header



หลังจากที่เมื่อคืนพิมกับเพื่อนๆ ร่วมทริปได้นอนหลับกันอย่างสบาย แถมเต็มอิ่มอีกต่างหาก  เช้านี้พวกเราทุกคนก็เลยมีแรง  รีบตื่นขึ้นมาใส่บาตรพระ และทานอาหารเช้ากันค่ะ

702

ที่รีสอร์ทแห่งนี้ นอกจากบรรยากาศริมน้ำยามเช้าที่สุดแสนจะทำให้ทุกคนรู้สึกสบาย ๆ แล้ว  ทางรีสอร์ทเค้าก็ยังนิมนต์พระจากวัดใกล้เคียงให้มารับบิณฑบาตรจากแขกที่มาพักในรีสอร์ทด้วยอ่ะค่ะ    ซึ่งพระท่านจะนั่งเรือพายมาถึงท่าน้ำหน้ารีสอร์ทประมาณ 7 โมงเช้าของทุกวันเน๊าะคะ  

703

ซึ่งทางรีสอร์ทก็จะจัดชุดอาหารคาวหวานไว้ให้แขกที่มาพักได้ใส่บาตรกัน  ตรงนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรนะคะ ยกเว้นแต่ว่าแขกต้องการอาหารเพิ่ม หรือต้องการน้ำเพิ่มสำหรับใส่บาตรพระ ก็จะเสียค่าใช้เพิ่ม  แต่ไม่มาก ^_^   ซึ่งในวันที่พิมไป  มีคณะจากกรมอะไรสักอย่างมาสัมมนาพอดี  ก็เลยมีคนใส่บาตรมาก จนชุดใส่บาตรที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้เกือบไม่พออ่ะค่ะ 

704

เสร็จจากใส่บาตร ก็ถึงเวลาทานอาหารเช้าเน๊าะคะ สำหรับอาหารเช้าของที่นี่ก็จะเป็นบุฟเฟท์อาหารไทย ขนมไทย และก็มีชา กาแฟ ปาท่องโก๋ (จิ้มนม) ด้วยอ่ะค่ะ    ในส่วนของกับข้าวที่จะไว้ทานกับข้าวสวย/ข้าวต้ม ก็มีมากมายถึง 15 อย่างด้วยกันนะคะ  (มากที่สุดเท่าที่พิมเคยเห็นในรีสอร์ทราคาเท่านี้)   เช่น ไข่พะโล้ ผัดสายบัว กะเพราะไข่เยี่ยวม้า ต้มจับฉ่าย  เต้าหู้น้ำแดง  ปลาทูซาเตี๊ยะ  และอื่นๆ  อีกมากมายเลยอ่ะค่ะ 

705708

ซึ่งขอบอกว่าพิมเปรมมากกกกก ^_^  เพราะล้วนแต่เป็นของชอบของพิมทั้งนั้น  ก็เลยจัดข้าวมาซะ  2 จานด้วยกัน ตบท้ายด้วยเปียกปูนใบเตย 2 ชิ้น   ปาท่องโก๋ในกาแฟดำ 1 แก้ว และขนมปังอีก 1/2 แผ่น ...... ขอบอกว่าเป็นมื่้อเช้าที่อิ่มสุดๆ ไปเลยค่า ^_^

710711 1712

จากอาหารมื้อเช้า  หัวหน้าแก๊งค์ของเรามีแพลนไว้ว่าจะชวนเราทุกคนเดินทางไปที่ชุมชนบ้านบางพลับกันค่ะ  ซึ่งเรานัดกันตอนประมาณ 8 โมงเช้า แต่ตอนที่พิมกินข้าวเสร็จ มันเพิ่งจะประมาณ 7 โมงกว่าๆ เอง  เพราะงั้นพิมก็เลยขอใช้เวลาส่วนที่เหลือนี่เดินชมสวนภายในรีสอร์ทสักหน่อยค่ะ  ซึ่งขอบอกเลยว่าร่มรื่นมาก รีสอร์ทแห่งนี้มีต้นไมใหญ่เยอะ  และในขณะเดียวกันก็มีต้นไม้ต้นเล็กต้นน้อยเยอะด้วยอ่ะค่ะ   แถมเมื่อคืนมีฝนลงเม็ดปรอย ๆ อีกต่างหาก เช้านี้บรรยากาศในรีสอร์ทก็เลยดูชุ่มชื้นมากเลยอ่ะค่ะ  (ทำให้แขกชุ่มชื่นหัวใจไปด้วยเลย) 

713714715716

พิมใช้เวลาเดินเล่นชมนกชมต้นไม้ในรีสอร์ทอยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงเน๊าะคะ  ก็กลับขึ้นไปบนห้องเก็บเสื้อผ้ายัด เอ๊ยย พับใส่กระเป๋า ^_^  ให้เรียบร้อย  ก่อนที่จะลงไปรวมแก๊งค์กันที่ลานจอดรถด้านหน้ารีสอร์ท  เพื่อเดินทางไปดูการทำน้ำตาลมะพร้าว และขี่จักรยานชมสวนผลไม้ที่ชุมชนบ้านบางพลับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทเลยอ่ะค่ะ 

ชุมชนบ้านบางพลับตั้งอยู่ในอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามนะคะ เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายมากๆ    ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำสวนผลไม้ ส้มโอ ชมพู่ ลิ้นจี่ มะม่วง มะพร้าวน้ำหอม แบบไม่ใช้สารเคมี  โดยจะเน้นใช้ปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักที่ทำเองเพื่อลดต้นทุนในการปลูกแทนอ่ะค่ะ  และชาวบ้านเค้าก็ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจ  ได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมกับชาวบ้าน   ไม่ว่าจะเป็นการทำน้ำตาลมะพร้าว  การทำสวนส้มโอไร้สารพิษ  การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร (ผลไม้กลับชาติ)  การเผาถ่านเพื่อเอาน้ำส้มควันไม้ ถ่าน ถ่านผลไม้ การแกะกะลามะพร้าวซอ  รวมไปถึงการขี่จักรยานชมสวนผลไม้ด้วยอ่ะค่ะ ^_^ 

แต่ว่าวันที่พิมไปเนี่ย เวลาค่อนข้างจะมีน้อยไปสักนิดนึงเน๊าะคะ  T___T  ก็เลยทำได้แค่ไปดูการทำน้ำตาลมะพร้าว และขี่จักรยานชมสวนผลไม้เท่านั้นเองค่ะ  แต่ไม่เป็นไรเน๊าะคะ เอาเท่าที่มีเวลาแล้วกัน ส่วนที่เหลือ วันหลังค่อยมาชมใหม่ก็ยังไม่สายค่า ^_^

801

พูดถึงเรื่องการกวนน้ำตาลสด (ดิบ) เพื่อทำน้ำตาลมะพร้าวของที่ชุมชนแห่งนี้เนี่ย  เค้าจะมีสาธิตให้เราได้ชมที่ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนบ้านบางพลับเองเลยค่ะ  จริง ๆ ก็อาจจะไม่ต้องเรียกว่าสาธิตนะคะ เพราะโดยปกติที่นี่เค้าก็มีการกวนน้ำตาลมะพร้าวกันอยู่ทุกเช้าแล้วอ่ะค่ะ เพราะที่นี่คือบ้านของครูสมทรง และครูสมทรงเค้ามีสวนมะพร้าวของเค้าเองนับหลายร้อยต้นเลยอ่ะค่ะ  โดยปกติเค้าก็จะเริ่มกวนกันตั้งแต่ตอนประมาณ 8 โมงเช้า และจะไปเสร็จเอาตอนประมาณสัก 11 โมง     .... แต่วันที่พิมไปเนี่ย พิมไปถึงตอนประมาณ 8 โมงครึ่ง เค้าก็เริ่มกวนกันไปได้สักแป๊บนึงแล้วอ่ะค่ะ 

การกวนน้ำตาลมะพร้าวของที่นี่เค้าจะกวนทีละ 2 กระทะนะคะ  แล้วค่อยจับส่วนผสมใน 2 กระทะมารวมกันทีหลัง 

803

 โดยในชั้นตอนแรกเค้าก็จะนำน้ำตาลสดแบบดิบ ๆ ที่รองได้จากจั่นมะพร้าว มาเทใส่ในกระทะใบบัวแบบในภาพด้านล่างอ่ะค่ะ   พอเดือดก็ค่อย ๆ ช้อนฟองทิ้งให้หมด  แล้วก็เคี่ยวไฟอ่อน ๆ เป็นเวลาประมาณ 60-70 นาที จนกระทั่งน้ำตาลสดกลายเป็นยางมะตูมนะคะ 

804
805
802
807

ซึ่งในช่วงขั้นตอนนี้ค่อนข้างจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงๆ  หัวหน้าแก๊งค์พิมก็เลยชวนทุกคนไปขี่จักรยานชมสวนผลไม้ที่อยู่ภายในบริเวณชุมชนแห่งนี้ไปพลาง ๆ อ่ะค่ะ   ซึ่งจักยานที่มีให้บริการก็มีมากกว่า 100 คันนะคะ  และ 50 ใน 100 กว่าคันนั้นก็เป็นจักรยานที่ทาง ททท. มอบเอาไว้ให้กับศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนบางพลับแห่งนี้ล่ะค่ะ ^_^ 

809810

ส่วนเส้นทางของการขี่จักรยานในชุมชนบางพลับ ก็จะเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามสวนผลไม้เน๊าะคะ   ค่อนข้างจะร่มรื่นเลยทีเดียว   ^_^ แต่มีบางช่วงที่เราจะต้องปั่นเลาะริมร่องน้ำเล็ก ๆ ข้างทางที่เป็นโคลน  หากปั่นไม่ระวัง อาจจะเผลอตกลงไปจมในโคลนก็ได้อ่ะค่ะ 

811812813814

และหลังจากเราปั่นจักรยานกันแบบชิลด์ๆ อยู่ประมาณสัก 20 นาที  ก็ได้เวลาที่เราจะต้องปั่นกลับไปที่่ศูนย์เรียนรู้ เพื่อชมการทำน้ำตาลมะพร้าวกันต่อแล้วล่ะค่ะ  ...... ซึ่งตอนที่เราไปถึงเนี่ย ขอบอกว่าฉิวเฉียดมากเลยนะคะ เพราะน้ำตาลดิบที่อยู่บนเตาถูกเคี่ยวมันได้ที่แล้วอ่ะค่ะ  ดังนั้นพอคุณสามีพิมเห็นว่าพี่คนกวนกำลังยกกระทะน้ำตาลลงมาวางด้านล่าง เพื่อจะใช้ที่ปั่นน้ำตาลมาปั่นน้ำตาลให้แห้ง ก่อนจะนำไปหยอดใส่พิมพ์เพื่อทำเป็นน้ำตาลปี๊บอ่ะค่ะ  

815

 แต่ด้วยความที่ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากมาก และต้องใช้กำลังมาก  ดังนั้นแล้วคุณสามีพิมที่แทบจะไม่เคยทำงานหนักมาก่อนก็เลยไม่ไหวอ่ะค่ะ  - -"  และคุณน้องต้อง จนท ททท ที่พาเราทุกไป  ก็ไม่ไหวเหมือนกัน  T_T 

816

 พี่คนที่เป็นคนกวนประจำ  ก็เลยต้องเข้ามาจัดการลงมือทำเองอ่ะค่ะ  ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลาไม่นานนะคะ  แต่ต้องใช้ความรวดเร็ว และใช้พละกำลังที่แข็งแรงมาก  รวมไปถึงต้องใช้ความชำนาญด้วยอ่ะค่ะ ^_^ 

817

 และเมื่อน้ำตาลในกระทะได้ที่แล้ว  เราก็จะตักน้ำตาลใส่ในกาละมังเพื่อจะนำไปหยอดใส่พิมพ์ในห้องปลอดแมลงอีกทีนะคะ  ^_^ 

818

วิธีการหยอดน้ำตาลก็ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ ^_^  แค่พยายามใช้ช้อนสั้นสองคันตักน้ำตาลเหลว ๆ ที่อยู่ในกาละมัง ไปหยอดลงในถ้วยตะไลปากแคบที่มีผ้าขาวบางรองก็เท่านั้นเองค่ะ  ... ซึ่งตอนแรกพิมก็คิดว่ามันง่าย ๆ นะคะ ดูแล้วไม่เห็นจะยากเลย  แต่พอได้ลงมือทำจริง ๆ ขอบอกว่ายากมากค่ะ การที่จะตักน้ำตาลที่เหนียวมาก ๆ และร้อนมาก มาหยอดลงในถ้วยเล็ก ๆ ปากแคบ แถมต้องทำด้วยความรวดเร็ว  แบบไม่ให้หกเลอะเทอะ หรือหยดตรงนั้นทีตรงโน้นที - -"   มันเป็นอะไรที่ยากจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่เคยอย่างพิมอ่ะค่ะ    ดังนั้นพอพิมหยอดไปได้สัก 10 ถ้วยก็เริ่มหมดความพยายาม  ต้องปล่อยให้พี่อีกคนที่เค้าทำหน้าที่นี้ประจำกลับมาหยอดแทนล่ะค่า  - -" 

819

 และในระหว่างการหยอดน้ำตาลลงถ้วย  หากน้ำตาลก้อนไหนแข็งตัวแล้ว (ใช้เวลาแป๊บเดียว)  เราก็สามารถแกะน้ำตาลออกจากพิมพ์ แล้วนำไปพักให้เย็น เพื่อที่จะแพคใส่ถุงต่อไปได้อ่ะค่ะ  ^_^ 

820

โดยน้ำตาลมะพร้าวของที่นี่เนี่ย ไม่ว่าจะแบบไหน ก็ไม่ใส่สารกันบูดนะคะ แต่เค้าจะกันบูดด้วยไม้พยอมค่ะ  แต่ว่าก็ยืดระยะเวลาได้ไม่นาน เพราะงั้นแล้วใครที่ซื้อน้ำตาลมะพร้าวแท้ ๆ จากที่นี่ไป หากเกินครึ่งเดือนยังใช้ไม่หมด  จะต้องเอาน้ำตาลเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็นนะคะ ไม่งี้นแล้วน้ำตาลจะเสีย (เปรี้ยว) ได้ แต่ถ้าไม่เสียก็จะอยู่ได้เป็นปีเลยค่ะ  ^_^

ราคาน้ำตาลมะพร้าวแท้ๆ ของที่นี่กิโลละ 60 บาทนะคะ ยกเว้นแต่แบบกระปุก จะราคาสูงกว่าหน่อย เพราะมีต้นทุนค่ากระปุกด้วยอ่ะค่ะ 

วิธีการใช้ไม้พยอมในการยืดอายุน้ำตาลสด น้ำตาลปี๊บ คือเอาไม้พยอมใส่ลงไปในกระบอกตอนรองเอาน้ำตาลสด แล้วค่อยกรองออกตอนจะนำมาใส่กระทะค่ะ

821

จากชุมชนบ้านบางพลับ (10.30 น.)   พวกเรากลับมาเช็คเอ้าท์ที่รีสอร์ท  แล้วก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ ก็คือ โฮมกระเตงบ้านชาวเล  ซึ่งเป็นทั้งโฮมสเตย์และร้านอาหารที่เราจะไปฝากท้องกันในมื้อกลางวันของวันนี้อ่ะค่ะ ^_^ 

901

โฮมกระเตงชาวเล เป็นร้านอาหารที่อยู่เกือบจะด้านในสุดของคลองโคน ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามอ่ะนะคะ   ที่นี่เนี่ยนอกจากจะเป็นโฮมสเตย์แบบชาวคลองน้ำเค็มแล้ว (จริง ๆ น่าจะเป็นน้ำกร่อยมากกว่า)  ก็ยังมีร้านอาหารที่อร่อยมากๆ ตั้งอยู่ด้วยอ่ะค่ะ 

920

ร้านอาหารของที่โฮมกระเตงนี่ก็จะอยู่ติดกับริมน้ำนะคะ   ซึ่งระหว่างที่เรานั่งทานอาหารไป เราก็สามารถชมบรรยากาศรอบข้าง  ชมวิถีการใช้ชีวิตของคนในชุมชนแถวๆ นี้ไปพลาง ๆ ได้ 

921
908

แต่ร้านอาหารของโฮมกระเตงจะไม่ค่อยเหมือนที่อื่นนิดหน่อยค่ะ เนื่องจากร้านอื่น หากเราขับรถผ่านแล้วเราอยากจะเข้าไปนั่งกิน  เราก็สามารถจอดรถแล้วเดินเข้าร้านไปได้เลย  แต่ที่นี่เราจะต้องโทรไปบอกเค้าก่อนล่วงหน้าสักวันสองวันนะคะ ว่าเราจะไปกินกันเวลาไหน ไปกันกี่คน อยากกินเมนูอะไรบ้าง  แล้วทางโฮมกระเตงชาวเลเค้าก็จะไปจัดหาอาหารสด ๆ มาให้เราตามจำนวนคนที่ไปอ่ะค่ะ   ซึ่งในวันนั้นเนี่ย พวกเราก็ได้น้องต้อง  เป็นคนจัดการให้ ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะคะ  ^_^   

รายละเอียดเพิ่มเติมของ โฮมกระเตง + ครัวชาวเล  >>  คลิ๊กที่นี่เลยค่ะ <<

903

สำหรับอาหารจานแรกที่ทางน้องต้องสั่งไว้ให้พวกเรา ก็คือ กุ้งอบเกลือค่ะ ... ทางร้านใช้กุ้งสด ๆ มาอบกับเกลือ  เนื้อกุ้งหวานจริงๆ  จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรของทางร้าน แซ่บมากเลยค่ะ แต่พิมกินไปไม่กี่ตัว เพราะแอบขี้เกียจแกะกุ้งนิดนึงค่ะ ^^" 

904

ต่อมาก็เป็น  ปูนึ่งนะคะ ... เมนูนี้ก็สุดยอดอีกล่ะค่ะ เนื้อปูสดๆ นึ่งแบบนี้ออกมาแล้วหวานหอมมาก จิ้มกับน้ำจิ้มทะเล แซ่บไม่แพ้กุ้งอบเกลือเลยอ่ะค่ะ  แต่งานนี้พิมก็ไม่ค่อยได้ชิมอีกล่ะ เพราะว่าไม่ถนัดแกะปู  เห็นน้องปูแล้วขอยอมแพ้เลยค่า T__T 

905

เมนูถัดไป ก็คือปลาทูแดดเดียวนะคะ เมนุนี้ทางร้านเค้าจะเอาปลาทูมาแล่ แล้วเอาไปเคล้ากับเครื่องปรุงรสสักครู่ ก่อนจะทำไปตากแดดหมาดๆ แล้วนำมาทอดจนกรอบชนิดกินได้ทั้งก้างทั้งหัวเลยอ่ะค่า

906

 ส่วนจานนี้ก็คือผัดหอยลายนะคะ ... หอยสด ผัดได้สีสวย  แต่เสียดายว่าหวานมาก  เลยกลายเป็นเมนูที่เพื่อนๆ ร่วมโต๊ะให้ความสนใจน้อยกว่าเมนูอื่นอ่ะค่ะ   >_< 

909

ส่วนจานนี้เด็ดของจริงเลยนะคะ   ไข่เจียวกุ้ง ... ฟังดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร  ก็แค่ไข่เจียวใส่กุ้ง  แต่อร่อยมากเลยค่ะ ไข่เจียวเนื้อฟู ๆ กรอบที่ผิวด้านนอก แต่นุ่มใน  กินกับข้าวสวยเฉย ๆ ไม่ต้องจิ้มอะไรก็ยังอร่อยมากเลยอ่ะค่ะ 

915

แต่ที่เด็ดสุดสำหรับพิมคือจานนี้ค่ะ  ชะครามลวกราดกะทิกินคู่กับน้ำพริกกะปิ  มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับพิมนะคะ  คือปกติพิมเป็นคนที่ชอบทานผักลวกราดกะทิจิ้มน้ำพริกกะปิอยู่แล้ว  ผักที่พิมชอบเอามาลวกก็เช่นดอกแค ผักกูด ดอกโสน ดอกขจร  ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ชะอม ..... เรื่อยเปื่อย  แต่กับชะครามนี่พิมยังไม่เคยกินไม่เคยลองเลยสักครั้งอ่ะค่ะ  คือเห็นพี่ๆ  น้องๆ ที่รู้จักกันเค้าซื้อมาทำกินกันหลายรอบแล้ว  ต่างก็บอกว่าอร่อย  แต่พิมไม่รู้จะไปหาชะครามมาจากไหน ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ เลยไม่เคยได้ทานซะที จนกระทั่งวันนี้นี่แหละค่ะ  ...... แถมพอได้ชิมครั้งแรก  พิมถึงกับอยากจะยึดจานชะครามไว้กินคนเดียวเลยนะคะ  >_<  เพราะว่ามันอร่อยมาก เหมือนชะอมลวกราดกะทิข้น ๆ เพียงแต่ไม่มีกลิ่นฉุนกลิ่นเหม็นเเขียวอะไรเลยค่ะ ^_^ 

แล้วก็ปรากฎว่าเป็นโชคดีของพิมเน๊าะคะ  เพื่อน ๆ ในโต๊ะ ไม่มีใครชอบทานชะคราม  พิมเลยจัดการคนเดียวซะเกือบหมดจานอ่ะค่ะ   >_<   แถมส่วนที่เหลือๆ  พิมก็ยังให้ทางร้านเอาใส่ถุงให้พิมกลับบ้านด้ายนะคะ ^^ 

910911

และหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย (12.40 น.) ก็ถึงเวลานั่งคุยกันเพื่อย่อยอาหาร ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านที่ กทม กันล่ะค่ะ  ซึ่งเรื่องที่เราคุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องในช่วงระหว่างวันสองวันนี้เนี่ยแหละนะคะ  คือ แบบว่าอยากให้มันยาวๆ กว่านี้สักนิด เพราะดูแล้วสมุทรสงครามกับนครปฐมมีอะไรที่น่าสนใจอยู่มากมายเกินกว่าที่จะไปเที่ยวได้หมดในวันสองวันอ่ะค่ะ  แถมที่สำคัญพอมาวันธรรมดาอย่างนี้ นักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยเยอะ ไปไหนมาไหนก็แบบชิวๆ สบายๆ   เลยได้ความรู้สึกว่าได้เที่ยวและพักผ่อนจริง ๆ อ่ะค่ะ  แต่ก็นั่นแหละเน๊าะคะ  ....   หากยาวไปก็คงไม่ค่อยดี เพราะเพื่อนร่วมทริปทุกคนต่างก็มีงานที่ต้องทำ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ  เพราะงั้นทริปนี้เราเอาแค่นี้ล่ะกันค่ะ  แล้ววันหลังถ้ามีเวลาอีก ค่อยมาจอยทริปกันใหม่ค่าา   (แต่สำหรับพิม ถ้าเป็นเรื่องเที่ยวยาวๆ นี่ได้สบายเลยนะคะ แห๊ะๆ) 

926

 และก่อนกลับ ....  หลังจากอิ่มท้องด้วยอาหารคาวเรียบร้อยแล้ว ก็ขอจบด้วยของหวานสักหน่อยค่ะ  ที่ร้านนี้ไม่มีของหวานอะไรนอกจากไอศกรีมเจ้าดังยี่ห้อนึง   ซึ่งโดยปกติพิมไม่ค่อยกินไอศกรีม แต่วันนี้ขอกิเพื่อปิดท้ายทริปสักวันนึงเน๊าะคะ ^_^

917

 แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าของพิมนะคะ รับรองสนุกและมีอะไรที่น่าสนใจไม่แพ้ทริปนี้แน่นอน ......... สวัสดีค่ะ ^_^ 

923

รีวิว :: เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไปนอนเม้าท์กันที่อัมพวาดีกว่าค่ะ ตอนที่ 1  >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ <<  

รีวิว :: เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไปนอนเม้าท์กันที่อัมพวาดีกว่าค่ะ ตอนที่ 2  >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ << 

รีวิว :: เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไปนอนเม้าท์กันที่อัมพวาดีกว่าค่ะ ตอนที่ 3  >> คลิ๊กที่นี่ได้เลยค่ะ <<  ตอนนี้อยู่ตรงนี้นะคะ ^_^

:: ขอบคุณ ::

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม  

009

0100

0111 



ครัวบ้านพิม on Facebook

สมาชิก