เช้านี้พิมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตอนตี 4 ครึ่ง เพราะนัดกับเพื่อนร่วมทริปไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยสะโง้กันค่ะ
สำหรับจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยสะโง้ จะมีอยู่ 2 จุดด้วยกันนะคะ จุดแรกคือบนยอดดอยสะโง้ แถว ๆ ที่เราไปกินอาหารอาข่ากันเมื่อคืน ซึ่งถ้าใครพักอยู่ข้างบน จุดนี้สะดวกมากค่ะ แต่สำหรับใครที่ลงมาพักด้านล่าง พิมแนะนำให้ไปดูที่ดอยสะโง้กลางแทน (ตรงร้านสตาร์ดอย) จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล แถมวิวสวยไม่แพ้กันเลยค่ะ
พิกัดร้านสตาร์ดอย >> https://goo.gl/maps/jx5aPQXgb7qNh4Sa8
สำหรับที่ร้านสตาร์ดอย พระอาทิตย์จะเริ่มขึ้นตอนประมาณ 06.15-06.25 น. นะคะ แต่ว่าถ้าใครจะมา พิมแนะนำให้มาก่อน 6 โมงเช้า เผื่อว่ามาจับจองพื้นที่ค่ะ ^_^ และถ้าใครมาในช่วงหน้าหนาว อย่าลืมหยิบเสื้อแขนยาวผ้าบาง ๆ ติดมาด้วยสักตัวนะคะ แม้อากาศจะไม่หนาวมาก แต่ลมแรง ถ้าไม่ใส่เสื้อกันหนาว อาจจะขนลุกซู่ตลอดเวลาแบบพิมก็ได้ค่ะ 😁😁
ภาพนี้ถ่ายตอน 06.15 น.
ภาพนี้ถ่ายตอน 06.30 น.
และภาพนี้ถ่ายตอน 06.45 น.
หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก่อนกลับพิมก็แวะไปถ่ายรูปกับดอกเก๊กฮวยซะนิดนึงค่ะ เพราะว่าที่ดอยสะโง้เนี่ย นอกจากจะเป็นแหล่งปลูกเก๊กฮวยพันธุ์ดีแล้ว เค้าก็ยังเป็นแหล่งปลูกเก๊กฮวยชั้นดีของประเทศไทยอีกด้วยนะคะ
จากดอยสะโง้ ก่อนจะกลับโรงแรม พิมก็ขอแวะไปเดินเล่นที่ตลาดสดเชียงกันสักหน่อยค่ะ แบบว่ามาเที่ยวต่างจังหวัดทั้งที จะพลาดเดินตลาดสดเพื่อเรียนรู้วิถีชาวบ้านได้ยังไงเน๊าะคะ 😁
แต่ด้วยความที่ตลาดนี้เค้าเป็นตลาดสดตอนเช้า ชาวบ้านเค้าก็เลยมาตั้งแผงกันตั้งแต่ตอนตี 4 ตี 5 ค่ะ เพราะงั้นตอนที่พิมไปถึงตลาดตอน 7 โมง 40 ก็แทบจะต้องไปช่วยแม่ค้าเก็บแผงแทนแล้วนะคะ (ตลาดเค้าเริ่มเก็บแผงตอน 7.30-8 โมง) 😅😅
หลังจากที่เดินช๊อปปิ้งกันอยู่สักพัก ราว 8 โมงครึ่ง พิมก็ถูกเรียกตัวให้กลับโรงแรมแล้วค่ะ 😁 และหลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ประมาณ 9 โมง เราก็ออกเดินทางกันต่อนะคะ
สำหรับจุดหมายที่สามในวันนี้ ก็คือการเดินทางไปยังบ้านแม่แอบ เพื่อไปชิมอาหารจาก 5 ชนเผ่านะคะ
"บ้านแม่แอบ" เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายค่ะ ซึ่งชาวบ้านแม่แอบ ก็คือ "กองกำลังทหารจีนกองพล 93" จาก 5 ชนเผ่า ลาหู่ อาข่า ไทยใหญ่ ลัวะ จีนยูนนาน ที่อพยพถอยร่นมาจากจีนเข้ามาทางเมียนมา และมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยนะคะ ความน่าสนใจอยู่ที่ในปัจจุบันนี้ทุกชนเผ่าก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเองไว้ ทั้งเรื่องของการแต่งกาย อาหารการกิน บ้านเรือน ประเพณี รวมไปถึงความเชื่อด้วยค่ะ แต่ทุกชนเผ่าก็ยังคงสามารถใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันได้อย่างปกติสุข ไม่มีแบ่งพรรคแบ่งพวกหรือแบ่งเผ่านะคะ
สำหรับอาหารของที่พิมได้ชิมในวันนี้ ก็จะเป็นอาหารที่มาจาก 5 ชนเผ่าด้วยกันค่ะ
เริ่มจากบะหมี่ยูนนาน เป็นอาหารของชนเผ่าจีนยูนนานนะคะ ตัวบะหมี่จะคล้ายกับเส้นข้าวซอยของไทย ลวกให้สุก แล้วราดหน้าด้วยน้ำพริกเต้าหู้ คล้ายน้ำพริกอ่อง แต่ใช้เต้าหู้แทนหมูสับ แล้วก็กินคู่กับยอดถั่วลันเตาสด ๆ ค่ะ รสชาติออกเค็มนำนิด ๆ เปรี้ยวตามหน่อย ๆ ไม่หวาน พิมชอบนะคะ
ต่อมาน้ำเต้าหู้กับขนมไข่งาขาว อันนี้ก็เป็นของจีนยูนนานเหมือนกัน ตัวน้ำเต้าหู้เนี่ยรสชาติหอมมันมากๆ เลยค่ะ พิมคิดว่าน่าจะทำมาจากถั่วเหลืองที่ชาวบ้านปลูกเองนะคะ ส่วนเค้กไข่ ส่วนผสมหลักมีแค่ไข่ แป้ง น้ำตาล ก็จะเป็นเค้กที่ฟู ๆ กรอบนอกนุ่มใน หวานน้อย และมีรสไข่บาง ๆ กินคู่กับน้ำเต้าหู้แล้วเข้ากันดีเลยค่ะ
ส่วนข้าวเหลืองอบไก่ อาหารของชาวไตใหญ่ พูดให้เข้าใจง่ายก็เหมือนข้าวเหนียวหมูบ้านเรานะคะ ตัวข้าวเหลืองทำมาจากข้าวเหนียวหุงกับน้ำที่คั้นจากดอกไม้สีเหลืองที่เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน แล้วเอาไปผัดกับน้ำมันหอมเจียวอีกทีค่ะ กินคู่กับไก่บ้านต้มกับสมุนไพร และผักอีเหม็ด ซึ่งเป็นผักกาดพื้นบ้านของชาวไตใหญ่ ที่นำไปดองเปรี้ยว 3 วันก่อนจะเอามาคั่วกับกระเทียม พริกแห้ง และถั่วดินจนได้ผักกาดคั่วที่แห้งกรอบนะคะ
ขนมเขาควาย อันนี้พิมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นของชนเผ่าไหน แต่ว่าตัวขนมเนี่ยทำมาจากข้าวเหนียวดิบ ห่อด้วยใบอะไรสักอย่างให้มีด้านแหลมสองข้าง (เหมือนเขาควาย) แล้วเอาไปต้มให้สุก ก่อนจะมากินคู่กับน้ำตาล น้ำผึ้ง หรือนมข้นหวานค่ะ ^_^
ข้าวปุ๊ก ขนมของชาวลาหู่ (จริง ๆ ก็เป็นขนมของหลาย ๆ ที่เลยเน๊าะคะ) ทำมาจากข้าวเหนียวนึ่งสุก เอามาตำรวมให้เป็นเนื้อเดียวกันกับงาขี้ม่อน แล้วปั้นเป็นแผ่นหนา ๆ ใส่ไส้ข้างในด้วยน้ำตาลทรายอ้อยรสหอมหวาน ก่อนจะห่อแล้วเอาไปปิ้งบนถ่านอ่อน ๆ ให้เหลืองหอมค่ะ
สุดท้ายก็เป็น ขนมจะแลของชาวอาข่านะคะ มีวิธีทำคล้ายกับข้าวปุ๊กของชาวลาหู่ แต่ว่าแทนที่จะนำข้าวเหนียวนึ่งสุกไปตำให้ละเอียดพร้อมกับงาแล้วปั้นกินได้เลย ชาวอาข่าจะใช้ข้าวเหนียวดิบแทน โดยจะนำข้าวเหนียวดิบไปแช่น้ำข้ามคืนจนนุ่ม ก่อนจะนำไปตำให้ละเอียดจนกลายเป็นแป้งค่ะ เสร็จแล้วก็เอามาผสมกับน้ำ นวดจนได้ก้อนแป้งเนื้อเนียน แล้วปั้นเป็นลูกเล็ก ๆ เท่าหัวแม่โป้ง ต้มให้สุก เอามาคลุกกับงาขี้ม่อนคั่ว โรยน้ำตาลอ้อยก่อนกินนะคะ รสชาติก็จะหวาน ๆ รสสัมผัสก็จะออกหนึบหนุ่ม เคี้ยวสู้ฟันดีค่ะ 😁
จากหมู่บ้านแม่แอบ เราจะไปกินข้าวกลางวันและทำกิจกรรมกันที่ชุมชนบ้านท่าขันทองกันต่อนะคะ (บอกเลยว่าที่สุดท้ายของทริปนี้ล่ะ ^_^)
#ชุมชนบ้านท่าขันทอง เป็นชุมชนใหญ่ของคนอิสานที่อพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดเชียงรายนานกว่า 60 ปีแล้วค่ะ ที่นี่นอกจากจะมีโฮมสเตย์และกิจกรรมให้ทำมากมายแล้ว ก็ยังมีบริการอาหารพื้นบ้านในสไตล์ของชุมชนบ้านขันทองอีกด้วยนะคะ
เริ่มจาก signature dish ของที่นี่ กับหมูปิ้งตาปัน น้ำจิ้มยายปั๋นค่ะ ... เป็นเนื้อหมูสามชั้นบ้าง เนื้อแดงบ้างคลุกกับเครื่องปรุงรสสูตรของตาปัน แล้วย่างด้วยถ่านไฟอ่อนๆ กินคู่กับน้ำจิ้มย้ายปั๋น ตามด้วยน้ำสมุนไพรคลายร้อนสักจอก ใครบอกว่าไม่อร่อย อย่าไปเชื่อนะคะ ^_^
ต่อมาเป็นไส้อั่วสูตรของเชฟเขียว ซึ่งใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในชุมชน ที่ชื่อว่า "ตดหมา" มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแกงไส้อั่วด้วยค่ะ
สุดท้ายกับขันโตกในสไตล์บ้านท่าขันทอง ที่มีทั้งต้มยำปลา ไก่บ้านย่าง ส้มตำปลาร้า ไส้อั่ว ยำหัวปลี ไข่เจียว และเซตน้ำพริกจากยายปั๋นนะคะ
ซึ่งที่นี่เค้าจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นหัว ตามอาหารและกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอยากทำค่ะ แต่ว่าจะหัวละเท่าไหร่ มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง อันนี้สามารถโทรไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ปลัดเศรษฐศักดิ์ พรหมมา โทร 093-636-5681 / 0819527058 ได้เลยนะคะ ^_^
จากชุมชนบ้านท่าขันทอง ก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ พิมก็ขอแวะไปไหว้พระที่วัดร่องเสือเต้นนิดนึง เพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ ^_^
วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ที่ชุมชนร่องเสือเต้น ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายนะคะ ไฮไลต์ของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถสีน้ำเงินที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ ที่มีความสวยงดงามแปลกตา จากฝีมือของนายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาก่อนค่ะ
ซึ่งภายในวิหาร ก็จะมีผลงานจิตรกรรมภาพวาดฝาผนังที่เกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าอยู่ด้วยนะคะ และมีพระประธานสีขาว ขนาดสูง 6.50 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร ชื่อว่า “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” ตั้งอยู่เด่นเป็นสง่า โดยใต้องค์พระประธานก็จะมีพระรอดลำพูน จำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองมากมายหลายสิ่งถูกฝังอยู่ด้วยค่ะ
นอกจากนั้นที่ด้านหลังวิหารก็ยังมี “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” ซึ่งที่ยอดพระธาตุ ได้มีการบรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายกไว้ด้วยนะคะ
สำหรับทริปเชียงรายในครั้งนี้ พิมก็ขอจบทริปไว้ตรงนี้เลยล่ะกันค่ะ เป็นอีกทริปที่พิมรู้สึกสนุกมาก แถมยังได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ในหลาย ๆ เรื่อง ใครที่อยากจะตามรอยพิมไปร้านโน้นร้านนี้ ไปชิมอาหารที่โน่นที่นี่ก็ไปได้เลยนะคะ หรือถ้าหากติดขัด มีสงสัยอะไรตรงไหนก็พิมพ์ comment ถามไว้ แล้วพิมจะรีบกลับมาตอบให้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกัน สำหรับทริปนี้ ... บ๊ายบายค่า ^_^