หมู่นี้กรุงเทพฯ ฝนตกทุกวันเลยค่ะ ทำให้อากาศชื้นมากจนพิมรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ เลยต้องพยายามทำอะไรร้อน ๆ ทาน พอดีกับในตู้เย็นมีดอกขจรอยู่ ก็เลยเป็นที่มาของเมนูในวันนี้ล่ะค่ะ
"แกงจืดไข่น้ำกับดอกขจร" ถือเป็นอีกเมนูนึงที่พิมทำบ่อยในช่วงฤดูฝนค่ะ เหตุผลเพราะในฤดูนี้เป็นฤดูที่ไม้เลื้อยอย่างต้นขจรจะออกดอกเยอะมาก จึงทำให้ดอกขจรสดสวยและมีราคาไม่แพง (ปีที่แล้วพิมเคยซื้อถูกสุดโลละ 60 บาท) อีกทั้งดอกขจรในหน้านี้จะมีรสและกลิ่นที่หวานหอมกว่าในฤดูอื่นๆ (พิมรู้สึกอย่างนั้น) จึงทำให้พิมมักจะซื้อดอกขจรมาติดตู้เย็นไว้อยู่เสมอ ๆ อ่ะค่ะ
ดอกขจรมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงตับ บำรุงปอด ช่วยขับเสมหะที่เป็นพิษ อีกทั้งมีวิตามินเอ วิตามินซี มีฟอสฟอรัสและแคลเซียมสูง .... ดังนั้นหากสามารถกินดอกขจรได้บ่อย ๆ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกายของเรานะคะ
ดอกขจรนอกจากจะเอามาทำแกงจืดไข่น้ำกับดอกขจรอย่างที่พิมนำมาทำให้ดูในวันนี้แล้ว ก็ยังสามารถเอาไปทำอาหารอื่น ๆ ได้อีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแกงจืดกับเนื้อสัตว์อย่างอื่น แกงส้ม แกงเลียง ใส่ไข่เจียว ผัดกับเนื้อสัตว์ ยำ หรือแม้กระทั่งลวก/ผัด/ต้มกะทิจิ้มน้ำพริกอ่ะค่ะ .... ซึ่งสำหรับเมนูอื่นๆ นั้น ไว้พิมมีโอกาสจะทยอยทำมาให้ดูเรื่อย ๆ นะคะ แต่สำหรับวันนี้ขอเป็นเมนูแกงจืดไข่น้ำกับดอกขจรก่อนค่ะ ^__^
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- ดอกขจร 50 กรัม
- หมูสับ 75 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำซุปกระดูกหมู 3 ถ้วย
- เกลือป่น 1/2 ชช.
- ซีอิ๊วขาว 1 ชช. กับอีกนิดหน่อย
- น้ำมันพืช 2 ชต.
- พริกไทยป่น (ตามชอบ)
:: วิธีทำ ::
อันดับแรกเรามาดูที่ดอกขจรกันก่อนนะคะ .. สำหรับดอกขจรเนี่ย เวลาเราเลือกซื้อก็ให้เลือกแบบที่ดอกยังเป็นสีเขียวและมีลักษณะสดอยู่นะคะ อีกทั้งไม่เน่าไม่เหลือง และไม่แห้ง ... เมื่อได้ดอกขจรมาแล้ว ก็ให้เราหงายก้านดอกขจรขึ้น หากดูแล้วเป็นก้านอ่อนแบบในภาพล่างซ้ายมือ ก็อาจจะเพียงแค่ตัดให้สั้นลง แต่ถ้าเป็นก้านดอกที่แก่แบบในภาพล่างขวามือ ก็ให้ตัดก้านที่แก่ ๆ สีเขียวเข้มรวมถึงใบทิ้งไปนะคะ เหลือไว้เพียงแต่ก้านอ่อนและดอกก็พอค่ะ
ตัดเสร็จ ก็เอาไปล้างน้ำอย่างเบามือ และพักใส่ตะกร้าโปร่งๆ ไว้ให้สะเด็ดน้ำนะคะ
ต่อมาก็มาดูที่หมูสับกันค่ะ ... สำหรับหมูสับพิมเลือกใช้หมูสามชั้นที่ติดมันพอประมาณมาสับค่ะ เพราะหมูสับที่ติดมันจะนุ่มกว่าหมูสับที่เป็นเนื้อ ๆ อย่างเดียว โดยให้เราล้างหมูทั้งชิ้นก่อน ซับด้วยผ้าให้แห้ง แล้วก็ค่อยสับหรือบดตามถนัดนะคะ ซึ่งพอได้หมูสับมาแล้ว ก็เอาหมูสับมาปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวสัก 3-4 หยด (ไม่นับรวมซีอิ๊วขาวในสูตร) หยิบพริกไทยป่นโรยลงไปสักหน่อย เคล้าด้วยปลายนิ้วหรือช้อนให้เข้ากันดี
แล้วก็ปั้นเป็นก้อนพอคำเอาไว้ค่ะ (ปั้นหลวม ๆ ก็พอนะคะ ไม่ต้องบีบแน่น)
เตรียมดอกขจรแล้ว เตรียมหมูแล้ว ต่อมาก็เตรียมไข่กันค่ะ ... สำหรับไข่เนี่ย พิมใช้ไข่ไก่นะคะ เพราะว่าเนื้อไข่มันนุ่มดี ก็เอาไข่ไก่ต่อยใส่ถ้วยเล็กสักใบ เหยาะซีอิ๊วขาวลงไปสัก 2-3 หยด ตีด้วยส้อมให้พอเข้ากัน แต่ไม่ต้องให้ฟูมาก
เมื่อเตรียมเครื่องต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ เริ่มต้นด้วยการตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันสำหรับทอดไข่เจียวลงไปนิดหน่อย (พิมใส่เท่าที่บอกไว้ด้านบน) เปิดไฟกลางๆ รอให้กระทะร้อน น้ำมันร้อน ก็เทไข่ที่เราตีไว้แล้วลงไป (จะมีเสียงดังฟู่) รอจนด้านนึงเหลือง ก็ใช้ตะหลิวกลับอีกด้านลงทอด กะว่าพออีกข้างเริ่มเหลืองก็ปิดไฟเตา แล้วก็ใช้ตะหลิวยีไข่ให้แยกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างในภาพอ่ะค่ะ (ชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ก็ตามชอบเลย) ... แล้วพักไว้ก่อน
หันไปตั้งหม้อใบย่อม ๆ สักใบบนเตาไฟ ใส่น้ำซุปลงไป เปิดไฟกลาง
รอน้ำซุปเดือดก็ตักใส่ไข่เจียวใส่ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น ซีอิ๊วขาว แล้วก็ต้มจนไข่นุ่มตามชอบ (ใช้เวลาไม่นาน)
ก็ใส่หมูสับที่เราปรุงรสและปั้นเป็นก้อนไว้แล้วลงไป .... พอหมูสับสุกก็ตักน้ำซุปขึ้นมาชิมดูว่ารสชาติเป็นไปในทางไหน ใช่รสที่เราชอบหรือไม่ หากขาดอะไรไปก็ปรุงเพิ่มตามชอบได้เลยนะคะ
สุดท้ายก็ใส่ดอกขจรลงไป
ปิดฝาหม้อ นับ 1-10 ในใจ ก็ปิดไฟเตาได้เลยค่ะ
จากนั้นก็ตัดใส่ชาม โรยพริกไทยป่น (ตามชอบ) แล้วเราก็จะได้แกงจืดไข่น้ำกับดอกขจรออกมาหน้าตาประมาณนี้นะคะ
ซึ่งแกงจืดไข่น้ำแบบนี้เนี่ย นอกจากเราจะได้โปรจีนจากไข่จากหมูแล้ว เราก็ยังจะได้เกลือแร่และวิตามินจากดอกขจรอีกด้วยอ่ะค่ะ แล้วด้วยความที่เป็นแกงจืดรสอ่อน ๆ กลิ่นไม่แรง รสไม่แรง เพราะนั้นจึงเป็นเมนูที่เด็กก็กินได้ ผู้ใหญ่ก็กินดี ผู้สูงอายุกินก็โอเคค่ะ ^__^
ยังไงหากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจก็ลองไปทำกันดูนะคะ ..... แล้วเจอกันใหม่ในเมนูถัดไปค่ะ