หลังจากนอนหลับพักผ่อนกันไป 1 คืนเต็มๆ วันนี้เราทุกคน (ยกเว้นคุณสามีพิมที่บอกว่าลุกไม่ไหว - -") ก็พากันตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะไปช๊อปปิ้งอาหารทะเลสด ๆ กันที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรม TSix5 ที่พิมพักไม่ถึง 10 นาทีค่ะ ^_^
ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ เป็นตลาดเก่าแก่แห่งนึงของพัทยาที่อยู่ติดกับชายทะเลและสวนสาธารณะนะคะ มีสัญลักษณ์เป็นต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุร้อยปีอยู่กลางถนน ใครที่ขับรถผ่านมาแถวนี้แล้วเจอต้นโพธิ์ก็แสดงว่าถึงตลาดลานโพธิ์นาเกลือแล้วล่ะค่ะ
ตลาดแห่งนี้เนี่ยมีชื่อในเรื่องของอาหารทะเลนะคะ เพราะว่าที่หลังตลาดเค้าจะมีสะพานปลา และจะมีเรือประมงมาขึ้นของทะเลกันที่ตรงนี้ทุกวันเลย ทำให้อาหารทะเลที่นี่สดใหม่มากๆ ^_^ แถมตลาดที่นี่ยังเปิดตั้งแต่ประมาณตี 5 ด้วยค่ะ เพราะงั้นแล้วใครที่มาเที่ยวพัทยาแล้วจะขับรถกลับกรุงเทพฯ หรือกลับบ้านตอนเช้าๆ ก็สามารถมาแวะหาซื้ออาหารทะเลกลับไปฝากคนที่บ้านได้ที่นี่เลยนะคะ
บรรยากาศในตลาดที่นี่ก็จะเหมือนตลาดสดเก่าๆ ทั่วไปอ่ะค่ะ คือมีแผงขายแบบไม่ถาวร ตลอด 2 ข้าง (อาหารทะเล ผัก ของแห้ง) ส่วนพื้นก็จะมีน้ำแฉะ ๆ ตลอดเส้นทาง แนะนำว่าใครจะมาที่นี่ ให้ใส่รองเท้าที่เกาะพื้นนิดนึงไม่งั้นอาจจะลื่นล้มได้นะคะ
อาหารทะเลสด ๆ ที่มีวางขายในตลาดแห่งนี้ก็จะมีเยอะแยะมากมายชนิดที่พิมสาธยายไม่ถูกเลยค่ะ - -" ไม่ว่าจะเป็นกั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ หอยนางรม ปลาทับทิม (น้ำกร่อย) เนื้อปูแกะ ทอดมันแบบธรรมดา ทอดมันผสมเนื้อปู เนื้อปลาหินทรีหั่นชิ้น ปลากะพง ปลาเก๋า หอยแมลงภู่ หอยลาย หอยเสียบ
มีหมึกหอม ปลาอินทรีเค็มแบบขายทั้งตัว กับแบบหั่นชิ้น มีหมึกกระดอง หมึกสาย หมึกกล้วย หอยแครง น้ำจิ้มอาหารทะเลแบบพริกเขียว พริกแดง เอ็นหอยจอบ ปูทะเลเนื้อ ปูทะเลไข่
มีปลาทูสด ๆ ปลาตาเดียว ปลาฉลาม (โรนัน) ทั้งแบบยังเป็นๆ อยู๋กับแบบที่ตายแล้ว >_< มีหอยจอบ หอยเชลล์ เนื้อหอยเชลล์ล้วนๆ ไข่ปลาอินทรี หอยแครงดองน้ำปลา
มีกุ้งมังกรตัวใหญ่มากกก กิโลละ 1800 มีหอยโจงโดง (เอาไปผัดฉ่า ไม่ก็ลวกจิ้มอร่อยหนึบๆ) มีปลาโอ ปลากระบอก หอยหวาน ปลาเก๋า ปูม้า หอยนางรม และอีกมากมายยยย ..... แถมแต่ละอย่าง เช่น หมึก กุ้ง ปู ก็มีหลากหลายไซส์ (พิมลองเอาเหรียญบาทเทียบให้ดูในภาพบนๆ) ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ ไปจนถึงใหญ่เบ้ง และราคาก็เป็นไปตามขนาด+ความสดอ่ะค่ะ
ที่สำคัญ ... บางร้านเค้ามีบริการปิ้งย่างให้ด้วยนะคะ แถม..ใครที่สั่งปิ้งย่างแล้วอยากจะทานเลย แต่ละร้านเค้าก็มีให้หยิบยืมเสื่อไปรองนั่งกินแบบชิว ๆ ที่ริมทะเลซึ่งก็อยู่ติดๆ กับตลาดนั่นแหละค่ะ แล้วพอกินเสร็จ ค่อยเอาเสื่อมาคืนเค้าก็ได้นะคะ ^_^
หลังจากเดินชมตลาดโซนอาหารทะเลอยู่พักใหญ่ (เดินนานกว่าคนอื่นเค้าเลย -*-) ก็ได้เวลาท้องร้องแล้วล่ะค่า ... พิมก็เลยเดินผ่านบริเวณโซนอาหารทะเล ไปยังโซนผลไม้สด ไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวสองบัณฑิตที่อยู่ด้านข้างตลาด ตรงข้ามกับธนาคารออมสินอ่ะค่ะ
ร้านก๋วยเตี๋ยวสองบัณฑิต เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวร้านดังของเมืองพัทยาที่เปิดมานานกว่า 22 ปีแล้วนะคะ ร้านนี้จะเปิดขายตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึงบ่าย 3 ช่วงเที่ยง ๆ คนจะเยอะมากก.ก.ก.ก.ก ถ้ามากินจะต้องรอคิวเป็นเวลานาน เพราะงั้นแล้วแนะนำว่าให้มาเป็นช่วงเช้า สายๆ หรือช่วงหลังบ่ายโมงไปเลยจะดีกว่าอ่ะค่ะ ^_^
ที่ร้านนี้เนี่ยนอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวปลาแล้ว ยังมีเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ-ต้มยำทะเล ซึ่งสองอย่างหลังเนี่ย รสจัดจ้านมาก ใครที่ไม่ทานเผ็ด พิมแนะนำว่าให้บอกคนทำก่อนนะคะ ^_^
และสำหรับคนที่ไม่อยากทานก๋วยเตี๋ยว ที่ร้านเค้าก็มีข้าวมันไก่ ข้าวขาหมูด้วยค่ะ ซึ่งดูหน้าตาแล้ว น่าทานไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเลยนะคะ ^_^
ตอนที่พิมเดินไปถึงร้านเนี่ย ก็พบว่าสมาชิกทุกคนในทริปเค้าไปถึงร้านกันหมดแล้ว แถมบางคนกินจะอิ่มแล้วด้วยอ่ะค่ะ >_< (พิมเป็นคนชอบเดินตลาดสดมาก ๆ ก็เลยจะใช้เวลาเดินมากกว่าคนอื่นนิ๊ดดด)
เพราะงั้นพอพิมไปถึงก็เลยรีบสั่งอย่างด่วน เพราะไม่อยากให้คนอื่นต้องเสียเวลารอพิม (แต่เอาจริง พิมก็กินไวนะ ^_^) ...... ตอนแรกพิมก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีนะคะ เพราะตัวเลือกเยอะแยะไปหมด ข้าวมันไก่ก็อยากกิน ข้าวขาหมูก็น่าสนใจ เย็นตาโฟก็ของชอบ ก๋วยเตี๋ยวธรรมดาก็น่าจะเวิรื๕ดี สุดท้ายก็เลยตัดสินใจสั่งที่ชอบที่สุดก็คือบะหมี่แห้งมากินอ่ะค่ะ ซึ่งขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลย อร่อยจริงๆ ค่ะ อร่อยแบบรสชาติบ้านๆ ไม่หรูหรา บอกไม่ถูกนะคะ แต่ถ้าให้เบิ้ลชาม 2 พิมก็เอาค่ะ ^_^ (แต่ไม่ได้เบิ้ลน๊าา)
และพอกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ น้องเจ้าหน้าที่ก็ชวนกินของที่น้องๆ เค้าซื้อมา ซึ่งล้วนแต่เป็นของอร่อยประจำตลาดแห่งนี้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นหมูย่าง ขนมกล้วย ขนมฟักทอง ห่อหมกทะเล แป้งจี่ ขนมต้ม
โดยเฉพาะห่อหมกทะเล พิมขอคอนเฟิร์มเลยในฐานะลูกสาวคนทำห่อหมกขายเลยค่ะว่าอร่อยจริงๆ ห่อหมกของเค้าหอมเครื่องมาก รสสัมผัสก็กำลังดี ไม่เค็มไม่เผ็ดเกินไป ที่สำคัญห่อละ 20 บาทเองค่ะ ^_^ ถ้าใครมาเดินซื้อของที่ตลาดแห่งนี้ อย่าลืมแวะซื้อห่อหมกมาลองทานดูนะคะ
และก่อนจะเดินทางกลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม ..... ระหว่างทางที่จะไปลานจอดรถ พิมและสมาชิกในทริปก็เลยแวะร้านที่ขายห่อหมกซักหน่อยค่ะ เพราะนอกจากห่อหมกแล้ว ที่ร้านนี้ยังมีหมึกสดตัวเล็กๆ ต้มน้ำดำ ที่ใคร ๆ ก็ต่างบอกว่าทั้งหวานหอม อร่อยมาก ... สมาชิกในทริปพิมแทบทุกคนก็เลยซื้อเจ้าหมึกนี่ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันคนละ 2-3 ถุงค่า ^_^
ส่วนพิมไม่ได้ซื้อหมึกน้ำดำนะคะ เพราะคนขายบอกว่าถ้าซื้อไปแล้ว หาก 6 ชม. ยังไม่ทาน ก็ควรจะแช่ไว้ในตู้เย็นหรือลังน้ำแข็ง ไม่งั้นอาจจะเสียได้ เพราะอากาศค่อนข้างร้อนมาก แต่ว่าพิมไม่สะดวกหาลังสำหรับแช่ และไม่อยากเสี่ยง ก็เลยไม่ได้ซื้อ แต่ซื้อของแห้งพวกหมึกแห้ง กุ้งแห้ง ปลาเค็ม ไปฝากคนที่บ้านแทนอ่ะค่ะ ^_^ (แต่เอาจริงแล้วพี่ๆ น้องๆ ที่ไปด้วยกันบอกว่ากลับถึงบ้านเกือบ 4 ทุ่มก็ยังไม่เสียนะคะ)
จากตลาดลานโพธิ์ พวกเรากลับไปนั่งนอนพักผ่อนที่โรงแรมกันต่อจนถึงประมาณ 10 โมงครึ่งก็เช็คเอ้าท์อ่ะค่ะ (ในส่วนของตัวโรงแรม ห้องพัก พิมจะรีวิวแยกไปอีกรีวิวนะคะ) หลังจากเช็คเอ้าท์แล้วพวกเราก็เดินทางไปที่ปราสาทสัจธรรมกันต่อนะคะ
พูดถึง...ปราสาทสัจธรรมเนี่ย พิมเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว พิมเองก็เคยได้ยินชื่อมานานแล้วค่ะ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้แวะมาสักที ^_^
ปราสาทสัจธรรมตั้งอยู่ริมทะเลในพื้นที่ 80 ไร่ บริเวณแหลมราชเวช อ่าววงพระจันทร์นะคะ ตัวปราสาทเป็นไม้แกะสลักทั้งหมด ไม่มีแม้แต่โลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นแต่ส่วนฐานของตัวปราสาท ตัวปราสาท โดยตัวฐานของปราสาทจะมีลักษณะที่เรียกว่าฐานสิงห์ มีห้องโถงใหญ่และสูงมากอยู่ด้านใน อีกทั้งมีหน้าต่างที่เปิดรับลมและแสงสว่างทั้ง 4 ด้านด้วยอ่ะค่ะ
งานแกะสลักไม้ของตัวปราสาท ตามคู่มือที่พิมได้อ่านมา เค้าบอกว่าเป็นศิลปะแนวความคิดใหม่ที่มีการผสมผสานกันของศิลปะการแกะสลักตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์นะคะ
ในส่วนของหลังคาก็จะมีระดับลดหลั่นกันมาลงเป็นชั้นๆ ยอดปราสาท (จุดที่สูงที่สุด) จะมีรูปสัญลักษณ์พระปรางค์ ส่วนตามยอดสูงสุดของหลังคาทั้งสี่ด้านก็จะเป็นรูปแกะสลักสัญลักษณ์ของเทพทั้ง 4 ทิศอ่ะค่ะ
ภายในด้านในตัวปราสาททั้งบริเวณฝาหนัง หลังคา ขอบหน้าต่าง หน้าต่าง เสา ก็จะมีการแกะสลักลวดลายต่างๆ เอาไว้
บางส่วนก็แกะสลักเป็นรูปที่มีความสูงประมาณ 2-3 คืบแบบในภาพด้านล่างนี้
และบางส่วนก็เป็นผลงานการแกะสลักที่ใหญ่โตสูง 2-3 เมตร แบบในภาพด้านล่างนี้เช่นกันอ่ะค่ะ
จะว่าไป ....ปราสาทแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2524 จนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว แต่ว่าเวลาเพื่อนๆ เข้าไปเยี่ยมชมตัวปราสาท ก็จะเห็นว่ายังคงมีการต่อเติมแกะสลักตลอดเวลา เพราะว่างานแกะสลักที่เป็นงานไม้นั้นทำได้ยากและค่อนข้างต้องใช้เวลา อีกทั้งพอจบชิ้นงานเดิม ก็จะมีการทำชิ้นงานใหม่เพิ่มเข้ามาตลอดด้วยอ่ะค่ะ ^__^
พิมเดินชมภายในตัวปราสาทเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ จนถึงเวลาประมาณ 11 โมงครึ่ง ก็ได้เวลาที่เราจะต้องเดินทางไปที่อื่นกันต่อแล้วอ่ะค่ะ
ซึ่งตามแผนการเนี่ย ... เราจะต้องเดินทางไปชมฟาร์มแกะ และก็พิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้แบร์ต่อนะคะ แต่เนื่องจากว่าความอยากเล่นน้ำในสวนน้ำของเรามีมากกว่าสิ่งอื่นใด (ไปมาเมื่อวานแล้วยังไม่ฉ่ำใจ -*-) โปรแกรมก็เลยถูกเปลี่ยนจากฟาร์มแกะ+พิพิธภัณฑ์หมี ไปที่สวนน้ำ Cartoon Network แทนอ่ะค่ะ ซึ่งในส่วนของสวนน้ำเนี่ย พิมขอไม่รีวิวเพิ่มนะคะ เพราะว่าเมื่อวานรีวิวไปแบบเต็มอิ่มแล้ว ^_^ ดังนั้นวันนี้ขอข้ามตรงส่วนนี้ไปล่ะกันอ่ะค่ะ
(แวะกินน้ำนิดหน่อยยค่า)
จากปราสาทสัจธรรม พิมไปถึงสวนน้ำตอนเวลาประมาณบ่ายโมงนะคะ ตอนนั้นพวกเรานัดกันว่าจะแยกย้ายกันไปเล่น และกลับมาเจอกันตอนประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ เพราะเรายังจะต้องไปที่อื่นต่อ แต่ปรากฎว่ากว่าเราจะเล่นเสร็จปาเข้าไปบ่าย 3 นิดๆ >_< เนื่องจากแต่ละเครื่องเล่นมีคนรอคิวหลายคน (ก็วันอาทิตย์นี่เน๊าะ) ทำให้เราไม่สามารถคอนโทรลเรื่องเวลาได้อ่ะค่ะ
และพอเรามาเจอหน้ากัน แวะทานน้ำนิดหน่อย ก็ได้เวลาหิวพอดี ........ จากสวนน้ำที่อยู่แถวๆ นาเกลือ เราก็เลยตรงดิ่งเพื่อจะไปกินอาหารญี่ปุ่นกันที่ J-Park ซึ่งเป็นช๊อปปิ้งมอลล์ที่ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ และอยู่ในเขตอำเภอศรีราชาอ่ะค่ะ ^_^
ที่ J-Park นอกจากจะมีซุปเปอร์มาร์เกตแบบญี่ปุ่นอย่าง Tsuruha กับ Max Value แล้ว ก็ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่มากมายนับสิบร้านนะคะ ..... ซึ่งตอนแรกที่พวกเราไปถึงเนี่ยก็นึกไม่ออกนะคะว่าจะกินที่ร้านไหนดี เพราะดูน่าทานไปซะทุกร้านเลย >_< แถมเวลาก็เย็นมากแล้ว พวกเราทุกคนหิวกันมากแล้ว (ไปถึงตอน 17.15 น.) น้อง จนท. ททท. ก็เลยแนะนำว่างั้นกินร้านนี้แหละกันค่ะ
ร้าน U-MAI เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ๆ กับทางออกที่จะไปยังลานจอดรถด้านหลัง เป็นร้านอาหารสไตล์ซูชิจานหมุน แต่ก็มีอาหารประเภท a la carte ด้วยอ่ะค่ะ
อาหารจานหมุนของที่นี่ ราคาจะขึ้นกับสีของขอบจาน ตั้งแต่ 35 - 45 - 65 - 85 ไปจนถึง 125 บาทนะคะ ซึ่งอาหารในจานก็มีทั้งแซลมอน หอยปีกนก อิกุระ มากิแบบต่างๆ
มีปลาไหลย่าง ข้าวไส้ไส้แซลมอนชุบแป้งทอด หมึกปรุงรส อิกุระ ไข่กุ้ง โมจิ
แล้วก็ยังมีอาหารตามสั่ง a la carte เช่น ซาบะย่างซีอิ๊ว อุด้ง กุ้งเทมปุระ ทงคัตสึ และอื่นๆ อีกมากมายค่ะ
รสชาติโดยรวมของอาหารที่นี่ก็ใช้ได้ค่ะ บางอย่างอร่อยมาก เช่นปลาไหลย่าง แต่บางอย่างเช่นอิกุระ ค่อนข้างเค็มมาก ...... ส่วนราคาก็ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคุณภาพและความอร่อยของอาหารนะคะ ที่สำคัญ ..... อาหารที่เราสั่งไป แต่ละอย่างเสริฟช้ามากกกกกกค่ะ เกินครึ่ง ชม. ดีว่ารองท้องด้วยอาหารจานหมุนไปแล้ว ก็เลยยังโอเคค่ะ -*-
พวกเราก็เพลิดเพลินกับอาหารที่นี่เป็นเวลากว่า 1 ชม. เกือบครึ่งนะคะ จากนั้นก็ถึงเวลาเช็คบิลและเดินทางกลับบ้านล่ะค่ะ ^_^
ซึ่งภาพหลังจากนี้ พิมไม่ได้ถ่ายเอาไว้นะคะ เพราะว่าหลังจากออกจากร้าน ขึ้นรถ พิมก็หลับยาวจนกระทั่งถึงกรุงเทพฯ เลยอ่ะค่ะ ^^" ..... แต่โดยรวมแล้วทริปนี้เป็นทริปที่สนุกมากค่ะ เป็นอีกทริปแห่งความประทับใจของพิมเลย งานนี้พิมก็ต้องขอขอบคุณ ททท. นะคะ ที่เปิดโอกาสให้พิมมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ และได้มีเรื่องกลับมาเล่าให้สมาชิกในเวบและลูกเพจได้อ่านกันอ่ะค่ะ และหวังว่าจะมีโอกาสอีกในครั้งถัดๆ ไป ...... ขอบคุณมากค่า
ขอบคุณ :: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย http://thai.tourismthailand.org/home สำหรับกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และขอบคุณที่ให้โอกาสพิมไปเปิดหูเปิดตานะคะ
สุขสันต์ 365 วันที่พัทยา http://www.trip2pattaya.com/