังอร่อย เสียอย่างเดียวคือ น้ำมันเยอะไปนิ๊ดดด ถ้าลดปริมาณน้ำมันลงนี่เพอร์เฟคเลยค่า
ส่วนจานที่ 3 ก็เป็นเมนูโปรดอีกเมนูของคุณสามีพิม นั่นก็คืออส่วนหอยนางรมนะคะ .... เมนูนี้ที่นี่ทำออกมาได้ดีเลยอ่ะค่ะ คือข้างนอกจะกรอบหน่อย แต่ข้างในจะยังนุ่ม ๆ อยุ่ เวลากินคู่กับน้ำจิ้มที่ทางร้านจัดมาให้ เข้ากันดีเลยค่า
ส่วนจานสุดท้ายเป็นอีกจานที่หลาย ๆ คนบอกว่ามาร้านครัวย่าฉิมจะพลาดไม่ได้ นั่นก็คือ ผักกระชับผัดน้ำมันหอยนะคะ .. เมนูนี้เนี่ยถือได้ว่าเป็นเมนูปราบเซียนเลยค่ะ เพราะผักกระชับเป็นผักที่สลดง่าย ดังนั้นจะผัดยังไงให้ผักสุกกำลังดี ไม่สลดเกิน เพราะถ้าสลดเกิน ผักก็จะเหนียว เคี้ยวไม่อร่อยนะคะ ซึ่งร้านครัวย่าฉิมก็ทำออกมาได้ดีมาก ผักกระชับสุกกำลังดี มีความกรอบ หอม สมกับเป็นร้านที่ชาวบ้านแถวนี้บอกว่าทำกับข้าวอร่อยมากร้านนึงเลยอ่ะค่ะ
และหลังจากที่อิ่มหมีพีมันกับร้านครัวย่าฉิมไปแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำอาท่าและพักผ่อนล่ะค่า ...แล้วพรุ่งนี้พิมจะไปเที่ยวไหน ไปกินอะไรอร่อย ๆ เด็ด ๆ vud ก็อย่าลืมติดตามชมพิมกันต่อนะคะ ส่วนวันนี้ราตรีสวัสดิ์ค่า ^^