หลาย ๆ คนที่ติดตามครัวบ้านพิมมา อาจจะรู้ว่าบ้านพิมมีสวนผลไม้พวกเงาะ มังคุด ลองกอง ทุเรียนอยู่ที่จันทบุรี ซึ่งพิมก็เคยพาเพื่อน ๆ ไปดูกันหลายครั้งแล้วเน๊าะคะ ^_^
มาวันนี้พิมจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวจันทบุรีกันอีกสักรอบค่ะ แต่จะพาไปเที่ยวที่อื่นแทนนะคะ ไม่ว่าจะสวนผลไม้ น้ำตก ทะเล ชุมชนริมน้ำ ตลาดสด ตลาดแห้ง สถานที่แสดงสัตว์น้ำ (ที่ไม่เสียตังค์เข้าสักบาท แต่ปลาเยอะมากกกก) พิมจะพาไปให้ทั่วเลยค่า และที่ขาดไม่ได้ พิมจะพาไปกินอาหารอร่อย ๆ อาหารที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอาหารประจำถิ่นอย่าง #ข้าวคลุกพริกเกลือ #ต้มกระวาน #มัสมั่นทุเรียน #หมูชะมวง #แกงป่าแสนตุ้ง #ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง กันอย่างแน่นอนค่ะ ...... พร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋า ตามพิมมาเลยจ้า
ทริปนี้ของพิมกับคุณสามี เราออกเดินทางกันแต่เช้าเลยค่ะ แบบว่าเช้ามากกก 8 โมงกว่า ๆ ฮาาา - -" (คือตื่นสายนะคะ ไม่มีอะไรมากเลย >_<) หลังจากขับรถออกมาจากบ้านนิดนึง พิมก็แวะกินข้าวที่ร้านประจำกันก่อน แล้วก็ตรงดิ่งไปจันทบุรีเลยค่ะ ซึ่งระหว่างทาง ถนนนี่โล่งมาก และท้องฟ้าก็สดใสมาก เหมือนเป็นใจให้ทริปนี้ของพิมเลยนะคะ
จากบ้าน พิมใช้เวลาเกือบ ๆ 4 ชม. ก็ขับรถมาถึงที่หมายแรกของพิมในวันนี้ ก็คือ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและป่าชายเลนคุ้งกระเบน ค่ะ
เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าพิมมาทำไมที่ศูนย์ศึกษาฯ อ่าวคุ้งกระเบน คือถ้าเรามองเผิน ๆ เนี่ย ศูนย์อ่าวคุ้งกระเบน ก็เหมือนไม่มีอะไรเลยนะคะ แต่ในความไม่มีอะไรนั่นแหละค่ะ มันมีอะไรเยอะมาก
พิมเป็นคนชอบพื้นที่ ๆ มีสีเขียวของต้นไม้นะคะ สังเกตุได้จากที่บ้านพิมนี่ต้นไม้รกจนแทบจะเหมือนป่าเลย >_<" พอมาต่างจังหวัดพิม ถ้าเป็นไปได้ สถานที่ ๆ พิมจะต้องไปที่แรกๆ เลยคือคือที่ ๆ มีป่ามีต้นไม้เยอะๆ อ่ะค่ะ เพราะดูแล้วรู้สึกสบายตาสบายใจดี สมกับคำว่ามาเที่ยวและพักผ่อนเน๊าะคะ
และที่ศูนย์ฯ อ่าวคุ้งกระเบนนี่นอกจากจะเป็นป่าชายเลนที่มีขนาดใหญ่กว่า 200 ไร่แล้ว ก็ยังมีสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในป่าเกือบๆ 2 กม. ให้เราได้เดินเข้าไปดูต้นไม้ใหญ่ ๆ อย่าง แสม ลำพู (ที่หิ่งห้อยชอบ) โกงกาง เสม็ด ไปดูสัตว์น้ำตัวเล็กตัวน้อยอย่าง ปู ปลา แมงดาทะเล ที่มักจะอยู่ตามโคนต้นไม้ที่น้ำแฉะๆ อีกด้วยนะคะ เรียกว่าทั้งสบายตาสบายใจ ได้ความรู้ และได้ความเพลิดเพลินมากๆ เลยอ่ะค่ะ ^_^
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนนี่ ทำให้ครั้งนึงเมื่อนานมาแล้วเคยมีพะยูนมาอาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวนี้ด้วยนะคะ ^_^ แต่อาจจะเพราะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป สภาพท้องทะเลเปลี่ยนไป (ในทางแย่ลง) ช่วงระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมาพะยูนก็เลยอพยพย้ายกันไปอยู่ที่อื่น จนต้องมีการสร้างรูปปั้นพะยูนไว้แทนค่ะ - -" จนเมื่อมีการพัฒนาปรับปรุงดูแลอ่าวคุ้งกระเบนและป่าชายเลนบริเวณมากขึ้น จนทะเลและป่ากลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ก็เลยได้ข่าวแว่ว ๆ มาจากเจ้าหน้าที่ที่อ่าวคุ้งฯ ว่า ตอนนี้เริ่มมีพะยูนว่ายกลับเข้ามาแทะเล็มหญ้าทะเลในบริเวณนี้อีกครั้งแล้วอ่ะค่า แบบว่าแค่ได้ฟัง ยังไม่ทันได้เห็นตัว พิมก็ดีใจแล้วนะคะ เพราะอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีอ่ะค่ะ ^_^
และสำหรับคนที่ชอบดูนก ชอบดูวิวมุมสูง ที่ศูนย์ฯ อ่าวคุ้งกระเบน ก็ยังมีหอสูงที่เรียกว่า หอดูเรือนยอดไม้ ไว้ให้เราเดินขึ้นไปดูนกชมวิวอีกด้วยนะคะ
พอนี้เนี่ยทำจากไม้ล้วน ๆ สูงประมาณ 15 เมตรค่ะ และก็มีบันไดแบบบันไดเวียน มีจุดให้นั่งพักเป็นระยะ ๆ และพอถึงด้านบนสุด ก็จะเป็นระเบียงทรงห้าเหลี่ยม พร้อมที่นั่งไว้ให้ชมวิวละชมนก ซึ่งมีมากกว่า 150 ชนิดเลยนะคะ แบบว่านกเยอะมากค่าา
แต่น่าเสียดายตอนที่พิมไปเป็นช่วงเที่ยง น้ำก็เลยยังไม่ขึ้น ก็เลยจะเห็นทะเลเป็นทรายขาว ๆ เน๊าะคะ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากไปดูวิวทะเลมุมสูง แบบน้ำทะเลเต็ม ๆ แนะนำให้ไปช่วยบ่ายแก่ๆ ถึงช่วงเย็นแทนค่า
ถัดจากศูนย์ฯ อ่าวคุ้งกระเบนมาไม่ไกล ประมาณสัก 300 เมตร (เดินเอาก็ถึงเน๊อะ แต่นั่งรถมาดีกว่าค่ะ เพราะร้อน - -") ก็จะมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำประจำจังหวัดจันทบุรี ที่เรียกกันว่าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบ พระชนมพรรษาอยู่นะคะ
ซึ่งที่นี่เนี่ย ก็จะเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่อยู่ในทะเลท้องถิ่นและทะเลใกล้เคียงกับอ่าวคุ้งกระเบนนะคะ (เกือบทั้งหมดจะเป็นปลา) มีทั้งปลาทะเลแบบสวยงาม อย่างปลาการ์ตูน ปลาสินสมุทร ปลาสิงโต และปลาทะเลที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ (หรือแปลง่าย ๆ ว่าปลาที่นิยมจับมากิน) อย่าง ปลากะพงขาว ปลากะพงแดง ปลากระเบน และปลาเก๋าอ่ะค่ะ ^^
สถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้เนี่ย จากที่พิมเคยไปมาเกือบ 10 ครั้งแล้วในรอบหลายปีที่ผ่านมา และจากการเทียบกับสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำอื่นๆ ในเมืองไทย พิมบอกเลยค่ะว่าที่นี่ไม่ใหญ่ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ที่นี่มีปลาให้ดูไม่เยอะมาก ประมาณสักเกือบๆ 40 ตู้ แต่ทุกตู้มีปลาหมดเลยอ่ะค่ะ แล้วก็มีคำอธิบายสั้น ๆ ให้พอเข้าใจเกี่ยวกับปลาชนิดนั้น ๆ แปะอยู่บนเหนือตู้แต่ละตู้ด้วย เรียกว่าให้ดูเพื่อความเพลิดเพลิน แล้วยังได้ความรู้เพิ่มด้วยนะคะ ที่สำคัญ ..... ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าดูเลยสักบาทค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ดูเสร็จแล้ว อยากช่วยค่าน้ำค่าไฟ ค่าดูแลรักษาตู้ รักษาปลา คนละสักสิบยี่สิบบาท เพื่อน ๆ ก็สามารถหยอดใส่กล่องที่อยู่ใกล้ ๆ ประตูทางออกก็ได้ค่า ^_^
วันอังคาร – วันศุกร์ เปิดปิด 08.30 – 16.30น. วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดปิด 08.30 – 17.30น. และจะปิดทุกวันจันทร์ แต่ถ้าจันทร์ไหนเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็จะเปิดให้บริการ และค่อยปิดให้บริการในวันถัดไปจ้า
และนอกจากปลาเป็นๆ แล้ว ก่อนจะถึงประตูทางออกก็ยังมีพิพิธภัณฑ์เปลือกหอยขนาดเล็กๆ ไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ชมความงามของเปลือกหอยหลากหลายชนิดอีกด้วยนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่ขอบอกเลยว่า พิมและเพื่อนๆ ไม่เคยเห็นกันมาก่อนแน่นอนค่ะ บางชนิดทรงเดียวกันเป๊ะ ๆ แต่ลายต่างกันสุด ๆ ก็มี บางชนิดเปลือกหอยสีคล้าย ๆ กัน ทรงเปลือกก็คล้ายๆ กัน แต่เป็นหอยต่างพันธุ์กันก็มี ....... หากใครที่ชอบรูปทรงชอบความสวยงามของเปลือกหอย ลองไปดูกันได้เลนยะคะ ไม่เสียค่าเข้าชมเช่นกันจ้า ^_^
หลังจากเดินชมความงามในป่าโกงกาง เดินชมความสวยงามของปลาในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันมากว่า 2 ชม. พิมกับคุณสามีก็เริ่มหิวแล้วค่ะ - -" เพราะนั้นได้เวลาเดินทางไปหาของอร่อย ๆ ทานล่ะจ้า
สำหรับมื้อแรกที่จันทบุรี ... พิมก็ขอฝากท้องไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านนอกสูตรโบราณนะคะ ซึ่งร้านนี้เนี่ยจะอยู่ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดจันทบุรี และอยู่ในละแวกที่เราจะต้องขับรถผ่านไปยังที่พักของเราในคืนนี้ด้วยอ่ะค่ะ ^_^
ก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้เนี่ย หลัก ๆ จะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวทะเล ที่รสชาติแบบบ้าน ๆ โบราณ ๆ นิดนึงนะคะ ตอนแรกพิมเองก็ไม่ได้สนใจจะมาที่นี่เลยค่ะ ตั้งใจว่าจะมากินอาหารทะเล ๆ และอาหารพื้นบ้านของจันทบุรีแต่เพียงอย่างเดียว แต่คิดไปคิดมา มาจันทบุรีตั้ง 3 วัน 8-9 มื้อ ลองหาอาหารแนวอื่นกินบ้างก็น่าจะดีนะคะ จะได้ไม่เบื่อของทะเลไปซะก่อนอ่ะค่ะ ^^"
และหลังจากพิมสอบถามเพื่อนในเฟส สอบถามเจ้าถิ่น ค้นหาข้อมุลจากใน google บ้าง ก็พบว่า ร้านนี้แหละค่ะ เป็นอีกร้านอาหารร้านนึงในจันทบุรีที่น่าสนใจมาก เพราะว่าอร่อยและราคาไม่แพง ที่สำคัญ มีอาหารพื้นถิ่นของจันทบุรี ก็คือ ข้าวคลุกพริกเกลืออยุ่ด้วยค่า ^_^
ชามแรกที่พิมสั่งมา เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูแบบดั้งเดิมของทางร้านเลยนะคะ จะใส่หมูแดง หมูสับ กุ้งแห้ง และก็บะหมี่ทอดกรอบ (เดาเอาว่าน่าจะแทนแผ่นเกี๊ยวกรอบ) รสชาติน้ำซุปนุ่มนวลกลมกล่อม กินเพลิน ๆ แป๊บเดียวหมดชามเลยค่ะ
ส่วนชามที่สองของคุณสามีพิม เป็นก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำทะเลนะคะ ซึ่งพอได้ชิมแล้วอยากบอกว่าชามนี้ทะเล๊ทะเลจริง ๆ เลยค่ะ รสชาติน้ำซุปนัว ๆ หมึก กุ้ง กั้งก็สดมาก แถมลวกมาแบบสุกกำลังดี ไม่แข็งไป ไม่นิ่มไป รวม ๆ แล้วอร่อยไม่แพ้ชามแรกเลยค่า
และก็ถึงทีเด็ดของร้านนี้ก็คือข้าวคลุกพริกเกลือ ที่มาพร้อมกับน้ำพริกเกลือและน้ำซุปกระดูกหมูนะคะ ข้าวที่นี่เค้าจะใช้เป็นข้าวหอม แต่ไม่นิ่มมาก เอาข้าวสวยไปคลุกกับน้ำพริกเกลือก่อนเพื่อให้ข้าวมีรสชาติ แล้วค่อยตักใส่จาน โปะด้วยของทะเล อย่างหมึก กุ้ง กั้ง และไข่ต้ม เวลาทานก็ทานแบบนี้เลยก็ได้ หรือถ้าใครชอบแซ่บมากหน่อยอย่างพิม ก็เทน้ำพริกเกลือที่เค้าเตรียมมาให้ราดลงไปในข้าวได้อีกเลยค่า รับรองอร่อย ^^
กินกับพอหอมปากหอมคอไป 3 จาน (เหรออออ..อ.อ) เช็คบิลไปเรียบร้อย 200 กว่าบาท ก็ได้เวลาไปเช็คอินที่พักแล้วล่ะค่า ซึ่งวันนี้ช่วงหัวค่ำพิมมีโปรแกรมจะไปดูสวีทกับคุณสามีแถวริมน้ำจันทบูร (แต่คุณสามีจะอยากสวีทด้วยไหมนี่อีกเรื่องนะคะ - -") ก็เลยจองที่พักไว้แถมริมน้ำ ใกล้ ๆ กับโบส์พระแม่มารีอา ที่เวลาใครๆ ไปจันทบุรี ก็มักจะแวะไปชื่นชมความงามของโบสถ์อ่ะค่ะ
แต่ด้วยความที่ที่พัก เค้าไม่มีที่จอดรถนะคะ พิมก็เลยต้องมาจอดที่ใกล้ ๆ โบสถ์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของที่พัก ตอนแรกก็หวั่นใจอยู่ในเรื่องความปลอดภัย แต่เจ้าของที่พักก็บอกว่าจอดแถวนี้ปลอดภัย ยังไม่มีปัญหาเรื่องขโมยขโจร ก็เลยโอเคค่ะ ^_^ (ปกติถ้าพิมขับรถเที่ยว พิมจะไม่ค่อยจองที่พัก ที่ไม่มีที่จอดรถนะคะ เพราะกลัวรถหาย รถถูกงัดแงะบ้าง แต่ที่นี่เค้ารับประกันค่ะ)
จากจุดจอดรถที่โบสถ์ เราเดินข้ามสะพานมานิ๊ดดดนึง แล้วก็เลี้ยวขวา ก็จะเจอที่พักของเราในคืนนี้แล้วนะคะ #แอทริมน้ำจันท์โฮสเทล ค่า
พูดถึงที่พักในละแวกริมน้ำจันทบูรแล้วเนี่ย พิมอยากจะบอกว่ามีหลายที่มากเลยนะคะ ตั้งแต่โรงแรมเกษมศานติ์ บ้านหลวงราชไมตรี โรงแรมท่ามาจัน บ้านจันเก้าโฮมสเตย์ และโรงแรมเคพีแกรนด์ค่ะ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีทั้งแบบที่สร้างมานาน แบบที่เพิ่งสร้างใหม่ดูชิค ๆ กิ๊บเก๋ เหมาะกับการถ่ายรูปโชว์ลงเฟสลงอินสตราแกรม แบบหน้าตาทันสมัย แล้วก็ยังมีแบบบ้านตึก และแบบบ้านไม้อีกด้วยนะคะ แต่ว่าสาเหตุที่พิมเลือกที่นี่ หลัก ๆ เลยคือใกล้โบสถ์ มีความชิค มีความเก๋ และมีที่ใกล้ ๆ ให้จอดรถได้ค่ะ ^_^
แต่เอาจริงไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองกับที่นี่เลยสักกะรูป ฮ่ะๆ
แต่ข้อเสียสองอย่างของที่นี่ ด้วยความที่เค้าเป็นบ้านเก่าแก่ที่เป็นบ้านไม้มาก่อน ฝาผนังก็เลยมีร่องเยอะอย่างที่เห็นในภาพนะคะ พอเปิดแอร์ แอร์ก็เลยไหลออก พอปิดประตูปิดหน้าต่างห้องก็เลยร้อนไปนิดนึง (พิมเป็นคนขี้ร้อน) จนต้องขอพัดลมมาช่วย ซึ่งเจ้าของที่พักเค้าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กุลีกุจอไปหาพัดลมตัวใหญ่มาให้ และพอได้พัดลมมา ทุกอย่างก็โอเคค่ะ ^_^
ส่วนอีกเรื่องนึงคือเรื่องเสียงดังนะคะ ด้วยความที่โฮลเทลนี่อยู่ในชุมชน+ติดถนน และเป็นโฮลเทลที่ห้องไม่ได้เก็บเสียง ไม่ได้กั้นเสียงเข้า ตลอดเวลาที่นอนเล่นตั้งแต่เย็นจนถึง 3-4 ทุ่ม ก็เลยจะได้ยินเสียงคนคุยกัน เสียงมอเตอร์ไซด์ เสียงอะไรต่อมิอะไรแบบชัดเจนเลยอ่ะค่ะ เพราะงั้นใครที่ชอบความเงียบ พิมแนะนำให้ไปหาที่พักแบบโรงแรมอย่างโรงแรมเกษมศานติ์ หรือโรงแรมเคพีแกรนด์จะดีกว่านะคะ แต่ถ้าต้องการอารมณ์แบบโฮลเทล แบบเป็นชุมชน เดินไปไหนมาไหนสะดวก มีร้านขายของกินจุบจิบหลายทางมากมาย พิมก็แนะนำเป็นโฮลเทล หรือโรงแรมที่พักอย่างท่ามาจัน บ้านหลวงราชไมตรีเลยค่ะ ^^
ปล. มุ้งเป็นพร๊อบนะคะ เอาจริง ไม่มียุงเลยจ้า
หลังจากเราเก็บของเข้าที่พักกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปเดินเล่นชมวิวยามเย็นภายในชุมชนริมน้ำจันทบูรแล้วค่ะ (เป็นเวลาที่รอคอยมากๆ ฮ่าๆ)
ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนริมแม่น้ำจันทบุรีที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปีเลยนะคะ O_O ชุมชนนี้เป็นชุมชนที่ชาวจีนและชาวญวน อพยพเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชอ่ะค่ะ ซึ่งในสมัยก่อนเนี่ยจุดนี้ถือได้ว่าเป็นทำเลทองของการค้าในเมืองจันทบุรีเลยนะคะ โดยเฉพาะในช่วงรัชกาลที่ 3 จนถึงรัชกาลที่ 5 ถือได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองสุดๆ ของเมืองจันทบุรีเลยก็ว่าได้อ่ะค่ะ เพราะในสมัยนั้น แต่ละวันจะมีพ่อค้าชาวจีนเดินทางหลั่งไหลมารับสมุนไพร เช่น กระวาน พริกไทย เครื่องเทศต่างๆ ไปขาย ขณะเดียวกันพ่อค้าเหล่านี้ก็นำผ้าไหมและสิ่งของจากจีนเข้ามาขายคนไทยด้วยนะคะ ต่อมาเมื่อเดินทางทางบกมีการพัฒนามาขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น ประกอบกับมีการขยายเมือง ท่าเทียบเรือบริเวณชุมชนริมน้ำจันทบูรก็เลยถูกลดบทบาทลง เหลือเป็นแค่เพียงเมืองท่าที่รุ่งเรืองในอดีตเท่านั้นเองอ่ะค่ะ
เล่าถึงเมืองจันทบูรกันไปแล้ว พิมก็อยากจะเล่าถึงผู้คนที่อยู่ในชุมชนริมน้ำจันทบูรบ้างนะคะ ^^ ผู้คนที่อยู่ในชุมชนริมน้ำจันทบูรเนี่ยจะว่าไปมีทั้งไทย จีน และญวนเลยค่ะ แต่ว่าแม้จะหลากหลายเชื้อชาติ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนนี้เค้าแตกต่างกันเลยนะคะ ตรงกันข้าม คนในชุมชนนี้กลับใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มีอะไรก็พึ่งพาอาศัยกัน ไปไหนมาไหนก็ทักทายกันเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันตลอดเลยอ่ะค่ะ
ชุมชนแห่งนี้เนี่ย จะว่าไปเค้าแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันนะคะ ก็คือ ย่านท่าหลวง ย่านตลาดกลาง และย่านตลาดล่างค่ะ ซึ่งแต่ละย่านก็มีความน่าสนใจต่างกันเน๊าะคะ
อย่างย่านท่าหลวง (ฝั่งที่อยู่ติดกับถนนท่าหลวง) ... ในอดีตจะเป็นท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ค่ะ เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการในสมยนั้น ก็เลยมีรูปแบบอาคารคล้ายๆ กัน และอาคารเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนมาเป็นบ้านเรือนที่พักอาศัย จนในปัจจุบันบางหลังเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารสำหรับให้นักท่องเที่ยวเข้ามานั่งทานอาหาร และซึมซับความเป็นบ้านโบราณในสมัยเก่าไปด้วยอ่ะค่ะ
ส่วนย่านถัดมาจากย่านท่าหลวง ก็จะเป็นย่านตลาดกลาง .... ในอดีตย่านนี้ จะเป็นย่านที่มีตึกและอาคารพาณิชย์สูงใหญ่ เพราะสมัยก่อนย่านนี้คือศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างคนไทยกับคนจีนเลยนะคะ มีท่าเรือเล็กสำหรับขนของขึ้นลงหลายท่า แต่เมื่อสักประมาณปี 2533 เกิดเหตุไฟไหม้ ปัจจุบันก็เลยมีการสร้างตึกใหม่ทดแทนเข้าไป แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ไว้ให้คล้ายๆ แบบเดิมอ่ะค่ะ
ส่วนย่านสุดท้ายของชุมชนริมน้ำจันทบูร ก็คือย่านตลาดล่างนะคะ ...... ในสมัยก่อนเนี่ย บริเวณนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่าจุดขายของค่ะ แต่ละบ้านก็เลยมีการปลูกสร้างตามฐานะของผู้อยู่ เช่น บ้านคหบดี ร้านขายยาจีนร้านแรกของเมืองจันทบุรีนะคะ ^_^
เล่าถึงชุมชนริมน้ำจันทบูรไปก็เยอะแล้ว ต่อไปพิมจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปหาของอร่อย หาของกินพื้นถิ่นของจันทบุรีที่มีขายอยู่ในชุมชนนี้กันบ้างดีกว่าอ่ะค่ะ
เริ่มแรกกันที่ขนมไข่ป้าไต๋ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักพิมไม่ถึง 30 ก้าวเดินนะคะ ขนมไข่ป้าไต๋เป็นขนมไข่ที่มีอายุมากกว่า 60 แล้วค่ะ ขนมไข่ของป้าจะทำกันแบบสดใหม่ทุกวัน ใครที่ชอบขนมไข่แบบกรอบนอกนุ่มใน ลองมาชิมขนมไข่ป้าไต๋ รับรองติดใจอย่างแน่นอนเลยนะคะ ที่สำคัญป้าไต๋ขายไม่แพง ถุงละ 20 บาทเองค่า ^_^
จากร้านป้าไต๋ เดินมาทางขวาประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอกับร้านขนมไทยร้านแม่กิมเชียนะคะ ขนมไทยที่ร้านนี้จะเป็นขนมไทยแบบแห้ง ๆ ที่เก็บได้หลายวัน อย่างขนมทองเอก ขนมจ่ามงกุฎ กล้วยหักมุกฉาบเค็ม กล้วยหักมุกฉาบหวาน ขนมเสน่หจันทร์ และขนมโก๋ประมาณนี้อ่ะค่ะ
สำหรับขนมที่พิมอยากแนะนำมาก ๆ ก็คือ ขนมโก๋นะคะ เพราะเป็นขนมที่พิมชอบมาก ๆ ครั้งแรกที่พิมมาเดินเที่ยวที่นี่ และเห็นขนมโก๋ของร้านนี้ก็ซื้อไปแบบไม่คิดอะไร 4 ห่ออ่ะค่ะ ปรากฎว่าพอได้ชิมไปคำแรกคำเดียวเท่านั้น ...... 4 วันที่อยู่จันทบุรี พิมกินคนเดียวหมดทุกห่อเลยค่ะ >_< พอวันจะกลับก็เลยกะจะแวะมาซื้ออีกที ปรากฎหมดจ้า และจากที่ได้กินมาประมาณ 4-5 ครั้ง รสชาติหนมโก๋ของแม่กิมเชียเป๊ะๆ เหมือนเดิมทุกครั้ง อร่อยทุกครั้ง เพราะนั้นใครที่มาเดินเล่นที่นี่ อย่าลืมแวะซื้อหนมโก๋แม่กิมเชียนะคะ อร่อยจริง ๆ อ่ะ ที่สำคัญคือราคาไม่แพง ห่อนึงมี 4 ชิ้น แต่ขายแค่ 20 บาทเท่านั้นเอง ลองไปชิมกันดูนะคะ ^_^
จากขนมโก๋แม่กิมเชีย เดินไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะของกินอีกอย่างที่อร่อยมาก ๆ และโบราณมากๆ อีกอย่างนึงนั่นก็คือ ไอติมตราจรวดค่ะ ^_^ ไอติมตราจรวดเนี่ยเป็นไอติมที่ทำในจังหวัดจันทบุรี และทำมาหลายสิบปีแล้วนะคะ เรียกได้ว่าเป็นไอติมคู่บ้านคู่เมืองจันทบุรีเลยอ่ะค่ะ ไอติมของที่นี่จะมีอยู่หลากรสชาติมาก แต่รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์สุดๆ ของไอติมยี่ห้อนี้ ก็คือ รสกะทิเคลือบชาเย็นอ่ะค่ะ ซึ่งไม่ใช่แค่เอาไอติมกะทิมาอัดเป็นแท่งเฉย ๆ แต่ยังเคลือบด้านนอกด้วยชาเย็น ถ้านึกไม่ออก ก็เหมือนไอติมแท่งที่ขายตามเซเว่นที่เคลือบช๊อคโกแลตกรอบ ๆ แต่นี่เป็นชาเย็นกรอบ ๆ แทนอ่ะค่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่าอร่อยมากกก และที่สำคัญแท่งละ 10 บาทเท่านั้นเองจ้า
แต่น่าเสียดายมากๆ วันที่พิมไป ไอติมกะทิชาเย็นหมด T__T พิมก็เลยอดซื้อมาถ่ายรูปให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน ยังไงไว้โอกาสหน้าเน๊าะคะ แต่นอกจากไอติมกะทิชาเย็นแล้ว ไอติมรสอื่น ๆ ของเค้าก็อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ โดยเฉพาะรสทุเรียนและรสเผือก ดีงามมากกกก เพราะนั้นใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้ ลองไปหาชิมกันดูนะคะ ^_^
จากร้านไอติม เหลือบดูนาฬิกาปาเข้าไป 4 โมงเย็นกว่าๆ แล้วอ่ะค่ะ ซึ่งเป็นเวลาที่พิมกับคุณสามีนัดกันเอาไว้ว่าจะไปหาร้านอาหารพื้นถิ่นอร่อย ๆ ดินเนอร์กันแบบสองต่อสองซะหน่อยนะคะ เพราะงั้นก็ได้เวลาเดินกลับล่ะค่า แต่ระหว่างทางก็ไปเจอกับร้านนึงขายน้ำสำรองแช่เย็น ซึ่งพิมไม่ได้กินมานานแล้ว (ตั้งแต่ยุคที่เค้าฮิตกัน) ก็เลยจัดมาเบา ๆ 2 ขวด ๆ ละ 20 บาทอ่ะค่ะ
จากร้านขายน้ำสำรอง ถัดมาอีกนิ๊ดดดดดด ก็จะป็นร้านขายขนมก้านบัวกับขนมไข่เต่าแบบกรอบ ๆ นะคะ ตอนแรกพิมลองซื้อขนมก้านบัวมาชิมเฉย ๆ ถุงนึงแบบไม่คิดอะไร (เหมือนขนมโก๋) แต่พอได้กินจริง ๆ อร่อยเลยค่ะ แป้งขนมคล้ายแป้งปาท๋องโก๋ตัวเล็กแบบกรอบ ๆ คลุกเคล้ากับน้ำตาล ฉาบพอให้มีรสหวาน (คล้ายมันฉาบเผือกฉาบ) เหมือนจะไม่มีอะไรนะคะ แต่รุ้ตัวอีกทีกินหมดไป 1 ใน 4 ถุง ถือได้ว่าเป็นอีกขนมที่อันตรายมากกก เอ๊ยย น่าสนใจมากๆ ของชุมชนริมน้ำจันทบูรเลยจ้า
เดินเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ สักประมาณ 6-7 นาที จากร้านขายขนมก้านบัว พิมก็กลับมาถึงโฮลเทลแล้วล่ะค่ะ
ระหว่างรอคุณสามีขึ้นไปทำธุระส่วนตัวบนห้อง พิมก็แอบไปนั่งตากลมเย็น ๆ ด้านหลังโฮลเทลสักหน่อยนะคะ ตรงมุมนี้เนี่ยนอกจากจะได้วิวริมน้ำจันทบูรแล้ว ก็ยังเป็นวิวที่สามารถมองเห็นโบสถ์พระแม่มารีอาได้อย่างชัดเจนอีกด้วยอ่ะค่ะ ^_^ ซึ่งขอบอกว่าถ้าได้นั่งมุมนี้ในช่วงยามเย็นและยามเช้า .. รับรองฟินสุด ๆ ไปเลยค่า
จากที่พักของพิม ขับรถมาประมาณ 10 นาที ก็จะถึงร้านอาหารที่พิมตั้งใจไว้ว่าจะมาทานในคืนนี้แล้วนะคะ นั่นก็คือร้านจันทรโภชนา สาขาถนนมหาราชค่ะ ^_^ (คือร้านนี้เค้ามี 2 สาขานะคะ สาขาแรกอยู่ใกล้ที่พักเรา ส่วนสาขา 2 ก็อยู่ไกลออกมาหน่อยค่ะ)
ร้านจันทรโภชนาเนี่ย จะว่าไปแล้วเป็นร้านที่มีประวัติยาวนานมากว่า 50 ปีเลยนะคะ แต่เดิมจะเป็นร้านเล็กๆ อยู่ในตลาดตัวเมืองจันทบุรี แต่ด้วยรสชาติที่อร่อย ก็เลยกลายเป็นร้านอาหารร้านแรกในจังหวัดจันทบุรีที่ได้ป้ายเชลล์ชวนชิม เมื่อปี 2516 อ่ะค่ะ (ตั้งแต่พิมยังไม่เกิดเลยนะ) ซึ่งอาหารที่เด่น ๆ ของร้านนี้เนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารพื้นบ้าน อย่างปลาต้มระกำใส่กระวาน ถั่วฝักยาวผัดกุ้งแห้งใส่กะปิ แสร้งว่ากุ้ง กระวานผัดฉ่าไก่ หมูชะมวง และสละลอยแก้วนะคะ แต่ว่าถ้ามาในช่วงที่เป็นหน้าผลไม้ ก็จะมีอาหารที่ทำจากผลไม้เพิ่มขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นมัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน ยำมังคุด และก็ส้มตำทุเรียนอ่ะค่ะ
อาหารที่นี่โดยส่วนใหญ่รสชาติจะกลาง ๆ กลมกล่อม แต่ไม่โดดไปในทางใดทางนึงนะคะ ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นคุ่รัก หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็ก มีผู้สูงอายุ มาที่นี่ก็สามารถทานได้ทุกคนอ่ะค่ะ ^_^
และเมื่อกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปพักผ่อนที่โฮลเทลแล้วนะคะ แต่ก่อนจะกลับเข้าที่พัก พิมก็ขอแวะไปตลาดน้ำพุ ซึ่งเป็นตลาดเย็นสักนิดอ่ะค่ะ เพราะพิมได้ข่าวมาว่าที่นี่มีของกินอร่อย ๆ เยอะมากเลยค่า (วันอาทิตย์มีของขายเยอะสุด)
และหลังจากพิมเดินตลาดอยู่เป็นเวลานับชั่วโมง ชิมไปทั้งหมดประมาณ 10 กว่าร้าน (ไม่รุ้กินเข้าไปได้ยังไงนะคะ แต่ก็กินไปแล้วอ่ะ -*-) ... ร้านแรกเลยที่พิมขอแนะนำว่าน่าตามไปชิมมากๆ ก็คือร้านขายปลาหวานย่างนะคะ ซึ่งหาไม่ยาก มีร้านเดียวทั้งตลาด อยู่ติดๆ กับวงเวียนน้ำพุเลยอ่ะค่ะ
ร้านนี้เค้าจะเอาปลาหวานแบบตัว ๆ มาคลุกกับน้ำซอสหวาน ๆ แล้วเอาไปย่างบนเตาถ่านด้วยไฟอ่อน ๆ จนกระทั่งปลาเริ่มแห้งและกรอบ ก็จะโรยด้วยงาขาวคั่วทั้งสองด้าน ก่อนจะหยิบขึ้นพักไว้ให้เย็น และเอาใส่ถุงขายให้ลูกค้านะคะ สนนราคาก็ไม่แพงเลยถุงนึง 20/50 บาทเท่านั้นอ่ะค่ะ แต่ความอร่อยนี่รับรองกินเพลินไป 3 วัน 3 คืนแบบไม่รู้ตัวเลยค่า
ถัดจากปลาหวาน ก็จะเป็น #เส้นจันทร์ผัดปู เจ้านี้นะคะ ไม่มีแบบนั่งกินที่ร้าน มีแต่แบบซื้อเส้นที่ผัดแล้วเป็นกิโล ราคากิโลละ 120 บาทอ่ะค่ะ แต่ไม่จำเป็นว่าต้องซื้อถึงหนึ่งกิโลนะคะ จะซื้อแค่ 2.5 ขีด หรือจะซื้อแค่ครึ่งโล แม่ค้าเค้าก็ขายอ่ะค่ะ แต่ว่าเส้นจันทร์ผัดปูแบบนี้ แม่ค้าเค้าจะขายเฉพาะเส้น (แถมผัก) แต่ไม่มีปูนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการปูต้องการกุ้ง ก็สามารถซื้อมาผัดเพิ่มเองได้เลยค่า
และอย่างที่สาม อย่างสุดท้ายของอร่อยตลาดนี้ ... ก็จะเป็นข้าวคลุกพริกเกลือของร้านนี้นะคะ เครื่องพวกกุ้ง หมึก กั้งอาจจะไม่เยอะมาก แต่น้ำจิ้มนี่เด็ดสุดเลยค่ะ เผ็ด เปรี้ยว แซ่บ กลมกล่อมมาก
เพราะงั้นแล้วถ้าช่วงเย็น ๆ เพื่อนๆ มาจันทบุรีแล้วไม่รุ้จะไปกินข้าวเย็นที่ไหน ก็ลองมาดูที่ตลาดนี้นะคะ รับรองอร่อยทุกร้านที่พิมแนะนำเลยค่ะ ^_^
หลังจากกินข้าวกินปลา และเดินช๊อปปิ้งหลังมื้ออาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปที่พักแล้วอ่ะค่ะ ซึ่งที่ชุมชนริมน้ำจันทบูรเนี่ย แม้ว่าช่วงหัวค่ำจะมีรถมอเตอร์ไซด์วิ่งไปวิ่งมาตลอด แต่ในความจริงแล้วก็สงบอยู่มากเหมือนกันนะคะ ... ยังไงคืนนี้พิมกับคุณสามีขอไปอาบน้ำอาบท่า นอนหลับพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้เราเจอกันอีกที สวัสดีค่า ^_^