หลังจากที่เรากินข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทัวร์ ขสมก. ก็พาเราเดินทางต่อ ส่วนว่าจะต่อไปไหนนั้น ติดตามได้เลยค่ะ
..... จุดที่เราจะไปกันต่อในทริปนี้ ก็คือ วัดพรหมรังษี ที่ตั้งอยู่ใน อ.ดีลัง ต.พัฒนานิคม จ.ลพบุรีค่ะ ..... ซึ่งเหตุที่วัดนี้มีชื่อว่าวัดพรหมรังษี ก็เพราะว่าเมื่อในอดีตเนี่ยสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี ท่านได้เดินธุดงค์มาแถวนี้ และได้หยุดพักปักกลด ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งระหว่างปักหลดที่นี้ก็มีผู้ที่มีศรัทธาในพุทธศาสนาและศรัทธาในตัวท่าน ได้ร่วมใจกันสมทบจตุปัจจัยสร้างสถานที่ปักกลดของท่านสมเด็จพุฒาจารย์ให้กลาย เป็นวัดขึ้นมา และต่อมาก็มีการสร้างศาสนสถานอื่นๆ เพิ่มเติมอีกอย่างมากมายและใหญ่โตอย่างในปัจจุบันนี้อ่ะค่ะ
ซึ่งวัดพรหมรังษี (ในภาพพิมเขียนชื่อวัดผิดนะคะ ต้องขออภัยด้วย) นี้เยี่ย นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของสถาปัตยกรรมภายนอกที่สวยงามอย่างในภาพด้านล่างแล้ว สถาปัตยกรรมภายในพระอุโบสถก็มีความงดงามมากไม่แพ้กันเลยอ่ะค่ะ
ซึ่งในการมาทัวร์กับ ขสมก. ในวันนี้ นอกจากพิมจะได้ชมความงดงามของศาสนสถานในบริเวณวัด ความงดงามภายนอกและภายในพระอุโบสถแล้ว พิมก็ยังได้มีโอกาสร่าวทำบุญถวายสังฆทานร่วมกับเพื่อน ๆ ลูกทัวร์เดียวกันด้วยอ่ะค่ะ ซึ่งหลายคนที่เคยมาทัวร์กับ ขสมก. แบบนี้ในครั้งก่อน ๆ แล้ว ก็มักจะติดเอาเครื่องสังฆทานต่างๆ มาถวายเป็นการส่วนตัวด้วยน่ะค่ะ
และหลังจากที่พวกเราถวายสังฆทาน และจตุปัจจัยกันเสร็จเรียบร้อย เพื่อน ๆ ร่วมทัวร์บางคนรวมถึงพิม ก็ได้มีการขอถ่ายภาพภายในพระอุโบสถ เพื่อเก็บความงดงามเอากลับไปไว้ดูในวันหลังด้วยอ่ะค่ะ
จากนั้นด้วยเวลาที่มีน้อย หลังจากถ่ายภาพภายในพระอุโบสถเสร็จ (ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที เพราะพระท่านปิดไฟไล่ ฮ่าๆ) พวกเราก็เดินกลับออกไปข้างนอกเพื่อชมทัศนียภาพของวัดกันค่ะ
ซึ่งพิมต้องขอบอกอย่างที่บอกไว้ในตอนแรกว่า ..... วัดนี้มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมและละเอียดละออมากค่ะ แม้กระทั่งผนังโบสถ์ด้านนอกก็ยังสวยงาม
คุณสามีพิมก็เลยขอถือโอกาสนี้ให้พิมถ่ายภาพเค้าในจุดต่าง ๆ ของวัด กลับไปพ่อ แม่ และน้องสาวของเค้าอ่ะค่ะ
ซึ่งขอบอกว่าพิมก็เต็มใจอย่างแรง ฮาาาาาาาาาาา (พิมชอบถ่ายภาพมากกว่าเป็นคนที่ถูกถ่ายอ่ะค่ะ) เพราะงั้นทริปนี้อาจจะเห็นหน้าคุณสามีพิมเยอะหน่อยนะคะ ^^
ซึ่งภายในบริเวณวัดเนี่ย นอกจากจะมีศาสนสถาน สิ่งก่อสร้างทางศานาที่สวยงามแล้ว ก็ยังมีล้อเกวียนที่ติดป้ายคำสอนเตือนใจต่าง ๆ อยู่ทั่วตลอดแทบจะทุกทางเดินเลยอ่ะค่ะ ซึ่งบางคำสอนก็เป็นข้อเขียนทางพระ ที่อ่านแล้วต้องแปลเล็กน้อย แต่บางคำสอนก็จะเป็นบทกลอนแบบในภาพด้านล่าง ซึ่งอ่านแล้วก็สามารถเข้าใจได้เลยอ่ะค่ะ
และหลังจากใช้เวลาทำบุญ+เดินชมความงดงามอยู่ในภายในวัดประมาณครึ่ง ชม. ราว ๆ 9 โมง 45 นาทีก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางไปยังวัดต่อไปกันแล้วอ่ะค่ะ
จากวัดพรหมรังษี นั่งรถต่อไปอีกประมาณไม่ถึง 10 นาทีเราก็จะถึงวัดพนมวันล่ะค่ะ ..... ซึ่งวัดพนมวันแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ที่ ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เช่นเดียวกับวัดพรหมรังษีค่ะ โดยจะห่างจากวัดพรหมฯ ประมาณ 9 กม. โดยสถานที่ตั้งของวัดนี้แต่เดิมเคยเป็นจุดที่สมเด็จพระราชาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทองท่านทรงมาพักทัพระหว่างการออกศึก และเป็นจุดที่พระนารายณ์ท่านได้ทรงมาพักกองระหว่างออกคล้องช้างป่าอ่ะค่ะ
ที่วัดพนมวันนี้ ตามที่พิมหาอ่านได้จากในอินเตอร์เนตตั้งแต่ตอนก่อนมาทัวร์ ... มีคนบอกเอาไว้ว่าวัดนี้ค่อนข้างจะดังในเรื่องของเครื่องรางของคลัง วัตถุมงคล เรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลาย ดังนั้นแล้ววัดนี้เนี่ยจึงเป็นจุดรวมของการนัดพบผู้ที่ชื่นชอบเรื่องนี้ในจังหวัดนี้และแถบจังหวัดใกล้เคียงด้วยอ่ะค่ะ
บรรยากาศภายในวัดนี้โดยปกติจะค่อนข้างครึกครื้น (ตามที่เจ้าหน้าที่วัดบอกอ่ะนะคะ) แต่ช่วงนี้ท่านเจ้าอาวาสท่านอาพาธ และเพิ่งดีขึ้นไม่นาน วัดก็เลยค่อนข้างจะเงียบค่ะ แต่ก็เป็นความเงียบที่ทำให้ใจสงบนะคะ
แล้วหลังจากที่เราเดินดูทัศนียภาพรอบวัดอยู่ไม่นาน พี่แดงก็มาบอกพวกเราว่าให้พวกเราเดินเข้าไปร่วมทำบุญถวายสังฆทานภายในศาลาอเนกประสงค์ของวัดกันก่อน เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสท่านใกล้จะมาถึงแล้วน่ะค่ะ (ตอนแรกที่เรามาถึง ท่านเจ้าอาวาสไม่อยู่น่ะค่ะ)
พวกเราก็เลยพากันเดินเข้าไปในศาลาอเนกประสงค์ค่ะ ..... ซึ่งที่ศาลานั้นกำลังมีการรวบรวมจตุปัจจัยเพื่อนำไปติดถังผ้าป่าอยู่พอดีเลย คุณสามีพิมก็เลยไปร่วมกับเค้าด้วยค่ะ ..... (หากพิมใช้ภาษาไม่ค่อยถูกในเรื่องของศาสนา ก็แนะนำพิมด้วยนะคะ พิมก็แอบงง ๆ เหมือนกัน)
หลังจากนั้นด้วยความที่ยังว่างอยู่ ท่านเจ้าอาวาสยังมาไม่ถึง พิมกับคุณสามีและลูกทัวร์คนอื่นก็เลยเดินไปไหว้พระตามจุดต่างๆ ที่อยู่ในศาลา ไม่ว่าที่จุดนี้
ที่ ........ รอยพระบาทจำลอง
และไหว้รูปหล่อหลวงปู หลวงพ่ออีกหลายองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในศาลาแห่งนี้อ่ะค่ะ
จากนั้นก็กลับมานั่งรอท่านเจ้าอาวาสอีกสักแป๊บนึง ........ ซึ่งช่วงระหว่างที่นั่งรอนี่แหละ ด้วยความที่ทั้งอดนอนและอากาศร้อนมากๆ คุณสามีพิมก็เริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ ออกอาการง่วงนอนสุดๆเลย พิมเองก็เป็น ...... แต่ว่านะมาอยู่ ณ. ที่ตรงนี้มันหลับไม่ได้อ่ะค่ะ เพราะงั้นพิมเลยต้องเอาผ้าเช็ดหน้าไปชุบน้ำเย็น ๆ มาให้คุณสามีเค้าได้เช็ดหน้าเช็ดตาสักหน่อย เผื่อจะได้ตาสว่างขึ้นอ่ะค่ะ
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน พอหลวงพ่อ (เจ้าอาวาส) ท่านลงมาพร้อมที่ศาลาแล้ว พวกเราก็ร่วมกันทอดผ้าป่าและถวายเครื่องสังฆทานรวมไปถึงจตุปัจจัยต่างๆ ให้กับท่าน ซึ่งท่านก็ได้ให้เหรียญหลวงพ่อเงินกับพวกเรากลับมาด้วยอ่ะค่ะ และไม่รู้ว่ายังไง .. คนอื่นรวมทั้งพิมได้คนละเหรียยญ แต่คุณสามีพิมซึ่งเข้าไปรับเหรียญเป็นคนสุดท้ายได้มาคนเดียว 6-7 เหรียญเลยค่ะ ^^
และพอรับเหรียญจากหลวงพ่อเสร็จ พี่แดงก็บอกว่าให้พวกเราเดินเล่นดูอะไรต่าง ๆ ในวัดได้ตามความพอใจ พร้อมเมื่อไหร่ ดูเสร็จเมื่อไหร่ ก็ให้กลับไปเจอกันที่รถอ่ะค่ะ ......... คือมากันแบบไม่รีบอ่ะค่ะ แต่อย่าให้เยิ่นเย่อก็พอ
ระหว่างนี้คุณสามีพิมกับพิมก็เลยเดินชมไปรอบ ๆ วัดค่ะ ซึ่งอย่างที่บอกในตอนแรกไปว่าวัดนี้เค้าเด่นเรื่องของเครื่องรางของขลัง สิ่งแปลกเหนือธรรมชาติ เพราะงั้นแล้วที่วัดนี้ก็เลยมีอะไรหลายอย่างแปลก ๆ และน่าสนใจให้ดูค่ะ อีกทั้งมีรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ มากมาย น่าสนใจมากๆ เลยอ่ะค่ะ
และด้วยควาที่โบสถ์ยังสร้างไม่เสร็จ (งบประมาณยังมีไม่พอ) เพราะงั้นก็เลยมีลูกนิมิตที่ยังไม่ได้ทำการฝังให้เราสามารถไปปิดทองและร่วมทำบุญอยู่ด้วยอ่ะค่ะ
และนอกจากสิ่งที่พิมเล่ามาทั้งหมดข้างต้น ที่วัดนี้ก็ยังมีพวกวัตถุโบรารณจำพวกโม่ (ซึ่งพิมอยากได้มาก) หม้อ ไห เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนา ทำสวนในสมัยโบราณตั้งแสดงไว้อยู่พอประมาณด้วยอ่ะค่ะ ........ ยังไงใครที่สนใจก็ลองไปดูกันได้นะคะ
ส่วน ณ ตอนนี้ เวลาประมาณ 11 น. พวกเราก็ขอเดินทางเพื่อไปกินข้าวกลางวัน และไปทำบุญยังวัดที่ 3 กันต่ออ่ะค่ะ ...... ซึ่งที่ร้านที่ไปกินข้าวเที่ยงนี่แหละ มีเรื่องที่ทำให้พิมรู้สึกว่า อืมม...ม มันไม่ใช่อยู่เรื่องนึง ส่วนจะเรื่องไหน ไว้คอยติดตามกันตอนต่อไปนะคะ ^__^